[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

                นอกจากผักบุ้งแล้ว หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่ายังมีวัชพืชอีกหนึ่งชนิดที่นำมาปรุงอาหารได้อร่อยไม่แพ้กัน
รายการภัตตาคารบ้านทุ่ง (10 มิถุนายน) จึงขออาสาพาไปรู้จักกับ ผักกระเดียง วัชพืชหาง่ายในช่วงหน้าฝน
ที่ให้รสชาติขมปะแล่ม ๆ แต่อร่อยจนติดใจ อยากรู้ว่าเป็นอย่างไรตามไปดูกันเลย ..

                รายการภัตตาคารบ้านทุ่ง พาไปเยี่ยมเยียน ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติบ้านครูประสิทธิ์ ที่ตำบลนาดี อำเภอนาดี
จังหวัดปราจีนบุรี โดยมีครูประสิทธิ์ เพียโคตร เป็นผู้อธิบายให้ฟังว่า ได้จัดตั้งศูนย์กสิกรรมธรรมชาติบ้านครูประสิทธิ์ขึ้น
เพื่ออนุรักษ์การทำเกษตรกรรมในแบบปลอดสารเคมี โดยเน้นการปลูกผักกระเดียงผักพื้นบ้านของชาวบ้านกระเดียงเป็นหลัก
ตามวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของบรรพบุรุษ นอกจากนี้ที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติแห่งนี้ ยังมีฐานต่าง ๆ ถึง 9 ฐาน เพื่อให้ความรู้
กับผู้ที่สนใจเข้าไปศึกษาวิถีชีวิตแบบเกษตรอินทรีย์อีกด้วย

                ผักกระเดียงนั้นมีชื่อเรียกได้หลายอย่างตามภาษาท้องถิ่น เช่น ปอผี, บีเอี่ยน เป็นต้น โดยเป็นพืชที่พบมาก
ในประเทศแถบเอเชีย ส่วนในประเทศไทยพบเห็นได้ทั่วประเทศโดยเฉพาะภาคอีสาน จึงถูกจัดให้เป็นผักพื้นบ้าน
ประจำท้องถิ่นเลยทีเดียว ลักษณะของผักกระเดียงจะมีความสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร ลำต้นเป็นปล้อง ๆ
สามารถเติบโตได้ทั้งในลักษณะตั้งตรงรับแสงและเอียงราบกับพื้น โดยสามารถเก็บเกี่ยวได้มากในช่วงหน้าฝน

                ทั้งนี้ ผักกระเดียงส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และสามารถนำมารับประทานเป็นอาหารได้
แม้ว่าจะมีรสขมแต่ก็เป็นขมปนมัน ทำให้ได้รสชาติอาหารที่แตกต่างออกไปจากเดิม โดยชาวบ้านมักเรียกรสชาตินี้ว่า
ขมปะแล่ม ๆ ส่วนจะเอาไปประกอบอาหารอะไรได้บ้างนั้น เตรียมจดเมนูเด็ดกันได้เลย ..

---

(http://img.kapook.com/u/fontip/Menu%20food/Food02.jpg)

ส่วนประกอบ

- ผักกระเดียง
- ปลาสวาย
- น้ำมันพืช
- มะขามเปียก
- น้ำตาลทราย
- น้ำปลา
- พริกขี้หนู
- หอมแดง
- กระเทียม
- กระชาย
- เกลือป่น
- กะปิ
- น้ำเปล่า


วิธีทำ

(http://img.kapook.com/u/fontip/Menu%20food/Food03_1.jpg)

1. หั่นปลาสวายเป็นชิ้น โรยเกลือให้ทั่วคลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วพักไว้

(http://img.kapook.com/u/fontip/Menu%20food/Food04.jpg)

2. นำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำมันจนท่วม รอให้น้ำมันเดือดแล้วใส่ปลาสวายลงไปทอดให้เหลืองกรอบ

(http://img.kapook.com/u/fontip/Menu%20food/Food05.jpg)

3. ซอยหอมแดง กระเทียม พริก กระชาย จากนั้นนำไปตำในครกให้เข้ากัน เติมกะปิ เกลือ น้ำมะขามเปียก

(http://img.kapook.com/u/fontip/Menu%20food/Food06.jpg)

4. ต้มน้ำให้เดือด จากนั้นใส่พริกแกงที่ตำไว้ลงไปคนให้ละลาย ปรุงรสด้วยมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาลทราย

(http://img.kapook.com/u/fontip/Menu%20food/Food07.jpg)

5. ปิดฝาไว้สักพัก ใส่ผักกระเดียงและปลาสวายตามลงไปในหม้อ รอให้นิ่มลงเล็กน้อยก็ตักขึ้นรับประทานได้

---

ส่วนประกอบ

- ผักกระเดียง
- หมูสามชั้น
- ปลาร้า
- กระบอกไม้ไผ่
- พริกขี้หนู
- ใบแมงลัก
- ผักชีลาว
- มะเขือเทศ
- หอมแดง
- กระเทียม
- ตะไคร้
- ข่าอ่อน
- เกลือป่น


วิธีทำ

(http://img.kapook.com/u/fontip/Menu%20food/Food09.jpg)

1. หั่นหมูสามชั้นเป็นชิ้นเล็ก

2. เด็ดผักกระเดียง ใบแมงลัก พริก ผักชีลาว มะเขือเทศ ปอกกระเทียม หัวหอมแดง และซอยตะไคร้

(http://img.kapook.com/u/fontip/Menu%20food/Food10.jpg)

3. นำข่า ตะไคร้ ลงไปตำให้ละเอียด ตามด้วยหัวหอมแดง และกระเทียม จากนั้นก็ใส่พริกตามลงไป ปิดท้ายด้วยน้ำปลาร้า

(http://img.kapook.com/u/fontip/Menu%20food/Food11.jpg)

4. นำหมูสามชั้นใส่ภาชนะ ตักพริกแกงลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน ตามด้วยผักและเครื่องปรุงทุกอย่างที่เตรียม

(http://img.kapook.com/u/fontip/Menu%20food/Food12.jpg)

5. ตักใส่กระบอกไม้ไผ่ที่ผ่าครึ่งเอาไว้แล้ว นำมาประกบเข้ากันก่อนจะนำไปย่างไฟ รอจนสุกก็เป็นอันเสร็จสิ้น


            ไหน ๆ ก็กำลังอยู่ในช่วงหน้าฝน บ้านใครมีผักกระเดียงคงต้องรีบไปหาเก็บมาลองปรุงอาหารรสชาติแซ่บ ๆ รับประทานดูบ้างแล้วล่ะ เพราะถ้าหมดหน้าฝนไปล่ะก็ ต้องรอใหม่ในฤดูฝนครั้งหน้าเชียวนะจ๊ะ แล้วจะหาว่าไม่เตือน ..

 (:LIP:)..หิว.ว.ว.ว.