[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
16 พฤษภาคม 2567 23:54:28 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ตำนาน นายทองดีฟันขาว ( พระยาพิชัยดาบหัก )  (อ่าน 7510 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5081


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 50.0.2661.271 Chrome 50.0.2661.271


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 24 กรกฎาคม 2559 22:07:41 »



<a href="https://www.youtube.com/v/RcE7j-wCgXA" target="_blank">https://www.youtube.com/v/RcE7j-wCgXA</a>


ชีวประวัติพระยาพิชัยดาบหัก

    พระยาพิชัยดาบหักเป็นเจ้าเมืองพิชัย  ในสมัยกรุงธนบุรี  ได้สร้างวีรกรรมที่ลือเลื่องในปี พ.ศ.๒๓๑๖ เมื่อพม่ายกกองทัพมาตีเมืองพิชัย  ซึ่งปรากฎข้อความในพระราชพงศาวดาร  ฉบับพระราชหัตถเลขา  ตอนหนึ่งว่า      "....ครั้นถึง  ณ  เดือนอ้ายข้างขึ้น      โปสุพลายกกองทัพมาตีเมืองพิชัยอีก  พระยาพิชัยก็ยกพลทหารออกไปต่อรบแต่กลางทางยังไม่ถึงเมือง  เจ้าพระยาสุรสีห์ก็ยกกองทัพเมืองพิษณุโลกขึ้นไปช่วย  ได้รบกับพม่าเป็นสามารถและพระยาพิชัยถือดาบสองมือคุมพลทหารออกไล่ฟันพม่าจนดาบหัก  จึงเลื่องชื่อปรากฎเรียกกว่า  พระยาพิชัยดาบหักแต่นั้นมา..."    

      จะเห็นได้ว่าชื่อ พระยาพิชัยดาบหัก ก็เรียกขานกันมานานถึง ๒๐๐ กว่าปีแล้ว จนกระทั่งทางจังหวัดอุตรดิตถ์ได้สร้างอนุสาวรีย์ขึ้นที่หน้าศาลากลางจังหวัดและทางอำเภอพิชัยก็ได้ปั้นรูปพระยาพิชัยดาบหัก ประดิษฐานอยู่ในศาลเจ้าพ่อพระยาพิชัยดาหักอีกด้วย
       สำหรับประวัติพระยาพิชัยดาบหักนี้  พระยาศรีสัชนาลัยบดี (เลี้ยง  ศิริปาละกะ)  ซึ่งเป็นชาวพิชัยโดยกำเนิด  ได้รวบรวมเรียบเรียงขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๖  และได้นำเผยแพร่ในหนังสือเสนาศึกษา และเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๖๗  นำมาเรียบเรียงใหม่ดังนี้
 
       พระยาพิชัยดาบหักเดิมชื่อ "จ้อย" เกิดที่บ้านห้วยคา  หลังเมืองพิชัยไปทางตะวันออกประมาณ ๑๐๐  เส้นเศษ  บิดามารดาตั้งบ้านเรือนไถนาหาเลี้ยงชีพมีบุตรด้วยกัน ๔ คน แต่เป็นไข้ทรพิษตายความเดียวกัน ๓ คน เหลือจ้อยคนเดียว เมื่อจ้อยออายุได้ ๘ ขวบ บิดาให้เลี้ยงควายและชอบชกมวยมาก บิดาจึงนำไปฝากท่านพระครูวัดมหาธาตุเมืองพิชัย เพื่อเรียนหนังสือจนอายุย่างเข้า ๑๔ ขวบ ก็อ่านออกเขียนได้ ในขณะที่อยู่ที่วัดมหาธาตุนั้น จ้อยชอบดูการชกมวยมากและเมื่อมีเรื่องชกต่อยกับเด็กวัดด้วยกัน จ้อยก็สามารถเอาชนะได้ทุกคน ต่อมาเจ้าเมืองพิชัยได้นำบุตรชายชื่อ "เจิด" กับเด็กคนใช้อีก ๓ คนมาฝากท่านพระครูเรียนหนังสือ ต่อมาเกิดวิวาทชกต่อยกัน จ้อยเกรงว่าจะไม่ได้รีบความเป็นธรรม เพราะเจิดเป็นบูตรชายเจ้าเมืองพิชัย  จึงหนีไปบ้านท่าเสาเพื่อไปหัดมวยที่นั่น ระหว่างที่เดินทางมาถึงวัดบ้านแก่งเห็นครูเที่ยงกำลังสอนมวยอยู่จึงสมัครเป็นศิษย์ เนื่องจากเกรงจะมีคนจำชื่อได้ จึงเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า "ทองดี" เมื่อหัดมวยจนฝีมือเป็นเลิศกว่าทุกคนแล้ว ครูเที่ยงจึงตั้งชื่อให่ใหม่ว่า "ทองดีฟันขาว"  ต่อมาศิษย์ครูเที่ยงอีก ๔ คนเกิดอิจฉาจนเกิดเรื่องชกต่อยกัน นายทองดีเห็นว่าอยู่ไปก็ไม่มีความสุขจึงขอลาครูเที่ยง เดินทางติดตามพระภิกษุรูปหนึ่งซึ่งจะไปนมัสการพระแแท่นศิลาอาสน์ โดยไปพักอยู่ที่วัดบางเตาหม้อ (วัดท่าถนนปัจจุบัน) กับพระภิกษุรูปนั้น เมื่อพระภิกษุรูปนั้นกลับจึงฝากนายทองดีอยู่กับพระภิกษุที่วัดบางเตาหม้อ ไม่นานนักก็ลาพระภิกษุไปหาครูที่ท่าเสาชื่อครูเมฆ เพื่อขอเป็นศิษย์ฝึกมวยจนสำเร็จการมวย ในระหว่างนั้นนายทองดีอายุได้ ๑๘ ปี  ได้แสดงความสามารถติดตามผู้ร้ายที่เข้ามาลักควายครูเมฆ โดยฆ่าคนร้ายตาย ๑ คน และจับคนร้ายที่ยังไม่ตายไดอีก ๒ คน โดยนำมามอบให้กรมการตำบล บางโพท่าอิฐ นายทองดีได้รับการชมเชย และได้บำเหน็จรางวัลจากกรมตำบลท่าอิฐ ถึง ๕ ตำลึง



  นายทองดีได้มีโอกาสแสดงฝีมืออีกครั้งหนึ่งด้วยการชกมวยในงานมหรสพฉลองพระแท่นศิลาอาสน์ โดยชกชนะนายถึก (ศิษย์ครูนิล) และยังชนะครูนิลอีกด้วย ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีนักมวยคนใดแขวงเมืองพิชัย เมืองทุ่งยั้ง เมืองลับแล และเมืองฝาง มาขันสู้กับนายทองดีเลย  ต่อมาอีก ๓ เดือนพระสงฆ์สวรรคโลกชวนนายทองดีไปเมืองสวรรคโลกและได้ฝากนายทองดีกับครูฟันดาบผู้ฝึกบุตรเจ้าเมืองสวรรคโลก ได้ฝึกหัดอยู่ประมาณ ๓ เดือน  ก็ทำได้คล่องแคล่วทุกท่าทุกท่างจนจบหลักสูตร ทั้งยังได้ซ้อมฟันดาบกับบุตรชายเจ้าเมืองสวรรคโลกด้วย นายทองดีได้ลาครูฟันดาบเดินทางไปยังสุโขทัย ขอสมัครเป็นศิษย์กับครูจีนแต้จิ๋วคนหนึ่งเพื่อฝึกมวยจีน  และฝึกอยู่จนสำเร็จทั้งยังมีลูกศิษย์คนหนึ่งช่ือ  บุญเกิดด้วย ตอนนี้นายทองดีและบุญเกิดอาศัยอยู่ที่วัดธานี อยู่วัดนี้ได้ประมาณ ๖ เดือน ก็มีชาวจีนคนหนึ่งมาจากเมืองตากเห็นฝีมือของนายทองดีจึงชวนไปเมืองตากโดยเล่าว่า พระยาตากเจ้าเมืองมีความสนใจและชอบคนมีฝีมือ แต่ความจริงต้องการชวนนายทองดีไปเป็นเพื่อนเพราะกลางทางมีเสือดุ นายทองดีตกลงไปเมืองตาก โดยชวนบุญเกิดไปด้วยระหว่างทางตอนกลางคืนเสือได้เข้ามาคาบบุญเกิดไป นายทองดีเข้าช่วยต่อสู้กับเสือจนบาดเจ็บหนีไป และได้บุญเกิดคืนมาแต่บาดเจ็บมาก ต้องไปรักษาที่วัดใหญ่เมืองตาก อยู่ถึง ๒ เดือนจึงหาย

        วันหนึ่งพระเจ้าตากมาถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาที่วัดใหญ่ และมีมวยฉลองด้วย นายทองดีได้ชกกับครูมวยชื่อห้าว และสามารถเอาชนะได้ พระเจ้าตากอยากดูฝีมือนายทองดีอีก และให้ชกกับครูมวยชื่อหมึก นายทองดีก็สามารถชนะได้อีก พระเจ้าตากชอบใจฝีมือนายทองดีมาก ได้มอบรางวัลให้ ๕ ตำลึง และรับตัวเข้าทำงานด้วย พระเจ้าตากโปรดปรานนายทองดีมาก

        พอนายทองดีอายุ ๒๑ ปี พระเจ้าตากก็จัดการบวชให้เป็นพระภิกษุสงฆ์บวชอยู่ ๑ พรรษาก็สึกออกมาอยู่กับพระเจ้าตากต่อไป พระเจ้าตากตั้งให้เป็นหลวงพิชัยอาสา และยังได้นางสาวรำยงสาวใช้ของคุณหญิงเป็นภริยาด้วย เมื่อพระเจ้าตากจะไปไหนก็ให้หลวงพิชัยอาสาติดตามไปด้วยทุกครั้ง ต่อมาพระเจ้าตากได้รับท้องตรากระแสร์พระบรมราชโองกการโปรดเกล้าให้พระเจ้าตากไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ กรุงศรีอยุธยาจะโปรดเกล้าให้เป็นพระยาวชิรปราการครองเมืองกำแพงเพชร หลวงพิชัยอาสาตามพระเจ้าตากไปด้วยก็มีพม่าข้าศึกษายกกองทัพมาล้อมกรุงศรีอยุธยา พระยาวชิรปราการและหลวงพิชัยอาสาเข้าช่วยรบพม่าภายในกรุงศรีอยุธยา แต่เนื่องด้วยมิได้รับความยุติธรรมและขาดความอิสระในการรบพุ่ง พระยาวชิรปราการพร้อมด้วยหลวงพิชัยอาสาและพรรคพวก ซึ่งมีพระเชียงเงิน หลวงพรหมเสนาหลวงราชเสน่หา ขุนอภัยภักดี หมื่นราชเสน่หาและพลทหาร  ตีฝ่ายพม่าออกจากกรุงศรีอยุธยาเดินทางผ่านเมืองปราจีนบุรี ระยอง จนถึงเมืองจันทบุรี รวบรวมผู้คนเสบียงอาหารและอาวุธยุธภัณฑ์ไว้พร้อมแล้ว จึงยกทัพเรือลงมาตีเมืองธนบุรี ได้รบกับนายทองอินซึ่งพม่าตั้งให้รักษาเมือง จับนายทองอินประหารชีวิตเสีย  สุกี้พระนายกองพม่าผู้รักษากรุงศรีอยุธยาซึ่งตั้งค่ายอยู่ที่โพธิ์สามต้นได้ทราบข่าวจึงให้มองหย่าเป็นนายทัพคุมทหารมอญและทหารไทยมาตั้งรับอยู่ที่บ้านพะเนียด  พระเจ้าตากจึงสั่งให้หลวงพิชัยอาสาเป็นนายทัพหน้ายกเข้าตีมองหย่า มีความเกรงกลัวฝีมือของหลวงพิชัยอาสาจึงถอยทัพหนีไปมิได้ต่อสู้  พระเจ้าตากจึงสั่งให้หลวงพิชัยอาสาบุกเลยไปเข้าตีค่ายโพธิ์สามต้น ล้อมค่ายสุกี้พระนายกองและรบกันอยู่ถึง ๒ วันก็ตีค่ายโพธิ์สามต้นแตก ตัวสุกี้พระนายกองตายในที่รบ  เมื่อพระเจ้าตากได้รับชัยชนะแล้วได้เข้าไปตั้งพลับพลาประทับอยู่ในพระนคร และได้เห็นปราสาทรวมทั้งตำหนักถูกเพลิงไหม้เสียมากต่อมาก จะซ่อมแซมใหม่ก็ยากจึงชวนกันไปสร้างเมืองธนบุรีเป็นราชธานี และทำพิธีปราบดาพิเษก เมื่อ พ.ศ.๒๓๑๑ ทรงพระนามว่า "พระบรมราชาธิราชที่ ๔"  แต่มักเรียกกันว่า "สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี" บ้าง "พระเจ้าตากสิน" บ้าง และโปรดให้หลวงพิชัยอาสาเป็นเจ้าหมื่นไวยวรนาถ มีตำแหน่งเป็นนายทหารเอกองครักษ์ในพระองค์




         เมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีสร้างเมืองธนบุรีเป็นราชธานีแล้ว จึงทรงดำเนินการปราบก๊กต่าง ๆ ที่ตั้งตัวเป็นใหญ่ ทางภาคตะวันออกปราบได้ก๊กของกรมหมื่นเทพพิพิธซึ่งตั้งตัวใหญ่ที่เมืองพิมาย และโปรด ฯ แต่งตั้งเจ้าหมื่นไวยวรนาถเป็นพระยาสีหราชเดโช แล้วเสด็จยกทัพไปปราบก๊กฝ่ายเหนือปราบได้ก๊กเจ้าพระฝางเมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๓ แล้วโปรด ฯ แต่งตั้งให้พระยาสีหราชเดโชเป็นพระยาพิชัย ให้ครองเมืองพิชัยต่างพระเนตรพระกรรณให้มีไพร่พล ๙,๐๐๐ คน  ทั้งทรงกรุณาโปรด ฯ พระราชทานเครื่องยศให้เสมอด้วยเจ้าพระยาสุรสีห์ และทรงแต่งตั้งนายบุญเกิดคนสนิทของพระยาพิชัยเป็นหมื่นหาญณรงค์ เป็นนายทหารคนสนิทของพระยาพิชัยอีกด้วย  เมื่อพระยาพิชัยครองเมืองนั้นได้ทราบว่าบิดาถึงแก่กรรมเสียแล้วยังอยู่แต่มาดา  จึงใช้ให้ทหารไปตามตัวมาหา  พอมารดามาถึงก็หมอบกราบไม่เงยหน้าดูเพราะความกลัวด้วยยังไม่ทราบว่าเป็นบุตรของตัว  พระยาพิชัยรีบลุกไปจับมือมารดาไว้ห้ามไม่ให้กราบไหว้ พลางกราบลงกับเท้ามารดาแล้วเล่าเหตุการณ์ที่ได้ซัดเซพเนจรให้มารดาฟังแต่ต้นจนได้มาครองเมืองพิชัย  เมื่อมารดาทราบว่าท่านเป็นบุตรก็ร้องไห้ด้วยความดีใจอย่างสุดปลื้ม  แต่ก่อนชาวบ้านเรียกมารดาท่านว่านางนั่นยายนี่  ต้องกลับเรียนว่าคุณแม่ใหญ่ในจวนไปตามกัน  ส่วนครูเที่ยงที่บ้านแก่งและครูเมฆที่บ้านท่าเสา  พระยาพิชัยก็ตั้งให้เป็นกำนันทั้งสองคนเพื่อสนองพระคุณคนทั้งสองนั่นเอง
        
   ในปลายปี พ.ศ. ๒๓๑๓ นี้เอง โปมะยุง่วนซึ่งพม่าตั้งให้รักษาเมืองเชียงใหม่ได้ยกทัพชาวพม่าและชาวลานนาลงมาตีเมืองสวรรคโลก พระยาพิชัยก็ยกทัพเมืองพิชัยไปช่วยรบร่วมกับกองทัพเมืองพิษณุโลก  ตีทัพพม่าพ่ายหนีไป  ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๓๑๕  โปสุพลาซึ่งมาอยู่ช่วยราชการรักษาเมืองเชียงใหม่นั้น ยกกองทัพตีเมืองลับแลแตกแล้วยกลงมาตีเมืองพิชัย ตั้งค่ายอยู่ ณ วัดเอกา(วัดขวางชัยภูมิปัจจุบัน) พระยาพิชัยก็จัดแจงการป้องกันเมืองเป็นสามารถ เจ้าพระยาสุรสีห์ก็ยกกองทัพเมืองพิษณุโลกขึ้นไปช่วยเมืองพิชัย และเจ้าพระยาสุรสีห์ กับพระยาพิชัยยกพลทหารเข้าตีค่ายพม่า พม่าออกต่อรบ ๆ กันถึงอาวุธสั้น พลทัพไทยไล่ตะลุมบอนฟันแทงพลพม่าล้มตายเป็นอันมาก พม่าต้านทานมิได้ก็แตกพ่ายหนีเลิกทัพกลับไปเมืองเชียงใหม่  รุ่งขึ้นอีกปีหนึ่งโปสุพลายกกองทัพมาตีพิชัยอีก พระยาพิชัยก็ยกพลทหารออกไปรบแต่กลางทางยังไม่ถึงเมือง  เจ้าพระยาสุรสีห์ก็ยกกองทัพเมืองพิษณุโลกขึ้นไปช่วยได้รบกับพม่าเป็นสามารถ และพระยาพิชัยถือดาบสองมือคุมทหารออกไล่ฟันพม่าจนดาบหัก จึงลือชื่อปรากฎเรียกว่า "พระยาพิชัยดาบหัก"แต่นั้นมา  ตอนที่พระยาพิชัยคุมพลทหารออกไล่ฟันแทงพม่านั้น เนื่องจากกำลังชุลมุนฟันแทงกันอยู่เท้าของพระยาพิชัยเหยียบดินลื่นเซจะล้มจึงเอาดาบยันดินไว้เพื่อมิให้ล้ม ดาบจึงหักไป   ๑ เล่ม พม่าเห็นพระยาพิชัยเสียเชิงเช่นนั้นจึงกลับหน้าปราดเข้ามาจะฟัน หมื่นหาญณรงค์นายทหารคู่ชีพของพระยาพิชัยก็ทลึ่งเข้ารับพม่าผู้นั้น  มิทันทำร้ายพระยาพิชัยได้ พม่าผู้นั้นเสียท่าหม่ืนหาญณรงค์ฟันตาย  แต่แล้วกระสุนปืนพม่ายิงมาถูกหมื่นหาญณรงค์ตรงอกทะลุหลัง ล้มพับลงขาดใจตาย ในขณะนั้นพระยาพิชัยเห็นหมื่นหาญรณงค์ถูกกระสุนปปืนข้าศึกตาย ก็เสียใจอาลัยหมื่นหาญณรงค์ผู้เพื่อนยากยิ่งนัก  เลยบันดาลโทษะเข้าไล่ตลุมบอนฟันแทงพม่ามิได้คิดแก่ชีวิต  พม่าต้านทานไม่ไหวก็แตกพ่ายไป
 
        พระยาพิชัยดาบหักได้ร่วมรบกับพม่าอีกหลายครั้ง  จนกระทั่งสิ้นแผ่นดินพระเจ้ากรุงธนบุรี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เสด็จขึ้นเถลิงถวัลราชสมบัติ ณ กรุงเทพมหานคร โปรดเกล้าให้เรียกตัวพระยาพิชัยดาบหักลงไปถามว่าจะยอมอยู่ทำราชการต่อปหรือไม่  ถ้ายอมอยู่จะเลี้ยงเพราะหาความผิดมิได้  พระยาพิชัยดาบหักตรองเห็นว่าขืนอยู่ไปคงได้รับภัยมิวันใดก็วันหนึ่ง เพราะตัวท่านเป็นข้าหลวงเดิมอันสนิทของพระเจ้าตาก  ย่อมเป็นที่ระแวงท่านผู้จะเป็นประมุขแผ่นดินต่อไปทั้งประกอบด้วยความเศร้าโศกอาลัยในพระเจ้ากรุงธนบุรี เข้ากลัดกลุ้มในหทัยสิ้นความอาลัยในชีวิตของตน  จึงตอบไม่ยอมอยู่จะขอตายตามเสด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ขอฝากแต่บุตรชายให้ได้ทำราชการสนองพระเดชพระคุณสืบสกุลต่อไปภายหน้า  ฉะนั้นจึงโปรดเกล้า ฯ ให้ประหารชีวิตเสีย  เมื่อพระยาพิชัยดาบหักสิ้นอายุได้  ๔๑ ปี จึงโปรดเกล้า ฯ ให้เสนาบดีท้องตราถึงผู้ครองเมืองเชียงใหม่ ให้รับบุตรชายพระยาพิชัยดาบหักเข้ารับราชการต่อไปตามควรแก่ความสามารถ ฉะนี้บุตรหลานพระยาพิชัยดาบหักจึงเป็นข้าราชการตามลำดับมาจนถึงทุกวันนี้  และในสมัยรัชกาลที่ ๖ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ผู้สืบตระกูลได้รับพระราชทานนามสกุลว่า "วิชัยขัทคะ" นามนี้ถ้าแปลอนุโลมตามความเข้าใจก็คือ ดาบวิเศษของพระยาพิชัยดาบหัก นั่นเอง

ที่มา :  หนังสือตำนานเมืองอุตรดิตถ์  โดย...วิบูลย์  บูรณารมย์
          
ผู้นำเสนอ..ขอยกย่องบูชาความกล้าหาญของวีระบุรุษแห่งเมืองพิชัย

จาก http://www.oknation.net/blog/sonorwut/2013/07/16/entry-2

http://www.tairomdham.net/index.php/topic,11353.0.html

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 กรกฎาคม 2559 22:10:09 โดย มดเอ๊ก » บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
งาน “สืบ” ตำนาน “คนรักษ์ป่า”
หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
มดเอ๊ก 1 2227 กระทู้ล่าสุด 31 สิงหาคม 2554 19:14:17
โดย หมีงงในพงหญ้า
ตำนาน ผ้าไหม
สุขใจ ห้องสมุด
Kimleng 0 2716 กระทู้ล่าสุด 29 พฤศจิกายน 2556 10:25:55
โดย Kimleng
ตำนาน วัดเขาบันไดอิฐ
สยาม ในอดีต
หมีงงในพงหญ้า 0 4129 กระทู้ล่าสุด 20 กันยายน 2557 10:21:53
โดย หมีงงในพงหญ้า
ตำนาน...ศาลต่องย่องสู
สุขใจ ห้องสมุด
Kimleng 0 3295 กระทู้ล่าสุด 14 ธันวาคม 2557 18:03:43
โดย Kimleng
ตำนาน เทพเจ้าแห่งไฟ
เกร็ดศาสนา
Kimleng 0 1548 กระทู้ล่าสุด 12 เมษายน 2558 09:47:12
โดย Kimleng
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.464 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 22 กุมภาพันธ์ 2567 08:18:45