'สิทธิพล' ก้าวไกล ชี้งบปี'67 ช่วย SME ไม่ทั่วถึง ต้องกระจายมากกว่านี้
<span class="submitted-by">Submitted on Thu, 2024-01-04 01:28</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภาพปก: สิทธิพล วิบูลย์ธนากุล (ที่มา:
TP Channel)</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'สิทธิพล' ก้าวไกล อภิปรายงบฯ ปี'67 กังวลช่วย SME ไม่ทั่วถึง เสนอเติมเงิน บยส.ทำสินเชื่อให้ผู้ประกอบการทั่วประเทศ เผยไม่ขัดรัฐบาลอัดเงินกองทุนเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน แต่ควรพิสูจน์การทำงานก่อน หวั่นเอาเงินไปแช่ประเทศเสียโอกาส </p>
<p> </p>
<p>3 ม.ค. 2567 ยูทูบ
TP Channel ถ่ายทอดสดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 5 (สมัยสามัญที่ 2) ประจำวันที่ 3 ม.ค. 2567 สิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงการจัดสรรงบประมาณด้าน SMEs โดยระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยมี SME ทั้งหมด 3.2 ล้านราย และกำลังอยู่ในวิกฤตทั้งเชิงรายได้ ต้นทุน และหนี้สิน </p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="
https://www.youtube.com/embed/sIGm7clGcvI?si=rlh_NrQ5ZwMZ5NSo" title="YouTube video player" width="560"></iframe></p>
<p>สิทธิพล กล่าวว่า สำหรับรายได้ของ SME นั้นดูได้จากภาษีมูลค่าเพิ่มที่จ่ายให้รัฐ พบว่าลดลงต่อเนื่องทุกปี ส่วนในแง่ต้นทุน ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าต้นทุนพลังงาน หรือต้นทุนวัตถุดิบ เพิ่มสูงขึ้นมาก ในเชิงหนี้สิน ธุรกิจยิ่งเล็ก ยิ่งต้องจ่ายดอกเบี้ยสูง ลูกหนี้ SME ที่เดิมเป็นลูกหนี้ชั้นดี กำลังเสี่ยงมีปัญหาหนี้เสียมากกว่า 2 ล้านบัญชี </p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53440763010_26fd251e5e_b.jpg" /></p>
<h2><span style="color:#2980b9;">จัดงบลำเอียง กระจุกไม่กระจาย</span></h2>
<p>สิทธิพล กล่าวว่า ตนเชื่อว่านายกฯ ก็ทราบวิกฤตเหล่านี้ เพราะเอาไปพูดในหลายเวที แต่พอมาดูว่ารัฐบาลจัดงบอย่างไร กลับต้องส่งเสียงเอ๊ะดังๆ เพราะปี 2567 รัฐบาลจัดงบให้ SME รวมทั้งสิ้น 8,744,797,500 บาท ภายใต้แผนแม่บทผู้ประกอบการและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยุคใหม่ มีหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณอย่างน้อย 29 หน่วยงาน โดยกองทุนสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ภายใต้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้งบมากสุดคือ 5,550 ล้านบาท หรือคิดเป็น 62% ของงบ SME ทั้งหมด และน่าสังเกตว่าได้รับงบเพิ่มขึ้นถึง 8 เท่าจากปีที่ผ่านมา </p>
<p>ภายในงบ 5,550 ล้านบาทที่ สสว.ได้รับ จำนวน 5,000 ล้านบาท หรือเกือบ 60% ถูกนำไปทำโครงการ Matching Fund จนเรียกได้ว่าความสำเร็จหรือความล้มเหลวของรัฐบาลในการช่วยเหลือพี่น้อง SME ไทย ขึ้นอยู่กับความสำเร็จของกองทุนนี้ ความน่าสนใจคือในตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการนี้ พบว่ามีเป้าหมายแค่ 600 คน </p>
<p>"การจัดสรรงบ SME แบบนี้มีปัญหา นอกจากจัดงบกระจัดกระจายถึง 29 หน่วยงาน ยังจัดงบลำเอียง เพราะมี SME เพียง 600 รายที่ได้งบ 5,000 ล้านบาท หรือเกือบ 60% ขณะที่งบที่เหลือสำหรับ SME 3.2 ล้านราย ได้ 3,744 ล้าน หรือแค่ 40% เท่านั้น เท่ากับ 600 รายได้งบเฉลี่ย 8-9 ล้านบาท ขณะที่ 3.2 ล้านราย ได้งบเฉลี่ย 1,170 บาทต่อรายเท่านั้น" สิทธิพล กล่าว</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">เครื่องหมายคำถามต่อศักยภาพของ สสว.</span></h2>
<p>สิทธิพล กล่าวต่อว่า ที่สำคัญ ต้องตั้งคำถามให้หนักว่า สสว. มีศักยภาพในการบริหารงบดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากในช่วงปี 2560-2561 สสว. เคยออกโครงการปล่อยเงินกู้ฟื้นฟูผู้ประกอบการ SME วงเงิน 2,000 ล้านบาท ต่อมาปี 2563 ในรายงานผลประกอบการ สสว. โครงการดังกล่าวมีลูกหนี้ที่คาดว่าไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ รวมยอดหนี้ 352 ล้านบาท เรียกว่าผ่านไป 3 ปี โครงการวงเงิน 2,000 ล้านบาท ปล่อยได้แค่ครึ่งเดียวคือประมาณ 1,000 ล้านบาท และในจำนวนนั้นเป็นหนี้เสียไปถึงหนึ่งในสาม</p>
<p>"ผมพยายามหาข้อมูลที่ล่าสุดกว่านี้ แต่ในรายงานปีหลังจากนั้นของ สสว. ข้อมูลเหล่านี้หายไปแล้ว ไม่แน่ใจว่าทำไมไม่รายงาน หรือเพราะบริหารดีมากจนหนี้หายไปหมดแล้ว" สิทธิพล กล่าว</p>
<p>นอกจากนี้ พอมาดูโครงการที่ สสว. ร่วมทุนกับบริษัทอื่นๆ ซึ่งคล้ายกับ Matching Fund ที่รัฐบาลนี้นำเสนอ จากรายงานผู้สอบบัญชี สสว. ปี 2561 โดยสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน แสดงผลการดำเนินงานในบริษัทที่ สสว. ไปร่วมลงทุน 13 บริษัท พบว่าใน 13 บริษัท มี 5 บริษัท ที่สถานะล้มละลาย ร้าง พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เสร็จสิ้นการชำระบัญชี </p>
<p>ในรายงานของ สตง.ยังระบุว่า ถ้าย้อนไปดูบริษัทที่ สสว.ร่วมลงทุนตั้งแต่ปี 2550-2562 ทั้งหมด 39 บริษัท สสว. มีหนังสือแจ้งยกเลิกสัญญาลงทุนไปแล้ว แถมยังส่งอัยการสูงสุดฟ้องร้องบริษัทร่วมค้าแล้วทั้ง 39 บริษัท เห็นอย่างนี้แล้วหนาว ไม่รู้จะหนาวแทน สสว. ที่ไปลงทุนแล้วเจ๊ง หรือสงสารบริษัท SME ที่ สสว.ไปลงทุนด้วย ไม่รู้ใครทำใครเจ๊งกันแน่ แต่ที่แน่ๆ ทั้งหมดนี้คือภาษีประชาชน </p>
<p>ดังนั้น ข้อเสนอต่อรัฐบาลในประเด็นนี้คือ </p>
<ol>
<li>ขอให้ทบทวนการจัดสรรงบประมาณ ที่วันนี้กระจายอยู่ในหน่วยงานจำนวนมาก มีประสิทธิภาพในการช่วยเหลือ SME ได้จริงหรือไม่ </li>
<li>ขอให้ทบทวนการจัดสรรงบที่ลำเอียงสุดๆ SME 3.2 ล้านราย อยู่ตรงไหนในหัวใจของรัฐบาล เมื่อเทียบกับ 600 รายที่ได้ประโยชน์จากกองทุน 5,000 ล้านบาท </li>
<li>ขอให้ทบทวนบทบาทและศักยภาพของ สสว. ในการสนับสนุนเงินทุนแก่ SME </li>
</ol>
<p>โดยทางเลือกที่อาจดีกว่า คุ้มกว่าสำหรับงบ 5,000 ล้านบาทนี้ คือนำไปให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อช่วยค้ำประกันเงินกู้ให้ SME รายเล็กรายน้อยทั่วประเทศ เพราะวงเงิน 5,000 ล้านบาท บสย. สามารถไปสร้างวงเงินสินเชื่อได้ 20,000-25,000 ล้านบาท ถ้าช่วยรายละ 8 ล้านบาทเหมือน Matching Fund ก็ช่วยได้ 2,000-3,000 คน มีคนได้ประโยชน์มากกว่า 600 คนแน่ๆ </p>
<p>ที่สำคัญยังเป็นการใช้กลไกตลาดทำงาน ดูว่าผู้ประกอบการใดเหมาะสม ไม่ใช่บังเอิญมีใครมาจิ้ม 600 คนผู้โชคดี นอกจากนี้ ศักยภาพของสถาบันการเงินทั่วไป มีความสามารถในการประเมินสินเชื่อ จัดการหนี้เสียได้ดีกว่า สสว. แน่ๆ</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">กองทุนเพิ่มขีดฯ ก่อนขอเงินเพิ่ม ควรพิสูจน์ประสิทธิภาพ</span></h2>
<p>สส.พรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า ประเด็นถัดมา คืองบกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นายกฯ ถึงกับประกาศว่าจะเพิ่มงบให้กองทุนนี้ 1 แสนล้านบาท โดยเป็นความหวังคว้าอุตสาหกรรมใหญ่ๆ ใหม่ๆ ของรัฐบาล ซึ่งอันที่จริงพวกเราพรรคก้าวไกล เห็นด้วยกับรัฐบาลและนายกฯ ในการดึงดูดอุตสาหกรรมใหม่ๆ อุตสาหกรรมแห่งอนาคตเข้าประเทศ เพราะปัจจุบันความสามารถในการแข่งขันของไทยอยู่ในภาวะวิกฤต ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ชี้ว่า เศรษฐกิจไทยโตต่ำต่อเนื่อง การขยายตัวของ GDP ลดลง การลงทุนต่ำลง การส่งออกนับวันยิ่งหดตัว โดยเฉพาะในช่วง 10 ปีหลังรัฐประหาร </p>
<p>กองทุนเพิ่มขีดฯ มีเงิน 10,000 ล้านบาทเป็นทุนประเดิมตั้งแต่ 6 ปีก่อน ผ่านมา 6 ปี กองทุนใช้เงินไปราว 19 ล้านบาท ปัจจุบันกองทุนเหลือเงิน 9,980 ล้านบาทเศษ หรือพูดง่ายๆ ว่า 6 ปี ใช้ไม่ถึง 20 ล้าน หรือเพียง 0.19% เท่านั้น ที่สำคัญคือไม่มีโครงการขนาดใหญ่ ไม่มีโครงการที่เพิ่มขีดความสามารถของประเทศได้จริง </p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53439425302_8458573e77_b.jpg" /></p>
<p>สส.พรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า คำถามต่อนายกฯ คือ ก่อนจะขอเงินเพิ่ม กองทุนควรพิสูจน์ประสิทธิภาพให้เห็นก่อนหรือไม่ ว่าจะนำไปสู่การสร้างอุตสาหกรรมใหม่จริง ไม่ใช่เอาเงินไปแช่ไว้เฉยๆ ตลอด 6 ปีคือค่าเสียโอกาสของประเทศมหาศาล และจะมั่นใจได้อย่างไร ว่าถ้าขอไป 15,000 ล้านบาท หรือ 100,000 ล้านบาทในอนาคต แล้วจะไม่เอาเงินไปแช่ไว้อย่างนี้อีก ทำประเทศเสียโอกาสอีก
"พรรคก้าวไกลยืนยันว่า หากท่านไม่ทราบปัญหา ไม่ลงรายละเอียด ต่อให้ท่านเติมเงินไป หมื่นล้าน แสนล้าน ก็ไม่อาจดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ได้" สิทธิพล กล่าว</p>
<p>ที่สำคัญ รัฐบาลควรกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมายให้ชัด ไม่เหวี่ยงแหแบบนี้ การตั้ง 13 อุตสาหกรรมเป้าหมายแบบปัจจุบัน ทั้งเยอะและกว้างเกินไป ผิดหลักการกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมาย จากบทเรียนในต่างประเทศ มักกำหนดเพียง 3-5 อุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงกันเท่านั้น จะช่วยให้สอดคล้องกับความจำกัดของงบประมาณและเจ้าหน้าที่ในการผลักดันให้ถึงเป้าหมายได้จริง</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">เพิ่มงบอย่างเดียว แก้ปัญหาของ SME ไม่ได้</span></h2>
<p>สส.พรรคก้าวไกล ระบุต่อว่า ทั้งหมดสรุปได้ว่า รัฐบาลจัดงบแบบไม่เข้าใจปัญหา ไม่เข้าใจวิกฤต สิ่งที่รัฐบาลควรแก้ คือปัจจุบันการจัดงบประมาณสำหรับผู้ประกอบการรายเล็กนั้น 'กระจุก' มี SME ได้ประโยชน์นิดเดียว รัฐบาลควรจัดใหม่ให้ประโยชน์ 'กระจาย' หรือทั่วถึงกว่านี้ ส่วนรายใหญ่หรืออุตสาหกรรมเป้าหมาย จากปัจจุบันที่ 'เหวี่ยงแห' รัฐบาลควรปรับใหม่ มุ่งอุตสาหกรรมให้ 'ตรงเป้า' มากขึ้น </p>
<p>ที่สำคัญ การเพิ่มแต่งบประมาณอย่างเดียว ไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้พี่น้อง SME หรือดึงดูดอุตสาหกรรมเป้าหมายเข้าประเทศได้ รัฐบาลและนายกฯ ต้องเข้าใจปัญหา ลงรายละเอียด แก้ปัญหาของกลไกและองค์กร เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นกองทุน สสว. หรือกองทุนเพิ่มขีดฯ กลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ มีแต่การทำแบบนี้เท่านั้น ที่การเพิ่มเงินลงไป ถึงจะเกิดประโยชน์</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53440349691_4893559998_b.jpg" /></p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2024/01/107495