หัวข้อ: น้ำทุกหยดมีต้นน้ำ เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 01 มกราคม 2553 13:04:33 (http://img253.imageshack.us/img253/2913/h0rc.jpg)
(:LOVE:)เจริญสุขสวัสดีปีใหม่ 2553 - 2010 (:LOVE:) (:LOVE:)ขอประเดิมกระทู้แรกของปี่ 2553 ด้วย......... (:LOVE:) (:LOVE:)ธรรมมะของพระมหาวุฒิชัย วชิระเมธี (:LOVE:) (:SHOCK:)น้ำทุกหยดมีต้นน้ำ (:SHOCK:) (:88:)ฉะนั้นน้ำทุกหยดมีต้นน้ำคือคนทุกคนล้วนมีที่มาใน โลกนี้มีคนอยู่เป็นจำนวนมากที่รู้จักตนเองแต่ในปัจจุบันขณะ แต่หลงลืมตัวเองซึ่งเชื่อมโยงอยู่กับรากฐานที่มาเราเป็น มนุษย์ซึ่งเหมือนกับต้นไม้บางชนิดที่ปลูกในห้องทดลองของ นักวิทยาศาสตร์คือรากไม่แตะกับดินเดี๋ยวนี้นัก (:88:) วิทยาศาสตร์สามารถสร้างห้องวิจัยขึ้นมาทดลองปลูกพืชบาง ชนิดที่รากหย่อนลงไปในอากาศแต่กิ่งใบก็สามารถเจริญ เติบโตได้ เรียกว่า พันธุ์ไม้ที่ใช้รากอากาศ รากไม่แตะกับพื้น ดิน แต่ก็สามารถเจริญเติบโตได้คนเราก็เหมือนกัน มีคนจำนวนมากเป็นหยดน้ำที่ไหล จากต้นน้ำที่ต่างจังหวัดพอมาอยู่กรุงเทพ ฯแล้วรากของตัว เองก็ขาดลอยจากบรรพบุรุษที่ต่างจังหวัดเติบโตอยู่โดยไม่ เชื่อมโยงอะไรกับคุณพ่อคุณแม่ ปู่ ย่า ตายายที่ต่างจังหวัด (:UU:) กลายเป็นต้นไม้พันธุ์ที่เพาะปลูกในเรือนเพาะชำของนัก วิทยาศาสตร์รากลอยขาดจากผืนดิน คนอย่างนี้ภาษาพระ เรียกว่าคนอกตัญญู (:UU:) 0053then fa (http://www.youtube.com/watch?v=VOYbd2DztTo#) หัวข้อ: Re: น้ำทุกหยดมีต้นน้ำ เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 01 มกราคม 2553 13:07:03 (http://img253.imageshack.us/img253/2913/h0rc.jpg)
(an!)ฉะนั้นหากเราเป็นต้นไม้เราจะต้องเป็นต้นไม้ที่มีราก แก้วหยั่งลึกชอนไชลงไปใต้ผืนดินถ้าเราอยากเป็นต้นไม้ ใหญ่ไพรระหงที่มีความเจริญเติบโตงอกงามให้ร่มให้เงาทั้ง แก่ตนเอง (:SLE:)และแก่สรรพชีพ - สรรพสัตว์ (:NOY:)เราจะต้องเป็นต้นไม้ ที่มีรากแก้ว เราจะต้องเป็นน้ำทุกหยดที่ไม่ลืมต้นน้ำเราจะ ต้องไม่เป็นบุคคลประเภทพันธุ์ไม้ที่เพาะอยู่ในเรือนเพาะชำ ของนักวิทยาศาสตร์เติบโตได้ (:UU:)โดยรากไม่แตะพื้นดิน ทุกวันนี้ที่สังคมไทยของเรายุ่งเหยิงก็เพราะมีคน อกตัญญูอยู่จำนวนมากที่เมื่อเจริญเติบโตแล้วมีความมั่งมีศรี สุขแล้วก็ตัดขาดจากรากเหง้าของตัวเองอย่างสิ้นเชิงคน จำนวนมากเกิด เติบโตเรียนหนังสือที่ต่างจังหวัดมาจบที่ (:UU:) กรุงเทพ ฯทำมาค้าขายอยู่ที่กรุงเทพ ฯ แล้วก็ลืมต่างจังหวัด บางคนก็เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนเสียงเปลี่ยนนามสกุลของตัวเอง (:UU:) หมด ย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่เคยกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดเป็น 10 ปีก็มี (:7:) หัวข้อ: Re: น้ำทุกหยดมีต้นน้ำ เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 01 มกราคม 2553 13:09:22 (http://img253.imageshack.us/img253/2913/h0rc.jpg)
:'(ถ้าทำด้วยมีเหตุผลว่าต้องทำมาหากินมันเป็นความ จำเป็นอันนั้นก็เป็นเรื่องที่เรารับได้แต่บางคนทำเพราะตั้งใจ จะลืมกำพืดจริงๆ ไม่อยากให้ใครรู้ว่าตนเป็นคนต่างจังหวัด ถ้าแบบนั้นภาษาพระเรียกว่าคนอกตัญญู แต่ถ้าเราย้าย ถิ่นฐานมาอยู่กรุงเทพฯ เพราะมีความจำเป็นในเรื่องของการ ทำมาหากิน ไม่ใช่เหตุผลของการลืมกำพืด อันนี้พุทธศาสนา ก็ไม่ว่าอะไร......................................... (:PL:) ดังนั้น เมื่อถึงวันสงกรานต์ ที่โบราณาจารย์ท่านให้เรา หยุดยาวอย่างนี้รัฐบาลให้เราหยุดยาวอย่างนี้ก็เพราะ ต้องการให้เราทุกคนได้มาทบทวนรากเหง้าของเรา ว่าเราทุก คนเป็นหยดน้ำที่ไหลมาจากต้นน้ำที่ไหน (:QS:)เมื่อทบทวนได้แล้ว เราจะได้หวนกลับไปดูแลต้นน้ำของเราคือใครแผ่นดินถิ่น (:KM:) หัวข้อ: Re: น้ำทุกหยดมีต้นน้ำ เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 01 มกราคม 2553 13:12:34 (http://img253.imageshack.us/img253/2913/h0rc.jpg)
(:BYE:)เกิดของเราพ่อแม่ของเรา ปู่ ย่า ตา ยายของเรา อัฐิบรรพบุรุษของเราอยู่ตรงไหน เรายังจำที่ที่บรรจุอัฐิของคุณพ่อ คุณ แม่ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยายของเราได้ไหม ? (:LOVE:)กลับไปสรงน้ำดำเกล้าท่านอยู่ไหม ? (:UU:) นี่คือความหมายที่แท้จริงของเทศกาลสงกรานต์ กล่าว ให้สั้นที่สุด เทศกาลสงกรานต์คือเทศกาลแห่งความกตัญญู รู้คุณคำว่า กตัญญู ไม่ได้มาโดด ๆ ในทางพุทธศาสนาเมื่อ พูดถึงคำนี้ จะมีคำหนึ่งพ่วงมาด้วยเสมอคือคำว่า กตเวที กตัญญู แปลว่า รู้คุณท่าน อัญญู นี่แปลว่า ผู้รู้ กิจจัง ซึ่งกิจ อันบุคคลอื่นกระทำแล้วเมื่อมีต่อเรานี่วิเคราะห์แยก ศัพท์ให้เห็นชัด ๆ หลักภาษาบาลีกตัญญู แปลตามตัวอักษรคือ ผู้รู้ซึ่งกิจ หรือ ผู้รู้ซึ่งคุณูปการอันบุคคลคนอื่น กระทำแล้วต่อเรา (:RL:) หัวข้อ: Re: น้ำทุกหยดมีต้นน้ำ เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 01 มกราคม 2553 13:14:38 (http://img253.imageshack.us/img253/2913/h0rc.jpg)
(:UU:)ถ้าเอาแค่นี้ใคร ๆ ก็รู้ใครก็ตามที่ไม่เป็นโรคอัลไซเมอร์ รู้หมดใครทำคุณูปการต่อเราเรารู้หมดแต่แค่นี้ยังไม่พอ พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสแค่นี้ ท่านพูดต่อไปว่า กตัญญูแล้วต้อง กตเวทีด้วย กตเวที แปลว่าอะไร เมธี แปลว่า รู้แจ้ง หรือ ประกาศแปลเอาความหมายก็คือ ตอบแทน กิจจังหรือ คุณังซึ่งคุณ กตัง อันบุคคลอื่นกระทำแล้วต่อเรา (:UU:) กตเวทีก็คือ รู้ หรือประกาศซึ่งคุณูปการที่คนอื่นกระทำไว้ แล้วต่อเรา 2 วลีนี้มาต่อกันเป็น กตัญญู กตเวที แปลว่ารู้ซึ่ง คุณที่คนอื่นทำแล้วต่อเรา แล้วตอบแทนพระคุณซึ่งคนอื่นทำ แล้วต่อเราแปลง่าย ๆ แบบไทยแท้ ๆ ก็คือกตัญญูรู้คุณ ท่านหรือรู้คุณท่านแล้วตอบแทนพระคุณท่านนี่คือความ หมายของกตัญญูกตเวทีในโลกนี้มีผู้ที่ทำคุณต่อเรา มากมายไม่ใช่เฉพาะคนเราเกิดมาในโลกดำรงชีวิตอยู่ใน โลกเราก็เป็นหนี้โลกฉะนั้นเราก็ต้องกตัญญูต่อโลก (:DA:) THE END (:4:) |