[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => เกร็ดศาสนา => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2558 14:04:15



หัวข้อ: พระ (ภิกษุ) มหาโจร - มหาโจรพวกที่ ๕ ตาม "ตำราดูพระ (ภิกษุ)"
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2558 14:04:15
.

(http://www.dhammasavana.or.th/pic_upload/pic_no_520_Monk-blackbird.gif)

มหาโจรพวกที่ ๕
ใน "ตำราดูพระ (ภิกษุ)"

              ฯลฯ
เปิด “ตำราดูพระ (ภิกษุ)” อาจารย์ปุ่น จงประเสริฐ เรียบเรียงไว้นานแล้ว สถาบันวิถีทรรศน์ พิมพ์แจกอยู่บ่อยๆ เล่มในมือผมพิมพ์เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๑...อ่านเจอหัวข้อ พระ (ภิกษุ) มหาโจร

ที่กูฎาคารศาลา ป่ามหาวัน ใกล้เมืองเวสาลี สมัยพุทธกาล...ครั้งหนึ่ง พระพุทธองค์ตรัสเรื่องพระไม่อยู่ในธรรมในวินัยไว้ดังต่อไปนี้

ภิกษุทั้งหลาย มหาโจรห้าพวกเหล่านี้มีอยู่ในโลกา หาได้ในโลก ห้าพวกนี้มีอะไรบ้าง ห้าพวกคือ
๑. มหาโจรบางพวกคิดว่า เมื่อไรหนอเราจักเป็นผู้มีบริวารร้อยหนึ่ง หรือพันหนึ่ง แวดล้อมเรา เที่ยวไปในย่านหมู่บ้าน นิคม และเมืองหลวง จักได้ฆ่าเอง หรือใช้ให้บริวารฆ่า
จักได้ตัดเอง หรือใช้ให้บริวารตัด จักได้เผาเอง หรือใช้ให้บริวารเผา ดังนี้ ฉันใด

ความคิดของภิกษุบางรูป เมื่อไรหนอเราจักเป็นผู้มีบริวารร้อยหนึ่ง หรือพันหนึ่ง แวดล้อม ท่องเที่ยวไปในย่านหมู่บ้าน นิคม และเมืองหลวง เป็นที่สักการะเคารพนับถือบูชานอบน้อมของพวกคฤหัสถ์และบรรพชิต   

เป็นผู้ร่ำรวยลาภ ด้วยจีวร อาหาร ที่อยู่และยารักษาโรค...ดังนี้ ฉันนั้น

เหมือนกัน ภิกษุลามกนี้ จัดเป็นมหาโจรพวกแรก ซึ่งมีอยู่ในโลก หาได้ในโลก

๒. ภิกษุบางรูป เล่าเรียนธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว ยกตนว่ารู้เอง (หรือนำไปหาลาภผลเพื่อตน) ภิกษุลามกนี้ จัดเป็นมหาโจรพวกที่สอง ซึ่งมีอยู่ในโลก หาได้ในโลก

๓. ภิกษุบางรูป ย่อมตามกำจัดผู้ประพฤติพรหมจรรย์ที่บริสุทธิ์ ด้วยสิ่งอันไม่ใช่เรื่องของพรหมจรรย์ อันปราศจากมูลความจริง ภิกษุลามกนี้ จัดเป็นมหาโจรพวกที่สาม ซึ่งมีอยู่ในโลก หาได้ในโลก

๔. ภิกษุบางรูป ช่วยเหลือพูดจาเอาใจพวกคฤหัสถ์ ด้วยครุภัณฑ์และครุบริวารอันเป็นของสงฆ์ ฯลฯ ภิกษุลามกพวกนี้ จัดเป็นมหาโจรพวกที่ ๔ ซึ่งมีอยู่ในโลก หาได้ในโลก

๕. ภิกษุพวกสุดท้าย คือภิกษุลามก กล่าวอวดอุตริมนุสธรรมอันไม่เป็นจริง ข้อนั้นเพราะเหตุไร ภิกษุทั้งหลาย เพราะว่าเขาบริโภคก้อนข้าวของชาวเมือง ด้วยอาการอันเป็นขโมย

ภิกษุใดแสดงตัวเอง ซึ่งความจริงเป็นอย่างหนึ่ง ให้คนอื่นเข้าใจเป็นอย่างอื่นไป การบริโภคปัจจัย ด้วยอาการแห่งขโมยของเธอนั้นเป็นเช่นเดียวกับนายพรานผู้ล่อลวงดักสัตว์กิน

คนเป็นอันมากที่มีผ้ากาสาวพัสตร์คลุมคอ แต่มีความเป็นอยู่อันลามก ขาดการสำรวม พวกคนลามกพวกนี้ จัดเป็นมหาโจรชั้นเลิศในโลก

พวกคนลามกเหล่านั้น ต้องไปเกิดในนรก เพราะการกระทำกรรมอันหยาบช้า มักกินก้อนเหล็กซึ่งเปรียบด้วยเปลวไฟอันร้อนจัด
              ฯลฯ



ข้อมูล : คอลัมน์ ชักธงรบ "มหาโจรพวกที่ ๕" โดยกิเลน ประลองเชิง น. ๓   นสพ.ไทยรัฐ ฉบับประจำวันพฤหัสบดีที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘


หัวข้อ: Re: พระ (ภิกษุ) มหาโจร - มหาโจรพวกที่ ๕ ตาม "ตำราดูพระ (ภิกษุ)"
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 13 มีนาคม 2558 13:12:04
.

(http://www.dhammasavana.or.th/pic_upload/pic_no_520_Monk-blackbird.gif)

บริษัทที่ ๕
ใน "ตำราดูพระ (ภิกษุ)"

อีกวิธีดูว่า ใครเป็นพระใครไม่ใช่พระ  อาจารย์ปุ่น จงประเสริฐ เขียนไว้ในตำราดูพระภิกษุ (สำนักพิมพ์วิถีทรรศน์)

ทุกวันนี้ภิกษุสอนแต่ศีลธรรมจรรยา อานิสงส์การถวายปัจจัยแก่สมณะ ประกาศกันแต่ไสยศาสตร์และอำนาจจิต คัมภีร์พระมาลัย กลายเป็นเรื่องสำคัญ พุทธบริษัทจำนวนมากเอาใจใส่อยากจะไปเกิดในศาสนาพระศรีอาริยเมตไตรย

พอใครเอาเรื่อง สุญญตา หลักแท้จริงของพุทธศาสนามาเผยแพร่ก็ถูกพวกบูชาภูติผีปีศาจกล่าวหาว่าทำลายพุทธศาสนา ดูถูกภิกษุสงฆ์องค์เจ้า

เรื่องเหล่านี้ ใช่ว่าจะเพิ่งมีในสมัยนี้ เคยเกิดขึ้นแล้วครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล

ณ วัดเชตวัน พระพุทธองค์ตรัสว่า...ภิกษุทั้งหลาย ในการยืดยาวต่อไปภายหน้า ตัวสูตรส่วนที่ลึกซึ้งเหล่าใด ที่เป็นคำสอนของตถาคตเป็นข้อความลึก มีความหมายซึ้ง เป็นชั้นโลกุตตระ ว่าเฉพาะด้วยเรื่องสุญญตา ความว่างจากกิเลส

เมื่อมีผู้นำสูตรเหล่านั้นมากล่าวอยู่ เธอจักไม่ฟังด้วยดี จักไม่เงี่ยหูฟัง จักไม่ตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และจักไม่คิดว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน

ส่วนสูตรเหล่าใด ที่นักกวีแต่งขึ้นใหม่ เป็นคำร้อยกรองประเภทกาพย์กลอน มีอักษรสละสลวย มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นเรื่องนอกแนว...เธอจักฟังด้วยดี

ภิกษุทั้งหลาย ความอันตรธานของตัวสูตรส่วนที่ลึกซึ้ง ที่เป็นคำสอนของตถาคต เป็นข้อความลึก มีความหมายซึ้ง เป็นชั้นโลกุตตระ ว่าเฉพาะด้วยเรื่องสุญญตา ก็จะมีขึ้นด้วยอาการเหล่านี้แล

ภิกษุทั้งหลาย ฉันใดก็ฉันนั้น เรื่องนี้เคยมีมาแล้ว

กลองศึกของกษัตริย์พวกสารหะ เรียกว่า "อานกะ" มีอยู่ เมื่อกลองนี้มีแผลแตกหรือปริ พวกกษัตริย์ก็หาเนื้อไม้อื่นมาทำเป็นลิ่มสอดเสริมลงนรอยแตกของกลองนั้น (ทุกคราวไป)

เมื่อเชื่อมปะหลายครั้งหลายคราวเช่นนั้นนานเข้า ก็ถึงสมัยหนึ่ง ซึ่งเนื้อไม้เดิมของตัวกลองหมดสิ้นไป เหลือแต่อยู่แต่เนื้อไม้ที่ทำเสริมเข้าใหม่...เท่านั้น

คำสอนสูตรใหม่ เหมือนเนื้อกลองใหม่...เป็นประการใด?

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ บันทึกในคัมภีร์อังคุตรทุกนิบาต ว่า ภิกษุทั้งหลาย คนพวกที่แสดงสิ่งที่ไม่เป็นธรรมะ ว่าเป็นธรรมะ ย่อมได้ชื่อว่าประพฤติไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล กระทำไปโดยไม่เป็นการให้ความสุข กระทำไปโดยไม่เป็นประโยชน์แก่ใคร แต่เป็นไปเพื่อความทุกข์หนักแก่มนุษย์ทั้งหลาย

ทั้งตัวเองก็ประสบสิ่งที่เป็นบาปนักหนา ห่างเหินจากบุญเป็นอันมาก และยังทำให้พระสัทธรรมนี้อันตรธาน

ภิกษุทั้งหลาย สัตว์ที่มีปัญญา ไม่โง่เง่าเงอะงะ สามารถที่จะรู้ความหมายแห่งคำที่เป็นสุภาษิตและทุพภาษิตได้ มีเป็นส่วนน้อย สัตว์ที่เขลาโง่เง่าเงอะงะ มีมากกว่ามากโดยแท้

ภิกษุทั้งหลาย ในกลุ่มชนหมู่ในธรรมวินัยนี้ กรรมชนิดใดที่ไม่ถูกต้องเป็นอธรรม เขาก็หลงทำกันไปจนได้

การกระทำทางฝ่ายไม่ใช่ธรรมะ ก็ปล่อยให้ฟุ้งเฟื่องรุ่งเรือง การกระทำทางฝ่ายที่เป็นธรรม กลับปล่อยให้เงียบลับอับเฉาไป การกระทำที่ไม่ถูกวินัย ก็ระบาดเจริญไป กระทำที่ถูกวินัยไม่เจริญ

ภิกษุทั้งหลาย หมู่ชนอย่างนี้ เราตถาคตเรียกว่า "บริษัทรีๆ ขวางๆ"

ผมเคยรู้แค่ พุทธบริษัท ๔ มี ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา คำ "บริษัทรีๆ ขวางๆ" ถือเป็นความรู้ใหม่ เด็กวัดอย่างผม...จึงอยากจะเรียกพวกนี้ว่า บริษัทที่ ๕

              ฯลฯ



ข้อมูล : คอลัมน์ ชักธงรบ "บริษัทที่ ๕" โดยกิเลน ประลองเชิง น. ๓   นสพ.ไทยรัฐ ฉบับประจำวันเสาร์ที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๘