[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม => ข้อความที่เริ่มโดย: มดเอ๊ก ที่ 24 เมษายน 2557 13:20:33



หัวข้อ: คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead] ช่วงสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: มดเอ๊ก ที่ 24 เมษายน 2557 13:20:33
(http://1.bp.blogspot.com/_Z8mwJp4iSOo/R-jtPMQaqvI/AAAAAAAAF_U/p9iS_8gvtO8/s400/buddha-singing-bowls.jpg)

ขอถวายสักการะต่อเหล่าทวยเทพ
คุรุ องค์ยิดัมและทักคินี
ขอจงอำนวยให้เกิดวิมุตติในบาร์โดด้วยเทอญ
จากถ้อยความแห่ง " มหาวิมุตติโดยการสดับฟัง "
บาร์โดแห่งธรรมดาได้รับการสอนสั่งแล้วในข้างต้น
บัดนี้ ขอให้ผู้ตักเตือนให้ระลึกถึงบาร์โดแห่งการเกิด
จงมาที่นี่เถิด
 
 
 
ถึงแม้บาร์โดแห่งธรรมดาจักได้รับการถ่ายทอดหลายหนก่อนหน้านี้ ยกเว้นก็แต่บุคคลที่ได้ผ่านการทำสมาธิและประจักษ์แจ้งในคำสอน และประกอบแต่กุศลกรรม ทั้งนี้เพราะการที่จะระลึกได้ถึงความกลัวและอกุศลกรรมนั้น เป็นเรื่องยากมากสำหรับคนที่ไม่เชี่ยวชาญด้าน สมาธิภาวนาหรือคนต่ำทราม ด้วยเหตุนี้ นับจากวันที่สิบเป็นต้นไป ผู้ตายควรได้รับการตักเตือนอีกครั้งด้วยถ้อยคำต่อไปนี้
 
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล จงตั้งใจฟังให้ดีและทำความเข้าใจให้ได้ เหล่าสัตว์นรก ทวยเทพ และวิญญาณในบาร์โดแห่งธรรมดา ท่านกลับจดจำไม่ได้ ดังนั้นท่านจึงหลับใหลไปด้วยความหวาดกลัวเป็นเวลาห้าวันครึ่ง ทว่าเมื่อท่านฟื้นตื่นขึ้นมา วิญญาณของท่านจะ กระจ่างใสกว่าเดิม รูปร่างคล้ายตัวท่านยามมีชีวิตอยู่จะลุกขึ้นมา ในคำกล่าวของคัมภีร์ตันตระมีว่า
 
 
อาศัยกายเนื้อในกาลก่อนและกาลต่อไปภายในบาร์โดแห่งการเกิด สมบูรณ์พร้อมด้วยประสาทสัมผัส พเนจรไปโดยปราศจากสิ่งกีดขวาง ครอบครองอำนาจวิเศษอันเกิดจากวิบากกรรม และเห็นด้วยนัยน์ตาบริสุทธิ์ของทวยเทพ ที่มีคุณลักษณ์อย่างเดียวกัน
 
 
คำว่า " กาลก่อน " หมายความว่าคุณมีร่างกายดั่งในยามมีชีวิตอยู่อันเปี่ยมด้วยเลือดและเนื้อหนัง เกิดจากความทรงจำของคุณที่มีต่อมัน กอปรด้วยรัศมีในตน และตำหนิบางประการคล้ายในยามมีชีวิตอยู่ นี้คือประสบการณ์แห่งกายทิพย์ ดั่งนามที่ถูกขนานว่ากายทิพย์ในประสบการณ์แห่งบาร์โดในช่วงเวลานี้ หากคุณจะจุติไปเกิดเป็นเทวดา คุณจะได้แลเห็นนิมิตแห่งเทวโลกและไม่ว่าคุณจะจุติไปเกิดเป็น อะไร อสูร มนุษย์ เดรัจฉาน เปรต หรือสัตว์นรก คุณก็จะประสบกับภพภูมิเหล่านั้น ดังนั้นคำว่าในกาลก่อนจึงหมายถึงช่วงเวลาสี่วันครึ่ง ที่คุณคิดว่ามีร่างกายดังเมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ คำว่า ในกาลต่อไป หมายความว่า ภายหลังจากนี้คุณจะได้ประสบกับภพภูมิที่คุณจะไปก่อเกิด ในภายหลัง ดังนั้นจึงเรียกว่า " ในกาลก่อนและในกาลต่อไป "
 
" ไม่ว่านิมิตใดจากใจท่านจะปรากฏขึ้นในเวลานี้ อย่าติดตามหรือข้องแวะกับมันเป็นอันขาด ถ้าท่านข้องแวะกับมันหรือยอมจำนนต่อมัน ท่านจะเร่ร่อนไปในภูมิทั้งหกและได้รับความทรมาณอันแสนสาหัส "
 
" ถึงแม้ว่านิมิตในบาร์โดแห่งธรรมดาจะปรากฏขึ้นจนถึงเมื่อวานนี้ ท่านกลับไม่อาจจดจำมันได้ ดังนั้นท่านจึงเร่ร่อนมาถึงที่นี่ บัดนี้ ถ้าท่านสามารถสำรวมสมาธิได้ไม่หวั่นไหว พิงพักอยู่ในจิตอันเปลือยเปล่าบริสุทธิ์ในสุญตาธรรมอันสว่างไสว ที่คุรุของท่าน ได้เสนอท่าน จงพำนักอยู่ในภาวะที่ไม่ได้ยึดติดในสิ่งใดและอกรรม ทำเช่นนี้ด้วยท่าจะได้รับซึ่งวิมุตติสุข และไม่พลัดเข้าสู่ครรภ์อุทร "
 
" ถ้าท่านไม่สามารถจดจำมันได้ จงเพ่งนิมิตถึงยิดัมของท่าน รวมทั้งคุรุเหนือเศียรและจงเร่งความเสียสละอย่างแรงกล้า สิ่งนี้สำคัญมาก จงเพียรแล้วเพียรอีกอย่าหวั่นไหว "
 
ดังนั้นจึงพึงกล่าวว่า หากบุคคลใดระลึกได้เมื่อใด เขาย่อมได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระ และไม่เร่ร่อนไปในภูมิทั้งหก ทว่าภายใต้อิทธิพล ของผลกรรมอันต่ำทรามย่อมเป็นการยากที่จะกระทำเช่นนั้นได้ ดังนั้นจึงควรกล่าวถ้อยคำเช่นนี้
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล จงฟังถ้อยคำเหล่านี้อย่าแชเชือน ' สมบูรณ์พร้อมด้วยประสาทสัมผัส ' หมายความว่า แม้ท่านจะมีดวงตาอันบอด สนิท เป็นใบ้ ขาเสีย หรือเลวร้ายกว่านั้นในยามมีชีวิตอยู่ก็ตามที แต่บัดนี้ในสภาวะบาร์โด ดวงตาของท่านจะแลเห็นรูปต่าง ๆ หูของท่านจะ ได้ยินสรรพสำเนียง ประสาทสัมผัสของท่านจะแจ่มใสไม่พร่ามัว ดังนั้นพึงกล่าวว่า " ศักยภาพชั้นสูงแห่งประสาทสัมผัส " นี่เป็นสัญลักษณ์ ว่าท่านได้ตายไปแล้วและกำลังร่อนเร่อยู่ในสภาวะบาร์โด ดังนั้นพึงจดจำให้ได้ถึงคำสอนนี้
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ' ปราศจากการกีดขวาง ' หมายความว่า ในขณะที่ท่านคงสภาพกายทิพย์ และจิตของท่านได้แยกขาดจาก องค์ประกอบทั้งหลาย ท่านปราศจากกายเนื้ออีกต่อไป ดังนั้น บัดนี้ท่านจึงสามารถผ่านเข้าออกอย่างอิสระ ทะลุผ่านเขาพระสุเมรุใหญ่ ตระเวณไปทุกแห่งหน ยกเว้นแต่เพียงครรภ์อุทรของมารดาและวัชระอาสน์ เป็นสัญญาณเตือนว่าท่านได้ร่อนเร่อยู่ใน บาร์โดแห่งการเกิด ดังนั้นพึงทำการระลึกถึงคำสอนสั่งของเหล่าคุรุและขอที่พึ่งพิงในพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เปี่ยมด้วยกรุณา
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ' การครอบครองซึ่งอำนาจวิเศษอันเกิดจากวิบากกรรม ' หมายความว่า บัดนี้ท่านได้มีอำนาจวิเศษจากอิทธิพล ของกรรมที่สอดคล้องกับการกระทำของท่านซึ่งหาได้มาจากอำนาจแห่งสมาธิหรือธรรมะไม่ ท่านสามารถจักเดินรอบพระสุเมรุครบสี่ทิศ ภายในเวลาชั่วพริบตา ไปทุกแห่งหนที่ท่านต้องการอย่างทันทีทันใด เพียงชั่วขณะที่ท่านครุ่นคิดกำหนดถึงมัน หรือเพียงชั่วเวลามนุษย์เรา ยืดแขนเข้าและออก ทว่าอำนาจวิเศษเหล่านี้ไม่น่าพึงพอใจ อย่าใส่ใจกับมัน บัดนี้ท่านสามารถจะโอ้อวดได้อย่างไร้ความกังวล สามารถ กระทำทุกสิ่งดั่งใจปรารถนา จงตั้งสติให้มั่นคงและนึกถึงแต่คำสอนของคุรุประจำตน
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ' แลเห็นโดยนัยน์ตาอันบริสุทธิ์ของทวยเทพที่มีคุณลักษณ์อย่างเดียวกัน ' หมายความว่า บุคคลผู้ที่กำลังจะไปเกิด ในสภาพใด ย่อมแลเห็นผู้อื่นที่ร่วมภพภูมิเดียวกัน หากเขาจะจุติไปเกิดเป็นเทวดาย่อมแลเห็นหมู่เทวดา จงอย่าข้องแวะกับอำนาจวิเศษนี้ เพ่งสมาธิระลึกถึงแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เปี่ยมด้วยความกรุณา การแลเห็นด้วยนัยน์ตาบริสุทธิ์ของทวยเทพยังอาจมีนัยถึง การแลเห็นโดย อาศัยอำนาจอันบริสุทธิ์จากฌานสมาบัติหรือสมาธิชั้นสูงด้วยเช่นกัน ซึ่งมิได้เกิดจากอำนาจวิเศษของเหล่าทวยเทพ ซึ่งนั้นย่อมหมายถึงว่า มันอาจไม่ดำรงอยู่ตลอดเวลา หากพวกเขาเพ่งจิต เขาย่อมแลเห็นได้ แต่หากสมาธิของเขาถูกรบกวนแล้ว การแลย่อมปราศนาการไป
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล โดยความอาลัยต่อร่างเดิม ท่านจะแลเห็นบ้านเรือนและครอบครัวของท่านอีก คล้ายดังว่าท่านได้พบกับพวกเขาในความฝัน ทว่าแม้ท่านจะทำการสนทนาเจรจากับพวกเขา เขาก็จะไม่ตอบรับพูดคุยกับท่าน ญาติมิตรและครอบครัวของท่านจะพากัน คร่ำครวญโศกศัลย์ ท่านจะฉุกคิดว่า " นี่ฉันตายไปแล้วแน่นอนหรือนี่ ฉันจะทำประการใดต่อไปดี แล้วท่านจะรู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัสดุจดัง ปลาน้อย เกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นทรายร้อนระอุ แต่ในขณะนี้ความเจ็บปวดก็หามีประโยชน์ใดไม่ ถ้าท่านมีคุรุประจำตน จงขอที่พึงในท่าน เหล่านั้น หรือยึดเอาเหล่ายิดัม หรือพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เปี่ยมด้วยกรุณา แม้ว่าท่านจะผูกพันอยู่กับญาติมิตรก็ไร้ประโยชน์ อย่าสร้างความ ผูกพันใด ๆ ให้ยึดถือแต่องค์พระมหามุนี ท่านจะปราศจากซึ่งความกลัวและความทุกข์
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล เมื่อท่านถูกพัดพาด้วยสายลมกรรโชกแห่งผลกรรม จิตของท่านจะปราศจากเครื่องยึดเหนี่ยวหมุนวนดุจพายุ สลาตัน ควบคุมและบังคับมิได้ ลอยเคว้งคว้างดุจขนนกบางเบา ท่านจะกล่าวกับผู้ที่กำลังเศร้าโศกว่า ' ฉันอยู่ที่นี่แล้ว อย่าร่ำไห้ไปเลย ' ทว่าพวกเขากลับไม่ได้ยินท่านเลย ดังนั้นท่านจะฉุกคิดได้ว่า ' ฉันได้ตายไปแน่แล้วหรือนี่ ' ความปวดร้าวจะโถมทับท่าน อย่าทนทรมาณ เยี่ยงนี้เลย ตลอดเวลาจะมีหมอกควันสีเทาประดุจ ดังแสงสีเทาในรุ่งอรุณแห่งฤดูใบไม้ผลิ ทั้งยามกลางวันและกลางคืน ภาวะเช่นนี้ ในบาร์โดแห่งการเกิดจะปรากฏอยู่เป็นเวลา หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก หรือ เจ็ดสัปดาห์ ประมาณ ๔๙ วัน ซึ่งก็ไม่ใช่ตัวเลขตายตัวนัก ขึ้นอยู่กับอิทธิพลจากผลกรรมเป็นใหญ่
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ในเวลานี้พายุร้ายแห่งผลกรรมอันน่ากลัว ด้านทานมิได้ จะควงพัดอย่างเกรี้ยวกราด และโจมตีท่านจากด้านหลัง อย่าหวาดกลัวมัน มันเป็นเพียงนิมิตอันสับสนจากจิตท่านเอง เป็นความมืดมนอันหนักหน่วง น่าสะพรึงกลัวไม่อาจขัดขืนได้ มีเสียงขู่กรรโชก อันน่าพรั่นพรึงว่า ' โจมตี ' และ ' สังหาร ' อย่าหวาดกลัวเป็นอันขาด สำหรับในบุคคลที่ได้ประกอบซึ่งอนันตริยกรรม ปิศาจที่กัดกินเลือดเนื้อ จะปรากฏขึ้นจากวิบากกรรม ถือศาสตราวุธมากมาย โห่ร้องดังยามสงคราม ตะโกนกู่ฆ่าฟัน ท่านจะรู้สึกเหมือนถูกไล่ล่าโดยสัตว์ป่าอันดุร้าย หลากชนิด ถูกไล่ตามโดยกองทัพมหึมา ในหิมะ สายฝน พายุ และความมืด เสียงภูผาจะสั่นไหว สายน้ำจะทะลัก พระเพลิงจะลุกลามและ พายุร้ายจะโอบล้อม ในความหวาดกลัวท่านจะหลบหนีไปในทุกที่ที่เป็นไปได้ แต่แล้วหุบเหวจะปรากฏ มีสามสี คือ แดง ขาว และดำ ลึกและอันตราย ท่านจะพลัดตกลงไปหาพวกเขา
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล เงื้อมผานั้นมิใช่ของจริง เป็นสัญลักษณ์ของความก้าวร้าว อารมณ์ปรารถนา และอวิชชา เมื่อท่านระลึกได้ว่า กำลังตกอยู่ในบาร์โดแห่งการเกิด และร้องเรียกหานามแห่งพระผู้ทรงไว้ซึ่งความกรุณา ท่านจะได้รับการช่วยเหลือ " โอพระผู้มีพระภาคเจ้ผู้ทรงไว้ซึ่งความกรุณา คุรุของข้าน้อย องค์พระรัตนตรัยอันประเสริฐ อย่าปล่อยให้ข้าถูกผจญและพลัดตกสู่นรกเบื้องต่ำเลย " จงเพ่งพินิจ อย่างแรงกล้าเยี่ยงนี้ อย่าลืมเป็นอันขาด


หัวข้อ: Re: คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead] ช่วงสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: มดเอ๊ก ที่ 24 เมษายน 2557 13:21:20
(http://artspiral.org/images/Chenrezig22_1.jpg)

*ภาพองค์เชนเรสิก 1000 กร หรือ พระอวโลกิเตศวรพันมือ  ศิลปะธิเบต


ในกรณีของบุคคลที่ได้ประกอบคุณงามความดี เปี่ยมคุณธรรมและปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง ความร่าเริงปีติสุขจะมาเชิญเชื้อเขา ความสดใส งดงามเริงรื่นและความศักดิ์สิทธิ์นานับประการจะประกาศให้ท่านได้รับรู้ ในกรณีบุคคลที่โง่งมและหมักหมมด้วยอวิชชา ที่ไม่คยประกอบกรรมดีและกรรมชั่ว พวกเขาย่อมไม่ประสบทั้งความปีติสุขและความปวดร้าว มีเพียงแต่อวิชชาและความโง่งมเท่านั้นที่จะปรากฏขึ้น ไม่ว่าเหตุการณ์ใดจะปรากฏต่อหน้าท่านก็ตาม อย่าหลงใหลหรือข้องแวะกับมันเป็นอันขาด จงถวายมันแก่เหล่าคุรุและ องค์รัตนตรัย ละเว้นจากความปรารถนาและข้องแวะติดพันในใจของท่าน ถ้าเหตุการณ์อันเปี่ยมด้วยความโง่งมปรากฏขึ้น โดยปราศจากความปีติสุขหรือความปวดร้าวก็ตามที จงผ่อนพักจิตของท่านในภาวะมหาสัญลักษณ์คือ ภาวะที่ว่างจากสมาธิภาวนา และปลอดจากความฟุ้งซ่าน
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ในเวลานี้ สะพาน วิหาร และอาราม กระท่อม สถูป และสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ จะปรากฏขึ้นคุ้มหัวท่านชั่วขณะ แต่ท่านไม่อาจพักอยู่ที่นั้นได้เนิ่นนาน เป็นเพราะว่าจิตของท่านได้ถูกแยกออกจากกายจนท่านไม่อาจตั้งมันขึ้นได้ใหม่ ท่านรู้สึกโกรธเกรี้ยว และเหน็บหนาว วิญญาณดูบางเบา มีความเร็วสูงล่องลอยและไม่มั่นคง ครั้นแล้วท่านจะคิดว่า " อา บัดนี้ข้าได้ตายไปแล้ว ข้าจะทำอะไรต่อไปดี " ครั้นคิดเช่นนี้ดวงใจของท่านจะว่างเปล่าลงดุจห้องว่างและหนาวเย็นลงในฉับพลัน ท่านจะรู้สึกถูกบีบคั้น เจ็บปวดเหลือประมาณ จนท่านต้องเคลื่อนย้ายตำแหน่งไปเรื่อย ๆ ไม่อาจหยุดยั้งลงที่ใด จงจำไว้ว่า อย่าเก็บกักความคิดใด ๆ แต่จงพักพิงจิตอยู่ในภาวะปกติตามธรรมชาติ
 
บัดนี้เป็นเวลาที่ท่านจะไม่ได้รับประมานอาหาร เว้นแต่อาหารที่เขาอุทิศให้ท่านเท่านั้น ไม่มีมิตรสหายผู้ใดปรากฏร่วมทางกับท่าน สิ่งหล่านี้เป็นสัญลักษณ์แห่งกายทิพย์อันเร่ร่อนอยู่ในบาร์โดแห่งการแปรเปลี่ยน ในเวลานี้ความสุขและความปวดร้าวได้ถูกกำหนดขึ้นจากผลกรรมของท่าน ท่านจะแลเห็นบ้านเกิด มิตรสหาย ญาติพี่น้องและศพของท่านเอง ท่านจะครุ่นคิดว่า ' บัดนี้ฉันได้ตายไปแล้ว ฉันจะทำประการใดต่อไปดี ' กายทิพย์ของท่านจะเจ็บปวดยิ่งนัก ท่านจะคิดว่า ' ทำไมฉันไม่แสวงหาร่างใหม่เล่า ' ครั้นแล้วท่านจะ เดินทางไปในทุกแห่งหนเพื่อค้นหาร่างกายใหม่ ท่านจะพยายามกลับเข้าร่างเดิมถึงเก้าครั้ง แต่ความนาวเย็นจะทำให้ศพของท่านเย็นชืด ส่วนความร้อนก็จะทำให้ศพเน่าเปื่อย หรือมิฉะนั้นญาติมิตรของท่านอาจทำการเผาหรือฝังมันในป่าช้าก็เป็นได้และอาจปล่อยให้เป็นเหยื่อ ของนกกาหรือสัตว์ป่า เพราะช่วงเวลาได้ล่วงเลยมายาวนานนับแต่การผ่านพ้นไปในบาร์โดแห่งธรรมดา ดังนั้นท่านจะมิมีที่ใดให้พักพิงในบาร์โด ท่านจะเสียใจยิ่งนัก และมีความรู้สึกปวดร้าวประดุจถูบบีบรัดด้วยหินผา ความเจ็บปวดดังกล่าวนี้คือคุณลักษณ์ แห่งบาร์โดของการแปรเปลี่ยน แม้ว่าท่านจะเสาะหาร่างกายเพื่ออาศัย ท่านก็จะได้แต่ความปวดร้าวเป็นผลตอบแทน ดังนั้นจงปล่อยวาง ความปรารถนาในร่างกายและพักพิงในความว่างอย่างแน่วแน่
 
 
" เมื่อได้รับการชี้แนะดังกล่าวนี้ ย่อมบรรลุถึงการหลุดพ้นจากบาร์โด กระนั้นก็ตามที ทั้ง ๆ ที่ได้รับการชี้แนะท่านก็ยังไม่อาจระลึกได้ ทั้งนี้เพราะอกุศลกรรมอันร้ายแรง ถึงตอนนี้ผู้อ่านควรขานหรือเรียกชื่อผู้ตาย และกล่าวถ้อยคำต่อไปนี้
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ( ชื่อ ) จงฟังทางนี้ เป็นเพราะกรรมท่านเอง จึงทำให้ท่านทุกข์ทรมาณ ท่านไม่อาจกล่าวโทษผู้ใดได้ มันเป็นเพราะกรรมของท่าน ดังนั้น บัดนี้จงขอที่พึ่งในพระรัตนตรัยอย่างแน่วแน่ ซึ่งจะคุ้มครองท่าน ถ้าท่านไม่ทำเช่นนี้ และไม่รู้จัก สมาธิมหาสัญลักษณ์ และไม่เพ่งจิตต่อองค์ยิดัมของท่าน มโนธรรมในจิตท่าน จะรวบรวมกุศลกรรมทั้งหมดของท่านและนับด้วยอาศัย เมล็ดกรวดสีขาว ส่วนความรู้สึกต่ำช้าในตัวท่าน จะรวบรวมอกุศลทั้งหมดของท่านและนับด้วยก้อนกรวดสีดำอันทำให้ท่านสั่นกลัวและ กล่าวคำโกหกว่า ' ฉันไม่เคยประพฤติตนต่ำช้า ' ครั้นแล้ว พญยมราชจะกล่าวว่า ' ข้าดูผลการกระทำในอดีตของท่านจากในกระจก ' และเมื่อพญายมได้มองเข้าไปในกระจกแห่งวิบากกรรม ทั้งบาปและคุณงามความดีของท่านจะปรากฏขึ้นโดยฉับพลัน แจ่มชัดและคมกริบ ดังนั้น แม้ท่านจะโกหกก็ไร้ประโยชน์ ยมทูตจะนำท่านไป เอาเชือกพันรอบคอ บั่นศีรษะของท่านให้ขาดออกจากร่าง ขยี้หัวใจของท่าน ให้เป็นผุยผง ดึงตับไตไส้พุง เลียสมองของท่าน ทว่าท่านกลับไม่ตาย แม้ว่าท่านจะถูกสับแล่ออกเป็นชิ้น ๆ ก็ตาม ท่านก็จะฟื้นคืนชีพ ขึ้นมาใหม่
 
" การถูกสับแล่ครั้งแล้วครั้งเล่าก่อให้เกิดความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส อย่าไหวหวั่น เมื่อเม็ดกรวดสีขาวถูกตรวจนับ อย่าโกหก อย่าหวั่นเกรงท่านท้าวยมราช เพราะว่าท่านมีกายทิพย์ ท่านจึงไม่สามารถตายแม้จะถูกสังหารและแล่เป็นต้น ท่านเป็นความว่างเปล่าตาม ธรรมชาติเดิม ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว ท้าวยมราชก็เป็นความว่างเปล่าตามธรรมชาติ เป็นนิมิตอันสับสนจากใจท่านและ ท่านก็เป็นความว่างเปล่า เป็นกายทิพย์แห่งความฝักใฝ่อันไร้สำนึก ความว่างย่อมไม่อาจทำอันตรายต่อความว่างได้ สิ่งที่ไร้คุณลักษณ์ย่อมไม่ อาจทำอันตรายสิ่งที่ไร้คุณลักษณ์ พญายมราช เทวดา ภูติผี ปิศาจศีรษะวัว และเหล่านิมิต ไม่มีคุณสมบัติใดที่ต่างไปจากนิมิตอันสับสน จากจิตท่านอยู่ ดังนั้นพึงระลึกให้ได้ว่านี้คือ สภาวะการณ์ในบาร์โดเท่านั้น


หัวข้อ: Re: คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead] ช่วงสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: มดเอ๊ก ที่ 24 เมษายน 2557 13:21:57
(http://www.iloveulove.com/images/maitreya2.jpg)
* ภาพพระไมตรียะ หรือ พระศรีอาริยเมตไตรย ศิลปะทังก้า ธิเบต




จงบำเพ็ญจิตภาวนา ต่อมหาสัญลักษณ์ หากท่านไม่ทราบว่าจะเริ่มทำสมาธิอย่างไรดี จงมองดูอย่างพินิจที่ธรรมชาติของสิ่งอันก่อความ หวาดกลัวแก่ท่าน และท่านจะได้พบกับความว่างที่ไร้ธรรมชาติแน่นอน สิ่งนี้มีนามว่า ธรรมกายสภาวะ ทว่าความว่างเช่นนี้มิได้หมายถึง การปฏิเสธความดำรงอยู่ ธรรมชาติของมันนั้นน่ากลัว ส่วนจิตที่มีความตื่นตัวและแจ่มใส ได้แก่จิตแห่งสัมโภคกาย ความว่างและ ความสว่างสุกใสหาใช่สิ่งที่แตกต่างกัน ธรรมชาติของความว่างได้แก่ความสุกใส และธรรมชาติของความสุกใสได้แก่คามว่าง บัดนี้ ความว่าง - ความสุกสกาวอันแยกขาดกันไม่ได้ หรืออีกนัยหนึ่งคือจิตอันเปลือยเปล่าได้ถูกเปลื้องออกในที่โล่งแจ้ง และดำรงอยู่ ในสภาวะดั้งเดิม อันได้แก่ สวาภาวิกากาย และพลังอำนาจของมันตามธรรมชาติก็อุบัติในทุกแห่งหนโดยปราศจากสิ่งกีดขวาง สิ่งนี้ได้แก่ นิรมาณกายอันเปี่ยมด้วยกรุณาคุณ
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยกุล จงยึดเอาหนทางเหล่านี้อย่าแชเชือน ทันทีที่ท่านระลึกได้ ท่านจะเข้าถึงภาวะตรัสรู้อันยิ่งในจตุรกาย อย่าหวั่นไหว เพราะนี้คือเขตแดนแบ่งแยกระหว่างสรรพสิ่ง ผู้ระทมทุกข์และเหล่าพระพุทธองค์ในอดีต มีโศลกกล่าวถึงชั่วขณะนี้ว่า
 
เพียงพริบตา พวกเขาก็แยกออกจากกัน
เพียงพริบตา การตรัสรู้ประจักษ์แจ้งก็บังเกิด
 
" จนถึงยามเมื่อวานนี้ ท่านยังตกอยู่ในความสับสน แม้ว่าเหตุการณ์ในบาร์โดมากมายจักบังเกิดขึ้นท่านก็กลับไม่รับรู้มัน และกลับบังเกิด ความหวาดกลัวอย่างยิ่ง ถ้าท่านสับสนในตอนนี้พันธะผูกพันแห่งกรุณาคุณจะถูกตัดขาดและท่านจะพลัดตกไปยังสถานที่ที่ไม่มี การปลดปล่อยใด ๆ ดังนั้น จงระแวดระวังให้ดี "
เมื่อได้รับการชี้แนะดังนี้ แม้ว่าผู้ตายจะไม่ทำการระลึกได้ในก่อนหน้านี้ เขาจะตระหนักรับรู้ได้ในยามนี้เองและเข้าสู่ภาวะวิมุตติสุข แต่หากเขาเป็นปุถุชนผู้ไม่ล่วงรู้ถึงกลวิธีแห่งสมาธิจิตเช่นนี้ ผู้อ่านพึงกล่วถ้อยคำต่อไปนี้
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริสกุล " ถ้าท่านไม่รู้วิธีการทำเพ่งพินิจดังกล่าว จงระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และองค์พระอวโลกิเตศวรเจ้า ผู้เปี่ยมด้วยความกรุณาอย่างยิ่ง พึงยึดท่านเหล่านี้เป็นที่ระลึก แล้วเพ่งพินิจว่าภาพสะท้อนอันแสนน่าสะพรึงกลัว นั้นคือองค์พระอวโลกิเตศวรเจ้า หรือองค์ยิดัมประจำตัวท่าน จงระลึกถึงคุรุของท่านให้ได้ รวมทั้งคำสอนอันลึกลับที่ได้ถ่ายทอดแก่ท่าน ครามีชีวิตอยู่ และกล่าวออกไปแก่ราชันย์ผู้ทรงธรรมพญายมราช แล้วแม้ว่าท่านจะพลัดตกสู่หุบเหวท่านก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลย จงระงับความหวาดกลัวและความหวั่นไหวเสีย "
 
เมื่อได้รับการชี้แนะด้วยถ้อยคำดังกล่าวนี้ แม้ว่าผู้ตายจะไม่ได้รับการปลดปล่อยมาก่อนหน้านี้ เขาก็จะได้รับการปลดปล่อยในยามนี้นี่เอง แต่ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน ที่เขาอาจหลงลืมและไม่ได้รับการปลดปล่อยจากประสบการณ์ จึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่ต้องพยายามอีกครั้ง ดังนั้นผู้อ่านต้องเรียกชื่อผู้้้้ตายอีกครั้ง และกล่าวถ้อยคำต่อไปนี้
 
" ประสบการณ์ในขณะนี้จะกระชากท่านสู่ภาวะปีติและปวดร้าวสลับไปมาแทบทุกขณะจิต คล้ายดังแรงส่งของกลไกปืน ดังนั้นจงอย่าสร้าง อารมณ์ปรารถนาหรือก้าวร้าวใด ๆ ขึ้นเป็นอันขาด
 
" ถ้าท่านจะได้ไปเกิดยังภูมิชั้นสูง ในขณะที่กำลังจะไปอยู่ในภูมินั้นเอง หากญาติพี่น้องท่านในสถานที่ที่ท่านจากมาได้ทำการบูชายันสัตว์ จำนวนมากเพื่ออุทิศผลให้แก่ผู้ตาย ความคิดอันไม่บริสุทธิ์จะอุบัติขึ้นในตัวท่านและท่านจะรู้โกรธเกรี้ยวอย่างรุนแรงอันจะทำให้ท่านต้อง ไปเกิดเป็นสัตว์นรก ดังนั้นไม่ว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นในที่ที่ท่านจากมา จงอย่ามีความโกรธแค้นเป็นอันขาด แต่จงเน้นสมาธิอยู่แต่ความกรุณา
 
" ถ้าท่านเกิดยึดติดกับทรัพย์สมบัติที่ได้ทิ้งไว้เบื้องหลังหรือเกิดความรู้สึกหวงแหน โดยล่วงรู้มาว่า มีบุคคลอื่นจะได้ครอบครองบ้าน และเสพสุขจากมันแทนท่านแล้ว ท่านเกิดโกรธเกรี้ยวบุคคลที่ท่านได้จากมา แน่นอนว่ามันย่อมเป็นเหตุทำให้ท่านได้ไปเกิดเป็นสัตว์นรก หรือเปรตอันหิวโหย แม้ว่าท่านกำลังจะได้ไปเกิดในภพชั้นสูงก็ตาม จำไว้เสมอว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น การข้องแวะติดยึดในทรัพย์สมบัติ นั้นไม่มีประโยชน์ เพราะท่านไม่อาจจะครอบครองมันได้อีก จงระงับเสียซึ่งความปรารถนาและไขว่คว้าในทรัพย์สมบัติทั้งปวง จงทิ้งมันไป ทำการตัดสินใจให้แน่วแน่ ไม่ว่าใครจะเป็นของคนต่อไปก็ตามที ปล่อยให้มันดำเนินไปตามครรลอง อย่าหวงแหนอยู่เลย จงทำในใจด้วยจิตเป็นหนึ่งเดียวว่า ท่านกำลังถวายสิ่งเหล่านั้นให้แก่รัตนตรัยและดำรงอยู่ในสภาวะไร้ความปรารถนาใด ๆ
 
" เมื่อพิธีกรรม สำหรับผู้ตายถูกประกอบขึ้นเพื่อท่าน และการชำระล้างต่อภพภูมิอันต่ำช้าถูกจัดทำขึ้นเพื่อท่าน โดยอาศัยประสาทสัมผัส เหนือมนุษย์อันละเอียดอ่อน ที่มีผลจากกรรมของท่านเอง ทำให้ท่านได้แลเห็นว่าพิธีกรรมนั้นทำโดยไม่บริสุทธิ์ เฉื่อยชา ไม่ใส่ใจทำอย่าง ลวก ๆ ปราศจากการอธิษฐาน ท่านจะรับรู้ได้ถึงการขาดศรัทธาและความไม่เชื่อมั่นในในคำสอน แลเห็นถึงอกุศลกรรมที่ทำขึ้นเพราะ ความหวาดกลัว และความมัวหมองแห่งพิธีกรรม ท่านจะคิดว่า ' ดูสิพวกเขากำลังหลอกลวงข้า ฯ ' ความคิดเช่นนี้จะทำให้ท่านเศร้าโศก เสียใจและสิ้นหวังท้อแท้ เมื่อถึงที่สุด ท่านจะไร้ศรัทธาอันบริสุทธิ์ นี้ย่อมเป็นเหตุทำให้ท่านตกไปสู่ภูมิอันต่ำช้า ความคิดเช่นนี้ไม่มีประโยชน์ ใดเลย แต่กลับก่อผลเลวร้ายขึ้นอีก ดังนั้นไม่ว่าพิธีกรรมจะถูกประกอบขึ้นดดยญาติมิตรที่ท่านทิ้งไว้เบื้องหลังจะมีมลทินสักเพียงใด จงครุ่นคิดอย่างเปี่ยมล้นด้วยศรัทธาและความเชื่อมั่นว่า " ภาพสะท้อนจากจิตของฉัน เป็นของเศร้าหมอง แต่จะมีความเศร้าหมองในถ้อยคำแห่งพระพุทธองค์ได้อย่างไร สิ่งเหล่านี้เกิดภาพสะท้อนอันสับสนจากจิตของฉันเอง เปรียบดังแลเห็นความบูดเบี้ยวของใบหน้า ในกระจก อันที่จริงแล้วสำหรับคนเหล่านั้นร่างของเขาคือพระสงฆ์ คำพูดของเขาคือพระธรรม จิตของเขาคือพุทธภาวะ ดังนั้น ข้า ฯ ขอถือเอาเป็นสรณะ ถ้าเป็นเช่นนั้นไม่ว่าจะมีพิธีกรรมเช่นใดประกอบขึ้นเพื่อท่าน มันก็จะช่วยเหลือท่าน เป็นการสำคัญมากที่จะมีความคิดอันบริสุทธิ์เยี่ยงนี้ อย่าลืมเป็นอันขาด
 
" ถ้าท่านกำลังจะไปเกิดในภูมิอันต่ำช้าสามภูมิ และขณะที่ท่านกำลังจะไปอยู่ภูมินั้นเอง ญาติพี่น้องของท่านที่ท่านได้ละทิ้งไว้เบื้องหลัง กำลังประกอบพิธีกรรมทั้งไตรทวารอันได้แก่ กาย วาจา ใจ ดังนั้น ท่านจึงรู้สึกปีติยินดีเป็นล้นพ้นเมื่อแลเห็นเช่นนั้น นี่จะเป็นเหตุให้ท่าน ได้ไปเกิดในภูมิชั้นสูงทันที แม้ว่าท่านกำลังจะเคลื่อนสู่ภูมิอันต่ำช้าก็ตาม ดังนั้นมันจึงช่วยท่านได้มาก เป็นการสำคัญที่ต้องนำคนให้ปลอดจากความคิดอันมัวหมอง หากให้มีศรัทธาอย่างบริสุทธิ์จริงใจไม่มีเคลือบแฝง จงตั้งใจให้ดี
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล จงบจนบัดนี้ จิตของท่านได้อยู่ในบาร์โดที่ปราศจากเครื่องพยุงค้ำ ดังนั้นมันจึงบางเบาและแกว่งไกว ไม่ว่าจะมีความคิดเช่นใดอุบัติขึ้น ทั้งดีและชั่วก็ตามมันจะทรมาณมาก ดังนั้นจงอย่าคิดถึงอกุศลกรรม จงระลึกถึงการปฏิบัติธรรม อันบริสุทธิ์ หากท่านไม่เคยฝึกฝนตนมาก่อน จงอุทิศตนอย่างจริงใจ และมีแต่ความคิดอันสว่างไสว จงขอยึดเอาองค์พระอวโลกิเตศวร ราชา และองค์ยิดัมผู้ทรงกรุณาอันไพศาล กล่าวท่องบทสวดอ้อนวอนเพื่อขอกำลังใจด้วยความแน่วแน่อย่างแรงกล้า
 
 
 
 
เมื่อแยกจากมิตรสหายอันเป็นที่รัก
ข้า ฯ เดินทางอย่างร่อนเร่โดดเดี่ยว
รูปลักษณ์อันว่างเปล่าของภาพที่สะท้อนออกจากตัวฉันได้ปรากฏขึ้น
ขอให้เหล่าพระพุทธองค์โปรดแผ่อำนาจแห่งกรุณามาถึง ข้า ฯ ด้วย
เพื่อที่ความน่าสะพรึงกลัวแห่งบาร์โดจะไม่มาสู่ข้า ฯ
เมื่อข้า ฯ ต้องผจญกับอำนาจจากอกุศลกรรม
ขอให้องค์ยิดัมของข้า ฯ ได้ขจัดเสียซึ่งความทุกข์ทรมาณ
เมื่อเสียงแห่งธรรมชาติคำรามขึ้นดังสายฟ้านานานับ
ขอให้มันกลับกลายเป็นเสียงสวดของอักขระหกตัว
เมื่อข้า ฯ ต้องติดตามวิบากกรรมไปโดยปราศจากผุ้ช่วยเหลือ
ขอให้องค์ผู้ทรงกรุณาอันแผ่ไพศาล ( อวโลกิเตศวร )
จงเป็นผู้ช่วยข้า ฯ ให้รอด
เมื่อข้า ฯ ได้ทนทุกข์จากกรรมแห่งอำนาจใฝ่ต่ำโดยไม่รู้สึกตัว
ขอให้สมาธิแห่งความปีติสุขและความสว่างไสวจงอุบัติขึ้น
 
 
 
จงสวดมนต์บทนี้อย่างเข้มแข็ง มันจะนำทางท่านในบาร์โด จงเชื่อมั่นในมันว่าจะไม่นำไปสู่ความหลอกลวงหรือล้มเหลว นี้เป็นสิ่งสำคัญมาก "


หัวข้อ: Re: คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead] ช่วงสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: มดเอ๊ก ที่ 24 เมษายน 2557 13:22:33
เมื่อคำชี้แนะเหล่านี้ผ่านไปแล้ว ผู้ตายจะจดจำและระลึกได้ และได้รับการปลดปล่อยในที่สุด แต่แม้นหากผู้ตายจะได้พยายามครั้งแล้วครั้งเล่า การระลึกได้ก็เป็นของยาก เพราะอิทธิพลจากอกุศลกรรมนานา ดังนั้นจึงเป็นการดีที่จะอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า จงเรียกชื่อของผู้ตาย และกล่าวถ้อยคำต่อไปนี้
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล หากท่านไม่เข้าใจว่าได้บังเกิดสิ่งใดขึ้นแล้ว นับแต่บัดนี้ร่างของท่านในกาลก่อนจะบางเบาลง และร่างของท่าน ในอนาคตเบื้องหน้าจะกระจ่างชัดขึ้น ครั้นแล้วท่านจะรู้สึกเศร้าเสียใจและคิดว่า ' สภาพเช่นนี้ช่างทุกข์ทรมาณนัก ดังนั้นฉันจะแสวงหา ร่างอยู่ไม่ว่าประเภทใดก็ตาม ' ครั้นแล้วท่านจะวิ่งพล่านไปเบื้องหน้า ไปด้านหลัง ไปยังทุกสิ่งที่ปรากฏขึ้น แสงทั้งหกแห่งภูมิทั้งหกจะ ฉายฉานและภูมิที่ท่านจะไปจุติอันเนื่องจากผลกรรมจะฉายฉานสว่างไสวที่สุด
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล จงฟัง หากท่านจะถามว่า แสงทั้งหกเป็นเช่นใดบ้าง แสงสีขาวคือภูมิแห่งเทพเทวา สีแดงเป็นภูมิแห่งอสูร สีน้ำเงินเป็นภูมิแห่งมนุษย์ สีเขียวเป็นภูมิแห่งเดรัจฉาน สีเหลืองเป็นภูมิแห่งเปรต หมอกควันเป็นภูมิแห่งนรก นี้คือแสงหกประเภท ในเวลานี้ร่างของท่านจะยึดเอาแสงของสถานที่ที่ท่านจะจากไปถือกำเนิด
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ในยามนี้แก่นแท้แห่งคำสอนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่ว่าแสงจากภูมิใดจะฉายฉาน จงแน่วแน่อยู่ในองค์ผู้ทรงไว้ซึ่งมหากรุณา จงเพ่งพินิจความคิดว่าเมื่อลำแสงปรากฏขึ้น นั่นคือองค์ผู้ทรงไว้ซึ่งมหากรุณา นี้คือประเด็นคำสอนอันลึกซึ้งที่สุด เป็นสิ่งสำคัญยิ่งและป้องกันการเกิดได้
 
" จงเพ่งสมาธิเป็นเวลานานในเทพที่เป็นองค์ยิดัมประจำตนว่าเป็นนิมิตที่ปราศจากธรรมชาติอันแท้จริงในตัวมันเอง เปรียบดังมายา อันมีนามเรียกขานว่า กายมายาอันบริสุทธิ์ ครั้นแล้วจงปล่อยให้องค์ยิดัมปลาสนาการไปจากภายในและพิงพักชั่วขณะในสภาวะสว่างสุกใส ว่างเปล่าซึ่งมิได้ประกอบขึ้นจากสิ่งใด จงเพ่งสมาธิเยี่ยงนี้สลับไปมา และภายหลังจากนั้นปล่อยให้ดวงจิตของท่านปลาสนาการไปจาก ภายใน ที่ใดมีอากาศธาตุที่นั้นมีดวงจิตและที่ใดมีดวงจิตที่นั้นมีธรรมกาย ( สภาวะตามธรรมชาติ ) จงพักผ่อนอยู่ในภาวะอันเรียบง่าย และปราศจากตัวตนแห่งธรรมกาย
 
ในสถานการณ์เช่นนี้การเกิดจะถูกขัดขวางและเขาจะกลายเป็นพุทธะผู้ตื่นแล้ว แต่ในบุคคลที่ผ่านการฝึกฝนมาเพียงเล็กน้อยและต่ำทราม และมิได้เชี่ยวชาญในวิปัสสนาญาณย่อมไม่อาจทำความเข้าใจในสาระสำคัญของคำสอน และจะยังดำรงความสับสนไว้ในตน ออกเร่ร่อน ไปจนถึงทางเข้าแห่งครรภ์มารดร ด้วยเหตุนี้คำแนะนำเพื่อปิดทางเข้าสู่ครรภ์อุทรจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ดังนั้นผู้ประกอบพิธีจึงควรเรียกชื่อ ของผู้ตายและกล่าวถ้อยความต่อไปนี้
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ถ้าท่านไม่อาจระลึกถึงสิ่งที่เกิดก่อนหน้านี้ ท่านจะรู้สึกว่ากำลังถูกดูดขึ้นลงหรือกวัดแกว่งไปมาโดยอิทธิพลของวิบากกรรม ดังนั้นในเวลานี้จงเพ่งสมาธิไปที่องค์พระอวโลกิเตศวรเจ้า และจดจำถ้อยความเหล่านี้ให้จงได้
 
" ต่อจากนี้ ท่านจะได้ประสบกับบรรยากาศอาการดังที่ได้พรรณามาแล้ว ทั้งพายุ ลมกรด พายุหิมะ และพายุจากนรกชั่ว ความมืด จะครอบคลุมในทุกแห่งหน ชายฉกรรจ์จำนวนมากจะออกไล่ล่าท่าน ท่านจะหนีจากเขาพ้นไปได้ บุคคลที่ปราศจากกุศลกรรมจะรู้สึก เหมือนถูกผลักไสไปยังสถานที่อันทุกข์ทรมาณ ในขณะที่บุคคลผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรมจะรู้สึกดังได้ประสบกับสถานที่อันเปี่ยมด้วยความสุข
 
" ในเวลานี้ ทายาทแห่งอริยสกุล สัญญาณทั้งปวงแห่งดินแดนและแห่งหนที่ท่านจะไปเกิดจะปรากฏขึ้น ดังนั้นจงฟังคำข้า ฯ อย่าแชเชือน มีประเด็นสำคัญอยู่ในคำสอนต่อไปนี้ แม้ว่าท่านจะไม่ได้ทำความเข้าใจในความลับแห่งการระลึกได้มาก่อนก็ตาม และแม้ว่าท่านจะเป็น บุคคลที่มีการฝึกฝนในระดับต่ำ ท่านก็อาจจะได้รับประโยชน์ล้ำค่าในตอนนี้ ดังนั้น ตั้งใจฟังคำข้า ฯ ให้แน่ชัด
 
" ในยามนี้ การปิดหนทางเข้าสู่ครรภ์มารดาเป็นเรื่องสำคัญมาก มีวิธีดำเนินการอยู่สองวิธีด้ยกันคือ หนึ่ง หยุดยั้งบุคคลที่จะล่วงสู่ครรภ์ อุทรเสีย สอง ปิดทางเข้าที่ถูกเลือกเสีย ในตอนนี้ท่านจะได้รับคำสอนที่ใช้ในการหยุดยั้งบุคคลผู้ที่กำลังจะล่วงเข้าไป
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ( ชื่อ ) จงสร้างนิมิตแห่งองค์ยิดัมประจำตนให้แจ่มชัด ทำความตระหนักรู้ว่านั้นคือนิมิตที่ปราศจากแก่นสาร แน่นอนในตัวเอง เปรียบประดุจดังภาพมายาหรือเงาจันทร์ในสายน้ำ ถ้าท่านไม่มีองค์ยิดัมประจำตนให้เพ่งนิมิตที่องค์พระอวโลกิเตศวรเจ้าแทน สร้างนิมิตให้ใสกระจ่าง ครั้นแล้วจงปล่อยให้องค์ยิดัมนั้นเลือนหายไปในกาย และเพ่งสมาธิจิตไปที่ความสว่างไสวอันว่างเปล่า โดยปราศจากเรื่องราวความคิดใด ๆ นี่คือเคล็ดวิธีอันลึกซึ้ง กล่าวกันว่าโดยอาศัยวิธีนี้ ครรภ์อุทรจะถูกกั้นมิให้ผ่านเข้าไป ดังนั้น จงเพ่งสมาธิเยี่ยงนี้ให้ได้ผล
 
" ทว่า หากวิธีนี้ไม่อาจหยุดยั้งท่านลงได้ และท่านเกือบจะผ่านเข้าสู่ครรภ์อุทรอยู่แล้ว ยังมีคำสอนอันลึกซึ้งที่จะใช้ปิดทางเข้าสู่การเกิดได้ จงฟังตามให้ดี ท่องตามข้า ฯ ถ้อยคำเหล่านี้มีที่มาจาก " วลีสำคัญแห่งบาร์โดสภาวะ "
 
บัดนี้เมื่อบาร์โดแห่งการแปรเปลี่ยนได้ปรากฏขึ้น เบื้องหน้าข้า ฯ
 
ข้า ฯ จะเพ่งจิตแน่วแน่มิหวั่นไหว
และจะวิริยะบากบั่นในการสืบทอดผลจากกุศลกรรม
ปิดเสียซึ่งทางเข้าสู่ครรภ์มารดาและขัดขืน
ยามนี้ ความอดกลั้น และความคิดอันสว่างไสวเป็นที่ต้องการยิ่ง
ข้า ฯ จะละทิ้งความริษยาทั้งปวงลงและเพ่งสมาธิแน่วแน่แต่องค์คุรุและองค์ศักติ ฯ
 
 
จงกล่าวถ้อยคำเหล่านี้อย่างชัดเจน เพื่อปลุกเร้าความทรงจำ เป็นเรื่องสำคัญมากที่ควรจะกำหนดสมาธิแน่วแน่ที่ความหมายของมัน และนำไปปฏิบัติ


หัวข้อ: Re: คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead] ช่วงสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: มดเอ๊ก ที่ 24 เมษายน 2557 13:23:10
" ความหมายของคำว่า ' บัดนี้ เมื่อบาร์โดแห่งการแปรเปลี่ยนได้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าข้า ฯ ' หมายความว่า บัดนี้ท่านเองได้เร่ร่อนอยู่ในบาร์โดแห่งการแปรเปลี่ยน สัญญาณบ่งบอกนั้นได้แก่ ถ้าท่านจ้องมองลงบนผิวน้ำท่านจะไม่แลเห็นตัวท่านเลย อีกทั้งร่างของท่านยัง ปราศจากเงาประจำกาย บัดนี้กายเนื้ออันกอปรด้วยโลหิตและมังสะไม่ได้ดำรงอยู่อีกต่อไป เหลือเพียงแต่สัญญาณแห่งกายทิพย์ที่ร่อนเร่ อยู่ในบาร์โดแห่งการแปรเปลี่ยน ดังนั้นบัดนี้ท่านจะต้องแน่วแน่อยู่ในอารมณ์เป็นหนึ่ง การรวบรวมจิตไปที่จุดเดียวเป็นเรื่องสำคัญมาก เปรียบประดุจดังการควบคุมม้าด้วยบังเหียน หากท่านมุ่งจิตไปยังเรื่องใดมันจะอุบัติเป็นตัวคนขึ้น ดังนั้นจงอย่าพะวงคิดถึงเรื่องราวชั่วร้าย เป็นอันขาด จงระลึกถึงแต่ถ้อยความอันทรงคุณค่า พระธรรมสิ่งที่ได้เล่าเรียนมา รวมทั้งพระสูตร อันทรงคุณานูปการ ตัวอย่างเช่น พระสูตร " วิมุตติโดยการสดับฟัง " เป็นต้น ที่ท่านได้รับการสั่งสอนในโลกมนุษย์ และจงพยายามอิงแอบอยู่กับผลแห่งกรรมดีอันเป็น เรื่องสำคัญมาก อย่าลืมเป็นอันขาด อย่าหวั่นไหวใด ๆ ช่วงเวลาที่แบ่งแยกระหว่างการก้าวขึ้นสู่หรือร่วงหล่นสู่ที่ต่ำได้มาถึงแล้ว หากท่านแค่ได้พลัดหล่นไปในความเกียจคร้านเพียงพริบตา ท่านจะทนทรมาณนานนับกัปกัลป์ แต่หากท่านสามารถสำรวมจิตเป็นหนึ่งได้ ท่านจะมีความสุขตลอดกาล จงเพ่งจิตเป็นหนึ่งเดียวและอิงแอบอยู่ในกุศลกรรม
 
 
บัดนี้เวลาที่จะต้องปิดทางเข้าสู่ครรภ์อุทรได้มาถึงแล้ว นี่คือคำสอน
 
จงปิดทางเข้าสู่ครรภ์มารดรและคิดต้านทานขัดขืน
ความพากเพียรวิริยะและความคิดอันประภัสสรเป็นสิ่งสำคัญมาก
 
 
ช่วงเวลาวิกฤตได้มาถึงแล้ว ในชั้นแรกทางเข้าสู่ครรภ์มารดรจะถูกปิดลง และมีวิธีการอยู่ห้าประการในการปิดกั้นมัน จงทำความเข้าใจให้ดี
 
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ในเวลานี้ภาพสะท้อนของชายหญิงที่เสพสังวาสกันจะปรากฏขึ้น เมื่อท่านแลเห็นพวกเขา อย่าได้มุ่งเข้าไปเป็นอันขาด ให้ท่านสร้างนิมิตว่า ชายหญิงทั้งคู่นั้นคือตัวแทนแห่งองค์คุรุและองค์ศักติประจำตน ท่านเองจงหมอบกราบทำความเคารพ และถวายเครื่องบูชาด้วยศรัทธาแรงกล้าและขอรับคำสอนสั่ง ขณะที่ท่านตั้งใจแน่วแน่อยู่ในความคิดนี้ ทางผ่านสู่ครรภ์มารดรจะถูกปิดลงเป็นแน่
 
 
" ทว่าหากหนทางนี้ไม่อาจสัมฤทธิ์ผลลงได้ และตัวของท่านจวนจะผ่านไปเกิดแล้ว จงเพ่งสมาธิที่องค์คุรุและศักติว่าคือองค์ยิดัมประจำ ตนท่าน หรือเป็นองค์พระอวโลกิเตศวรเจ้าและชายา ถวายเครื่องบูชาแด่เทพเหล่านี้อย่างเต็มใจ โดยศรัทธาแรงกล้า ท่านจงวอนขอท่านช่วย นำสู่ภาวะตรัสรู้ นี้จะปิดทางเข้าสู่ครรภ์มารดร
 
 
" แต่แม้นว่าหนทางนี้ไม่สัมฤทธิ์ลง และท่านเกือบจะพลัดตกสู่ครรภ์มารดรแล้ว นี่คือคำแนะนำขั้นที่สามเพื่อหันเหจิตใจออกจากความ ปรารถนาและความก้าวร้าว การเกิดนั้นแบ่งออกเป็นสี่ประเภทด้วยกัน คือ หนึ่งเกิดจากไข่ สองเกิดจากมดลูก สามเกิดเอง สี่เกิดจาก ความเปียกชื้น ทั้งสี่ประเภทนี้ การเกิดจากไข่และเกิดจากมดลูกนั้นคล้ายคลึงกัน จากนิมิตก่อนหน้านี้ของชายหญิงคู่หนึ่ง หากท่านได้ เข้าสู่มดลูกในช่วงเวลานั้นตามอำนาจความโกรธและความปรารถนา ท่านย่อมไปเกิดเป็นม้า นก สุนัข มนุษย์ และสัตว์อื่น ๆ ไม่ว่าท่าน จะไปเกิดเป็นสัตว์ประเภทใดก็ตามที หากท่านจะถือกำเนิดเป็นบุรุษเพศ ท่านจะรู้สึกว่าตนเองเป็นบุรุษโดยพลันและรู้สึกโกรธเคืองตัวบิดา อย่างรุนแรง และรู้สึกปรารถนาในตัวของมารดา หากท่านจะเกิดเป็นสตรีท่านจะรู้สึกอิจฉาและริษยา อาฆาตต่อมารดา และเกิดคามต้องการ ในตัวบิดาอย่างยิ่ง สิ่งเหล่านี้จะชักจูงท่านเข้าสู่ครรภ์มารดร หลังจากนั้นท่านจะรู้สึกเป็นสุขเมื่อเชื้ออสุจิและรังไข่ได้มาประสบรวมตัวกัน ครั้นแล้วท่านจะสิ้นสติไป ไข่อ่อนจะขยายขนาด กลมขึ้น ๆ และก่อตัวเป็นรูปไข่ และในที่สุดเมื่อร่างกายได้เจริญเติบโตเต็มที่ และได้คลอดออกจากครรภ์มารดา ท่านจะเปิดตาออก และกลายร่างเป็นลูกสุนัข จากตอนแรกที่ได้เป็นมนุษย์ บัดนี้ท่านได้กลายเป็นสุนัข เสียแล้ว ดังนั้นท่านจะทนทรมาณอยู่ในกรงขัง หรือในเล้าหมู หรือในรังมด หรือในรูไส้เดือน หรือมิฉะนั้นก็จักถือกำเนิดเป็นวัวหนุ่ม หรือแกะ หรือแพะ ฯลฯ เป็นอย่างอื่นไปเรื่อย ๆ ไม่ทวนกลับ ท่านจะต้องทนทุกข์นานาชนิด จากลำดับขั้นของความโง่งมอันใหญ่หลวง รวมทั้งอวิชชากล้า การวนเวียนอยู่ในภูมิทั้งหก ทั้งสัตว์นรก เปรต และสัตว์ต่าง ๆ ท่านจะทรมาณโดยความทุกข์นานัปการ ไม่มีสิ่งใดจะน่าหาดกลัวหรือทรงพลังมากไปกว่านี้ บุคคลใดก็ตามที่ไม่ได้ทำการศึกษาคำสอนอันศักดิ์สิทธิ์แห่งคุรุธรรมย่อมตกลง ไปในหุบเหวแห่งวัฏสงสารตามอาการดังกล่าวนี้ และทนทรมาณเหลือคณานับ เป็นความทุกข์ทนที่ไม่อาจแบกรับได้ ดังนั้นจงฟังถ้อยคำ ของข้า ฯ และทำความเข้าใจให้ได้
 
" บัดนี้คำแนะนำเพื่อปิดเสียซึ่งการเข้าสู่ครรภ์อุทรโดยการผละจากความก้าวร้าวและลุ่มหลงจะได้ส่งผ่านสู่ท่าน โปรดจงฟังให้ดี และทำความเข้าใจให้จงได้ ดังต่อไปนี้
 
จงปิดทางผ่านสู่ครรภ์อุทรเสีย จงคิดขัดขืน บัดนี้เป็นช่วงเวลาที่ความวิริยะพากเพียรและมโนกรรมอันผ่องแผ้วเป็นสิ่งสำคัญ จงละทิ้งความริษยา และเพ่งสมาธิไปยังเหล่าคุรุและองค์ชายา


หัวข้อ: Re: คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead] ช่วงสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: มดเอ๊ก ที่ 24 เมษายน 2557 13:23:54
เหตุการณ์ดังข้างต้นจะบังเกิดขึ้นอีก ท่านจะมีความรู้สึกริษยาแรงกล้าแรงกล้า ถ้าท่านจะต้องถือกำเนิดเป็นเพศชาย ท่านจะเกิดความรักใคร่ ในมารดาและเกลียดชังบิดายิ่งนัก แต่หากท่านจะต้องกำเนิดเป็นสตรี ท่านจะหลงใฝ่ในบิดาและชิงชังต่อมารดา คำสอนสั่งอันมีความ หมายลึกซึ้งจึงมีความสำคัญยิ่ง
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล เมื่ออารมณ์ปรารถนาและความก้าวร้าวบังเกิดขึ้น ให้ท่าน ตั้งจิตเป็นสมาธิและนึกถึงแต่เพียงว่า ข้า ฯ เป็นสัตว์ผู้มากล้นด้วยอกุศลกรรมจึงได้เร่ร่อนอยู่ในสังสารวัฏตราบจนบัดนี้ โดยเหตุที่ข้า ฯ ยังผูกพันอยู่แต่อารมณ์ปรารถนาและความก้าวร้าว หากข้า ฯ ยังคงกระทำเช่นนี้ต่อไปอีก ข้า ฯ ย่อมต้องวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏไม่สิ้นสุด และจมดิ่งไปในความลึกลับสุดหยั่งถึงแห่งมหาสมุทรของความทุกข์ทนเป็นเวลาเนิ่นนาน ดังนั้น บัดนี้ ข้า ฯ จะละทิ้งอารมณ์ปรารถนาและความก้าวร้าวทั้งมวล โดยเพ่งจิตของข้า ฯ อย่างแรงกล้าและไม่เบี่ยงเบนไปยังความคิดดังกล่าวนี้ ย่อมส่งผลให้ปิดทางเข้าสู่ครรภ์อุทรได้ ในคัมภีร์แห่งตันตระมีคำกล่าวว่า ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล อย่าหวั่นไหว จงเพ่งจิตไปที่จุดเดียวไม่เบี่ยงเบน
 
" แต่หากว่า ภายหลังการกระทำเช่นนั้น ทางเข้าสู่ครรภ์อุทรก็ไม่อาจปิดลงได้ และท่านก็เกือบจะผ่านเข้าไปแล้ว ดังนั้นมันจึงจำต้องถูกปิด โดยคำแนะนำที่ข้องเกี่ยวกับธรรมชาติอันไม่เป็นแก่นสารและลวงล่อของสรรพสิ่ง จงเพ่งจิตความคิดไปดังกล่าวนี้ว่า " โอม บิดร และมารดร มหาวายุอันเกรี้ยวกราด ลมกรด สายฟ้าแลบ ภาพสะท้อนอันน่าสะพรึงกลัวและปรากฏการณ์ที่ข้า ฯ ได้ประจักษ์เห็นล้วนเป็นมายา ไม่ว่ามันจะปรากฏตนในรูปใด มันหามีแก่นสารไม่ สิ่งทั้งหลายทั้งปวงล้วนเป็นของเทียมและไม่จริง คล้ายดังภาพลวงตา มันไม่เที่ยงแท้แน่นอน มันไม่อาจทรงตัวอยู่ได้ ความลุ่มหลงมีประโยชน์อะไร ความหวาดกลัวมีประโยชน์อะไร มันทำให้เราหลงคิดว่า สิ่งไม่มีแก่นสารนั้นมีแก่นสาร สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นภาพสะท้อนจากจิตของข้าฯ เอง และเนื่องจากจิตนั้นเป็นมายาและมิได้ดำรงอยู่ ตั้งแต่แรกเริ่ม มันจะเกิดขึ้นจากภายนอกได้ที่ไหน ข้าฯ ไม่เคยประจักษ์แจ้งเช่นนี้มาก่อนเลย และจึงหลงคิดว่าสิ่งไม่เที่ยงแท้นั้นเที่ยงแท้ สิ่งเท็จเป็นสิ่งจริง มายาคือแก่นสาร ดังนั้นข้า ฯ จึงได้เฝ้าวนเวียนออยู่ในสังสารวัฏนับกัลป์ และหากข้า ฯ ยังไม่ยอมตระหนักว่า มันเป็นภาพลวงตา ข้า ฯ ก็ย่อมจะร่อนเร่อยู่ในสังสารวัฏเป็นเวลาเนิ่นนานและจมดิ่งอยู่ใต้เปือกตมอันอับชื้นของความทรมาณ ณ บัดนี้ สิ่งทั้งปวงเปรียบเสมือนประดุจความฝัน เปรียบประดุจมายา เปรียบประดุจเสียงสะท้อน เปรียบประดุจตัวนครแห่งแคว้นคันฐารวาส เปรียบประดุจภาพหลอน เปรียบประดุจภาพลวงตา เปรียบประดุจดังความพิการแห่งจักษุสัมผัส เปรียบประดุจดังเงาจันทร์บนผืนน้ำ มันย่อมไม่อาจเป็นจริงไปได้ แม้เพียงชั่วขณะก็ตามที จริงแล้วมันหามีแก่นสารใดไม่ แต่กลับอุดมไปด้วยความเท็จ
 
" ด้วยความแน่วแน่แรงกล้าในความคิดเช่นนี้ จงเชื่อมั่นในความจริงแม้ว่ามันจะสั่นคลอน เมื่อใดก็ตามที่บุคคลใดได้ยึดมั่นในความคิดเช่นนี้ อย่างแรงกล้า ความลุ่มหลงในอัตตาจะถูกขจัดสิ้นไป ถ้าท่านเข้าใจความไร้แก่นสารจากก้นบึ้งแห่งหัวใจ ทางผ่านสู่ครรภ์อุทรย่อมถูกปิดลง แน่นอน
 
" แต่แม้จะกระทำดังกล่าวนี้แล้ว ความยึดมั่นที่ว่าสรรพสิ่งนั้นเที่ยงแท้ก็ไม่อาจจะถูกทำลายลงได้ ประตูสู่ครรภ์อุทรก็ยังไม่ถูกปิดลง และท่านเองก็เกือบจะหลุดเข้าไปสู่ครรภ์อุทรแล้ว จงฟังคำตักเตือนอันลึกซึ้งต่อไปนี้
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล หลังจากลงมือประกอบกิจดังกล่าวแล้ว ทางเข้าสู่ครรภ์อุทรก็ยังไม่ปิดลงไปได้ ดังนั้นโดยอาศัยวิธีที่ห้า ซึ่งเป็นการเพ่งจิตไปที่ความใสสว่างจักช่วยท่านได้ พึงปฏิบัติดังนี้
 
' สิ่งทั้งหลายทั้งปวงอุบัติจากจิตของฉันเอง และจิตของฉันเองนั้นล้วนว่างแต่เดิม มันไม่อาจอุบัติขึ้นและไม่อาจถูกทำลายได้ ' จงเพ่งความคิดที่เรื่องนี้ รักษาจิตให้อยู่ในภาวะธรรมชาติและไม่หวั่นไหว ดำรงอยู่ในธรรมชาติเดิมของมัน ดุจดังน้ำที่เติมลงในน้ำ ผ่อนคลาย เปิดโล่งและอ่อนโยน โดยการปล่อยให้มันเป็นไปอย่างธรรมชาติและเปิดเผย ท่านสามารถแน่ใจได้ว่า ทางเข้าสู่ครรภ์อุทร ที่ก่อให้เกิดสี่ประเภทจะต้องถูกปิดลงอย่างแน่นอน "
คำสอนอันเป็นสัตย์จริงและลึกซึ้ง ที่ใช้ในการปิดทางเข้าสู่ครรภ์อุทร ได้รับการถ่ายทอดมาแล้วนับแต่เบื้องต้น ไม่ว่าเขาผู้นั้นจะมีคุณธรรม สูงส่งหรือต่ำทรามเพียงใดก็ตาม ย่อมได้รับการปลดปล่อยสู่วิมุตติสุขในที่สุด ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นเล่า ? สาเหตุแรกนั้นเป็นเพราะวิญญาณ ในบาร์โดสภาวะได้ครอบครองญาณสัมผัสอันเหนือธรรมคติ ดังนั้นพวกเขาย่อมสดับได้ในถ้อยคำที่กล่าวทวน สาเหตุประการที่สองนั้นคือ แม้ว่าเขาหูหนวก ตาบอดก็ตามที บัดนี้เขากลับมีประสาทสัมผัสอันเพียบพร้อม ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้ยินในถ้อยคำที่ถูกกล่าวออกมา ประการสาม เนื่องจากความกลัวเข้าครอบงำอย่างต่อเนื่อง เขาจึงครุ่นคิด ไม่เขวเป็นอื่นว่าจะทำอะไรดี ดังนั้นเขาจึงฟังสิ่งที่ข้าฯ พูด ประการที่สี่ ในขณะที่ดวงวิญญาณปราศจากสิ่งค้ำจุน มันย่อมสามารถเดินทางไปได้ในทุกแห่งหนดังใจนึกคิด จึงย่อมสะดวกที่จะชักนำจิต ไปในทางที่ควร และเนื่องจากจิตปัจจุบันสะอาดใสกว่าเดิมถึงเก้าเท่า ดังนั้นแม้เขาจะทึ่มโง่สักเพียงใด อาศัยอำนาจจากวิบากกรรม ในยามนี้จิตย่อมแจ่มใสจนอาจจดจ่อแน่วแน่ในสิ่งที่ถ่ายทอด ด้วยเหตุผลเหล่านี้ การประกอบพิธีกรรมเพื่อผู้ตายจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
 
ดังนั้นการเฝ้าอ่านคัมภีร์ " มหาวิมุตติโดยการสดับฟัง " นี้เป็นเวลาถึงเก้าวัน จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก แม้ว่าเขาอาจจะไม่ได้รับการปลดปล่อย ในวันแรก ๆ ก็ตาม เขาก็อาจได้รับการปลดปล่อยในภายหลังก็ได้ ดังนั้นคำสอนสั่งจึงมีแยกออกเป็นจำนวนมาก


หัวข้อ: Re: คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead] ช่วงสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: มดเอ๊ก ที่ 24 เมษายน 2557 13:24:29
ทว่า ยังมีผู้คนอีกมากมายที่ไม่เคยชินกับการประกอบกุศลกรรม ทว่ากลับมากไปด้วยอกุศลกรรมมาแต่เริ่ม อาจอยู่ภายใต้ม่านคลุมแห่ง ความพิกลพิการทางจิตอันทรงพลัง ซึ่งทำให้เขาไม่ได้พานพบกับวิมุตติสุข ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับการบอกเล่าและชี้แนะอารมณ์ ( วัตถุ ) เพื่อใช้ในการทำสมาธิหลายครั้งหลายครากันก็ตามที ดังนั้นบัดนี้ หากหนทางเข้าสู่ครรภ์อุทรยังไม่ได้รับการสกัดกั้นลง คำสอนอันลึกซึ้ง เพื่อคัดเลือกเส้นทางสู่การเกิดจำต้องได้รับการถ่ายทอด เบื้องแรก ท่านควรอ้อนวอนเพรียกหาต่อเหล่าองค์พุทธะและองค์โพธิสัตว์ เพื่อขอความช่วยเหลือท่าน กล่าวไตรสรณคมน์ แล้วจึงเรียกชื่อผู้ตายสามครั้ง และกล่าวข้อความต่อไปนี้
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ( ชื่อ ) ที่ได้ละโลกนี้ไป จงฟังคำข้า ฯ ถึงแม้ว่าท่านจะได้รับการถ่ายทอดคำสอนดังข้างต้นหลายครั้งหลายครา ด้วยกัน ท่านก็ยังไม่อาจทำความเข้าใจได้แจ่มแจ้ง ณ บัดนี้ หากทางเข้าสู่ครรภ์อุทรยังไม่ได้ปิดลง เวลาที่ท่านต้องละร่างและสถานที่ไปเกิด ได้มาถึงแล้ว มีคำสอนอันลีกซึ้งและเป็นสัตย์จริงมากมายที่ท่านจะใช้เลือกทางเข้าสู่ครรภ์อุทร ดังนั้นจงทำความเข้าใจให้ดีอย่าหลงลืมละเลย จงตั้งใจฟังด้วยความแน่วแน่มั่นคง และทำความเข้าใจให้ได้
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล บัดนี้สัญญาณและลักษณาการแห่งดินแดนที่ท่านจะไปเกิดจะบังเกิดขึ้น ดังนั้นพึงทำความจดจำให้ได้ จงตรวจสอบและเลือกดินแดนที่ท่านจะไปถือกำเนิด
 
" ถ้าท่านจะไปเกิดในดินแดนตะวันออก อริยบุคคล ท่านจะแลเห็นทะเลสาปห้องล้อมด้วยฝูงห่านตัวผู้และตัวเมีย จงพยายามขัดขืน และอย่าไปเกิดยังที่แห่งนั้น ถึงแม้ว่ามันจะดูเปี่ยมไปด้วยความสุข มันเป็นสถานที่ที่พระธรรมจะไม่มีวันแพร่ไปถึง ดังนั้น จงอย่าเข้าไปเป็นอันขาด
 
" ถ้าท่านจะไปเกิดในดินแดนตะวันตก ดินแดนแห่งฝูงวัวป่าอันคึกคะนอง ท่านจะแลเห็นทะเลสาปห้อมล้อมด้วยม้าตัวผู้และม้าตัวเมีย อย่าเข้าไป จงถอยกลับ ถึงแม้ว่ามันจะดูมีความปีติสุข มันก็ยังเป็นสถานที่ที่พระธรรมจะไม่มีวันแพร่ไปถึง ดังนั้นจงอย่าได้เข้าไปเป็น อันขาด
 
" ถ้าท่านจะไปเกิดในดินแดนทางตอนเหนือ ดินแดนแห่งสำเนียงอันไม่พึงใจ ท่านจะแลเห็นทะเลสาปห้องล้อมด้วยฝูงวัวหรือต้นไม้ จงจำไว้ว่ามันเป็นสัญลักษณ์แห่งการเกิด อย่าได้เข้าไปเป็นอันขาด ถึงแม้ว่าท่านจะมีอายุยืนและมีทรัพย์สินมหาศาล แต่พระธรรม จะไม่เผยแพร่ไปถึง ดังนั้นจงอย่าเข้าไปเป็นอันขาด
 
" ถ้าท่านจะต้องไปเกิดในเทวโลก ท่านจะแลเห็นวัดวาอารามหลายสถาน ประดับประดาด้วยจินดามณีอันล้ำค่า ถ้าท่านเหมาะสมกับสถานที่ แห่งนั้น ท่านก็ควรจะเดินทางเข้าไป
 
" ถ้าท่านจะต้องไปเกิดในอสุรภูมิ ท่านจะได้แลเห็นพุ่มไม้อันงดงาม หรือกงล้อแห่งไฟบรรลัยกัลป์ อย่าเข้าไปเป็นอันขาดแต่จงขัดขืน
 
" ถ้าท่านจะต้องไปเกิดในเดรัจฉานภูมิ ท่านจะได้แลเห็นถ้ำหินอันมืดมัว และร่องรูใหญ่บนพื้นดิน รวมทั้งกระท่อมฟาง จงอย่าฝ่าเข้าไปเป็น อันขาด
 
 
" ถ้าท่านจะต้องไปเกิดในเปรตภูมิ ท่านจะได้แลเห็นตอไม้และซากไม้สีดำทะมึนเกาะติดอยู่ด้วย คูกาสึกและพื้นดินดำ ถ้าท่านจะไปเกิดที่ แห่งนี้ ท่านจะถือกำเนิดเป็นเปรต และประสบความทรมาณนานา รับโทษจากความโหยหิวและกระหาย ดังนั้นอย่าเข้าไปเป็นอันขาด จงขัดขืนอย่างเต็มที่
 
" ถ้าท่านจะไปเกิดในนรกภูมิ ท่านจะได้ยินบทเพลงที่ขับร้อง โดยบุคคลที่เปี่ยมด้วยอกุศลกรรม หากท่านถูกดึงดูดเข้าไปอย่างหมดทาง แก้ไข ท่านจะพบปะตนเองกำลังเดินทางผ่านเส้นทางอันมืดมิด จะปรากฏเคหาสนืสีดำและสีแดง คันถนนและถนนสีดำ ถ้าผ่านไปยังที่ แห่งนั้น ท่านจะต้องผ่านเข้าไปสู่ประตูนรก และประสบกับความทรมาณอันหาที่สุดมิได้ ผ่านความเร่าร้อนและหนาวเหน็บจากสถานที่ อันหลบหนีไม่ได้ จงอย่าพลัดหลงเข้าไปเป็นอันขาด อย่าก้าวฝ่าไปในสายหมอก จงตั้งใจระวังอย่างแน่วแน่ มีคำกล่าวว่า ' จงปิดทางเข้า สู้ครรภ์อุทรและจงคิดขัดขืน ' นี่คือสิ่งสำคัญในตอนนี้
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ถึงแม้ว่าท่านไม่ปรารถนาจะไปที่ใดเลย ท่านก็ปราศจากพลังอำนาจในตนเอง ท่านถูกบังคับผลักดันไปอย่างไร้ทางช่วย ด้านหลังของท่านจะมีเจ้ากรรมนายเวรผลักไสท่าน เบื้องหน้าเจ้ากรรมนายเวรและฆาตกรจะลากท่านไปตามทาง ความืดมืด พายุสลาตัน พายุร้าย เสียงขู่หิมะ และพายุฝน พายุลูกเห็บอันน่าหวาดกลัวและพายุหิมะจะควงหมุนอยู่รอบ ๆ ตัวท่าน จนท่านปรารถนา จะหลบหนี ในการหลบหนีท่านจำต้องหาที่พักพิง และท่านจะรู้สึกปลอดภัยในคฤหาสน์ล้ำค่าดังกล่าวข้างต้น หรือในที่พักซอกหินผา หรือในหลุมรูบนพื้นดิน ที่ว่างระหว่างต้นไม้ หรือในหุบถ้ำแห่งกอบัว เป็นต้น เมื่อหลบซ่อนอยู่ในที่เหล่านี้ ท่านจะเกิดความหลงใหล ผูกพันในที่ดังกล่าว ท่านเกิดความหวาดกลัวที่จะต้องเผชิญกับสิ่งพรั่นพรึงในบาร์โดอีกหากจำต้องออกไปสููุุุุุ่่๋๋ภายนอก ท่านหวาดกลัวมายา เหล่านั้นเป็นอันยิ่ง ท่านจึงหลบซ่อนอยู่ข้างใน และยังยอมรับเอารูปกายอันใดอันหนึ่งเป็นที่ยึดครอง ไม่ว่ามันจะเลวร้ายสักเพียงใด และประสบกับความทุกข์ทรมาณทุกรูปแบบ นี่เป็นสัญญาณว่าอำนาจแห่งความชั่วร้ายและเหล่าปิศาจกำลังขัดขวางท่านอยู่ในขณะนี้ มีคำสอนอันลึกซึ้งประการหนึ่งที่จะช่วยเหลือท่านได้ ดังนั้น จงฟังและทำความเข้าใจให้ดี
 
" ในช่วงเวลาอันน่าหวาดกลัวนี้ เมื่อท่านถูกลากจูงไปโดยไม่มีทางขัดขืนจากเจ้ากรรมนายเวร ท่านควรจะสร้างนิมิตโดยนึกถึงเทพเฮรุกา หรือเทพหยะครีวะ หรือเทพวัชรปาณี หรือองค์ยิดัมประจำตน ที่มีร่างกายและแขนขาอันใหญ่โตมโหฬาร สร้างภาพว่าเขายืนตระหง่าน เต็มไปด้วยความพิโรธอันน่าสะพรึงกลัว ซึ่งขจัดล้างอำนาจชั่วร้ายให้เป็นผุยผงไป เมื่อถูกแยกออกจากเจ้ากรรมนายเวรโดยอำนาจ จากความกรุณาและความศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าทวยเทพ ท่านจะมีอำนาจจนสามารถเลือกทางเข้าสู่อุทรได้ นี่เป็นความลับอันลึกซึ้งแห่งคำสอน จงทำความเข้าใจมันอย่างถ่องแท้


หัวข้อ: Re: คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead] ช่วงสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: มดเอ๊ก ที่ 24 เมษายน 2557 13:25:04
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ทวยเทพแห่งสมาธิจิตและเหล่าคุรุทั้งหลายล้วนก่อกำเนิดจากพลังอำนาจแห่งสมาธิ บรรดาวิญญาณภูติผีกลุ่มต่าง ๆ เช่น เหล่าฝูงเปรต ฯลฯ ล้วนเปลี่ยนแปลงท่าทีแห่งจิตได้ในบาร์โด ดังนั้นมันจึงสามารถจะปรากฏตนในรูปมายาต่าง ๆ ของมันได้ และยัง แปรเปลี่ยนเป็นกายทิพย์แบบต่าง ๆ ได้อีก พวกฝูงเปรตที่อาศัยอยู่ในส่วนลึกของท้องทะเล ฝูงเปรตที่โบยบินผ่านท้องอากาศเวิ้งว้าง และฝูงเปรตหมื่นจำพวกที่มีอำนาจอันชั่วร้าย ล้วนสามารถสร้างกายทิพย์ได้โดยการเปลี่ยนท่าทีแห่งจิต ในยามนี้ สิ่งที่ดีที่สุดได้แก่การภาวนา ถึงมหาสัญลักษณ์แห่งสุญตาธรรม แต่หากท่านไม่สามารถกระทำเช่นนั้นได้ ก็จงเข้าร่วมในการละเล่นแห่งนิมิตมายาทั้งหลายนี้ แต่หากท่าน ไม่อาจประพฤติได้ในทั้ง ๒ กรณีนี้ ก็ควรที่จะไม่ผูกพันข้องแวะกับสิ่งใดเลย ทว่าจงเพ่งสมาธิไปที่องค์ยิดัมของท่าน และองค์พระอวโลกิเตศวรพุทธ และท่านจะกลายร่างเข้าสู่สัมโภคกายพุทธในบาร์โดภาวะ
 
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ถ้าท่านจำต้องเข้าสู่ครรภ์อุทรโดยวิธีนี้ผ่านแรงผลักไสจากผลวิบากกรรม คำแนะนำสั่งสอนเพื่อเลือกทางเข้า สู่ครรภ์อุทรจำต้องได้รับการถ่ายทอด จงฟังคำข้า ฯ อย่าผ่านเข้าไปสู่ครรภ์อุทรที่ปรากฏขึ้น ถ้าเจ้ากรรมนายเวรมาถึงและท่านไม่สามารถ หลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไปสู่ครรภ์อุทรได้ จงเพ่งสมาธิไปที่เทพหยครีวะ ด้วยเหตุที่ท่านสามารถรับรู้สิ่งเหนือธรรมชาติที่ละเอียดอ่อน ท่ายย่อมรู้จักทุกสถานที่ในพิภพ ดังนั้น จงทำการเลือกสรร มีข้อแนะนำสองประการ สำหรับการผ่านเข้าสู่พุทธภูมิ และการผ่านเข้าสู่ สังสารวัฏอันไม่บริสุทธิ์ ดังนั้นพึงกระทำดังนี้
 
 
" การเคลื่อนย้ายภูมิบริสุทธิ์แห่งอากาศธาตุ ( แดนสุขาวดี ) อันเป็นแดนบริสุทธิ์สะอาดใสนั้น ควรปฏิบัติดังนี้ จงระลึกว่า ' มีความเศร้าสักปานใดหนอที่ข้า ฯ ได้วนเวียนอยู่ในเปือกตมแห่งห้วงวัฏสงสาร ภายใต้วันเวลาอันยาวนานที่ไม่อาจจะนับได้ ปราศจาก ซึ่งจุดเริ่มต้นและสิ้นสุด ขณะที่สรรพสัตว์จำนวนมากได้กลายเป็นพุทธองค์ผุ้สักดิ์สิทธิ์ ข้า ฯ ก็ยังมิได้พานพบกับอิสรภาพ นับแต่บัดนี้ ข้า ฯ รู้สึกเจ็บป่วยท้อแท้ในห้วงสังสารวัฏยิ่งนัก ข้า ฯ หวาดกลัวมันเป็นที่ยิ่ง ข้า ฯ รู้สึกอิดโรยกับมันอย่างแสนสาหัส ถึงเวลาที่ข้า ฯ จำต้องหลบหนีไป ด้วยเหตุนี้ข้า ฯ จำต้องเกิดเองที่ดอกอุบลชาติใต้เบื้องบาทของพระอมิตตาพุทธในดินแดนสุขาวดีทิศตะวันตก ' โดยอาศัยการเพ่งสมาธิอย่างแรงกล้าไปยังดินแดนสุขาวดีทิศตะวันตก ย่อมเสริมกำลังใจให้มีความพยายาม หรือมิฉะนั้นหากท่านสามารถ ควบคุมอำนาจความแน่วแน่อันแรงกล้านี้ เป็นจุดเดียวและไม่แชเชือนตรงต่อภูมิที่ท่านปรารถนา อาทิเช่น ภูมิแห่งความบริสุทธิ์ หรือภูมิแห่งมหาสุขา หรือภูมิแห่งความเอิบอิ่ม ภูมิแห่งม่านไทร หรีอภูมิแห่งภูผาต้นปาล์ม หรือพระราชวังแห่งอุบลรัศมี ท่านจะเกิด อย่างฉับพลันในภูมิเหล่านี้ หรือหากท่านปรารถนาจะเข้าสู่ใต้เบื้องอำนาจแห่งพระศรีอารย์ ก็จงตั้งจิตแน่วแน่ในความคิดเยี่ยงนี้ ' ในบาร์โดภาวะขณะนี้ ช่วงเวลาของข้า ฯ ที่จะเข้าสู่ดินแดนแห่งพระศรีอารยเมตไตรย์ในภูมิสันติสุขได้มาถึงแล้ว ดังนั้นข้า ฯ จึงต้องออก เดินทางแล้ว ' และท่านจะเกิดเองในใจกลางดอกอุบลแห่งภูมิอันปีติสุขของพระศรีอารยเมตไตรย์
 
" แต่หากว่า ท่านไม่อาจประพฤติปฏิบัติได้ และท่านเกิดความปรารถนาที่จะเข้าสู่ครรภ์อุทร หรือพบว่า ท่านจำต้องเลือกทาง เข้าสู่ครรภ์อุทรใด ๆ บัดนี้มีคำแนะนำสำหรับเลือกทางเข้าสู่ครรภ์อุทรอันไม่บริสุทธิ์ในสังสารวัฏ จงตั้งใจฟังให้ดี เบื้องแรก จงพิศดูดินแดน ที่ท่านกำลังจะไปสู่ด้วยอำนาจประสาทสัมผัสอันเหนือธรรมชาติและเลือกดินแดนที่พระธรรมได้เผยแพร่ไปถึง
 
" หากท่านจะต้องเกิดโดยพลันในมูลสัตว์อันโสมม ท่านจะเกิดความรู้สึกว่ามูลสัตว์เหล่านี้มีกลิ่นหอม ท่านปรารถนาจะชื่นชมมัน และจึงไปเกิดยังสถานที่แห่งนั้น ดังนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม จงอย่าหลงใหลข้องแวะกับมันเป็นอันขาด ทว่าจงระงับความปรารถนา และความก้าวร้าวเกลียดชังลง และเลือกทางเข้าสู่ครรภ์อุทรดังนี้
 
" บัดนี้ เป็นวาระสำคัญยิ่งที่ต้องแน่แก่ใจดังนี้ ' ข้า ฯ จะต้องไปเกิดเป็นจักรพรรดิแห่งสากลจักรวาลเพื่ออำนวยประโยชน์แก่สรรพสัตว์ หรือเกิดเป็นพระพรหมที่อำนวยประโยชน์แก่บริพารดุจต้นสาละใหญ่อำนวยประโยชน์แก่สรรพสัตว์ หรือถือกำเนิดเป็นทายาทพวกสิทธา หรือเกิดในครบครัวแห่งเชื้อสกุลแห่งธรรมะอันศักดิ์สิทธิ์ หรือในครอบครัวที่บิดาและมารดามีความศรัทธาแรงกล้าและได้ครอบครอง ร่างกายอันเปี่ยมไปด้วยคุณงามความดีเพื่ออำนวยประโยชน์แก่สรรพสัตว์ ข้า ฯ จะประกอบแต่กุศลกรรม ' โดยการแน่วแน่อยู่ในความคิด ดังกล่าวนี้ การเคลื่อนย้ายสู่ครรภ์อุทรจะบังเกิดขึ้น ในช่วงเวลานี้ท่านควรชื่นชมครรภ์มารดาเปรียบประดุจดังวิมานของทวยเทพ และวิงวอนต่อบรรดาเหล่าพุทธองค์ และองค์โพธิสัตว์ในทิศทั้งสิบ และหมู่ยิดัม โดยเฉพาะในองค์พระอวโลกิเตศวรพุทธะ และเข้าสู่ ครรภ์อุทรด้วยความปรารถนาเพื่อจะอำนวยสุขต่อสรรพสัตว์
 
" เป็นไปได้ที่อาจเกิดความผิดพลาดในการเลือกทางเข้าสู่ครรภ์อุทรโดยวิธีนี้ โดยการสำคัญว่าเส้นทางอันดีเลศเป็นเส้นทางอันต่ำช้า และแลเห็นเส้นทางอันต้ำทรามเป็นของดีวิเศษ โดยอิทธิพลจากวิบากกรรม ด้วยเหตุนี้การจดจำประเด็นสำคัญในคำสอนจึงเป็น เรื่องสำคัญยิ่ง ด้วยเหตุนี้พึงกระทำเช่นนี้ แม้ว่าทางเข้าสู่ครรภ์อุทรจะดูงดงามก็จงอย่าไว้ใจ และหากมันดูเลวทรามก็อย่าหยามเหยียด ความลับอันสำคัญ ลึกซึ้ง และเป็นสัจธรรมนั้นได้แก่ การเข้าสู่สภาวะสูงสุดแห่งดุลยภาพที่ปราศจากดีชั่ว ยอมรับหรือผลักไส มุ่งหวังหรือเกรี้ยวกราด
ทว่าในบุคคลที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ เป็นการยากที่จะขจัดโรคร้ายแห่งอาการใฝ่ต่ำได้ ดังนั้นเพื่อช่วยเหลือมิให้ไปอยู่ ท่ามกลางฝูงคนชั่ว คนต่ำทรามดังสัตว์ป่า หากว่าเขาไม่อาจหย่าขาดจากอารมณ์ปรารถนาและความก้าวร้าวด้วยวิธีนี้ ผู้อ่านควรเรียก ชื่อผู้ตายอีกครั้งและกล่าวถ้อยคำต่อไปนี้
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล หากท่านไม่ล่วงรู้ว่าจะเลือกหนทางเข้าสู่ครรภ์อุทรได้ด้วยวิธีใด และไม่อาจกำจัดอารมณ์ปรารถนา และความ ก้าวร้าวได้ ไม่ว่าประสบการณ์ดังกล่าวข้างต้นจะบังเกิดในรูปแบบใด จงขานพระรัตนตรัยและขอถือเอาเป็นสรณะ จงรออ้อนวอนต่อองค์พระอวโลกิเตศวรเจ้า เดินหน้าต่อไป เชิดศีรษะให้ตรง ละทิ้งความผูกพันข้องแวะและเพรียกหาญาติมิตรเพื่อนฝูง บุตรและธิดาที่ท่านได้ทิ้งไว้เบื้องหลัง พวกเขาไม่อาจช่วยเหลือท่านได้ จงมุ่งสู่แสงสีครามของมนุษย์และแสงสีขาวแห่งเทวดาภูมิ เข้าสู่พระราชวังอัญมณีและวนาอันรื่นรมย์


หัวข้อ: Re: คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead] ช่วงสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: มดเอ๊ก ที่ 24 เมษายน 2557 13:25:42
คำสวดควรท่องขานถึงเจ็ดวาระ ครั้นแล้วผู้อ่านควรอ้อนวอนต่อองค์พุทธะและหมู่โพธิสัตว์และอ่าน " บทสวดแห่งบาร์โดที่ปกป้องจาก ความหวาดกลัว " " วลีสำคัญในบาร์โด " และ " การปลดปล่อยให้รอดจากหนทางอันตรายในบาร์โด " ถึงเจ็ดวาระ ครั้นแล้วจึงอ่าน " คัมภีร์วิมุตติโดยการสวมใส่ ซึ่งปล่อยขันธ์ทั้งห้า " และ " คัมภีร์ฝึกฝนประจำวันซึ่งปลดปล่อยให้พ้นจากการหลั่งไหลมัวเมา " อย่างชัดถ้อยชัดคำและถูกต้อง
 
ด้วยเหตุนั้นโดยการประกอบกิจอย่างถูกต้อง หมู่วิปัสสนาจารย์ที่สำเร็จซึ่งอำนาจวิปัสสนาญาณชั้นสูง จะสามารถปลดปล่อยดวงวิญญาณ ได้ในบาร์โดชั่วขณะก่อนตายและไม่จำเป็นต้องเร่ร่อนในบาร์โดสภาวะ แต่จะล่วงผ่านมันและได้รับซึ่งวิมุตติสุขได้ เขาเหล่านั้นบุคคลผู้มี ประสบการณ์เพียงไม่กี่คนจะระลึกได้ถึง แสงสุกใสแห่งธรรมดา ภายหลังภาวะบาร์โดแห่งชั่วขณะก่อนตาย และล่วงผ่านเสียได้ กลับกลายเป็นองค์พุทธ ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าเขาจักถูกปลดปล่อยตามผลแห่งกรรมในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง เมื่อภาพสะท้อนอันสันติและโกรธเกรี้ยว ปรากฏในบาร์โดแห่งธรรมดาในระหว่างช่วงสัปดาห์ถัดมา เนื่องจากบาร์โดสภาวะมีหลายขั้นด้วยกัน พวกเขาจะรู้ว่าขั้นใดที่เหมาะสม และบรรลุวิมุตติในขั้นนั้น
 
ทว่าในบุคคลที่มีกุศลกรรมอันเบาบางและครอบครองซึ่งม่านพิกลพิการทางจิตและอกุศลกรรมอันอัปประมาณ จะมุ่งหน้าต่ำลงสู่บาร์โดแห่งการแปรเปลี่ยน แต่เนื่องด้วยความหลากหลายของคำสอนที่เปรียบประดุจดังขั้นบันไดอันแตกต่างกัน หากเขาผู้มีกุศลกรรม อันเบาบางมิอาจทำการระลึกได้จากคำอ่านข้างต้นและยังถูกครอบงำด้วยความหวาดหวั่น ก็ยังคงมีกลุ่มของคำชี้แนะเพื่อทำการปิดกั้น ทางเข้าสู่ครรภ์อุทร หรือเลือกเฟ้นทางเข้าสู่ครรภ์อุทรขั้นใดขั้นหนึ่ง และเชื่อถือในอารมณ์ ( วัตถุ ) แห่งสมาธิภาวนาประเภทใด ประเภทหนึ่งและเข้าสู่สภาวะชั้นสูงสุดแห่งคุณธรรมอันประมาณค่ามิได้
 
แม้กระทั่งในสัตว์ที่ต่ำช้าเหลือประมาณ เช่น สัตว์ป่า ย่อมจักเลื่อนภูมิตนเองขึ้นมาได้โดยอาศัยคุณธรรมแห่งการถือไตรสรณคมน์ พวกมันย่อมครองร่างมนุษย์อันล้ำค่าที่เคลื่อนไหวได้สะดวก มีโอกาสประกอบกิจต่าง ๆ ได้ และในชีวิตใหม่ย่อมจะได้พบกับ วิปัสสนาจารย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ กัลยาณมิตร พวกเขาย่อมจะได้รับการสอนสั่งและได้พบกับวิมุตติสุข
 
ถ้าคำสอนเหล่านี้ได้รับการถ่ายทอดในช่วงบาร์โดแห่งการแปรเปลี่ยน คำสอนจะทำให้กุศลกรรมมีอำนาจแรงกล้า เปรียบดังการสอดท่อยาว ลงในช่องน้ำที่แยกออก แม้กระทั่งในบุคคลที่ประกอบอกุศลกรรมหนักก็ยังได้รับการปลดปล่อยสู่วิมุตติสุข เหตุไฉนจึงเป็นดังนั้น ? เพราะว่าในช่วงที่เขาเร่ร่อนอยู่ในบาร์โดภาวะ การเชิญเชื้อจากเหล่าพระพุทธองค์และทวยเทพทั้สันติและดุร้าย อีกทั้งการยวนยั่วแห่งอำนาจ ใฝ่ต่ำจะปรากฏตนขึ้นพร้อมกัน ดังนั้น เพียงแต่ได้สดับคำสอนในเวลานี้ ท่าทีแห่งจิตของเขาย่อมจะได้รับอานิสงส์จากคำสอน และเข้าสู่วิมุตติภาวะ สาเหตุที่เขาได้รับอานิสงส์โดยง่ายนั้นเป็นเพราะกายทิพย์ของเขานั้นปราศจากชีวิตเนื้อหนังและโลหิต ไม่ว่าพวกเขา จะเร่ร่อนไปไกลสักเพียงใด พวกเขาย่อมแลเห็นและได้ยินโดยอาศัยประสาทสัมผัสอันเหนือธรรมชาติศซึ่งมีส่วนช่วยพวกเขาได้มาก เมื่อใดที่เขาทำความเข้าใจคำสอนได้ จิตของพวกเขาจะได้รับอานิสงส์ในทันที เปรียบประดุจอุปกรณ์เยี่ยงหนังยาง หรือลำต้นไม้ใหญ่ ๆ ที่ไม่อาจเคลื่อนย้ายได้แม้จะอาศัยชายฉกรรจ์นับร้อย ๆ ทว่าเมื่อมันถูกนำไปลอยบนผืนน้ำ บุคคลเพียงคนเดียวก็สามารถโยกย้ายมันไปได้ ทุกที่ตามใจปรารถนา ประดุจดังการควบคุมม้าป่าด้วยบังเหียร
 
ด้วยเหตุนี้ ผู้อ่านควรอยู่ใกล้ผู้ตาย และหากซากศพยังคงมิได้ปลงให้ล่วงไป กัลยาณมิตรของเขาควรอ่านทวนข้อความในคัมภีร์จนกระทั่ง เลือดและน้ำเลือดได้ไหลออกจากช่องจมูก ช่วงเวลานั้นควรห้ามมิให้มีการรบกวนซากศพ ข้อพึงปฏิบัติคือไม่ควรฆ่าสัตว์เพื่ออุทิศแก่ผู้ตาย ขณะที่ตั้งศพประกอบพิธี มิตรสหายและญาติไม่ควรคร่ำครวญและเศร้าโศก ซึ่งอาจจะไปกระทำที่อื่นได้ และควรประพฤติกุศลกรรมให้ มากเท่าที่จะมากได้
พร้อม ๆ กับคำสอนแห่งคัมภีร์ " มหาวิมุตติโดยการสดับฟัง " นี้ จะเป็นการดียิ่งถ้าคัมภีร์หรือคำสอนอันมีคุณค่าจะได้รับการอ่าน ต่อท้ายคัมภีร์นี้ ซึ่งผู้อ่านจำจะต้องอ่านอย่างต่อเนื่อง และพยายามทำความเข้าใจความหมายและถ้อยคำให้แจ่มแจ้ง จวบจนเมื่อความตาย ได้มาถึงจุดวิกฤตและสัญญาณแห่งความตายได้ประจักษ์ชัด หากบุคคลยังมีสภาพรู้สึกตัว เขาควรอ่านคัมภีร์ด้วยตนเอง ออกเสียงดัง และเพ่งจิตพินิจถ้อยคำด้วย แต่หากเป็นไปไม่ได้ กัลยาณมิตรของเขาควรทำหน้าที่ดังกล่าวแทน เพราะคำสอนสั่งในคัมภีร์เล่มนี้ จะช่วยเหลือผู้ตายได้แน่นอน คำสอนนี้ไม่จำเป็นต้องมีการฝึกฝนใด ๆ มันเป็นคำสอนอันลึกซึ้งที่จะปลดปล่อยผู้ตายได้แม้เพียงแลเห็น ได้ยิน และได้ฟัง คำสอนนี้นำคนบาปผ่านหนทางอันลึกลับ หากเขาไม่หลงลืมถ้อยคำและความหมายขอบมันแม้จะถูกตามล่าโดยสุนัขร้าย ถึงเจ็ดตัว คำสอนนี้ก็จะช่วยปลดปล่อยเขาสู่วิมุตติสุขในบาร์โดชั่วขณะก่อนตาย ไม่ว่าพุทธในอดีต ปัจจุบัน และที่แสวงหาภายภาคหน้า จะไม่พบคำสอนใดทรงค่าไปกว่านี้
 
คำสอนในบาร์โดที่ปลดปล่อยเหล่าสรรพสัตว์
เป็นแก่นสารคำสอนอันลึกซึ้ง ซึ่งปลดปล่อยโดยอาศัยการสดับฟัง
คำสอนนี้ถูกค้นพบโดยท่านสิทธา กรรมมะ ลิงปะ
ในหุบเขา กัมโป - ดาร์ ขอประโยชน์สุข
จงมีต่อสรรพสัตว์ผุ้ทุกข์ยากทั้งหลาย
 
 
สรรพมงคล


หัวข้อ: Re: คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead] ช่วงสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: มดเอ๊ก ที่ 24 เมษายน 2557 13:26:16
(http://www.alleephotography.com/uploads/processed/0851/0812152129191tibet__tanka.jpg)



บทสวดเพื่อสร้างกำลังใจ


บทสวดเพื่อสร้างกำลังใจเหล่านี้ได้มาจากคลังตำราที่ข้องเกี่ยวกับคัมภีร์มรณศาสตร์ ตำราเหล่านี้เป็นแบบฝึกหัดให้บุคคล ได้ทำการเผชิญหน้ากับบาร์โดสภาวะเสียแต่ต้นมือ คาถาหลายคาถาจากตำราดังกล่าวถูกนำไปใช้เป็นคำชี้แนะแก่ผุ้ตาย คำสามัญ ที่มักแปลกันง่าย ๆ ว่าบทสวดมีความหมายตามอักขระว่า " วิถี-ปรารถนา " อันมิได้หมายถึงการอ้อนวอน พร่ำขอต่อเทพศักดิ์สิทธิ์ ภายนอก หากหมายถึงกระบวนวิธีชำระจิตใจให้ผ่องแผ้วและการควบคุมมโนกรรม บทสวดดังกล่าวสร้างกำลังใจด้วย ปลุกความต้องการ โดยธรรมชาติของมนุษย์ที่จะประกอบกุศลกรรม อันทำให้บุคคลสามารถบรรลุถึงเป้าหมายได้

 
บทสวดดลบันดาล
อัญเชิญพุทธองค์และเหล่าโพธิสัตว์
เพื่อคุ้มครองชีพ
 
เมื่อถึงวาระการจากไปของคนที่เรารัก เราควรจะสวดอัญเชิญบรรดาเหล่าพุทธองค์และพระโพธิสัตว์เพื่อให้มาคุ้มครองและบอกทาง ต่อเขาเหล่านั้น เราจำต้องถวายสักการะต่อพระรัตนตรัยด้วยเครื่องบูชาและจิตใจ ให้ท่านถือของหอมไว้ในมือและกล่าวถ้อยคำต่อไปนี้ ด้วยจิตใจอันแน่วแน่

พระพุทธองค์และเหล่าโพธิสัตว์ในทิศทั้งสิบ ผู้ทรงไว้ซึ่งความกรุณา ล่วงรู้ในทุกสิ่ง ครอบครองซึ่งดวงตาห้าประการ ผู้ประทาน ซึ่งความรัก ปกป้องสรรพสัตว์ทั้งหลาย โปรดเสด็จมายังสถานที่นี้โดยอำนาจแห่งความกรุณา และรับเอาเครื่องสักการะบูชาพร้อมด้วย บริวารเหล่านี้

พระพุทธองค์ผู้ทรงไว้ซึ่งความกรุณา ตั้งมั่นอยู่ในปัญญารอบรู้เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม ประกอบกิจอันเลิศด้วยกุศลกรรม และทรงอำนาจพละ แห่งการปกปักษ์รักษาที่ยากจะหยั่งคำนวนได้ พระผู้ทรงซึ่งความกรุณาทั้งปวงในไตรภพ บุคคลผู้นี้ ( ชื่อ ) กำลังผละจากดินแดนนี้ สู่อีกฟากฝั่งหนึ่ง เขากำลังจะดับชีพลงโดยหลีกเลี่ยงมิได้ เขาปราศจากซึ่งมิตรสหาย เขาได้ทนทุกข์ทรมาณอย่างหาที่เปรียบมิได้ เขาไร้ซึ่งที่พักพิง เขาไร้ซึ่งผู้คุ้มครอง เขาไร้ซึ่งกัลยาณมิตร แสงสว่างแห่งชีวิตนี้ได้มามอดดับลง เขากำลังเดินทางไปสู่อีกโลกหนึ่ง ไปสู่ความมืดมนอนธกาล เขาได้พลัดตกจากเงื้อมผาสู่ห้วงเหว เขาได้หลงทางอยู่ในพนาพฤกษ์ ถูกฉุดรั้งไปด้วยผลแห่งกรรม เขาไปสู่ความทารุณโหดร้ายอันใหญ่หลวง เขาได้ถูกพัดพาโดยมหานที ถูกซัดโถมด้วยพายุร้ายแห่งผลกรรม เขาได้ร่วงหล่นลงไปในที่ปราศจากผืนแผ่นดิน เขาได้เข้าสู่สนามสงครามอันเต็มไปด้วยเภทภัย เขาถูกเกาะกุมด้ยปิศาจร้าย ถูกข่มขู่ด้วยยมทูต เขาได้ผ่านภพแล้วภพเล่าด้ยผลกรรม ช่างสิ้นหวังทรมาณ เวลาแห่งการเดินทางไปอย่างโดดเดี่ยวโดยปราศจาก ญาติมิตรได้มาถึงแล้วสำหรับเขา

พระผู้ทรงไว้ซึ่งความกรุณา โปรดได้สงเคราะห์เขาด้วยเทอญ ให้ที่พักพิงแก่เขา ( ชื่อ ) ผู้ยากไร้ ปกป้องเขา คุ้มครองเขา นำเขาออกจาก ความมืดมนแห่งบาร์โด นำเขาหลบหลีกลมพายุแห่งผลกรรม ช่วยเหลือเขาจากความพรั่นพรึงที่มีต่อพญายมราช นำเขาผ่านหนทาง อันยาวไกลและมากด้วยอันตราย พระผู้ทรงไว้ซึ่งความกรุณาทั้งหลาย อย่าปล่อยให้กรุณาทานของท่านนั้นสูญเปล่าไร้ความหมาย โปรดเกื้อกูลเขา อย่าปล่อยให้เขาพลัดตกลงไปในภูมิอันต่ำช้าทั้งสาม ( นรกภูมิ เปรตภูมิ เดรัจฉานภูมิ ) โปรดอย่าหลงลืมมรรคกิจ ในกาลก่อนของท่าน ได้โปรดถ่ายทอดรัศมีแห่งความกรุณาให้แก่เขาด้วยเทอญ

พระพุทธองค์และเหล่าโพธิสัตว์ อย่าปล่อยให้กรุณาคุณและอุบายโกศลที่ท่านเอื้ออำนวยต่อผู้ตาย ( ชื่อ ) นั้นอ่อนแอ จงช่วยเหลือเขาด้วย อำนาจแห่งกรุณา อย่าปล่อยให้สัตว์ผุ้ทุกข์ทนได้ตกหล่นไปในอกุศลกรรมอันต่ำช้า

ขอพระรัตนตรัยเป็นสรณะ พาผ่านความทุกข์ทรมาณนานับบาร์โด
 
ควรกล่าวถ้อยคำนี้สามครั้งคราด้วยศรัทธาแรงกล้า ครั้นแล้วจึงควรอ่านคัมภีร์ " วิมุตติโดยการสดับฟัง " " บทสวดเพื่อสร้างกำลังใจ ให้ได้รับการปกป้องจากหนทางอันตรายในบาร์โดภาวะ " และ " บทสวดในบาร์โดภาวะเพื่อป้องกันอาการหวาดกลัว " ตามลำดับ


หัวข้อ: Re: คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead] ช่วงสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: มดเอ๊ก ที่ 24 เมษายน 2557 13:33:54

(http://www.asianartnewspaper.com/sites/default/files/gallery_shows/Mandala%20OCTOBER%20GALLERY.jpg)
 
คาถาสำคัญแห่งบาร์โดทั้งหก
 
 
 
บัดนี้เมื่อบาร์โดแห่งการเกิดได้ปรากฏต่อข้า ฯ แล้ว
ข้า ฯ จะสละทิ้งซึ่งความเกียจคร้านทั้งปวงเพราะไม่มีเวลา
ในช่วงชีวิตใดให้เราผลาญเปล่า
ข้า ฯ จะยาตรย่างสู่มรรคแห่งสิกขา การไตร่ตรองและ
สมาธิภาวนาโดยไม่แชเชือนไปเป็นอื่น
ข้า ฯ จะควบคุมตามนิมิตและจิตภาวะให้ดำเนินไปบนวิถี
และประจักษ์แจ้งในตรีกาย
บัดนี้ข้า ฯ ได้มาซึ่งกายแห่งมนุษย์อีกครั้ง
ไม่มีเวลาให้จิตได้ร่อนเร่อีกต่อไปแล้ว
 
บัดนี้เมื่อบาร์โดแห่งความฝันได้ปรากฏต่อข้า ฯ แล้ว
ข้า ฯ จะละทิ้งการหลับไหลในอวิชชาอันเปลือยเปล่า
ดุจซากศพไปเสีย
และปลดปล่อยความคิดให้เข้าสู่ภาวะปกติโดยปราศจาก
ความหวั่นไหว
ควบคุมและแปรเปลี่ยนความฝันสู่ภาวะสุกใส
ข้า ฯ จะไม่หลับใหลดังสัตว์ต่ำช้า
ทว่าจะประสานความหลับและการปฏิบัติให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
 
บัดนี้เมื่อบาร์โดแห่งสมาธิภาวนาได้ปรากฏต่อข้า ฯ
ข้า ฯ จะสละทิ้งซึ่งมิตรสหายแห่งความฟุ้งซ่านและสับสน
และพักพิงอยู่ในสภาวะอันหาที่สุดมิได้ โดนฃยปราศจากความ
ใหลหลงและตื่นกลัว
หมดจดอยู่ในนิมิตและความหนักแน่น
ในห้วงแห่งสมาธิ จิตนั้นเป็นหนึ่ง ไม่ข้องแวะกับกิจใด ๆ
ข้า ฯ จะไม่เลี่ยงพล้ำสู่อานาจแห่งวิจิกิจฉา
 
บัดนี้เมื่อบาร์โดแห่งชั่วขณะก่อนอำลาร่างได้ปรากฏต่อข้า ฯ แล้ว
ข้า ฯ จะละทิ้งการข้องแวะ เกาะเกี่ยว ผูกพันทั้งปวงเสีย
มุ้งหน้าสู่การตระหนักแจ้งแห่งคำสอนอย่างกล้าหาญ
นำทางดวงวิญญาณลุล่วงสู่ที่ว่างแห่งจิตอันไร้การดิ้นรน
ข้า ฯ ได้สละเสียซึ่งกายอันชุ่มไปด้วยเลือดและผิวเนื้อ
และรับรู้ว่ามันเป็นเพียงมายาแปรเปลี่ยนที่ไม่แน่นอน
 
บัดนี้เมื่อบาร์โดแห่งธรรมดาได้ปรากฏต่อข้า ฯ แล้ว
ข้า ฯ จะละทิ้งซึ่งความคิดที่ข้องแวะอยู่ในความหวาดกลัว
และพรั่นพรึงให้สิ้น
ไม่ว่าจะมีสิ่งใดอุบัติขึ้น
ข้า ฯ จะเฝ้าเตือนตนว่าเป็นเพียงมายาจากใจข้า ฯ
และรับรู้ว่ามันเป็นเพียงนิมิตแห่งบาร์โด
ในที่สุดข้า ฯ ก็ได้มาถึงจุดเป็นตายแล้ว
ข้า ฯ จะไม่หวั่นไหวต่อเทพสันติหรือเทพพิโรธใด
อันเป็นภาพสะท้อนแห่งใจข้า ฯ เอง
 
บัดนี้เมื่อบาร์โดแห่งการแปรเปลี่ยนได้ปรากฏต่อข้า ฯ แล้ว
ข้า ฯ จะกำหนดจิตเป็นหนึ่งเดียว
และต่อสู้เพื่อธำรงไว้ซึ่งกุศลกรรม
ปิดทางผ่านเข้าออกแห่งครรภ์อุทร
ในช่วงเวลานี้ข้า ฯ จำต้องพึ่งพาซึ่งจิตอันประภัสสรและ
วิริยะบารมีทั้งปวง
ข้า ฯ จะละทิ้งซึ่งความริษยาอาฆาต และเพ่งสมาธิต่อ
องค์คุรุและศักติ
 
จากจิตอันโง่งมในอดีต ไม่ตระหนักถึงความตายที่
ย่างกรายเข้ามา
กระทำแต่กิจอันไร้แก่นสาร
การกลับคืนสู่สภาวะสูญเปล่าอีกครั้งย่อมก่อความรู้สึก
สับสนอันใหญ่หลวง
สิ่งสำคัญในที่นี้ได้แก่พุทธธรรมอันเลอค่า
เหตุไฉนจึงไม่หันหน้าสู่ธรรมะในครานี้
นี้คือถ้อยคำแห่งสิทธา
หากเธอไม่ประคองคำสอนแห่งคุรุผู้ยิ่งใหญ่ไว้ในดวงใจ
เธอจะมิเป็นมารหลอกตนเองดอกหรือ


หัวข้อ: Re: คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead] ช่วงสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: มดเอ๊ก ที่ 24 เมษายน 2557 13:34:34
(http://www.buddhistelibrary.org/library/asst/img/medicine_buddha.jpg)


บทสวดเพื่อสร้างกำลังใจ
ให้ได้รับการปกปักจากหนทางอันตราย
ในบาร์โดภาวะ


 
ขอนอบน้อมคารวะต่อเหล่าคุรุ ยิดัม และทักคินี
ด้วยความรักและกรุณาคุณอันยิ่งใหญ่ของพวกท่าน
โปรดนำข้าผ่านหนทางนี้ด้วยเถิด
ผ่านความสับสนเหลือคณานับ ข้า ฯ จึงได้ร่อนเร่อยู่ในวัฏสงสาร
โดยอาศัยกำลังจิตอันแน่วแน่ของสิกขา การไตร่ตรองและสมาธิภาวนา
ขอให้เหล่าคุรุแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจงปรากฏเบื้องหน้าข้า ฯ
เหล่าศักติและหมู่ทักคินีโปรดคุ้มครองอยู่เบื้องหลัง
ช่วยพาข้า ฯ ข้ามผ่านหนทางอันตรายในบาร์โด
และนำข้า ฯ ไปสู่สภาวะบริสุทธิ์แห่งพุทธะ
 
ผ่านอวิชชาอันก้าวร้าว ข้า ฯ จึงร่อนเร่อยู่ในสังสารวัฏ
โดยอาศัยวิสุทธิมรรคแห่งปัญญาของธรรมธาตุ
ขอให้พระไวโจนพุทธผู้ศักดิ์สิทธิ์เสด็จอยู่เบื้องหน้าข้า ฯ
และองค์ศักติ ราชินีแห่งที่ว่างวัชระเสด็จอยู่เบื้องหลัง
นำข้า ฯ ผ่านหนทางอันตรายในบาร์โด
และนำข้า ฯ ไปสู่สภาวะบริสุทธิ์แห่งพุทธะ
 
ผ่านความก้าวร้าวอันแข็งกล้า ข้า ฯ จึงร่อนเร่อยู่ในสังสารวัฏ
โดยอาศัยมรรควิธีอันใสสว่างของภูมิปัญญาที่กระจ่างใสดุจกระจกเงา
ขอให้พระวัชรสัตวพุทธผู้ศักดิ์สิทธิ์เสด็จอยู่เบื้องหน้าข้า ฯ
และองค์ศักติ โลจนะเสด็จอยู่เบื้องหลัง
นำข้า ฯ ผ่านหนทางอันตรายในบาร์โด
และนำข้า ฯ ไปสู่สภาวะบริสุทธิ์แห่งพุทธะ
 
ผ่านทิฏฐิอันแรงจัด ข้า ฯ จึงร่อนเร่อยู่ในสังสารวัฏ
โดยอาศัยมรรควิธีอันใสสว่างของภูมิปัญญาแห่งความเท่าเทียม
ขอให้พระรัตนสัมภวพุทธผู้ศักดิ์สิทธิ์เสด็จอยู่เบื้องหน้าข้า ฯ
และองค์ศักติ มามากิ เสด็จอยู่เบื้องหลัง
นำข้า ฯ ผ่านหนทางอันตรายในบาร์โด
และนำข้า ฯ ไปสู่สภาวะบริสุทธิ์แห่งพุทธะ
 
ผ่านความริษยาอันยิ่งใหญ่ ข้า ฯ จึงร่อนเร่อยู่ในสังสารวัฏ
โดยอาศัยมรรควิธีอันกระจ่างแจ้งของภูมิปัญญาในการบรรลุถึง
ขอให้พระอโฆสิทธิพุทธ ผู้ศักดิ์สิทธิ์เสด็จอยู่เบื้องหน้าข้า ฯ
และองค์ศักติ สัมมายะ - ธารา เสด็จอยู่เบื้องหลัง
นำข้า ฯ ผ่านหนทางอันตรายในบาร์โด
และนำข้า ฯ ไปสู่สภาวะบริสุทธิ์แห่งพุทธะ
 
ผ่านอำนาจใฝ่ต่ำอันไม่รู้สึกตัว ข้า ฯ จึงร่อนเร่ไปในสังสารวัฏ
โดยอาศัยมรรควิธีอันกระจ่างแจ้งของภูมิปัญญาภายใน
ขอให้เหล่านักรบวิทยาธร ยุรยาตรอยู่เบื้องหน้าข้า ฯ
และองค์ชายาหมู่ทักคินี เสด็จอยู่เบื้องหลัง
นำข้า ฯ ผ่านหนทางอันตรายในบาร์โด
และนำข้า ฯ ไปสู่สภาวะบริสุทธิ์แห่งพุทธะ
 
ผ่านภาพมายาอันสับสนดุร้ายข้า ฯ จึงร่อนเร่อยู่ในสังสารวัฏ
โดยอาศัยมรรควิธีอันกระจ่างแจ้งของการละทิ้งซึ่งความหวาดกลัวทั้งปวง
ขอให้เหล่าพุทธองค์ทั้งในรูปสันติและพิโรธจงเสด็จอยู่เบื้องหน้าข้า ฯ
และองค์ทักคินี ราชินีแห่งอากาศว่างเสด็จอยู่เบื้องหลัง
นำข้า ฯ ผ่านหนทางอันตรายในบาร์โด
และนำข้า ฯ ไปสู่สภาวะบริสุทธิ์แห่งพุทธะ
ขอให้อากาศธาตุไม่ปรากฏตนในรูปปรปักษ์
ขอให้ข้า ฯ ได้แลเห็นภูมิแห่งพุทธองค์ผู้มีกายสีน้ำเงินขาว
ขอให้ธาตุน้ำไม่ปรากฏตนในรูปปรปักษ์
ขอให้ข้า ฯ ได้ประจักษ์เห็นภูมิแห่งพุทธองค์ผู้มีวรกายสีขาวนวล
ขอให้ธาตุดินไม่อุบัติตนในรูปปรปักษ์
ขอให้ข้า ฯ ได้ประจักษ์เห็นภูมิแห่งพุทธองค์ผู้มีวรกายสีเหลืองละมุน
ขอให้ธาตุไฟไม่อุบัติตนในรูปปรปักษ์
ขอให้ข้า ฯ ได้ประจักษ์เห็นภูมิแห่งพุทธองค์ผู้มีวรกายสีแดงเพลิง
ขอให้ธาตุลมไม่อุบัติตนในรูปปรปักษ์
ขอให้ข้า ฯ ได้ประจักษ์เห็นภูมิแห่งพุทธองค์ผู้มีวรกายสีเขียวมรกต
ขอให้ประภารัศมีแห่งธาตุทั้งหลายไม่อุบัติตนในรูปปรปักษ์
ขอให้ข้า ฯ ได้ประสบเห็นซึ่งภูมิแห่งพุทธองค์ทุกองค์
ขอให้ แสง สี และรัศมีไม่อุบัติขึ้นในรูปปรปักษ์
ขอให้ข้า ฯ ได้ประสบเห็นภูมิอันไม่สิ้นสุดแห่งเทพสันติและเทพพิโรธ
ขอให้ข้า ฯ ได้สดับเข้าใจในสำเนียงต่าง ๆ ดุจสุรเสียงจากตัวข้า
ขอให้ข้า ฯ ได้ประจักษ์เห็นแสงต่าง ๆ ดุจดังรัศมีจากตัวข้า ฯ
ขอให้ข้า ฯ ได้รับรู้รังสีต่าง ๆ ดังว่าเป็นรังสีจากตัวข้า ฯ เอง
ขอให้ข้า ฯ ได้รู้แจ้งสภาพในบาร์โดโดยพลันด้วยตนเอง
ขอให้ข้า ฯ บรรลุถึงซึ่งภูมิแห่งตรีกายด้วยเทอญ
 
* ( ขาด ช่วงปัทมสกุล แห่ง พระอมิตาภพุทธะ ไป ต้นฉบับเป็นแบบนี้
หนังสือพิมพ์พลาดไป หรืออย่างไร เดี๋ยวจะลองหามาดู


หัวข้อ: Re: คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead] ช่วงสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: มดเอ๊ก ที่ 24 เมษายน 2557 13:42:31
(http://artasiamilwaukee.com/yahoo_site_admin/assets/images/avalokiteshvara.24152135_std.jpg)
*อง์เชนเรสิก หรือ พระอวโลกิเตศวร แบบธิเบต



บทสวดในบาร์โดภาวะ
เพื่อป้องกันอาการหวาดกลัว
 
เมื่อการเดินทางแห่งชีวิตข้า ได้มาถึงจุดสิ้นสุด
หามีมวลมิตรได้ติดตามข้า ฯ ไปจากโลกนี้
ข้า ฯ จึงร่อนเร่อยู่ในบาร์โดภาวะอย่างโดดเดี่ยว
ขอให้พระพุทธองค์ทั้งหลายทั้งกายสันติและกายพิโรธจง
แผ่อำนาจแห่งกรุณาอันไพศาลออกมา
และขจัดเสียซึ่งความดำมืดแห่งอวิชชา
 
เมื่อต้องผละลาจากมิตรสหาย และร่อนเร่อย่างโดดเดี่ยว
ภาพสะท้อนแห่งจิตอันได้แก่ " รูปอันว่างเปล่า " ได้ปรากฏขึ้น
ขอให้พระพุทธเจ้าทั้งหลายจงแผ่อำนาจอันเนื่องจากความกรุณา
เพื่อที่ความน่าสะพรึงกลัวในบาร์โด จะไม่อุบัติต่อข้า ฯ ด้วยเทอญ
 
ครั้นเมื่อแสงกระจ่างทั้งห้าดวงแห่งปัญญาได้ฉายฉานขึ้น
ขอให้ข้า ฯ ได้ตระหนักแจ้งในตัวเองอย่างไม่หวั่นไหว
เมื่อรูปกายแห่งตัวตนอันสันติและพิโรธปรากฏขึ้น
ขอให้ข้า ฯ จดจำได้ถึงบาร์โดภาวะอย่างไม่พรั่นพรึงและหวั่นไหว
 
เมื่อข้า ฯ ได้รับการทรมาณจากวิบากกรรม
ขอให้พระพุทธองค์ผู้ทรงสันติและพิโรธธรรมได้ขจัดความ
ทรมาณทั้งหลายแก่ข้า ฯ ด้วย
เมื่อเสียงแห่งธรรมดาได้คำรามก้องประดุจดังอสนีบาตนับพันนับหมื่น
ขอให้มันจงกลับกลายเป็นเสียงสาธยายมนต์แห่งคำสอนมหายานด้วยเทอญ
 
เมื่อข้า ฯ ต้องติดตามผลกรรมไป โดยปราศจากผู้เกื้อกูล
ขอให้พระพุทธองค์ทั้งหลายผู้ทรงสันติและพิโรธธรรมได้เกื้อกูลข้า ฯ
เมื่อข้า ฯ ได้รับทุกข์จากวิบากโดยอำนาจใฝ่ต่ำ
ขอให้อำนาจสมาธิจากความปีติสุขและกระจ่างใสได้บังเกิดขึ้นเทอญ
 
ในชั่วขณะแห่งการเกิดเองในบาร์โดแห่งการแปรเปลี่ยน
ขอให้คำสอนอันต่ำช้าแห่งมารอย่าได้อุบัติขึ้น
เมื่อข้า ฯ ได้ดำเนินถึงสถานที่อันตั้งใจโดยอำนาจเหนือธรรม
ขออย่าให้ความน่าสะพรึงกลัวอันเป็นมายาแห่งอกุศลกรรม
บังเกิดกับข้า ฯ เลย
 
เมื่อฝูงสัตว์ป่าอันดุร้ายออกล่าเหยื่อมันย่อมคำราม
ขอให้สุรเสียงของมันกลับกลายเป็นเสียงธรรมะ และอักขระทั้งหก
เมื่อข้า ฯ ถูกไล่ล่าโดย หิมะ ฝน ลม และความมืด
ขอให้ข้า ฯ ได้มีดวงตาเห็นธรรมอันศักดิ์สิทธิ์และใสกระจ่าง
 
ขอให้สรรพสัตว์ร่วมภูมิเดียวกับข้า ฯ ในบาร์โด
ได้ปลอดจากความริษยา และเกิดในสภาวะขั้นสูง
เมื่อความโหยหิวและกระหายถูกก่อหวอดโดยความปรารถนาต่ำช้า
ขอให้ความปวดร้าวทุกข์ทรมาณอันมีเหตุจากความโหยหิว
ความร้อนระอุ และความหนาวเหน็บปลาสนาการไป
 
เมื่อข้า ฯ ได้แลเห็นบิดรและมารดาในภายภพหน้าเสพสังวาสกัน
ขอนิมิตจงแปรเปลี่ยนเป็นพระพุทธองค์ผู้ทรงสันติและ
พิโรธธรรมกับองค์ชายา
ให้ข้า ฯ ได้รับอำนาจวิเศษอันสามารถเลือกที่เกิด
เพื่ออำนายประโยชน์แด่สรรพสัตว์
 
จากร่างกายอันเปี่ยมล้นสมบูรณ์ที่ข้า ฯ ได้รับมาในกาลนี้
ขอให้บุคคลที่ได้พบเห็นและสดับสำเนียงจากข้า ฯ
ได้รับวิมุตติสุขโดยพลัน
ขอให้ข้า ฯ ปลอดพ้นจากการติดตามซึ่งอกุศลกรรมของตนเอง
ทว่าได้แอบอิงและเพิ่มพูนในคุณงามความดีอันข้า ฯ ได้สั่งสมมา
 
ไม่ว่าข้า ฯ จะถือกำเนิดในที่ใดก็ตาม ณ ที่นั้น
ขอให้ข้า ฯ ได้พบกับองค์ยิดัมประจำชีวิตนี้อย่างไกล้ชิด
ได้เรียนรู้ถึงวิธีก้าวเดิน พูดจา นับแต่เกิด
ขอให้ข้า ฯ ได้รับอำนาจอันไม่หลงลืมและจดจำได้ถึงช่วงชีวิตที่ผ่านมา
 
ในทุกลำดับขั้นของการเรียนรู้ ทั้งสูงส่ง ปานกลาง และต่ำทราม
ขอให้ข้า ฯ ได้เข้าใจโดยการสดับฟัง ตริตรอง และพินิจดู
ไม่ว่าข้า ฯ จะจุติไปเกิดยังแห่งหนใด ขอให้สถานที่แห่นั้น
เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
ให้สรรพสัตว์ได้รับประโยชน์สุขจากข้า ฯ เทอญ
 
พระพุทธองค์ผู้ทรงสันติและพิโรธธรรม
ขอให้ข้าและปวงสัตว์
เป็นดังตัวท่าน ทรงคุณลักษณ์เยี่ยงท่าน
ครอบครองรูปกายเสมือนท่าน มีตราอันศักดิ์สิทธิ์ประจำตนดังท่าน
มากมายด้วยบริวารเยี่ยงท่าน ทรงชีวิตนิรันดร์กาล
และประจำอยู่ในภูมิดังท่านด้วยเทอญ
 
พระสมันตภัทรโพธิสัตว์เจ้า ผู้ทรงไว้ซึ่งสันติและพิโรธธรรม
มีกรุณาอันแผ่ไพศาลหาที่สุดมิได้
ด้วยอำนาจแห่งสัจจะของธรรมดาอันบริสุทธิ์
สานุศิษย์แห่งตันตระผู้แน่วแน่อยู่ในอำนาจสมาธิ
โปรดอวยพรให้บทสวดเพื่อสร้างกำลังใจนี้สำเร็จผลด้วยเทอญ