หัวข้อ: ขนมโสมนัส ขนมไทยโบราณ หาทานยาก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 03 มีนาคม 2567 14:20:05 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/54857868659827_429753951_1799140593934946_859.jpg) ภาพ : ขนมโสมนัส (จากร้านขนมไทยโบราณชื่อดังในตัวเมือง จังหวัดเพชรบุรี)
ขนมโสมนัส ถือเป็นขนมไทยมงคลอีกชนิดหนึ่ง เพราะความหมายของคำนี้มาจากภาษาบาลีว่า “โสมมนสส” ซึ่งหมายถึงความยินดี ความปลาบปลื้ม และในอดีตนั้นยังไม่ได้เรียกด้วยชื่อโสมนัส เหมือนอย่างในปัจจุบัน แต่ได้มีการบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรเขียนว่า โคมนัส เชื่อกันว่ามีการเรียกเพี้ยนจากวัตถุดิบหลักของขนมอย่าง “โคโคนัท” หรือมะพร้าวนั้นเอง จนเวลาต่อมาก็ได้เปลี่ยนชื่อขนมเป็นเหมือนอย่างในปัจจุบัน เพราะเป็นชื่อเรียกที่มีความหมายดี และยังมีความไพเราะเหมาะจะเป็นชื่อของขนมไทยโบราณ จุดเริ่มต้นของขนมโสมนัส ได้ถือกำเนิดขึ้นมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา และรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นยุคสมัยที่คนไทยได้มีการติดต่อกับต่างประเทศ โดยผู้คิดค้นสูตรนี้ก็คือ “เท้าทองกับม้า” หรือ “มารี กีมาร์” ราชินีขนมไทย ของเราอีกเช่นเคย โดยได้มีความคิดริเริ่มในการนำไข่แดงมาทำขนมไทย และใช้ไข่ขาวที่เหลือมาดัดแปลงทำเป็นขนมไทยเมนูนี้ให้ส่งต่อมายังรุ่นลูกรุ่นหลาน วัตถุดิบการทำขนมโสมนัส มะพร้าวขูดขาว 1+1/2 ถ้วยตวง ไข่ขาว 3 ฟอง น้ำตาลทราย 150 กรัม น้ำมะนาว 1 ช้อนชา เกลือ 1/8 ช้อนชา ขั้นตอนวิธีการทำโสมนัส สูตรขนมทำง่าย - ขั้นตอนแรกในการทำขนมโสมนัส เริ่มต้นจากการตั้งกระทะเทฟล่อนด้วยไฟอ่อนแล้วใส่มะพร้าวขูด-ขาวลงไปคั่ว จนแห้งดี และเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เสร็จแล้วปิดเตาพักไว้ให้เย็น - ใส่ไข่ขาว และน้ำมะนาวลงไปในชามผสม ใช้เครื่องผสมอาหารตีด้วยสปีดกลางจนขึ้นฟู จากนั้นทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไปในระหว่างตีจนหมด ตามด้วยการใส่เกลือลงไป จากนั้นตีต่อจนตั้งยอด (ในขั้นตอนนี้สามารถใส่ผงโกโก้ ผงชาเขียว หรือสีผสมอาหารลงไปเพิ่มอรรถรสได้ตามชอบ) - เมื่อส่วนผสมของไข่ขาวได้ที่แล้วให้ใส่มะพร้าวคั่วที่เตรียมไว้ลงไป ตะล่อมให้เข้ากันด้วยไม้พาย เสร็จแล้วนำไปใส่ถุงบีบเตรียมทำขั้นตอนต่อไปได้เลยค่ะ - เตรียมถาดรองอบ รองด้วยกระดาษไข หรือกระดาษรองอบ และบีบขนมลงไปเป็นชิ้นพอดีคำ โดยเว้นระยะห่างให้ห่างกันเล็กน้อย เพื่อให้ขนมไม่ติดกันจนเกินไป - นำขนมเข้าไปอบด้วยอุณหภูมิ 130 องศาเซลเซียส เป็นเวลาประมาณ 50 นาที ครบเวลาแล้วนำออกจากเตาแล้วใช้ไม้พายตักออกมาพักไว้บนตะแกรง และนำมาบรรจุใส่กล่อง ขอขอบคุณเว็บไซต์ https://bakery-lover.com/ (ที่มาข้อมูล) |