สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 25-31 มี.ค. 2567
<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2024-03-31 13:32</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p><strong>จ่อตรวจสอบปมแอบฝังศพแรงงาน ด้านหลังโรงงานเครนถล่ม เผยจุดฝัง</strong></p>
<p>จากกรณี เครนถล่ม ทับแรงงานชาวเมียนมา เสียชีวิต 7 ราย จนนำไปสู่การรวมตัวเรียกร้องเงินเยียวยา เจรจากว่า 6 ชั่วโมง จึงยอมรับข้อเสนอ เยียวยา 1.6 ล้านบาท รวมประกันสังคม จ่ายทันที 5 แสน ที่เหลือจ่ายครบภายใน 3 เดือน ก่อนที่ทั้งหมดจะแยกย้ายไป ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น</p>
<p>ล่าสุดวันที่ 31 มี.ค.2567 พ.ต.อ.จิราวัฒน์ ศักดิ์ศรีวัฒนา รอง ผบก.ภ.จว.ระยอง กล่าวถึงประเด็นมีการกล่าวอ้างว่า มีการฝังศพคนงานบริเวณหลังโรงงาน ว่า จะต้องมีการตรวจสอบพยานและหลักฐานให้แน่ชัดอีกครั้ง เนื่องจากตามที่มีข่าวออกไปก็ยังไม่แน่ชัดว่า จริงเท็จแค่ไหน</p>
<p>พ.ต.อ.จิราวัฒน์ กล่าวต่อว่า และในพื้นที่เกิดเหตุทั้งหมดตอนนี้ยังไม่อนุญาตให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่แต่อย่างใด ทุกอย่างอยู่ในระหว่างการตรวจสอบพยานหลักฐานเพื่อหาสาเหตุของเหตุการณ์ในครั้งนี้</p>
<p>จากการสอบถามแรงงานเมียนมา เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าว มีการพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง ระหว่างแรงงานด้วยกันว่ามีการฝังศพไว้บนเนินเขาหลังโรงงาน เพราะที่ผ่านมาเกิดเหตุแรงงานประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตจากการทำงาน คือแรงงานถูกไฟชอร์ตเสียชีวิต แล้วมีการปิดข่าวเงียบ แล้วศพก็หายไป</p>
<p>จนมีการลือกันว่า มีการแอบฝังศพไว้ด้านหลังโรงงาน แล้วมีการจ่ายเงินปิดปากให้กับญาติผู้เสียชีวิต เรื่องก็เงียบหายไป จึงต้องการให้ตรวจสอบ เพื่อให้ความจริงปรากฏและเกิดความสบายใจต่อแรงงานที่เข้ามาทำงาน</p>
<p>
ที่มา: ข่าวสด, 31/3/2567</p>
<p><strong>พอใจทั้ง 3 ฝ่าย ได้ข้อยุติแรงงานเมียนมาเครนก่อสร้างถล่มดับ 7 ราย พึงพอใจในการเดินเรื่องด้านสวัสดิการแรงงาน 8 ข้อ</strong></p>
<p>30 มี.ค. 2567 ที่อาคารภายในโรงงานหลอมเหล็กชินเคอหยวน เลขที่ 10/6 ม.2 ต.ตาสิทธิ์ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง หลังเกิดเหตุการณ์เครนในไซต์งานก่อสร้างถล่มทับแรงงานเมียนมาดับ 7 ราย เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา การเจรจาพูดคุยเพื่อเยียวยาต่อเนื่องยาวนานข้ามวัน โดยก่อนที่จะสามารถพูดคุยเจรจาตกลงกันได้ แต่ก็ยังมีเหตุลุกฮือของกลุ่มแรงงานขึ้นอีกในวันนี้ ก่อนที่นายกำธร เวหน รองผู้ว่าฯ ระยอง จะนำเจ้าหน้าที่ของกระทรวงแรงงาน จ.ระยอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้าพูดคุยเจรจาหาทางออกร่วมกัน ใช้เวลายาวนานกว่า 3 ชั่วโมง เนื่องจากกระทรวงแรงงานยังคงพูดคุยในประเด็นสิทธิสวัสดิการประกันสังคมที่ไม่เป็นธรรม และอุปสรรคจากการพูดคุยที่โรงงานแห่งนี้มีแรงงานหลายชาติพันธุ์</p>
<p>ต่อมานายกำธร เวหน รองผู้ว่าฯ ระยอง ได้เปิดแถลงข่าวกล่าวว่า ได้มีการพูดคุยในการที่จะทำให้ความต้องการความเรียกร้องของทั้งสองฝ่ายได้รับความพอใจตามความประสงค์ ทั้ง 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายผู้แทนบริษัท ฝ่ายหน่วยงาน และฝ่ายแรงงานญาติผู้เสียชีวิต โดยผลการหารือได้ข้อสรุป 8 ข้อ คือ</p>
<p>ข้อ 1.เยียวยาให้ญาติผู้เสียชีวิต จำนวน 7 ราย รายละ 1.6 ล้านบาท โดยวันที่ 29 มี.ค. 2567 ได้มอบเงินสดให้กับญาติของผู้เสียชีวิตไปแล้วรายๆ ละ 5 แสนบาท คงเหลือ 1,100,000 บาท</p>
<p>ข้อ 2. นายจ้าง รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดการศพ ให้กับลูกจ้างผู้เสียชีวิตทั้ง 7 คน</p>
<p>ข้อ 3. กรณีฝ่ายลูกจ้างมีข้อเรียกร้องว่าเงินสมทบประกันสังคมที่นายจ้างหักจากลูกจ้างแต่ไม่ได้นำส่งเข้ากองทุนประกันสังคมสำนักงานประกันสังคมจะติดตามให้เป็นรายบุคคลใน 2 สัปดาห์</p>
<p>ข้อ 4. กรณีฝ่ายลูกจ้างมีข้อเรียกร้องว่าลูกจ้างประสบอันตรายสูญเสียอวัยวะและยังไม่ได้รับการช่วยเหลือสำนักงานประกันสังคมจะติดตามให้นายจ้างนำส่งเอกสารเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและรายละเอียดภายใน 2 สัปดาห์</p>
<p>ข้อ 5. กรณีฝ่ายลูกจ้างส่งเอกสารค่ารักษาพยาบาลเบิกกับนายจ้างแต่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือสำนักงานประกันสังคมจะดำเนินการตรวจสอบข้อ ภายใน 2 สัปดาห์</p>
<p>ข้อ 6. กรณีหนังสือเดินทางของลูกจ้างทั้งสองฝ่ายประสงค์ตรงกันจะเก็บเอาไว้ที่บริษัทและจะถ่ายเอกสารให้กับลูกจ้างและเมื่อลูกจ้างออกจากงานนายจ้างจะคืนเอกสารหนังสือเดินทางให้ทุกคน</p>
<p>ข้อ 7. กรณีลูกจ้าง 3 คนซึ่งมีข้อสงสัยว่านายจ้างจะเลิกจ้างสำนักงานสวัสดิการแรงงานและคุ้มครองแรงงานจังหวัดระยองจะตรวจสอบให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามที่กฎหมายกำหนด</p>
<p>ข้อ 8. นายจ้างรับว่าจะปฏิบัติต่อลูกจ้างชาวเมียนมาให้ได้รับสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน และจะเร่งตรวจสอบถึงสาเหตุถึงการเกิดเหตุ และหาข้อเท็จจริงกรณีที่มีการหักเงินประกันสังคมแต่ยังไม่ได้นำส่ง ส่วนประเด็นเรื่องการจัดการศพ จะดำเนินการให้ญาติได้พูดคุยกันและประกอบพิธีทางศาสนาในพื้นที่ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง</p>
<p>ด้าน พ.ต.อ.จิราวัฒน์ ศักดิ์ศรีวัฒนา รอง ผบก.ภ.จว.ระยอง กล่าวถึงประเด็นมีการกล่าวอ้างว่า มีการฝังศพคนงานบริเวณหลังโรงงานว่า จะต้องมีการตรวจสอบพยานและหลักฐานให้แน่ชัดอีกครั้งเนื่องจากตามที่มีข่าวออกไปก็ยังไม่แน่ชัดว่า จริงเท็จแค่ไหน และในพื้นที่เกิดเหตุทั้งหมดตอนนี้ยังไม่อนุญาตให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่แต่อย่างใด ทุกอย่างอยู่ในระหว่างการตรวจสอบพยานหลักฐานเพื่อหาสาเหตุของเหตุการณ์ในครั้งนี้</p>
<p>
ที่มา: สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์, 30/3/2567</p>
<p><strong>ประกันสังคม มอบเงินสมทบกว่า 800,000 บาท พร้อมดูแลค่ารักษาพยาบาลให้ครบ เครนถล่มระยอง</strong></p>
<p>นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึง กรณีเกิดเหตุเครนถล่มทับลูกจ้างที่จังหวัดระยอง เมื่อวันที่29 มี.ค.2567ที่ผ่านมา จนทำให้คนงานเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ว่า ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของคนงานที่เสียชีวิตและขอส่งกำลังใจให้ผู้ได้รับบาดเจ็บหายจากอาการบาดเจ็บโดยเร็ว</p>
<p>กระทรวงแรงงานมีความห่วงใยต่อแรงงานทุกคนไม่ว่าจะเป็นแรงงานไทยหรือแรงงานต่างชาติที่ทำงานอยู่ในประเทศไทยกรณีดังกล่าวได้รับรายงานจากนายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ว่าได้สั่งการให้สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานและสำนักงานประกันสังคมจังหวัดระยองลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อมูลสถานะของผู้ประสบอันตรายของลูกจ้างที่บาดเจ็บและเสียชีวิต พร้อมเร่งให้การช่วยเหลือสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับตามกฎหมายโดยด่วน</p>
<p>นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เวลา 16.58 น. ได้เกิดเหตุปั้นจั่นหอสูง (Tower Crane) ถล่มทับลูกจ้างได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต สถานที่เกิดเหตุภายในโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตแผ่นเหล็ก เหล็กรูปพรรณ และลวดเหล็ก ของบริษัท ชิน เคอ หยวน จำกัด ตั้งอยู่ที่ต.ตาสิทธิ์ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง</p>
<p>โดยมีการก่อสร้างอาคารโรงงาน จำนวน 6 หลัง ในเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ ระยะเวลาเริ่มต้นโครงการตั้งแต่ปี 2563 มีกำหนดแล้วเสร็จปี 2569 อุบัติเหตุดังกล่าว ขณะที่ช่างกำลังรื้อถอนขาปั้นจั่นหอสูง (Tower Crane) เพื่อลดระดับความสูง เป็นเหตุให้ปั้นจั่นหอสูงถล่มลงมาทับลูกจ้างซึ่งปฏิบัติงานอยู่ด้านล่าง ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นลูกจ้างเมียนมา 6 ราย จีน 1 ราย และมีลูกจ้างเมียนมาได้รับบาดเจ็บ 1 ราย</p>
<p>จากรายงานสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดระยอง พบว่า ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องและบทกำหนดลงโทษ ได้แก่ พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ.2554 กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการ ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับงานก่อสร้าง พ.ศ. 2564</p>
<p>และกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เกี่ยวกับเครื่องจักร ปั้นจั่น และหม้อน้ำ พ.ศ. 2564 บทกำหนดโทษ พ.ร.บ.ความปลอดภัยฯ มาตรา 4 และมาตรา 8 จำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกิน 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ</p>
<p>"ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของแรงงานชาวเมียนมาที่เสียชีวิตและขอส่งกำลังใจให้ผู้บาดเจ็บหายจากอาการบาดเจ็บโดยเร็ว ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือเยียวยาได้มีการกำชับให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานโดยเฉพาะสำนักงานประกันสังคมดูแลในเรื่องสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนที่พึงได้รับตามกฎหมาย"</p>
<p>ดังนั้นขอให้มั่นใจได้ว่า กระทรวงแรงงานจะให้การคุ้มครอง ดูแล พี่น้องแรงงานทุกสัญชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยที่เสียชีวิตหรือประสบอันตรายในการไปทำงาน หากเข้ามาทำงานอย่างถูกต้องเมื่อบาดเจ็บหรือเสียชีวิตก็จะได้รับสิทธิประโยชน์อย่างเท่าเทียมตามกฎหมายเหมือนแรงงานไทยทุกประการ</p>
<p>ด้าน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินการให้ความช่วยเหลือจากสำนักงานประกันสังคมจังหวัดระยองและสาขาปลวกแดง พร้อมนายอำเภอปลวกแดง จัดหางานจ.ระยอง และตัวแทนโรงงานฯ ร่วมชี้แจงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้ญาติผู้เสียชีวิตได้รับทราบ</p>
<p>ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลการขึ้นทะเบียนของลูกจ้างทั้งหมดจำนวน 7 ราย ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนเรียบร้อยแล้ว โดยลูกจ้างที่เสียชีวิตจะมีสิทธิได้รับเงินจากกองทุนเงินทดแทน เป็นค่าทำศพ จ่ายแก่ผู้จัดการศพ รายละ 50,000 บาท ค่าทดแทนกรณีตาย รายละ 788,424 บาท</p>
<p>ส่วนลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บจะมีสิทธิได้รับเงินจากกองทุนเงินทดแทน เป็นค่ารักษาพยาบาล ตามที่จ่ายจริงตามความจำเป็นตามกฎกระทรวง ค่าทดแทนกรณีสูญเสียอวัยวะ 70 % ของค่าจ้าง จ่ายให้ไม่เกินระยะเวลา 10 ปี ค่าทดแทนกรณีหยุดงาน 70 % ของค่าจ้าง กรณีทุพพลภาพได้รับค่าทดแทน 70% ของค่าจ้าง จ่ายให้เป็นระยะเวลาตลอดชีพ</p>
<p>ทั้งนี้ ญาติของลูกจ้างที่เสียชีวิตสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดระยองและสาขาปลวกแดง หรือโทรสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 1 สำนักงานประกันสังคม</p>
<p>
ที่มา: Thai PBS, 30/3/2567</p>
<p><strong>เชิญชวน ปชช. ร่วมสัปดาห์การให้บริการประชาชน "เพื่อคนหางาน" มีตำแหน่งว่างรองรับกว่า 1,000 อัตรา ตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค. - 7 เม.ย 67 ณ กระทรวงแรงงาน บริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย</strong></p>
<p>นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน กำหนดจัดกิจกรรมการให้บริการใน "สัปดาห์การให้บริการประชาชน" รวม 9 วัน ภายในงานมีกิจกรรมการให้บริการรับสมัครงาน สัมภาษณ์งานกับบริษัทชั้นนำกว่า 20 บริษัท มีตำแหน่งงานว่างกว่า 1,000 อัตรา อาทิ ตำแหน่งผู้จัดการร้าน บัญชี การเงิน สินเชื่อ ช่างเทคนิค ธุรการ พนักงานขาย พนักงานบริการลูกค้า พนักงานรักษาความปลอดภัย แม่บ้าน บริการรับขึ้นทะเบียนและรายงานตัวผู้ประกันตนกรณีว่างงาน บริการแนะแนวอาชีพ และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารตลาดแรงงาน</p>
<p>นอกจากนี้ ยังมีการสาธิตและทดลองปฏิบัติอาชีพอิสระที่กำลังเป็นที่นิยม ในวันเสาร์และวันอาทิตย์ วันละ 2 อาชีพ ได้แก่ งานไม้กระถางเป็นรูปหน้าสุนัขและแมว สร้อยข้อมือถักจากเชือกเทียน สานกระเป๋าจากเชือกพลาสติก สร้อยคอถักจากเชือกเทียน พวงมาลัยมะลิจากกระดาษทิชชู่ ตกแต่งกระเป๋ากระจูดด้วยไม้ประดิษฐ์ เทียนหอมแฟนซีจากต้นโสนหางไก่ บริการทดสอบความพร้อมทางอาชีพ รวมถึงบริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ บริการรับสมัครงานเพื่อเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ โดยกรมการจัดหางานเป็นผู้จัดส่ง (รัฐจัดส่ง) พร้อมทั้งแจกของที่ระลึกมากมาย</p>
<p>“ประชาชน สามารถเข้ารับบริการฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม - 7 เมษายน 2567 เวลา 08.30 – 16.30 น. ไม่เว้นวันหยุดราชการ ณ อาคารศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย ชั้น 1 กระทรวงแรงงาน ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 - 10 สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694” นายคารม</p>
<p>
ที่มา: เว็บไซต์รัฐบาลไทย, 29/3/2567</p>
<p><strong>เครนก่อสร้างโรงงานทุนจีน อ.ปลวกแดง พังถล่มทับคนงานดับสยอง 7 บาดเจ็บเพียบ เพื่อนคนงานขวางนำศพออก ร้องชดเชยศพละ 5 ล้าน</strong></p>
<p>29 มี.ค. 2567 ได้เกิดเหตุรถเครนพังถล่มจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตคาที่ 7 ราย และได้รับบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก เหตุเกิดภายในไซต์ก่อสร้างของบริษัทสัญชาติจีนชื่อ ซินเคอหยวน ตั้งอยู่ใน ต.ตาสิทธิ์ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ซึ่งหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปลวกแดง ได้ประสานแพทย์เวรโรงพยาบาลปลวกแดง และเจ้าหน้าที่กู้ภัยปลวกแดง เข้าให้การช่วยเหลือก่อนเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบ</p>
<p>โดยพบที่เกิดเหตุมีเครนขนาดใหญ่ซึ่งติดตั้งอยู่ด้านข้างโรงงานที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอาคารและปล่องควัน ได้พังถล่มลงมาทับร่างแรงงานต่างด้าวที่อยู่ด้านล่างเสียชีวิตคาที่ 7 ราย และมีบางรายสภาพศพห้อยติดอยู่กับเครนเป็นที่สยดสยอง ส่วนบางรายถูกเครนทับร่างจมในร่องน้ำจุดที่มีการขุดดินเพื่อเทคานก่อสร้างอาคารลึกลงไปประมาณ 10-15 เมตร</p>
<p>นอกจากนั้น ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสขาขาด 1 ราย และได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยถึงปานกลางอีกหลายราย และในที่เกิดเหตุยังพบแท่งปูนขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นตัวถ่วงน้ำหนักเครนอีก 4 แท่ง หล่นลงมาอยู่พื้นใกล้จุดเครนถล่ม เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แน่ชัด</p>
<p>จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า กลุ่มเพื่อนแรงงานชาวต่างด้าวที่เสียชีวิตได้มีการรวมตัวกันเพื่อกดดันไม่ให้มีการนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากที่เกิดเหตุ และได้พากันเรียกเงินชดเชยศพผู้เสียชีวิตรายละ 5 ล้านบาทกับทางบริษัท ซึ่งหากบริษัทไม่ยินยอมก็จะไม่ยอมให้มีการนำศพผู้เสียชีวิตออกไปโดยเด็ดขาด ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยุ่ระหว่างการเจรจา เพื่อให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เข้าไปกู้ร่างผู้เสียชีวิตตามจุดต่างๆ และช่วยเหลือนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาล</p>
<p>
ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์, 29/3/2567</p>
<p><strong>กสม. เผยผลตรวจสอบกรณีผู้ประกอบการแพลตฟอร์มดิจิทัลว่าจ้างไรเดอร์โดยไม่ถือเป็นลูกจ้างตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ชี้เป็นการละเมิดสิทธิ เสนอแนวทางแก้ไข</strong></p>
<p>นางสาวสุภัทรา นาคะผิว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้รับเรื่องร้องเรียนเมื่อเดือนเมษายน 2566 ระบุว่า ผู้ประกอบการแพลตฟอร์มดิจิทัล จำนวน 4 ราย เปิดรับสมัครผู้ทำงานให้บริการขนส่งสินค้า (ไรเดอร์) เพื่อส่งพัสดุ เอกสาร และอาหาร ในลักษณะเป็นหุ้นส่วน โดยไม่ถือว่าเป็นพนักงานหรือลูกจ้างตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานและการประกันสังคม และไรเดอร์ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานเอง เช่น ค่าน้ำมันรถ ค่าเสื่อมสภาพของรถ ค่าเครื่องแบบหรืออุปกรณ์เสริมที่ใช้ในการขนส่ง เป็นต้น อีกทั้งยังไม่ได้รับการคุ้มครองความปลอดภัยในการทำงาน ผู้ร้องเห็นว่า ข้ออ้างที่ระบุให้ไรเดอร์ทำงานร่วมกับผู้ประกอบการแพลตฟอร์มในลักษณะหุ้นส่วนอาจเป็นวิธีการหลีกเลี่ยงของนายจ้างเพื่อไม่ให้อยู่ภายใต้บังคับบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน การประกันสังคม และแรงงานสัมพันธ์ อันเป็นการเอาเปรียบลูกจ้าง จึงขอให้ตรวจสอบ</p>
<p>กสม. ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย หลักกฎหมาย หลักสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนรับฟังความคิดเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิทธิแรงงานแล้ว เห็นว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 74 วรรคหนึ่งบัญญัติว่า รัฐพึงส่งเสริมให้ประชาชนมีความสามารถในการทำงานอย่างเหมาะสมกับศักยภาพและวัยและให้มีงานทำ และพึงคุ้มครองผู้ใช้แรงงานให้ได้รับความปลอดภัยและมีสุขอนามัยที่ดีในการทำงาน ได้รับรายได้ สวัสดิการ การประกันสังคม และสิทธิประโยชน์อื่นที่เหมาะสมแก่การดำรงชีพ ขณะที่กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (ICESCR) ได้ให้การรับรองและคุ้มครองสิทธิในการทำงาน และสิทธิของทุกคนที่จะมีสภาพการทำงานที่ยุติธรรมและน่าพึงพอใจ รวมทั้งสิทธิของทุกคนในอันที่จะมีสวัสดิการสังคมรวมทั้งการประกันสังคม</p>
<p>จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ไรเดอร์ได้รับค่าตอบแทนหลักเป็นค่ารอบซึ่งเป็นค่าตอบแทนการทำงานตามผลงานที่ทำได้ตามอัตราที่ผู้ประกอบการแพลตฟอร์มดิจิทัลกำหนด โดยไม่ได้รับสิทธิและสวัสดิการตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งไม่ได้กำหนดให้ไรเดอร์ได้รับสิทธิในการเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 เนื่องจากผู้ประกอบการแพลตฟอร์มดิจิทัลเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้ประกอบการกับไรเดอร์ไม่มีลักษณะเป็นการจ้างแรงงาน แต่ให้สิทธิพิเศษอื่น ๆ แทน เช่น ประกันภัย สินเชื่อจากสถาบันการเงิน การฝึกอบรม ส่วนลดในการซื้อสินค้าต่าง ๆ</p>
<p>อย่างไรก็ดี ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้ประกอบการแพลตฟอร์มดิจิทัลมีอำนาจควบคุมบังคับบัญชาไรเดอร์โดยตรงด้วยการกำหนดกฎระเบียบข้อบังคับในการเข้าและออกงาน การแต่งกาย และการจัดส่งสินค้า ซึ่งหากไรเดอร์ไม่ปฏิบัติตามจะมีการลงโทษด้วยการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในการทำงานบางประการ เช่น วิธีการจ่ายงานและค่าตอบแทน ซึ่งไรเดอร์จำเป็นต้องยอมรับเงื่อนไขดังกล่าวโดยไม่มีสิทธิต่อรอง และเนื่องจากไรเดอร์ไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับการดำเนินกิจการหรือมีส่วนร่วมในกำไรหรือขาดทุนของผู้ประกอบการแพลตฟอร์มดิจิทัล รวมทั้งต้องหาอุปกรณ์ในการทำงานและต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกเองในกรณีเกิดอุบัติเหตุ การทำงานของไรเดอร์จึงไม่ใช่หุ้นส่วนหรือพาร์ทเนอร์ของผู้ประกอบการ แต่เข้าลักษณะของสัญญาจ้างแรงงาน มิใช่สัญญาจ้างทำของ ไรเดอร์จึงมีฐานะเป็นลูกจ้างและผู้ประกอบกิจการแพลตฟอร์มดิจิทัลเป็นนายจ้าง ตามมาตรา 575 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541</p>
<p>นอกจากนี้เมื่อพิจารณาแนวคำพิพากษาศาลในหลายประเทศ เช่น ฝรั่งเศส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และเนเธอร์แลนด์ มีคำพิพากษากรณีนี้ในทำนองเดียวกันว่า ความสัมพันธ์ตามสัญญาระหว่างผู้ประกอบการแพลตฟอร์มดิจิทัลและผู้ที่ทำงานให้บริการผ่านแพลตฟอร์มเป็นความสัมพันธ์ของการอยู่ใต้บังคับบัญชาของนายจ้างที่มีอำนาจสั่งการและลงโทษ ดังนั้น ผู้ที่ทำงานให้บริการผ่านแพลตฟอร์มจึงไม่ได้ให้บริการในฐานะผู้ประกอบอาชีพอิสระ แต่มีสถานะทางกฎหมายเป็นลูกจ้างของผู้ประกอบการเจ้าของแพลตฟอร์ม การที่ผู้ประกอบการแพลตฟอร์มดิจิทัล ผู้ถูกร้อง ปฏิบัติไปในทางเดียวกันว่า ไรเดอร์ไม่ใช่พนักงานหรือลูกจ้างตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้ไรเดอร์ไม่ได้รับสิทธิและสวัสดิการด้านแรงงาน อีกทั้งไม่มีหลักประกันในเรื่องค่าตอบแทน รวมถึงไม่ได้รับสิทธิในการก่อตั้งสหภาพแรงงานและเข้าร่วมสหภาพแรงงาน จึงเป็นการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน</p>
<p>ด้วยเหตุผลข้างต้น กสม. ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2567 จึงมีข้อเสนอแนะต่อผู้ประกอบการแพลตฟอร์มดิจิทัล ผู้ถูกร้องทั้งสี่ราย และกระทรวงแรงงาน สรุปได้ดังนี้</p>
<p>(1) ให้ผู้ประกอบการแพลตฟอร์มดิจิทัล ผู้ถูกร้อง ดำเนินการให้ไรเดอร์ได้รับสิทธิและสวัสดิการที่ครบถ้วนถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยสำรวจสภาพการจ้างงานในปัจจุบันว่ามีประเด็นใดบ้างที่ยังไม่เป็นไปตามกฎหมายกรณีถือว่าไรเดอร์มีสถานะเป็นลูกจ้าง เช่น หลักเกณฑ์การจ่ายค่าจ้าง ระยะเวลาทำงาน การกำหนดวันลา วันหยุด เป็นต้น และกำหนดแผนการดำเนินการเพื่อให้ไรเดอร์ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายดังกล่าว เช่น การกำหนดอัตราค่าจ้างหรือค่ารอบและค่าตอบแทนอื่นให้กับไรเดอร์ได้รับไม่น้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ และกำหนดกรอบเวลาการทำงานให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด</p>
<p>(2) ให้กระทรวงแรงงาน เร่งศึกษาวิเคราะห์สภาพปัญหา อุปสรรค และผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายจากการที่ผู้ประกอบการแพลตฟอร์มดิจิทัลจะต้องปฏิบัติต่อไรเดอร์ในฐานะมีนิติสัมพันธ์ความเป็นนายจ้างและลูกจ้าง และกำหนดมาตรการเพื่อคุ้มครองให้การใช้แรงงานไรเดอร์เป็นไปด้วยความเป็นธรรม โดยอาจกำหนดกฎกระทรวงให้งานไรเดอร์ที่ดำเนินการผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ในลักษณะเดียวกันกับกฎกระทรวงว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานในงานที่รับไปทำที่บ้าน พ.ศ. 2547 และกฎกระทรวงคุ้มครองแรงงานในงานเกษตรกรรม พ.ศ. 2557 และนำข้อมูลที่ได้ศึกษาวิเคราะห์ดังกล่าวมากำหนดในกฎกระทรวงเพื่อคุ้มครองการใช้แรงงานไรเดอร์ให้ได้รับสิทธิและสวัสดิการด้านแรงงานและการประกันสังคมตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป</p>
<p>นอกจากนี้ให้ซักซ้อมความเข้าใจกับผู้ประกอบการแพลตฟอร์มดิจิทัลให้ทราบถึงนิติสัมพันธ์ที่ถูกต้องและปฏิบัติให้ครบถ้วนถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งกำหนดนโยบายให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานและสำนักงานประกันสังคมมีมาตรการควบคุม กำกับ และติดตามให้ผู้ประกอบการแพลตฟอร์มดิจิทัลทุกรายปฏิบัติให้ถูกต้องในเรื่องสภาพการจ้างงานของไรเดอร์ต้องได้รับการปฏิบัติในฐานะลูกจ้างด้วย</p>
<p>ทั้งนี้ ให้กระทรวงแรงงาน ศึกษาความเปลี่ยนแปลงหรือรูปแบบแรงงานที่เกิดขึ้นใหม่ เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้รองรับในระยะยาวต่อไป เช่น การแก้ไขนิยามของนายจ้าง ลูกจ้างและสัญญาจ้าง ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 และนิยามการจ้างแรงงาน ตามมาตรา 575 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ให้สอดคล้องกับสภาพการจ้างงาน ที่เปลี่ยนแปลงไป</p>
<p>
ที่มา: คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, 29/3/2567</p>
<p><strong>ก้าวไกลอัดขึ้นค่าแรงเหมือนศรีธนญชัย หวั่นเหลื่อมล้ำ-ทำแรงงานย้ายถิ่น จี้ รบ.ทบทวนใหม่</strong></p>
<p>ที่รัฐสภา นายเซีย จำปาทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นำ ส.ส.พรรคก้าวไกล แถลงคัดค้านการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 10 จังหวัด ที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูง ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต ชลบุรี เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี กระบี่ สงขลา พังงา ประจวบคีรีขันธ์ และระยอง โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย.67</p>
<p>นายเซียกล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทต่อวัน เฉพาะกิจการโรงแรมบางพื้นที่ ซึ่งเป็นการปรับค่าจ้างแบบศรีธนญชัย ขอยืนยันว่าเห็นด้วยกับการปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างให้เท่ากันในทุกอุตสาหกรรมทั่วประเทศ ตนทำงานกับแรงงานมาหลาย 10 ปีเข้าใจหัวอกแรงงาน การเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำจะทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะแค่อาหารหนึ่งมื้อก็ใช้เงินมากกว่า 85 บาท กินครบ 3 มื้อก็มากกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ ยังไม่รวมค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทาง ภาษีสังคมที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต</p>
<p>การปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทแค่บางพื้นที่ เป็นการเพิ่มที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ความเป็นจริง โดยอ้างว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโดยรวมและ 10 พื้นที่เป็นพื้นที่ที่มีรายได้สูง จึงเป็นพื้นที่นำร่อง แล้วกิจการประเภทอื่นไม่สำคัญหรือ ดังนั้นการปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่ไม่เท่าเทียมกันในแต่ละพื้นที่อาจจะก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้นในอนาคต มีส่วนทำให้แรงงานเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่ที่มีค่าตอบแทนสูง เป็นผลให้มีแรงงานกระจุกตัวในพื้นที่ไม่กี่แห่ง ไม่มีการกระจายรายได้อย่างทั่วถึง</p>
<p>นายเซียยังฝากข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาล และกระทรวงแรงงาน ให้พิจารณาทบทวนการปรับค่าจ้างใหม่ ดังนี้</p>
<p>1. ปรับค่าจ้างขั้นต่ำให้เป็นธรรมตามหลักสากล โดยให้ครอบคลุมแรงงานทุกภาคส่วน โดยปรับจากอัตราค่าจ้างขั้นต่ำไปสู่การปรับเป็นอัตราค่าจ้างเพื่อชีวิต เพื่อให้แรงงานสามารถเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้อย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์</p>
<p>2.ด้วยเป้าหมายค่าจ้างขั้นต่ำ 600 บาททั่วประเทศ ตามที่พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเคยให้คำมั่นในประกาศหาเสียงเลือกตั้งไว้ ขอเสนอให้คณะกรรมการค่าจ้างฯ ปรับเปลี่ยนสูตรการคำนวณอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ เพราะเมื่อนำข้อมูลมาคำนวณตามสูตรที่ใช้กันอยู่ รัฐบาลนี้หากอยู่ครบ 4 ปี อัตราค่าจ้างขั้นต่ำก็ไม่ถึง 600 บาท ในปี 2570 แน่นอน</p>
<p>นายเซียกล่าวว่า ข้อเสนอของพรรคก้าวไกลคือ ค่าจ้างขั้นต่ำ 450 บาท ควบคู่กับการเพิ่มสวัสดิการให้กับประชาชนทุกช่วงวัย ส่วนการปรับค่าจ้างต้องปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มทุกปีในอัตราไม่น้อยกว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ประกาศโดยสำนักงานคณะกรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรืออัตราเงินเฟ้อตามประกาศของ กระทรวงพาณิชย์ และสุดท้ายเพื่อให้เกิดการกระจายรายได้อย่างเท่าเทียมเป็นธรรมทั่วประเทศ ขอให้พวกท่านพิจารณาปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ให้เป็นธรรมเท่ากันทั่วประเทศ</p>
<p>ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมากระทรวงแรงงานระบุว่า ไม่สามารถขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศได้ เพราะคำนวณจากอัตราการเติบโตรายได้ และ GDP แต่ละจังหวัด นายเซีย กล่าวว่ากระทรวงแรงงานมี 100 เหตุผลที่จะให้ข้อมูล แต่อยากให้มองถึงชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องแรงงาน ทั้งนี้ สูตรคำนวนค่าแรงของพรรคก้าวไกล ดูจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ เมื่อโตขึ้น แต่อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ไม่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ก็จะทำให้แรงงานมีปัญหาในการใช้ชีวิต มีหนี้สินเพิ่มทุกปี ส่งผลกระทบโดยรวมต่อประเทศ</p>
<p>นายเซียกล่าวว่า พี่น้องแรงงาน ไม่ว่าจะอยู่สัดส่วนใด ทุกคนต้องกินต้องใช้ เรากินข้าววันละ 3 มื้อ จำเป็นต้องซื้อเครื่องนุ่งห่ม จ่ายค่าที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค ซึ่งตั้งแต่ตนอยู่ในกระบวนการแรงงานมา ยังไม่เคยเห็นการขึ้นค่าแรง ที่แปลกประหลาดแบบนี้ ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่า กระทรวงแรงงานทำงานแบบไหน ทำงานแบบศรีธนญชัยหรือไม่</p>
<p>ด้านนายสหัสวัต คุ้มคง ส.ส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล กล่าวถึงสูตรคำนวณค่าจ้างขั้นต่ำว่าในปัจจุบันว่า เป็นวิธีคิดที่ผิดหลักเศรษฐศาสตร์อย่างรุนแรง ทำให้การคำนวณค่าจ้างขั้นต่ำมีปัญหา และน้อยกว่าที่ควรจะเป็น โดยที่ที่ผ่านมา สำนักงานค่าจ้าง กระทรวงแรงงาน ได้ตั้งคณะอนุกรรมการศึกษาการคำนวณสูตรค่าแรงแบบใหม่ แต่ผลที่ออกมากลับไม่ต่างจากเดิม</p>
<p>“ขอตั้งคําถามว่า การขึ้นค่าจ้าง 10 จังหวัดที่ผ่านมา ใช้สูตรคำนวณแบบใด เพราะสูตรที่กระทรวงแรงงานใช้อยู่ ไม่สามารถขึ้นได้ถึง 400 บาท ต้องเอาให้ชัดว่า การกำหนดค่าจ้าง อยู่ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หรือคณะกรรมการไตรภาคี” นายสหัสวัตกล่าว</p>
<p>เมื่อถามถึงนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ที่ระบุว่าการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ภายในปี 2570 อาจต้องทำเป็นขั้นบันไดหรือไม่ นายเซีย กล่าวว่า ต้องถามพรรคเพื่อไทยว่าต้องปรับอย่างไร เป็นขั้นบันได แต่ในส่วนของพรรคก้าวไกลจะปรับค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาทต่อวัน ก่อน รวมถึงปรับเพิ่มสวัสดิการของแรงงานทุกช่วงวัย ซึ่งในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเคยถามพรรคเพื่อไทยไปหลายครั้งแล้วว่าขั้นตอนการปรับค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน จะมีแนวทางอย่างไร</p>
<p>นายเซียกล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการไตรภาคีของกระทรวงแรงงาน ถูกตั้งคำถามว่ามีการเมืองแทรกแซง จึงขอฝากไปถึงรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวง แรงงานว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้รัฐบาลกำลังเล่นละครตบตาผู้ใช้แรงงานหรือไม่ จากการประกาศว่าจะมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในช่วงต้นปีที่ผ่านมา 2-16 บาทต่อวัน แต่นายกรัฐมนตรีระบุ 2 บาทซื้อไข่ยังไม่ได้ และขอให้มีการทบทวนค่าแรงขั้นต่ำอีกครั้ง และนายกรัฐมนตรีก็ไม่เคยผลักดันให้มีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทต่อวัน และไม่เคยพูดถึงอีกเลย ตนเองคิดว่านี่คือแนวนโยบายของรัฐบาลที่เคยสัญญา