หัวข้อ: บทสนทนากับความตายของ..หญิงสาว..ที่บ้านเก่า เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 20 พฤษภาคม 2553 10:03:34 (http://img20.imageshack.us/img20/7199/bc4a591ad1899f97e57b8c8.jpg)
บทสนทนากับความตายของ..หญิงสาว..ที่บ้านเก่า บ่าย นั้น. ผมกลับไปเยี่ยมเยือนบ้านเกิดอีกครั้ง ในห้วงฤดูร้อนแล้งแห้งโหย อากาศอบอ้าวแผ่กระจายรายล้อม มองออกไปข้างหน้า…เปลวแดดเต้นเร่าเหมือนดั่งกำลังเยาะหยันให้กับผู้คนที่ สัญจรไปมา บ้านเก่าหลังนั้น ยังคงยืนนิ่งสงบอยู่ ริมถนนเล็กๆ ที่ตัดผ่านเข้าไปในหมู่บ้าน ก่อนจะไปสิ้นสุดที่ตรงเหมืองฝายและท้ายทุ่ง ผมนิ่งมองด้วยความรู้สึกแปลกเปลี่ยน…บ้านของความคุ้นเคย บ้านของความอบอุ่น มันเปลี่ยนไปยังไงไม่รู้… บรรยากาศห้วงยามนี้จึงดูเหมือนมีเมฆหมอกของความ หม่นเศร้าบดบังไปทั่ว… ต้นมะพร้าวสองต้นที่ปลูกไว้ริมรั้วหน้าบ้าน ถูกโค่นทิ้งเพราะเหตุผลบางอย่าง…เพราะความสูงเกินไปของมัน หรือคงหวาดเกรงกันว่าลูกของมัน จะหล่นร่วงตกใส่ศีรษะของผู้คนที่เดินทางผ่าน ผมจดจ้องซากของมันที่เหลือแต่ตอผุๆ… นึกถึงการกำเนิดและเติบใหญ่ของ มัน ผมไม่รู้ว่าชีวิตมันก่อเกิดขึ้นตอนไหน รู้แต่ว่า เมื่อผมยังจำความได้…ก็เห็นมันหยัดร่างสูงยืนเด่นอยู่ตรงนั้น แม่บอกว่า…พ่อเป็นคนปลูก นานแล้วตั้งแต่อพยพโยกย้ายมาแผ้วถางป่าผืนนี้ จนที่สุด. ได้ปักหลักปักฐานอาศัยอยู่ที่นี่…ทำให้ผมมองเห็นภาพเก่าๆ เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก เมื่อผมร้องไห้ อยากกินน้ำมะพร้าว พ่อจะรีบปลอบใจ… แล้วเอามีดเหน็บผ้าขะม้าที่เคียนเอว ก่อนจะเกาะไต่ไปบนลำต้น สองมือจับยึดลำต้น สองเท้าเหยียบตรงรอยบาก ยันร่างสูงขึ้นไป สูงขึ้นไป…จนถึงบนสุด ใช้มีดตัดทะลายมะพร้าวหลายลูกร่วงลงข้างล่าง ดังตึกตักกระจายเกลื่อนพื้น… ภาพอดีตมักพัดหวนให้นึกถึงและจดจำ…ทุกครั้งที่ผมกลับมาสู่บ้านหลังเก่า พี่ สาวผมเปิดร้านขายของชำเล็ก ๆ ตรงหน้าบ้าน และยังขายก๋วยเตี๋ยวภายในเพิงที่มุงคาอย่างง่าย ๆ ตั้งแต่แม่จากไป พี่สาวจึงอาศัยอยู่บ้านหลังนี้เพียงลำพัง นาน ๆ ครั้ง หลานๆ จะกลับมาเยี่ยมในช่วงปิดเทอม ส่วนตัวผมนั้น. ยิ่งไม่ต้องพูดถึง นานๆ จึงหวนกลับมาครั้งหนึ่ง หรือไม่ก็กลับมาพักผ่อนหลับนอนเพียงชั่วคืน. รุ่งเช้า…ก็จำต้องเดินทางไกลต่อไป…ไปตามเส้นทางป่าบนภูเขา สูงชันและเปล่าเปลี่ยว… ทุกวัน. ไม่ว่าช่วงเช้า สาย บ่าย หรือห้วงยามเย็น หน้าร้านของพี่สาวจึงไม่เงียบเหงาเหมือนแต่ก่อน… มีผู้คนในหมู่บ้านเดินเข้า มาจับจ่ายซื้อกับข้าว ของใช้ และแวะเวียนเข้ามาทานก๋วยเตี๋ยวกันอยู่ไม่ขาดสาย… เหมือนเช่นวันนี้. ขณะที่ผมกำลังผูกเปลนอนอ่านหนังสืออยู่ใต้ต้นลำไย ไม่ไกลนักจากเพิงร้านของพี่สาวผมหันไปมองภาพที่เคลื่อนไหว… หญิง สาวสามคนเดินเข้ามาในร้านด้วยท่าทางอิดโรย สั่งก๋วยเตี๋ยวคนชาม ไม่ใส่เนื้อ ไม่ใส่ผงชูรส… ผม ยิ้มทักทายพวกเธอ เป็นคนที่รู้จักคุ้นเคยกันดี คนหนึ่งเป็นญาติกัน คนหนึ่งเป็นเพื่อนกัน ส่วนอีกคนเป็นแฟนของเพื่อน นานแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ผมแอบจ้องดูร่างอันซูบกายผ่ายผอมของหญิงสาม คน นั่งอยู่บนเก้าอี้โยกตรงนั้น. ใต้เพิงร้าน ห้วงยามนั้น…บรรยากาศดูคล้ายทุกสิ่งทุกอย่างถูกสะกดเงียบงัน ผมนั่งนิ่งฟังเฝ้าฟัง…เธอทั้งสามกำลังพูดคุยถึงเรื่องอะไรกัน!? พลันนึกแปลกใจ…ใช่, พวกเธอกำลังสนทนากับความตาย!! เหมือน ชะตากรรมหลอกล่อให้ชีวิตติดกับดักอันมืดมน มืดดำ ทว่าน้ำเสียงที่ผมได้ยินนั้น…กลับกลายเป็นเสียงหัวเราะ เป็นเสียงหัวเราะคล้ายอยากเยาะเย้ยหยันกับโชคชะตา กับความตายที่กำลังเดินทาง มาเยี่ยมเยือนพวกเธอในไม่ช้า “เข้ามาเลยความป่วยไข้…ฉันไม่กลัวหรอก ฉันพร้อมและยอมรับแล้วกับความเป็นไป…" เสียงของเพื่อนหญิงเอ่ยออกมา ให้กับทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นได้ยินรู้ “รู้ มั้ย ตอนแรกเรายอมรับไม่ได้หรอก เพราะเราไม่ได้ก่อนี่นา ไม่ยอมไม่กล้าไปโรงพยาบาลแต่ยังดีที่มีเพื่อนๆ ให้กำลังใจ จึงไปรวมกลุ่มกัน…" เสียงของเธอพูดด้วยความรู้สึกลึกๆ ในใจ… "จะนรกหรือสวรรค์ก็ช่าง!! ชีวิตมันก็แค่นี้แหละ..” เสียงเธอสบถออกมาจากริมฝีปากที่ซีดจางและสั่นไหว… ผมเข้าใจในความรู้สึกของเธอดี.หญิงสาว ใน กระแสความเปลี่ยนแปลงที่พัดโหมเข้ามาสู่ชีวิต… จากที่เคยมีวิถีอยู่กับความเรียบง่ายในชนบทมาเนิ่นนาน มีความสุขตามอัตตาภาพ ไม่เร่งรีบ ไม่ร้อนรน ไม่เคยคิดไขว่คว้าอะไรมากมาย มีเพียงความสุข ความฝัน ทำงานเก็บออมเอาไว้ เพื่อลูกชายลูกสาวที่กำลังเติบใหญ่ขึ้นในวันข้างหน้า… มาถึงตอนนี้ ความฝันของเธอกลับร่วงแตกแหลกสลายลง เมื่อรับรู้กับความจริงอันปวดเจ็บร้าวยากเกินจะเยียวยา เธอทั้งสามนั้นรับเชื้อร้ายโรคร้ายที่รักษาไม่หาย… โรคของความผิดพลาดที่สามี ของพวกเธอนั้นนำพามาสู่ชีวิตของเธอ… แดดหม่นส่องลอดผ่านรูรั่วบนหลังคา ลมบ่ายยังคงพัดเข้ามาอย่างอ้อยสร้อย... “อย่าลืมนะ…พรุ่งนี้หมอนัดพวกเรา ให้ไปตรวจดูเม็ดเลือดขาวว่าเหลืออีกมากน้อยเท่าใด” เธอเอ่ยกับเพื่อน… “ถ้าเม็ดเลือดขาวหมด ชีวิตเราก็หมดใช่ไหม?…” “กลัวใช่ไหม?…” “เรานะไม่กลัวหรอก แต่เป็นห่วงลูกเราเท่านั้น” “ทายกันไหม…ว่าใครจะเหลือน้อยกว่ากัน และใครจะไปก่อนใคร… “อยู่ก็ใช่สุข ไปก็ใช่ทุกข์…” “บางที…การจากไป ก็คงเหมือนการเดินทางไกลนั่นแหละนะ” “ใช่. จะพบกับความสุขหรือทุกข์ ไม่มีใครรู้หรอก” “ไม่แน่…อาจเจอกับความว่างเปล่าก็ได้” “ถ้าเราสามไปพร้อมกันก็คงดีนะ…จะมีเพื่อนคุยระหว่างทาง..” ห้วง ยามนั้น…สายลมพัดเอาความโศกเศร้าเข้ามาในเพิงร้านดังหวีดหวิวไหว… และยังยินเสียงพวกเธอสนทนาหยอกล้อกับความตายไปมาอยู่อย่างนั้น… ทำให้หัวใจผมหนักอึ้ง นิ่งงัน และอยากร้องไห้. ขอบคุณสยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ หัวข้อ: Re: บทสนทนากับความตายของ..หญิงสาว..ที่บ้านเก่า เริ่มหัวข้อโดย: 【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪ ที่ 20 พฤษภาคม 2553 15:46:23 wow
อ้างถึง “ถ้าเราสามไปพร้อมกันก็คงดีนะ…จะมีเพื่อนคุยระหว่างทาง..” ประโยคนี้กระแทกอารมณ์มาก เหงา โศก เศร้า ... ... ... หัวข้อ: Re: บทสนทนากับความตายของ..หญิงสาว..ที่บ้านเก่า เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 21 พฤษภาคม 2553 17:23:20 (:88:) (:88:)
|