[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 24 มิถุนายน 2553 23:48:40



หัวข้อ: ภาวนาว่าด้วยรัก(แท้) รายงานโดย : หนูดี-วนิษา เรซ
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 24 มิถุนายน 2553 23:48:40
[ โดย อ.มด บอร์ดเก่า ]



(http://content.mthai.com/upload_images/celebstyle/noo_dee0608/noo_deeceleb1.jpg)
 
 
 
รายงานโดย :หนูดี-วนิษา เรซ: วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2552
 
“กุหลาบดอกนั้นอาจเป็นภรรยาหรือสามีของเธอก็ได้” เป็นคำพูดของหลวงพี่ตอนที่เรานั่งลงประชุมกันเพื่อวางแผนงาน “ภาวนา ว่าด้วยรัก”
 
ที่จะเกิดขึ้นสุดสัปดาห์นี้ในวันที่ 9-11 ครั้งนี้เราเลือกหยิบยกหัวข้อธรรมะที่เกี่ยวข้องกับความรักและการดูแลความสัมพันธ์มาเรียนรู้ร่วมกัน จนหนูดีอยากจะเรียกงานภาวนานี้ว่า “ภาวนาว่าด้วยรักแท้” เสียจริงๆ
 
ธรรมะบรรยายในวันแรก เป็นหัวข้อ “หยุดทุกสิ่ง แล้วมาสัมผัสความหอมของดอกกุหลาบ” เป็นเรื่องราวของการกลับมาสู่ลมหายใจของปัจจุบันขณะ และสัมผัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความเป็นตัวเราทั้งหมด ซึ่งเป็นทักษะที่ชาวเมืองอย่างพวกเราไม่คุ้นชินเลย เราชินและภูมิใจมากกว่ากับการ “มัลติทาสก์” ทำอะไรหลายๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกัน เลยทำให้เราหลงลืมเทคนิคการหาความสุขง่ายๆ กับลมหายใจของตัวเอง ที่เรามีเหลือเฟือมากมายในแต่ละวัน
 
ความทุกข์ของคนในปัจจุบันหลายครั้งมาจากการรักไม่เป็น หรือการถูกรักแบบผิดวิธีเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นรักของพ่อแม่ลูก หรือคู่รัก และที่สำคัญเราหลายๆ คนยัง “รักตัวเอง” กันไม่เป็นเลย เรายังคิดว่าการตามใจตัวเองคือรักตัวเอง ทั้งๆ ที่คำนี้กินความหมายลึกกว่านั้นมาก ถ้าเรารักตัวเองเป็น เราจะไม่วิ่งหนีความทุกข์จนเตลิด จะไม่วิ่งวุ่นวายมองหาความสุขจนกระทั่งเดินทางข้ามโลกก็ได้ แต่ที่เดียวที่ไม่ยอมเดินทางเข้าไป คือใจตัวเอง เพราะทนไม่ได้ที่จะมองสิ่งที่อยู่ในนั้น มันเจ็บปวดเกินไป
 
ในศาสนาพุทธมีคัมภีร์ดีๆ สำหรับผู้ครองเรือนมากมาย แล้วแต่ใครจะตาดีไปเห็นแล้วเลือกหยิบมาปฏิบัติ หนูดีเองเคยตัดสินใจครั้งใหญ่เมื่อสองปีมาแล้วที่จะรับ “ข้อฝึกอบรมสติห้าประการ” ของหลวงปู่ติช นัท ฮันห์ มาลองปฏิบัติดู ว่าไปแล้วนี่ก็คือศีลห้าที่เราคุ้นชิน แต่เพราะว่าในสมัยพุทธกาลยังไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีเฟซบุ๊ก หลวงปู่เลยนำมาตีความเสียใหม่ ให้เหมาะกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ของพวกเรา ซึ่งหนูดีไม่ขอนับศีลห้าว่าเป็นข้อห้ามห้าข้อ แต่นับใหม่ว่าเป็น หลักประกันความสุขห้าประการ มีชื่อใหม่ตามนี้ คือ ศีลข้อหนึ่ง การปกป้องชีวิต ศีลข้อสอง ความสุขอันแท้จริง ศีลข้อสาม ความรักที่แท้จริง ศีลข้อสี่ การใช้วาจาแห่งความรักและฟังอย่างลึกซึ้ง และศีลข้อห้า การบำรุงหล่อเลี้ยงและเยียวยา
 
มาดูศีลข้อที่สี่ ที่จะเป็นหัวใจของการภาวนานี้กันนะคะ มุสาวาทา เวระมะณีสิกขา ปทังสมา ทิยามิ
 
“ด้วยความตระหนักรู้ถึงความทุกข์จากการกล่าวถ้อยคำ ที่ขาดความยั้งคิดและขาดความสามารถที่จะฟังอย่างลึกซึ้ง ข้าพเจ้าจึงขอตั้งปณิธานที่จะเรียนรู้การใช้วาจาที่ไพเราะเปี่ยมด้วยความรักและการตั้งใจฟังอย่างลึกซึ้ง เพื่อที่จะช่วยหยิบยื่นความเบิกบาน แบ่งเบาความทุกข์ของผู้อื่น สร้างความสุขสันติ และฟื้นฟูความปรองดองสามัคคีระหว่างทุกคนทุกเชื้อชาติและทุกศาสนา ข้าพเจ้ารู้ดีว่าคำพูดสามารถก่อให้เกิดความสุขหรือความทุกข์กับผู้อื่นได้ ข้าพเจ้าขอตั้งจิตมั่นที่จะเรียนรู้การใช้วาจาที่ก่อให้เกิดความมั่นใจ ความเบิกบาน ความสงบและความหวัง ข้าพเจ้าตระหนักดีว่าถ้อยคำแห่งความจริงมีคุณค่าที่จะสร้างความเข้าใจและความปรองดอง สามัคคี ข้าพเจ้าตระหนักดีว่าความโกรธนั้นมีรากฐานมาจากความคิดเห็นผิดที่มีอยู่ในตัวข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าจะพยายามหาวิธีทำความเข้าใจกับความทุกข์ในตัวข้าพเจ้าและในบุคคลที่ข้าพเจ้าโกรธ ข้าพเจ้าขอตั้งปณิธานที่จะไม่กระพือข่าวที่ตัวเองไม่รู้แน่ชัด และละเว้นจากการกล่าววาจาที่จะก่อให้เกิดความแตกแยก ไม่ปรองดองกัน ข้าพเจ้าขอตั้งปณิธานว่าจะฝึกปฏิบัติความเพียรอันถูกต้อง (สัมมาวายามะ) เพื่อบำรุงหล่อเลี้ยงความสามารถที่จะเข้าใจ ที่จะรักและก่อให้เกิดความสุข ตลอดจนความไม่แบ่งแยก พร้อมทั้งแปรเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์แห่งความรุนแรง ความเกลียดชัง ความกลัว อันนอนเนื่องอยู่ในเบื้องลึกของจิตวิญญาณ”
 
เป็นอย่างไรคะ ยาวทีเดียว แต่ก็กระตุกสติของหนูดีได้เป็นอย่างดีตลอดสองปีที่ผ่านมา ก่อนหนูดีจะพูดกับใคร ไม่ว่าที่ไหน อย่างไร และพอฝึกแล้วก็รู้เลยว่า ที่ผ่านมาเราพูดสิ่งที่ไม่ได้ตั้งใจไปเยอะมาก
 
ถ้าลองสังเกตดูจริงๆ แล้ว คนเราทั่วไปไม่ค่อยทำร้ายร่างกายคนที่เรารักเท่าไหร่หรอกค่ะ ส่วนใหญ่เราทำร้ายกันผ่านวาจาและการไม่ให้ความสนใจกับความรู้สึกของอีกฝ่ายหนึ่งเท่าที่ควร ดังนั้นในการใช้วาจาแห่งความรักและการฟังอย่างลึกซึ้งคือการเยียวยาคนที่เรารักและตัวเราเองไปด้วยพร้อมๆ กัน เป็นกระบวนการที่เปลี่ยนแปรตัวเราได้อย่างมากมาย เพราะในการที่จะฝึกรักคนอีกคนหนึ่ง เราต้องรักตัวเองให้ได้ก่อน และการรักตัวเองก็คือการฟังความเจ็บปวดของตัวเองได้ ปลอบตัวเองเป็น และเยียวยาตัวเองเป็น
 
การฝึกรักนั้น ไม่ต้องมีคู่รัก เราก็ฝึกได้ เพราะก่อนจะรักคนทั้งโลกได้ ต้องเริ่มที่เรารักตัวเองให้ได้ก่อน มีความสุขกับตัวเองให้ได้ก่อน เป็นแบบฝึกหัดที่หนึ่ง เพราะถ้าเรายังนั่งนิ่งๆ กับตัวเองมีความสุขกับลมหายใจปัจจุบันตรงนั้นไม่ได้ มันก็ยากมากทีเดียวที่เราจะรักใครแล้วทำให้คนคนนั้นมีความสุขอย่างแท้จริงได้ และการรักคนรักให้เป็น ก็เป็นแบบฝึกหัดที่สอง ก่อนถึงขั้นที่สามคือ การแผ่ความรักออกไปอย่างไม่มีประมาณ อันเป็นหนึ่งในหัวใจหลักของศาสนาเรา
ใครที่เคยวิ่งวุ่นอยู่กับงาน หรือเรื่องอื่นๆ มากมาย ไม่เคยได้หยุด...แล้วสัมผัสกลิ่นกุหลาบมานาน สุดสัปดาห์นี้ หนูดีอยากเชิญชวนให้มาภาวนากับเรา ที่ริมหาดทะเลชะอำ มาให้เวลากับความรัก เรียนรู้วิถีการดูแลความรักแบบพุทธ ซึ่งเป็นการฝึกปฏิบัติเพื่อหัวใจที่เบิกบานอย่างแท้จริง
 
(อ่านข้อมูลเพิ่มเติม “ภาวนาว่าด้วยรัก” ได้ที่ www.mindbrainedu.com (http://www.mindbrainedu.com) หรือ 02-549-8686 คนโสดก็สมัครได้เช่นกันค่ะ ส่วนท่านไหนมาไม่ได้ เราจะนำภาพวิดีโอขึ้นให้ดาวน์โหลดฟรี หลังงานภาวนาค่ะ)



 
http://www.posttoday.com/lifestyle.php?id=70292 (http://www.posttoday.com/lifestyle.php?id=70292)