[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 23 สิงหาคม 2563 14:23:25



หัวข้อ: พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๓๑ ปัพพชิตวิเหฐกชาดก : ท้าวสักกะสดุดีบัณฑิต
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 23 สิงหาคม 2563 14:23:25

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/13576513404647__500_320x200_.jpg)

พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๓๑ ปัพพชิตวิเหฐกชาดก
ท้าวสักกะสดุดีบัณฑิต

          ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้เป็นท้าวสักกะ
          ครั้งนั้น พิทยาธรตนหนึ่งร่ายเวทย์มนต์แล้วเข้าไปในห้องมิ่งขวัญในเวลาเที่ยงคืน ประพฤติล่วงเกินกับพระอัครมเหสีของพระเจ้าพาราณสี ฝ่ายข้าหลวงของพระนางได้กราบทูลแด่พระราชา พระนางจึงเสด็จทูลพระราชาเสียเองว่า
          “ฝ่าพระบาท! ชายคนหนึ่งเข้ามาในห้องมิ่งขวัญ ในเวลาเที่ยงคืนแล้วข่มขืนหม่อมฉัน
          พระราชา “ก็เธอจะสามารถทำเครื่องหมาย คือ สัญญาณอะไรไว้ที่มันจะได้ไหม?”
          พระอัครมเหสี “ได้ พระเจ้าข้า”
          พระนางทรงให้นำถาดใส่ชาดมาได้ เมื่อเวลาชายคนนั้นมาในเวลากลางคืน ร่วมอภิรมย์แล้วจะไป ทรงประทับนิ้วทั้ง ๔ ไว้ที่หลัง แล้วได้กราบทูลพระราชาแต่เช้าทีเดียว พระราชาตรัสสั่งบังคับคนทั้งหลายว่า “เจ้าทั้งหลายจงพากันตรวจดูทั่วทุกทิศ แล้วให้จับคนที่มีรอยชาดอยู่หลัง ฝ่ายพิทยาธร เมื่อทำอนาจารในเวลากลางคืนแล้ว กลางวันก็ยืนขาเดียวนมัสการพระอาทิตย์อยู่ที่สุสาน ราชบุรุษทั้งหลายเห็นเขาแล้วจึงพากันล้อมไว้ เขารู้ว่ากรรมของเขาปรากฏแล้ว จึงร่ายเวทย์เหาะไปกลางอากาศ พระราชาทรงเห็นชายคนนั้นแล้ว จึงตรัสถามราชบุรุษทั้งหลายที่มาแล้วว่า เธอทั้งหลายได้เห็นไหม
 
          ราชบุรุษ      “ได้เห็นพระพุทธเจ้าข้า”
          พระราชา      “มันชื่ออะไรล่ะ คือใคร”
          ราชบุรุษ           “เป็นบรรพชิต พระพุทธเจ้าข้า”

          เพราะว่าเวลากลางคืนเขาทำอนาจาร แต่เวลากลางวันเขาอยู่โดยเพศบรรพชิต พระราชาทรงกริ้วบรรพชิตทั้งหลายว่า บรรพชิตเหล่านี้กลางวันประพฤติโดยเพศสมณะ แต่กลางคืนทำอนาจาร แล้วทรงยึดถือผิดๆ จึงทรงให้ตีกลองประกาศว่า “เจ้าทั้งหลายจักต้องปฏิบัติตามพระราชโองการในที่ๆ ตนได้เห็นแล้ว เห็นแล้วว่า บรรพชิตทั้งหมดจงหนีไปจากอาณาจักรของเรา”
          บรรพชิตทั้งหมด เมื่อฟังประกาศแล้วจึงหนีไปจากแคว้นกาสีที่มีที่ ๓๐ โยชน์ ได้พากันไปยังราชธานีอื่นๆ  สมณะพราหมณ์ผู้ทรงธรรม แม้คนเดียวที่จะให้โอวาทแก่คนทั้งหลายทั่วแคว้นกาสีก็ไม่มี คนทั้งหลายที่ไม่ได้รับโอวาท จึงเป็นคนหยาบคาย คนทั้งหลายที่ปล่อยปละละเลยทานและศีลเป็นต้น ตายไปแล้วโดยมากก็เกิดในนรก ขึ้นชื่อจะเกิดในสวรรค์ไม่มีแล้ว ท้าวสักกะเมื่อไม่ทรงเห็นเทพบุตรใหม่ จึงทรงรำลึกว่า มีเหตุอะไรหนอ แล้วก็ทรงทราบว่าพระเจ้าพาราณสีทรงพิโรธ เพราะเพียงพิทยาธรคนเดียว แต่ทรงไล่บรรพชิตออกจากแว่นแคว้น เพราะทรงเชื่อถือผิด จึงทรงดำริว่า คนอื่นนอกจากเราที่จะสามารถทำลายความเชื่อถือผิดๆ ของพระราชาพระองค์นี้ไม่มี และเราจักเป็นที่พึ่งของพระราชาและราษฎรทั้งหลาย แล้วได้เสด็จไปสำนักพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายที่เงื้อมแห่งภูเขาชื่อว่า นันทมูลกะ ทรงไว้แล้วทูลว่า
          “ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ ขอพระคุณเจ้าทั้งหลาย จงให้พระปัจเจกพุทธเจ้าผู้เฒ่าองค์หนึ่งแก่กระผม กระผมจักให้ราษฎรชาวกาสีเลื่อมใส”
          ท้าวเธอได้พระสังฆเถระทีเดียว และทรงรับบาตรกับจีวรของพระปัจเจกพุทธเจ้านั้น ให้ท่านอยู่ข้างหน้าพระองค์เองอยู่ข้างหลัง ทรงแปลงเพศเป็นมาณพรูปหล่อ วางอัญชลีไว้เหนือเศียรนมัสการพระปัจเจกพุทธเจ้า เสด็จเที่ยวไปทางเบื้องบนพระนครทั้งหมด ๓ เที่ยว มาถึงประตูพระราชวัง ได้ประทับยืนอยู่บนอากาศ
          อำมาตย์ทั้งหลายได้กราบทูลพระราชาว่า ข้าแต่สมมติเทพ มาณพรูปงามคนหนึ่งนำเอาสมณะรูปหนึ่งมายืนอยู่บนอากาศตรงประตูพระราชวัง พระราชาเสด็จลุกจากราชอาสน์ ประทับยืนที่ช่องพระแกล เมื่อทรงเจรจากับว่า “มาณพผู้มีรูปงาม แต่เหตุไฉนจึงยืนถือบาตรและจีวรของสมณะผู้มีรูปร่างขี้เหร่ พลางนมัสการอยู่ดังนี้” จึงกล่าวว่า
          “เธอผู้มีรูปร่างงาม แต่ให้สมณะรูปร่างขี้เหร่อยู่ข้างหน้า ประคองอัญชลีนมัสการสมณะรูปนั้นดีกว่า หรือเธอเสมอกันกับเธอ ขอจงบอกทั้งชื่อของตนทั้งชื่อของผู้อื่น คือสมณะ”
          ลำดับนั้น ท้าวสักกเทวราชจึงตรัสกะพระราชานั้นว่า ข้าแต่มหาราช ขึ้นชื่อว่าสมณะทั้งหลายย่อมเป็นผู้ควรเคารพ เพราะเหตุนั้นข้าพเจ้าจึงไม่ได้เพื่อเรียกชื่อของท่าน แต่ข้าพเจ้าจักบอกชื่อข้าพเจ้าแก่ท่าน แล้วกล่าวว่า “ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทวยเทพอุปัตติเทพ จะไม่เอ่ยชื่อและโคตรของเทพทั้งหลาย ผู้พร้อมเพรียงกัน ผู้ปฏิบัติตรงคือวิสุทธิเทพ แต่ข้าพเจ้าจะบอกชื่อของข้าพเจ้าแก่ท่าน ข้าพเจ้าคือท้าวสักกะผู้เป็นจอมทวยเทพ ชาวไตรทศ”
          พระราชาทรงสดับแล้ว ได้ทูลถามถึงอานิสงส์การนมัสการภิกษุว่า “ผู้ใดเห็นภิกษุเข้าถึงจรณะ ให้ท่านผู้อยู่ข้างหน้าประคองอัญชลีนมัสการ ข้าแต่มหาราช ข้าพระองค์ขอถามข้อความนี้กะพระองค์ ผู้นั้นจุติจากโลกนี้ไปแล้ว จะได้รับความสุขอะไร”
          ท้าวสักกะตอบว่า “ผู้ใดเห็นภิกษุผู้เข้าถึงจรณะ ให้ท่านอยู่ข้างหน้า แม้ประคองอัญชลีนมัสการอยู่ ผู้นั้นจะได้รับการสรรเสริญในปัจจุบัน และจะได้ไปสวรรค์เพราะร่างกายแตกดับไป”
          พระราชาทรงสดับเทวคาถาเรื่องของท้าวสักกะแล้ว ทำลายการเชื่อถือผิดได้ พระพระราชหฤทัย ได้ตรัสว่า “วันนี้บุญได้เกิดขึ้นแก่ข้าพระองค์แล้วหนอ ที่ข้าพระองค์ได้พบเห็นพระผู้เป็นเจ้า อาสวะข้าแต่ท้าวสักกะข้าพระองค์เห็นพระภิกษุ และพระองค์แล้ว จะทำบุญหาน้อยไม่”
          ท้าวสักกะทรงสดับแล้ว เมื่อจะทรงสดุดีบัณฑิต จึงตรัสว่า “ควรคบหาผู้มีปัญญา เป็นพหูสูต คิดถึงเหตุการณ์มากมายโดยแน่แท้ พระราชาพระองค์เห็นภิกษุและหม่อมฉันแล้ว จงทรงทำบุญหาน้อยไม่”
          พระราชาทรงสดับดำรัสนั้นแล้ว จึงตรัสว่า “ผู้ไม่มักโกรธ มีจิตเลื่อมใสเนืองนิตย์ เป็นผู้มีควรแก่การขอของแขกทุกคน ข้าแต่จอมเทพ ข้าพระองค์สดับสุภาษิตแล้ว จักทำลายมานะ กราบไหว้ท่านผู้นั้น”
          พระราชาครั้นตรัสอย่างนี้ ก็เสด็จลงจากปราสาท ทรงไหว้พระปัจเจกพุทธเจ้า แล้วได้ประทับยืน ณ ที่สมควรข้างหนึ่ง พระปัจเจกพุทธเจ้าทรงนั่งคู้บัลลังก์ที่อากาศ แล้วทรงโอวาทพระราชาว่า ขอถวายพระพร มหาบพิตร วิชาธรนั้นใช่สมณะ ต่อแต่นี้ไปขอพระองค์จงทรงทราบไว้ว่า โลกไม่ว่างเปล่า ยังมีสมณะพราหมณ์ผู้ทรงศีลอยู่แล้ว ทรงอวยทาน ทรงศีล ทรงอุโบสถกรรมเถิด
          ฝ่ายท้าวสักกะประทับยืนอยู่ที่อากาศ ด้วยอานุภาพของท้าวสักกะประทานโอวาทแก่ทวยนครว่า ต่อแต่นี้ไปเจ้าทั้งหลายจงเป็นผู้ไม่ประมาทเถิด แล้วทรงให้ตีกลองป่าวประกาศว่า สมณพราหมณ์ทั้งหลาย ผู้หนีไปแล้วจงกลับมา ท่านทั้ง ๒ คือท้าวสักกะแล้วพระปัจเจกพุทธเจ้า ได้เสด็จไปยังที่ของตน พระราชาทรงตั้งอยู่ในเทวโอวาทของท้าวสักกะนั้น แล้วได้ทรงบุญทั้งหลาย มีทานเป็นต้น

 
ธรรมนิทานชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ควรบูชาผู้ที่ควรบูชา”

พุทธศาสนสุภาษิตประจำเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ
บูชาคนที่ควรบูชา เป็นอุดมมงคล

คัดจาก : หนังสือ พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ ฉบับสมบูรณ์ / จัดพิมพ์เพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดย สถาบันบันลือธรรม ... สาธุ