[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 11 ตุลาคม 2562 16:32:56



หัวข้อ: หลวงปู่จันดา จันทาโภ วัดทองนพคุณ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 11 ตุลาคม 2562 16:32:56
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/79636274278163_view_resizing_images_3_320x200.jpg)

หลวงปู่จันดา จันทาโภ
วัดทองนพคุณ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม

พระครูจันทสีตลคุณ หรือ หลวงปู่จันดา จันทาโภ อดีตเจ้าคณะอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย และเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม พระเถราจารย์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอยู่ในศรัทธา อีกทั้งยังเป็นพระอุปัชฌาย์ของอดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดังหลายรูป

นามเดิม จันดา อุทปา เกิดเมื่อวันที่ 11 ม.ค.2417 ที่บ้านดงบัง หมู่ที่ 4 ต.ภารแอ่น อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม เป็นบุตรของนายอุด-นางง้อม อุทปา ครอบครัวประกอบอาชีพทำไร่ทำนา

จนถึงปี พ.ศ.2532 ขณะอายุ 15 ปี บรรพชาที่วัดบ้านขมิ้น ต.เม็กดำ อ.พยัคฆภูมิพิสัย แล้วพำนักอยู่ที่วัดบ้านดงบัง บ้านเกิด

อายุครบบวช เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2437 ที่อุโบสถวัดบ้านดงบัง ต.ภารแอ่น อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม โดยมีพระเป่ม เป็นพระอุปัชฌาย์, พระค้อ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระคำมี เป็นพระอนุสาวนาจารย์

จากนั้นเดินทางไปยังสำนักเรียนวัดบ้านดอนหลี่ อ.พยัคฆภูมิพิสัย มุมานะศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมด้วยความขยันขันแข็ง ในเวลาไม่นาน สำเร็จการศึกษามูลกัจจายน์ ซึ่งยุคสมัยนั้นการศึกษาของวงการสงฆ์ยังไม่เจริญเช่นปัจจุบัน สำนักเรียนก็มีน้อย ครูอาจารย์ที่มีภูมิความรู้จะอบรมสั่งสอนยังมีไม่มาก

พระภิกษุ-สามเณรที่ต้องการศึกษาเล่าเรียน ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการแสวงหาที่เรียน

สำหรับหลวงปู่จันดา ที่สามารถเรียนจบมูลกัจจายน์ จึงนับได้ว่าเป็นผู้มีภูมิความรู้มากรูปหนึ่งในยุคสมัยนั้น ดังจะเห็นได้ว่าต่อมาไม่นานได้รับความไว้วางใจจากคณะสงฆ์ให้ไปดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านหนองพอก

วันที่ 16 ม.ค.2453 ดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าคณะอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย และวันที่ 6 พ.ย.2472 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่ พระครูจันทสีตลคุณ

หลังจากที่มีตำแหน่งทางปกครอง ปฏิบัติหน้าที่งานด้านปกครองคณะสงฆ์ ยึดหลักเมตตาธรรมเป็นที่ตั้ง ด้วยหลักพรหมวิหาร 4 และปฏิบัติศาสนกิจตามหลักพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด

นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการศึกษาให้แก่พระภิกษุ-สามเณร โดยท่านเปิดสำนักเรียนขึ้นที่วัดทองนพคุณ จนเป็นสำนักเรียนใหญ่มีชื่อเสียงโด่งดัง ในแต่ละปีจะมีพระภิกษุ-สามเณรศึกษาเล่าเรียนจำนวนมาก โดยท่านทำหน้าที่เป็นครูสอนเอง และยังร่วมกับญาติโยมพัฒนาวัดทองนพคุณให้เจริญรุ่งเรืองเป็นศูนย์รวมใจของชุมชนดังปรากฏในปัจจุบัน

ในช่วงสมัยนั้นพระอุปัชฌาย์มีน้อยมาก ผู้ที่มีความประสงค์จะบรรพชาหรืออุปสมบทในเขตพื้นที่ใกล้เคียงต่างเดินทางมาบวชกับท่านที่อุโบสถวัดทองนพคุณ มีหลักฐานตัวเลขนับแต่ที่ท่านรับหน้าที่เป็นพระอุปัชฌาย์จนถึงวันมรณภาพ บรรพชา 3,250 รูป และอุปสมบท 4,050 รูป

นับว่าเป็นผู้มีศิษย์มากรูปหนึ่งในจำนวนอุปสัมปทาเปกขะมีหลายรูปที่ต่อมาเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง อาทิ หลวงปู่มี กันตสีโล วัดป่าสันติธรรม อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม, หลวงปู่สุ่ย ถิรธัมโม วัดหนองขาม อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม, หลวงปู่ถิน สารานุโม วัดบ้านดงเมืองน้อย จ.มหาสารคาม, หลวงปู่เสือ อดีตเจ้าคณะอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังเป็นพระที่มีผลงานการเผยแผ่พระธรรมคำสอนขององค์สัมมา สัมพุทธเจ้าอย่างต่อเนื่อง เทศนาสั่งสอนอบรมให้พุทธศาสนิกชนยึดหลักศีล 5 ในการดำเนินชีวิต มีความกตัญญูต่อ บิดา มารดา ครู อาจารย์ และผู้มีพระคุณ จะทำให้ชีวิตพานพบแต่ความดีงาม และเจริญรุ่งเรือง

หลังจากตรากตรำรับใช้พระพุทธศาสนามาอย่างยาวนาน ช่วงบั้นปลายของชีวิตหลวงปู่อาพาธบ่อยครั้ง

วาระสุดท้ายถึงจะอาพาธหนักแต่ท่านยังมีสติ เรียกคณะศิษย์มาประชุม พร้อมให้โอวาทโดยใจความสั้นๆ ว่า "สังขารร่างกายมีเกิด มีแก่ มีเจ็บ มีป่วย แล้วมีความตายเป็นบั้นสุดท้าย ไม่มีสัตว์ใดล่วงพ้นความตายไปได้แม้แต่คนเดียว ดังนี้ ท่านผู้เป็นศิษย์ทั้งหลายเอ๋ย! จงประพฤติธรรมและวินัยให้เป็นประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่นจนเต็มความสามารถเทอญ"

สุดท้ายมรณภาพอย่างสงบเมื่อวันที่ 25 ส.ค.2494 สิริอายุ 78 ปี พรรษา 58

จัดงานพระราชทานเพลิง ที่เมรุวัดทองนพคุณ วันที่ 13 มี.ค.2495
ข่าวสดออนไลน์