วงถก 'การนำเสนอข่าวไม่ใช่อาชญากรรม' ห่วงเหตุนักข่าวถูกจับ ทำสิทธิเสรีภาพสื่อถอย ขอรัฐหยุดดำเนินคดี
<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2024-02-19 01:33</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>เมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา แอมเนสตี้ฯ จัดวงถก 'การนำเสนอข่าวไม่ใช่อาชญากรรม' Journalism is not a Crime ห่วงเหตุการณ์นักข่าวถูกจับ ทำสิทธิเสรีภาพสื่อเสื่อมถอย ขอรัฐหยุดดำเนินคดีกับสื่อ สร้างพื้นที่ปลอดภัยในสิทธิในเสรีภาพการแสดงออก เชื่อทุกฝ่ายไม่มีใครอยากใช้ความรุนแรง
</p>
<p>19 ก.พ.2567 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา แอมเนสตี้ฯ จัดเสวนาในหัวข้อ การนำเสนอข่าวไม่ใช่อาชญากรรม (Journalism is Not a Crime) ณ ห้องประชุมบ้าน(Barn) ชั้น 1 โรงแรมเบสท์เวสเทิร์น จตุจักร กรุงเทพฯ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีที่มีนักข่าวและช่างภาพอิสระถูกจับในข้อหาเป็นผู้สนับสนุนทำให้โบราณสถานเสียหายจากการขีดเขียนข้อความ หลังไปทำข่าวกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองพ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2566 โดยมี เทวฤทธิ์ มณีฉาย บรรณาธิการบริหารสำนักข่าวประชาไท , ปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย และ พรรษาสิริ กุหลาบ ผู้ช่วยศาสตราจารย์และอาจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมเสวนา</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53537154776_3688bac0e3_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">เทวฤทธิ์ มณีฉาย</span></p>
<p>เทวฤทธิ์ มณีฉาย บรรณาธิการบริหารสำนักข่าวประชาไท มองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความน่ากังวลและความน่ากลัวต่อการทำงานข่าวในหลายประเด็น ดังนี้ 1.เรื่องการเป็นผู้สนับสนุน ในกรณีที่ไปทำข่าวการเคลื่อนไหวของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์แล้วถูกรัฐบาลมองว่ามีความผิด จึงตั้งคำถามว่าหากในอนาคตสื่อที่ออกไปทำข่าวเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมเพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงจะมีความผิดด้วยหรือไม่ เช่น ผิด พ.ร.บ.การชุมนุมฯ 2.กรณีที่ คุณณัฐพล เมฆโสภณ นักข่าวประชาไท ถูกออกหมายจับตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 66 แต่เจ้าหน้าที่กลับเพิ่งมาจับกุมตัวเมื่อวันที่ 12 ก.พ. 67 จึงตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดเจ้าหน้าที่ถึงปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาถึง 9 เดือน อีกทั้งยังเป็นการออกหมายจับ โดยไม่มีการออกหมายเรียกให้ทราบก่อน</p>
<p>นอกจากนี้ ‘เทวฤทธิ์’ ยังมองว่าที่ผ่านมาเวลาเกิดเหตุการณ์ที่นักข่าวมีคดีความ โดยเฉพาะประเด็นที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนทางการเมือง สำนักข่าวต้นสังกัดมักจะไม่ออกมาปกป้องคนของตัวเอง ซ้ำยังตัดช่องน้อยแต่พอตัวด้วยการให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวหรือให้ออกจากการทำงาน เขามองว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องน่ากังวลต่อเสรีภาพในการทำงานของสื่อมวลชน ซึ่งคนภาคสนามเป็นเพียงคนตัวเล็กๆ ที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยง ความไม่มั่นคงต่อการทำงานอยู่แล้ว ดังนั้นคุณต้องสร้างอำนาจการต่อรอง ให้บทบาทสื่อมวลชนแข็งแกร่งมากขึ้นหากการตั้งสหภาพแรงงานมีความเข้มแข็งจริงๆ ไม่ใช่การตั้งสหภาพหรือองค์กรวิชาชีพที่เป็นสถาบันคอยตั้งรับปัญหาต่างๆ เพียงอย่างเดียว เพราะเขาเชื่อว่าหากสหภาพไม่มีความเข้มแข็งจะไม่นำไปสู่เสรีภาพของสื่อมวลชนได้อย่างแท้จริง</p>
<p>“สำหรับคนทำงาน ผมเชื่อว่าเสรีภาพมาพร้อมอำนาจของการต่อรอง คุณหมัดเล็กคุณก็โดนข่มตลอดครับ เราไม่ได้ไปสวนเขาหรอกครับ แต่เราต้องมีหมัดเพียงพอที่จะขู่เขาได้ว่าอย่ามาทุบเรานะ เสรีภาพมันมาพร้อมกับการต่อสู้ทั้งหมดครับ ถ้าเรารวมตัวกันโดยเฉพาะคนทำงานภาคสนามต่างๆ ท่านสามารถรวมตัวเป็นสหภาพต่อรองได้ทั้งเรื่องสวัสดิการ สวัสดิภาพ และเสรีภาพในการทำงาน มันจะช่วยการันตีเสรีภาพของคนทำงานมากขึ้น ไม่ใช่หวังแต่นายทุนหรือเจ้าของกิจการสื่อ ที่อยู่ดีคืนดีเขาก็ปลดคุณได้” เทวฤทธิ์ กล่าว</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53537595670_02f929d6b0_b.jpg" /></p>
<p>ปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย แสดงความกังวลว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นเหมือนการปิดปากสื่อ ที่อาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านการนำเสนอข่าวที่มืดลงตามไปด้วย อีกทั้งตอนนี้เรายังอยู่ในสภาวะการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจกัน ทั้งการเมืองสุดที่แม้จะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน แต่ก็ยังพบว่ายังมีปัญหาในหลายๆ ประเด็น รวมทั้งเรื่องเสรีภาพสื่อที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และการที่คนบางกลุ่มมีความแคลงใจต่อจุดยืนของแอมเนสตี้ จึงอยากขอย้ำจุดยืนของแอมเนสตี้อีกครั้งว่าการนำเสนอข่าวคือเสรีภาพที่สังคมและโลกใบนี้ควรให้ความสำคัญ ไม่ควรมีใครถูกดำเนินคดีหากการทำข่าวนั้นมีเพื่อเปิดเผยข้อเท็จจริงและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น</p>
<p>“เราอยู่เคียงข้างเสรีภาพการเเสดงออก เสรีภาพการชุมนุมโดยสงบ และเราอยู่เคียงข้างเสรีภาพของสื่อ สื่อคือแสงสว่างที่ส่องเห็นความมืดทุกมุม เเละเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อสังคม เราหวังว่ารัฐบาลจะแสดงความเป็นผู้นำและไม่มองว่าสื่อคือคู่ตรงข้ามหรือจับกุมเขา เพียงเพราะเขาทำหน้าที่ของเขาอยู่ อันนี้มันสร้างความหวาดกลัว วันนี้มันเกิดขึ้นกับประชาไท ถ้าเราปล่อยให้เกิดขึ้นต่อไป วันหนึ่งอาจเป็นคุณ แล้วสื่ออื่นๆ จะทำอย่างไร” ปิยนุช กล่าว</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53536275177_21e4db2521_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">ปิยนุช โคตรสาร</span></p>
<p>ปิยนุช ยังอ้างอิงผลการสำรวจข้อมูลของ คณะกรรมาธิการความปลอดภัยสื่อ Committee to Protect Journalists (CPJ) ปี 2566 ที่พบว่าทวีปเอชียเป็นภูมิภาคที่มีนักข่าวถูกดำเนินคดีและถูกจำคุกมากที่สุดในโลก และแม้ตอนนี้จะยังไม่มีชื่อประเทศไทยติดอันดับ แต่เชื่อว่าเหตุการณ์ที่ผู้สื่อข่าวประชาไทและช่างภาพอิสระถูกจับกุม วันที่ 12 ก.พ. 67 ที่ผ่านมาจะทำให้สถานการณ์สื่อในประเทศไทยตกต่ำลง จึงอยากย้ำว่า “ การรายงานข่าวไม่ใช่อาชญากรรม (Journalism is not a Crime) ”</p>
<p>พรรษาสิริ แนะนำว่ารัฐต้องย้อนกลับมาตั้งหลักใหม่ว่า การดำเนินคดีกับสื่อมวลชนต้องไม่เกิดขึ้นอีก แต่ประเด็นสำคัญคือเราต้องกดดันให้รัฐบาลสร้างพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุยกันได้อย่างอิสระ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่เป็นความรุนแรง เพราะเชื่อว่าหากมีทางเลือกอื่นที่พูดคุยกันได้ คงไม่มีใครอยากใช้ความรุนแรง</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53537339498_709b6c9d62_b.jpg" style="width: 1024px; height: 683px;" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">พรรษาสิริ กุหลาบ</span></p>
<p>สำหรับ ‘นิยามของความเป็นสื่อมวลชน’ ทั้ง พรรษาสิริ และ เทวฤทธิ์ เห็นตรงกันว่า ปัจจุบันความเป็นสื่อมวลชน ขยายตัวไปพร้อมพร้อมกับการเติบโตของเทคโนโลยี ดังนั้นสื่อกระแสหลักหรือสถาบันสื่อควรโอบรับความเปลี่ยนแปลงนี้ พรรษาสิริ ย้ำว่าแม้สถาบันสื่อจะบอกว่าเสรีภาพสื่อคือเสรีภาพประชาชน แต่ต้องย้อนกลับไปดูว่า ทำไมเสรีภาพสื่อถึงเป็นเสรีภาพประชาชน นั่นเพราะเสรีภาพประชาชนคือเสรีภาพของสื่อ ถ้าประชาชนไม่มีเสรีภาพ ไม่มีสิทธิ อย่าได้หวังว่าสื่อมวลชนหรือใครก็ตามจะมีเสรีภาพนั้นๆ ได้</p>
<p>โดยช่วงท้ายของการเสวนา ปิยนุชให้กำลังใจให้สื่อทุกคนในการทำหน้าที่ของตัวเองว่า “ขอชื่นชมว่าทุกคนกล้าหาญมาก ที่ต้องมาแบกรับกับความหวาดกลัว แต่เราเชื่อมั่นว่าถ้าทุกคนช่วยกันแสดงเจตนารมณ์นี้และช่วยกันส่งเสียงว่าไม่ยอมแพ้ มันจะยังคงมีความหวังอยู่ เพราะเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องของคนทุกคน สิทธิเสรีภาพการแสดงออกเป็นเรื่องของทุกคน รวมถึงเรื่องของเสรีภาพสื่อด้วย สักวันหนึ่งเชื่อว่าจะเกิดความยุติธรรมต่อทุกคนและทุกสิทธิ</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2024/02/108131