พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า คือ พระเจ้าของเหล่ามนุษย์ต่างดาว(ตอนจบ)A. ความเดิม พระเจ้าของมนุษย์ต่างดาว คือ โคตมพุทธเจ้า(ตอนแรก) http://www.kammatan.com/board/index.php?topic=882.0ในบาลี พหุธาตุกสูตร อุปริ. ม. ๑๔/๑๗๑/๒๔๕. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า:
1. " ในโลกธาตุอันเดียว จะมีพระตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ สององค์ เกิดขึ้นพร้อมกัน ไม่ก่อน ไม่หลังกัน. นั่นมิใช่ฐานะที่จะมีได้ "
และในมิลินทปํญหา. พระนาคเสนตอบปัญหาว่า:
2. “... หมื่นโลกธาตุนี้ ทรงไว้ได้เพียงพระคุณธรรมของพระพุทธเจ้า คราวละพระองค์เดียวเท่านั้น ถ้ามีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นพร้อมกันถึง ๒ พระองค์ หมื่นโลกธาตุนี้จะทรงอยู่ไม่ไหว จักถล่มทะลายไป เรือที่พอนั่งได้คนเดียวได้ เมื่อมีผู้มานั่ง ๒ คน เรือนั้นจะทรงอยู่ไม่ได้ ”
และ
" ถ้ามีพระสัมมาสัทพุทธเจ้าเกิดขึ้นพร้อมกัน ๒ พระองค์ ความวิวาทชองพุทธบริษัทก็จักมีขึ้น คือ ต่างฝ่ายก็ยกย่องพระพุทธเจ้าของตนเปรียบเหมือนบริวารของอำมาตย์ผู้ใหญ่ ๒ คน ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็ยกย่องนายของตนฉะนั้น "
ด้วยเหตุที่..ผู้สร้างและเป็นสัพพัญญู ที่ชาวพุทธเรียกว่า "พระธรรม" และที่ชาวโลกเรียกว่า GOD หรือ พระเจ้าที่เป็นพระบิดา นอกจากจะมีองค์เดียวแล้ว ยังอวตารลงมาเกิดเป็นมนุษย์ได้พียงคนเดียวในแต่ละยุคแต่ละสมัยด้วย สมัยปัจจุบัน พระมานุษีพุทธเจ้า คือ โคตมะพุทธเจ้า หรือ พระศรีศากยมุนี พระองค์จะดำรงตำแหน่งเป็นพระธรรม หรือ GOD ที่อวตารเป็นกายเนื้อลงมาในจักรวาล จนถึงปีพศ.5000 หรือหลังพุทธกาล 5000 ปี
หลังจากนั้น ก็เป็นยุคของพระเจ้าที่อวตารเป็นกายเนื้อลงมาในจักรวาล องค์ที่ 5 หรือพระพุทธเจ้าองค์ที่ 5 นาม ศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า
B. หลักฐานว่า: พระเจ้าของมนุษย์ต่างดาวที่ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็คือ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชื่อ โคตมะ พุทธศาสนานิกายมหายาน พระพุทธเจ้ามี 3 กาย คือ
1. กายพระธรรม (ธรรมกาย) เป็นพุทธภาวะดั้งเดิม เป็นแสงสุกสกาวในความว่างเปล่า
2. สัมโภคกาย หรือ กายจำลอง หรือ กายอวตารของพระพุทธเจ้า เถรวาทเรียกว่า พุทธนิมิต สัมโภคกายล้วนเป็นสัมโภคกายของพระพุทธเจ้าองค์เดิม(อาทิพุทธ หรือ พระไวโรจนพุทธเจ้า) หรือพระพุทธเจ้าองค์ปฐมทั้งนั้น
3. นิรมาณกายคือ กายที่ต้อง เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นกายมนุษย์ เรียก พระมานุษีพุทธเจ้า เถรวาท เรียกว่า พุทธะ
พุทธะนี้ เมื่อเป็นมานุสสีพุทธ คือเป็นพระพุทธเจ้าในร่างมนุษย์ ( อวตารของอาทิพุทธ ) ก็คือ พระศรีศากยมุนี
C. นิรมาณกายของพระศากยมุนีพุทธเจ้า ในกรณีของนิรมาณกายของพระศากยมุนีพุทธเจ้านี้ มีอ้างอยู่ในคัมภีร์มหายานไวปุลยธารณีสูตร
ว่า :
"ดูก่อน อชิตะ ด้วยเพลาที่เราตถาคตแสดงพระธรรมเทศนานี้แก่สรรพสัตว์ทั้งจตุรทวีป *[/u]
อันบรรดาสรรพสัตว์ย่อมอาศัยฤทธาพละแห่งพระพุทธะ ให้ต่างแลเห็นพระศากยตถาคต
อยู่เฉพาะตนดั่งเราตถาคตที่กําลังเทศนาอยู่นี้เป็นลําดับ ๆ ไปจนถึงชั้นอกนิษฐ์พรหมภูมิ**"จตุรทวีป * = * ทวีปทั้ง ๔ มี
๑) ชมพูทวีป ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของภูเขาสุเมรุ
๒) ปูรววิเทหทวีป ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของภูเขาสุเมรุ
๓) อมรโคยานทวีป ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของภูเขาสุเมรุ
๔) อุตตรกุรุทวีป ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของภูเขาสุเมรุ
+++ คือ ฤทธาพละแห่งพระพุทธะของพระศากยตถาคตเทศนาครั้งเดียว ปรากฏว่าทรงมีนิรมาณกายเต็มไปหมดไปโปรด และประทานพระธรรมเทศนาแก่สรรพสัตว์ทั่วจักรวาล ให้ต่างแลเห็นพระศากยตถาคตอยู่เฉพาะตน"ดูก่อน อชิตะ เราตถาคตด้วยอาศัยอํานาจแห่งมหาอุบายเช่นนี้ ย่อมสามารถยังให้ในโลกธาตุ
ที่มีจํานวนพ้นประมาณมิอาจกําหนดซึ่งขอบเขตนั้น (ทําให้) เมื่อคราอรุโณทัยสมัยย่อมจักสอด
ส่องพุทธญาณวิถีสํารวจตรวจดูสรรพสัตว์ที่สมควรได้รับการสั่งสอน แล้วจึงประทานพระ
ธรรมเทศนา ในเพลาเที่ยงวันแลพลบค่ำก็จักยังสอดส่องสรรพสัตว์ทั้งปวงด้วยธรรมจักษุอยู่
ตลอดเวลา แลในโลกธาตุเหล่านั้นก็ได้ประทานพระธรรมเทศนาต่าง ๆ แก่สรรพสัตว์ ด้วยพุทธ
วิสัยนานาอันมิพึงจักประมาณหยั่งวัด อันสรรพสัตว์ผู้ศึกษา (การเป็น) โพธิสัตว์ทั้งปวงพึงบําเพ็ญ
อยู่เช่นนี้"+++ อํานาจแห่งมหาอุบายเช่นนี้ = ทรงเนรมิตตัวเองเป็นตถาคตนับไม่ถ้วน ไปดำเนินกิจโปรดสัตว์ในโลกธาตุต่างๆ ที่มีมากมายอันบรรดาโพธิสัตว์มหาสัตว์เหล่านี้ได้กราบทูลพระพุทธองค์ว่า
“ เป็นเช่นนั้น ๆ จริงดังพระองค์ตรัสแล้ว พระพุทธเจ้าข้า
เมื่อคราที่ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ดํารงอยู่ทางด้านบูรพาทิศของโลกธาตุแห่งนี้ ในบรรดา
พุทธเกษตรต่าง ๆ จํานวนคณนา เท่ากับเมล็ดทรายในคงคานทีสิบสายรวมกันนั้น ก็ได้ถวาย
สักการะแด่พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐเหล่านั้นด้วย ในโลกธาตุหนึ่ง ๆ นั้น พบเพียงพระศากยตถาคต
ที่ทรงบังเกิดมีขึ้นในโลก
ข้าพระองค์ทั้งหลายใน ๗ วาร จึงได้จาริกท่องเที่ยวไปอีกในทศทิศ ก็พบเพียงพระศากยตถาคต
ที่บังเกิดอยู่ในโลก มิได้พบพระพุทธะอื่นใดเลย เมื่อจาริกโดยทั่วแล้ว จึงนิวัติกลับมาสู่โลกธาตุแห่งนี้
เพื่อสดับพระสัทธรรม พระพุทธเจ้าข้า”+++ บรรดาโพธิสัตว์มหาสัตว์ท่องเที่ยวไปในจักรวาล เข้าไปในโลกธาตุทั่วทุกทิศ และเข้าไปในพุทธเกษตรต่างๆจำนวนมากมาย โพธิสัตว์มหาสัตว์เหล่านั้น ต่างก็พบนิรมาณกายของพระศากยมุนีตถาคตในจักรวาล ในโลกธาตุ ในพุทธเกษตรเหล่านั้นด้วยพระตถาคตเจ้าทั้งหลายเหล่านั้นในทศทิศ ต่างรับสั่งแก่พระโพธิสัตว์ที่ห้อมล้อมอยู่ว่า
กุลบุตรทั้งหลาย เราจักต้องไปยังสหาโลกธาตุ ยังพระศาสดาศากยมุนีตถาคตเจ้า เพื่อถวายนมัสการ
แก่พระสถูปแห่งพระบรมสารีริกธาตุของพระประภูติรัตนตถาคตเจ้า ฯลฯ
ในขณะนั้น พระตถาคตเจ้าทั้งหลายซึ่งสร้างขึ้นโดยพระศาสดาศากยมุนี
ผู้ประกาศพระธรรมแก่สรรพสัตว์ ทางทิศตะวันออกในร้อยพันหมื่นโกฏิพุทธเกษตรมากมายดุจเม็ดทราย
ในคงคานที ได้พากันเสด็จมาถึงและประทับทั่วทิศทั้ง ๘ ฯลฯ
เมื่อพระศาสดาศากยมุนีตถาคตเจ้า ได้ทอดพระเนตรเห็นพระตถาคตเจ้าทั้งหลายที่พระองค์เนรมิตขึ้นนั้น
เสด็จมาถึงพร้อมกันโดยไม่มีผู้ใดขาด ฯ แล้วประทับยืนอยู่ในฟากฟ้า
สรุป
ชัดไหมล่ะครับ พระตถาคตเจ้าทั้งหลายซึ่งสร้างขึ้นโดยพระศาสดาศากยมุนี และพระศาสดาศากยมุนีตถาคตเจ้า ได้ทอดพระเนตรเห็นพระตถาคตเจ้าทั้งหลายที่พระองค์เนรมิตขึ้นนั้น พระเจ้าของมนุษย์ต่างๆในโลกธาตุต่างๆ ที่เป็นนิรมาณกาย เป็นกายเนื้อ ในยุคพุทธกาล และจะต่อไปจนสิ้นยุคพุทธกาลพศ.5000 ก็คือ พระศากยมุนีพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่มีตัวแม่อยู่บนโลกมนุษย์เรานี่เอง