หัวข้อ: อนัตตา เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 14 สิงหาคม 2553 12:35:06 (http://lh5.ggpht.com/_AYFPNs1xf64/S_z_n2ANYBI/AAAAAAAAA-c/kIHRKzey-Cg/P525003-9.jpg) http://www.youtube.com/v/zN8Csj_l66c?fs=1&hl=en_US อนัตตาเป็นเป็นการค้นพบที่สำคัญมากของพระพุทธองค์ ในเวลานั้นผู้คนฝั่งซีกโลกตะวันตกและอินเดียยังเชื่อกันว่าโลกแบน และมีอัตตาตัวตนที่เที่ยงแท้แบ่งแยกต่อไปไม่ได้อีกแล้วคืออาตมัน หรืออัตตาในสัตว์ส่วนในวัตถุเรียกว่าอะตอม หลังการตรัสรู้พระพุทธองค์ได้ประกาศว่าโลกกลม และเรื่องของอัตตาเป็นเรื่องไม่จริง พอพระพุทธองค์ประกาศว่าขันธ์ทั้งห้าเป็นอนัตตาเท่านั้น พวกพราหมเขาก็ถึงกับสดุ้งโยงเดือดร้อนกันไปหมด เรื่องของขันธ์ห้านี้พราหมเขารู้จักกันมานานแล้ว แต่ที่เขาหวั่นไหวกันก็ตรงเรื่องของวิญญาณขันธ์ ที่ทรงกล่าวว่าไม่เป็นอมตะเท่านั้น ส่วนขันธ์ทั้งสี่เขาไม่ติดใจว่ามันไม่อมตะก็ไม่เป็นไร เพราะเขาก็ว่าขันธ์ทั้งสี่มันไม่อมตะมีการเกิดดับ ตามการเวียนว่ายตายเกิดข้ามภพชาติอยู่แล้ว เพราะถ้าอาตมันอัตตาของเขายังไม่เที่ยงแท้ ก็แน่นอนพระเป็นเจ้าของเขาที่เป็นปรมาตมันก็ต้อง ตกอยู่ในสถานะเดียวกันคือไม่ใช่สิ่งที่เที่ยงแท้เหมือนกัน ก็เป็นอันว่าความเชื่อว่าพระเจ้าเป็นปฐมไม่มีสิ่งใดมาก่อนพระเจ้า ก็ต้องสั่นคลอนไปด้วย ปฐมเหตุหรือจุดเริ่มต้นเป็นสิ่งที่สำคัญในศาสนาที่มีพระเจ้า ถ้าพระเป็นเจ้าไม่ใช่สิ่ที่เที่ยงแท้คงที่แล้วจุดตั้งต้นก็จะไม่มี และวันสิ้นสุดก็จะไม่มีตามมาด้วย ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปแบบวัฏฏะจักรไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด หัวข้อ: Re: อนัตตา เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 14 สิงหาคม 2553 12:36:03 (http://lh5.ggpht.com/_AYFPNs1xf64/S_z_n2ANYBI/AAAAAAAAA-c/kIHRKzey-Cg/P525003-9.jpg) ความคิดแบบมีตัวตนนอกจากจะมีวันสร้างโลกและมีวันสิ้นสุดโลกได้แล้ว ก็ยังมีการแบ่งแยกนรกกับสวรรค์นิรันดร์อย่างชัดเจนอยู่คนซีกโลก ส่วนในพุทธศาสนาบอกว่าสวรรค์กับนรก ที่แยกกันอยู่นั้นเป็นผลมาจากงานสร้างของอวิชชา ในส่วนพระนิพพานไม่ได้มีที่อยู่แยกต่างหากไปจากวัฏฏะสงสาร หรือจะกล่าวว่านิพพานก็อยู่ในวัฏฏะสงสารนี้แหล่ะ แต่สำหรับพวกที่เขาคิดว่านิพพานเป็นอัตตามีตัวตนที่เที่ยงแท้ เขาก็จะต้องจัดสรรให้พระนิพพานมีที่อยู่โดยเฉพาะแบบสวรรค์ในวัฏฏะ สิ่งใดก็ตามที่มีอัตตาที่เที่ยงแท้มันย่อมต้องกินพื้นที่ เอาอะไรไปผสมไปทับกับมันก็ไม่ได้ มันจึงต้องมีพื้นที่ของตนเองโดยเฉพาะ ผิดกับลักษฌะของอนัตตาที่ความมีของมันไม่ต้องการพื้นที่เฉพาะ ดังนั้นทั้งพระนิพพานกับวัฎฎะสงสารซึ่งเป็นอนัตตาด้วยกันทั้งคู่ จึงอยู่ด้วยกันได้เพราะมันไม่มีตัวตนที่แท้จริงนั่นเอง มาถึงตอนนี้ยังมีใครยังแอบจิตคิดว่าอนัตตาเป็นความว่างเปล่า ก็สามารถพิสูจน์ด้วยตนเองแบบง่ายๆโดยการหยิกตนเองดู ว่าเจ็บหรือเปล่าเพราะรูปขันธ์นี้มันก็เป็นอนัตตาเหมือนกันนิ อนัตตาไม่ได้แปลว่าไม่มีตัวตนแล้วอนัตตาหมายถึงอะไรเล่า?? ลองมาดูความหมายกันในคำสอนในอนัตลักขณสูตร คนไทยจำนวนไม่น้อยอ่านพระสูตรนี้แล้วบอกว่าสิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นย่อมเป็นทุกข์พระสูตรนี้ท่านเทศให้พระสาวก ที่มาจากพวกพราหมฟังพอหลังพุทธกาล พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ชาวกรีกเข้ายึดอินเดียตอนเหนือได้ หัวข้อ: Re: อนัตตา เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 14 สิงหาคม 2553 12:38:08 (http://lh5.ggpht.com/_AYFPNs1xf64/S_z_n2ANYBI/AAAAAAAAA-c/kIHRKzey-Cg/P525003-9.jpg) ทรงถามพระนาคเสนเรื่องอนัตตาแต่พระคุณเจ้านาคเสน ไม่ยกพระสูตรอนัตลักขณสูตรขึ้นมาอธิบายแต่กับยกเรื่องความเป็นรถมาอธิบายให้ฟัง ว่าตรงไหนของรถที่สามารถเรียกเป็นรถได้ ตรงล้อรึ ตรงเพลารึ พระราชาก็ตอบว่าไม่ใช่ เพราะความเป็นรถหมายถึงทั้งหมด จะมาชี้ว่าล้อหรือเพลาเป็นรถมิได้ รถย่อมหมายถึงคุณสมบัติที่สามารถเคลื่อนที่ไปด้วยล้อได้ ในทำนองเดียวกันถ้าถามว่าความเป็นปุถุชนของเราอยู่ตรงไหนในขันธ์ห้า ก็ต้องตอบว่าความเป็นปุถุชนของเราก็คือขันธ์ทั้งห้า จะมาชี้ว่ารูปขันธ์นี้เป็นตัวเราแบบชาวอียิปเชื่อกันว่า มีตัวตนที่แท้จริงในรูปขันธ์นี้ต้องเอารูปขันธ์นี้ไปทำมัมมี่ รอวันที่โลกมีเทคโนโลยี่ที่เจริญพอมากระตุ้นร่างนี้ ให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งหรือพวกที่เชื่อในวันโลกาวินาศที่เชื่อว่า เมื่อวันนั้นมาถึงพระเจ้าจะมากระตุ้นปลุกให้กายนี้ฟื้นชีพขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ส่วนพวกพราหมสมัยนั้นเชื่อว่ามีตัวตนที่แท้จริงในวิญญาณขันธ์ ดังนั้นพวกพราหมจึงเผาศพกันได้ ทำไมท่านนาคเสนไม่ยกพระสูตรอนัตตลักขณสูตร มาอธิบายให้พระราชาฟังผมกลัวท่านอเล็กซานเดอร์ จะเข้าใจผิดว่าสิ่งใดเป็นทุกข์สิ่งนั้นเป็นอนัตตา แค่อ่านเอาความหมายของนิพพานในพระไตรปิฎก ก็จะพบว่านิพพานคือคุณสมบัติที่พ้นทุกข์สิ้นอาสวะ หรือคือปัญญาที่พ้นทุกข์ ถ้านิพพานคือคุณสมบัติ วัฏฏะสงสารก็คือคุณสมบัติและตัวเราเป็นใคร ก็ต้องตอบว่าตัวเราก็คือคุณสมบัติเหมือนกัน ไม่มีตัวตนที่แท้จริง ถ้าเพียงเคยพบความเงียบในเสียงหรือ เคยพบเเสงสว่างในความมืดก็จะเข้าได้เองว่า แท้ที่จริงสรรพสิ่งล้วนเป็นเพียงคุณสมบัติโดยมิได้ มีตัวตนที่แท้จริงบางสำนักก็ไม่ต้องจัดหาที่อยู่ ให้พระนิพพานและไม่จำเป็นต้องกล่าวว่า....นิพพาน.....เป็น{นิพพาน}อีกด้วย หัวข้อ: Re: อนัตตา เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 14 สิงหาคม 2553 12:40:47 (http://lh5.ggpht.com/_AYFPNs1xf64/S_z_n2ANYBI/AAAAAAAAA-c/kIHRKzey-Cg/P525003-9.jpg) สมัยพุทธกาลพระพุทธองค์ได้วางรากฐานการศึกษาพุทธศาสนา ในรูปแบบของไตรสิกขลาอันมีศีล สมาธิ ปัญญา และในมรรคมีองค์แปดก็มีเรื่องศีลสมาธิปัญญาอยู่ครบ การจะเข้าถึงพุทธศาสนาต้องผ่านทางไตรสิกขลา ในมรรคมีองค์แปดนี้เท่านั้น ผู้คนสมัยพุทธกาลที่ตกอยู่ใน อิทธิพลคำสอนเรื่องอาตมันอัตตาของศาสนาพราหมมาก่อน แน่นอนผู้คนสมัยนั้นยังไม่รู้จักคำว่าอนัตตาพวกเขาเชื่อแต่ใน เรื่องตัวตนที่แท้จริงเท่านั้น ต้องไม่ลืมนะครับว่าอัตตานี้ เป็นเรื่องที่พราหมเขาเชื่อกันมาก่อนและตลอดพระชนชีพ ก็ทรงเที่ยวสั่งสอนผู้คนที่มาจากคติความเชื่อแบบพราหมทั้งนั้น มาถึงวันนี้ชาวพุทธจำนวนมากก็ยังไม่รู้จักความหมายของอนัตตา จะว่าไปเรื่องของโลกแบนและเรื่องของความเชื่อในอัตตาที่เที่ยงแท้{ATOM}นี้ได้ครอบงำความเชื่อของมนุษย์มายาวนานหลายพันปี ท่านเชื่อไหมว่าพุทธศาสนาบอกว่าโลกกลมและบอกว่าเรื่องของ{ATOM}หรืออัตตาเป็นเรื่องไม่จริงมาแต่สมัยพุทธกาลแล้วการจะบอกให้คน ที่ไม่เคยพบกับปรากฏการณ์ของอนัตตาเข้าใจเรื่องอนัตตาย่อมยากพอ ๆ กับพูดเรื่องโลกกลมให้กับผู้คนในสมัยกลางเชื่อ ท่านเชื่อไหมว่าเมื่อประมาณห้าถึงหกสิบปีมานี่ยังมีผู้คนจำนวนหนึ่งพยายามพิสูจน์ว่า โลกนี้แบนและในที่สุดจุดจบในความเชื่อว่าโลกแบนก็มาถึง โดยภาพถ่ายรูปโลกของเราจากดาวเทียมและจุดจบของความเชื่อในเรื่อง{atom} อัตตานี้ก็เมื่อสมัยของนีลบอห์รนักวิทยาศาสตร์ร่วมสมัยกับไอสไตน์ เรื่องของอนัตตาท่านต้องเคยพบมาก่อนแล้วท่านจะไม่แปลกใจเลย ว่าธรรมทั้งปวงเเละพระนิพพานเป็นอนัตตาได้อย่างไร ปรากฏการณ์ที่ทำให้ผมรู้จักอนัตตาก็คือการพบความเงียบในเสียง คือทั้งสองสิ่งคือสิ่งเดียวกันยิ่งเสียงดังความเงียบก็ชัดเจนขึ้น ถ้าเสียงกับความเงียบมีตัวตนจริง ปรากฏการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ จะว่าไปทั้งวัฏฏะสงสารและนิพพานต่างก็เป็นอนัตตาด้วยกันทั้งคู่ อย่างคำที่กล่าวว่านิพพานก็มิได้อยู่แยกไปจากวัฏฏะสงสาร ผมว่าความหมายของอนัตตาน่าจะเป็นดังนี้....................................... (:LOVE:)มีอยู่จริงแต่ไม่มีตัวตนที่แท้จริง (:LOVE:) หัวข้อ: Re: อนัตตา เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 15 สิงหาคม 2553 17:46:51 (http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTv0YwlMi_plwTaNsQbW_rnE3eJ4X6_nNlnPe6-tsycepgQkuU&t=1&h=167&w=223&usg=__SmCRrAid-51EFsMexmkZfT80Wpg=) (:88:) (:88:) (:88:) ธรรมจักร์ ธัมมะจัก Drammajak Thammajak U 2-2 (http://www.youtube.com/watch?v=j-ngZqykGyI&feature=related#) หัวข้อ: Re: อนัตตา เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 15 สิงหาคม 2553 18:15:49 สาธุ ๆ ครับ
ปล. พระที่ไหนครับ สวยมากเลย เหมือนแกะมาจากไม้ท่อนเดียว หัวข้อ: Re: อนัตตา เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 15 สิงหาคม 2553 22:08:33 สาธุ ๆ ครับ ปล. พระที่ไหนครับ สวยมากเลย เหมือนแกะมาจากไม้ท่อนเดียว (:LOVE:) (:LOVE:) (:LOVE:) .......................................น้า McK........................... ใช่เลย.........................ไม้ท่อนเดียวแกะสลัก ลืมไปละจังหวัดไหน ? แต่ที่แน่ ๆ ถ่ายที่ สนามหลวง กรุงเทพ ฯ (:SL:) (:SL:) (:SL:) |