สถานทูตเนเธอร์แลนด์ มอบรางวัลฮิวแมนไรท์ 'ทิวลิป' ปี'66 ให้กับสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองพม่า
<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-11-10 17:37</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภาพปก: (ซ้าย) โกโบจี และ (ขวา) แร็มโก โยฮันเนิส ฟัน ไวน์คาร์เดิน</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>สถานทูตเนเธอร์แลนด์ มอบรางวัล 'ทิวลิป' ซึ่งเป็นรางวัลด้านสิทธิมนุษยชน ให้กับสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองเมียนมา (AAPP) ที่ได้ยืนหยัดต่อสู้เพื่อนักโทษการเมืองพม่ามากว่า 2 ทศวรรษ พร้อมคุยกับ 'โกโบจี' ผู้ก่อตั้งองค์กร โดยเจ้าตัวขออุทิศรางวัล เพื่อประชาชนที่ต่อสู้กับความอยุติธรรม และนักโทษการเมือง</p>
<p> </p>
<p>9 พ.ย. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา เวลา 14.02 น. ที่สถานเอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ แร็มโก โยฮันเนิส ฟัน ไวน์คาร์เดิน เอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย มอบรางวัลนักปกป้องสิทธิมนุษยชน 'ทิวลิป' ให้กับ โกโบจี ผู้ก่อตั้งสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองพม่า หรือ เอเอพีพี สำหรับพันธกิจการช่วยเหลือนักโทษการเมืองเมียนมากว่า 2 ทศวรรษ และมอนิเตอร์การคุกคามของรัฐบาลเผด็จการทหาร ตั้งแต่หลังการทำรัฐประหารเมื่อปี 2561</p>
<p>ทั้งนี้ รางวัลฮิวแมนไรท์ 'ทิวลิป' เป็นรางวัลที่กระทรวงการต่างประเทศของเนเธอร์แลนด์จัดทำขึ้นทุกปี เพื่อมอบให้แก่นักต่อสู้หรือองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน เพื่อสนับสนุนการทำงานของด้านสิทธิมนุษยชน</p>
<p>ขณะที่สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองพม่า หรือ เอเอพีพี ก่อตั้งขึ้นในปี 2000 (พ.ศ. 2543) เพื่อทำให้สังคมการเมืองประเทศ 'พม่า' ปราศจากนักโทษการเมืองอีกต่อไป และประชาชนเสรีภาพทางการเมือง</p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53322535065_9b89bc0ae8_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">โกโบจี</span></p>
<h2><span style="color:#2980b9;">สัมภาษณ์ผู้ก่อตั้ง เอเอพีพี เจ้าของรางวัล 'ทิวลิป'</span></h2>
<p>"ผมอยากอุทิศรางวัลนี้ทำให้ผู้ที่ถูกคุมขังและประชาชนที่ออกมาต่อสู้กับความอยุติธรรม"</p>
<p>โกโบจี ผู้ก่อตั้ง AAPP ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ถึงความรู้สึกหลังได้รับรางวัลจากประเทศเนเธอร์แลนด์ และสถานการณ์ทางการเมืองพม่าตอนนี้</p>
<p><span style="color:#2980b9;"><strong>1,000 วันหลังรัฐประหาร สถานการณ์พม่าตอนนี้เป็นอย่างไร </strong></span></p>
<p>โกโบจี : สถานการณ์การเมืองในพม่าตอนนี้แย่ลงมาก บอกได้เลยว่าแย่กว่าในอดีต เพราะว่าหัวหน้ากองทัพพม่า เชื่อว่ากองทัพกำลังรู้สึกพ่ายแพ้ และนั่นทำให้เขาเลือกใช้วิธีที่เหี้ยมโหดมากยิ่งขึ้น ในการกดปราบประชาชน และผู้ต้องขังทางการเมือง </p>
<p>กองทัพพม่ามีอคติบางอย่าง เพราะว่าเขาไม่มีความชอบธรรมทางการเมืองเพราะประชาชน หรือผู้ต้องขังทางการเมือง นั่นเป็นสิ่งที่กองทัพพม่าคิด กองทัพทำแบบนี้เพราะว่าต้องการความชอบธรรมจากประชาชน แต่การทำแบบนี้ จะทำให้กองทัพพม่าไม่มีความชอบธรรม ทั้งจากประชาชนพม่า อาเซียน และประชาคมโลก ในเวลาเดียวกัน เขาก็โกรธประชาชนที่ต่อต้าน ไม่ชอบกองทัพ และกองทัพพม่ามองประชาชนเป็นศัตรู และก็ใช้ความเหี้ยมโหดในการกดปราบประชาชน</p>
<p><strong><span style="color:#2980b9;">ทำไมประชาชนถึงออกมาต่อต้านกองทัพพม่ามากขนาดนี้</span></strong></p>
<p>โกโบจี : ย้อนไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนที่มีการเลือกตั้งทั่วไปในพม่า คนพม่าส่วนใหญ่เชื่อว่า พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของอองซานซูจี สามารถนำประเทศได้ และสร้างอนาคตและชีวิตที่ดีกว่า แต่หลังจากการทำรัฐประหารเมื่อปี 2021 (พ.ศ. 2564) ประชาชนเชื่อว่ากองทัพพม่าต้องการทำลาย NLD ดังนั้น ประชาชนจึงไม่ชอบกองทัพพม่า และไม่ต้องการอยู่ภายใต้การปกครองโดยระบอบทหารอีกต่อไป ประชาชนพม่าจึงออกมาประท้วงอย่างสันติ สนับสนุนกองกำลังต่อต้าน คนรุ่นใหม่กลายเป็นทหารในกองกำลังต่อต้าน ในการต่อสู้เพื่อชีวิตตนเอง และต่อสู้เพื่อประชาชน </p>
<p><span style="color:#2980b9;"><strong>กังวลเรื่องอนาคตคนรุ่นใหม่ในประเทศหรือไม่</strong></span></p>
<p>โกโบจี: คนรุ่นใหม่ คืออนาคตของประเทศ เราต้องการให้คนรุ่นใหม่เชื่อมั่นในกระบวนการทางการเมือง เราอยากให้คนรุ่นใหม่เรียนในมหาวิทยาลัย เราไม่ได้ต้องการให้คนรุ่นใหม่ต้องอยู่ในป่า เรื่องแบบนี้ไม่ดีต่ออนาคตของประเทศ สิ่งที่เราทำคือเราพยายามทำหลายๆ อย่างพร้อมๆ กัน อย่างแรก คือการต่อสู้กับกองทัพพม่า และความอยุติธรรม และเรื่องที่ 2 คือการสร้างประเทศขึ้นมาใหม่ และเพื่อทำให้ทำสิ่งนี้ได้เราต้องการให้คนรุ่นใหม่เชื่อมั่นในระบบการปกครอง และได้รับการศึกษา เพื่อนำไปสู่การสร้างประเทศขึ้นมาใหม่ </p>
<p>คนรุ่นใหม่ และคนรุ่นเก่า กำลังต่อสู้กับกองทัพพม่า หลายคนกำลังคิดเรื่องการสร้างประเทศขึ้นมาใหม่ โดยเฉพาะการสร้างสังคมสหพันธรัฐประชาธิปไตยในอนาคต ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ดังนั้น ผมเลยมองอนาคตในแง่ที่ดี</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53322305828_970e5ca2d8_b.jpg" /></p>
<p> </p>
<p> </p>
<p><strong><span style="color:#2980b9;">แผนการในอนาคตของ 'เอเอพีพี'</span></strong></p>
<p>โกโบจี : ตอนนี้เรากำลังทำงานกับกลไกกระบวนการยุติธรรมของนานาชาติ เพื่อยุติการวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิดในประเทศพม่า ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็น นอกจากนี้ ในอนาคต เรากำลังทำอะไรบางอย่างเพื่อผู้ที่รอดชีวิต และเหยื่อ (ผู้สื่อข่าว - ที่ได้รับผลกระทบจากรัฐประหารพม่า)</p>
<p>ตอนนี้เรากำลังร่วมมือกับกระบวนการยุติธรรมนานาชาติโดยเฉพาะรวบรวมข้อมูลสถิติการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเมียนมา โดยเฉพาะจากกองทัพ และบางทีในอนาคต เราหวังว่าทุกคนที่ก่อการละเมิดสิทธิมนุษชนถูกดำเนินมาตรการบางอย่าง</p>
<p><span style="color:#2980b9;"><strong>อะไรคืออุปสรรคสำคัญในการเก็บรวบรวมข้อมูลเหล่านี้</strong></span></p>
<p>โกโบจี : ตอนนี้มีข้อท้าทายเต็มไปหมด เพราะว่าพม่าตอนนี้ไม่มีหลักนิติธรรม ทุกคนสามารถถูกจับกุมตลอดเวลาในพม่า เราต้องการใช้ข้อมูลของเราเพื่อสร้างการกดดันทางการเมือง และให้กับนานาชาติ </p>
<p><strong><span style="color:#2980b9;">ในห้วงเวลาที่ข้อมูลข่าวสารเต็มไปด้วยข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิดแบบนี้ 'เอเอพีพี' ตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับมาอย่างไร</span></strong></p>
<p>โกโบจี : เรามีกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง เรารวบรวมข้อมูลบางทีจากเครือข่ายพันธมิตรของเรา จากสื่อมวลชนที่เชื่อถือได้ บางทีมาจากข้อมูลทุติภูมิ หรือบางครั้งเราส่งข้อมูลเพื่อตรวจสอบความถูกต้องจากต้นทาง แม้ว่าจากการบันทึกของเอเอพีพี ตั้งแต่มีการทำรัฐประหาร เมื่อ 1 ก.พ. 2564 จนถึงตอนนี้ จะมีข้อมูลอย่างเป็นทางการว่ามีผู้เสียชีวิตจากเงื้อมมือของเจ้าหน้าที่ประมาณ 4 พันคน แต่ก็อาจจะมีผู้เสียชีวิตมากกว่าจำนวนนี้ได้ เพราะว่าเราต้องตรวจสอบความถูกต้องในหลายๆ กรณี</p>
<p>คุณมีความกังวลไหมว่าสถานการณ์การเมืองในเมียนมาจะแย่ลงไปอีก เพราะว่าตอนนี้นานาชาติให้ความสำคัญกับสถานการณ์การเมืองในตะวันออกกลาง และสถานการณ์ในเมียนมาไม่ค่อยได้รับการพูดถึง อาจจะมีสื่อบางสำนักที่ยังคงรายงานเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องเท่านั้น</p>
<p>โกโบจี: ผมไม่ค่อยกังวล เพราะว่าทุกประเทศต้องสนใจผลประโยชน์ของตัวเองเป็นอันดับแรก เราต้องทำด้วยตัวเอง และเริ่มต้นเปลี่ยนจากภายใน เราต้องหายุทธศาสตร์อื่นๆ เพื่อให้ได้รับการสนใจจากประเทศอื่นๆ นี่เป็นงานของเรา เราต้องกระตือรือร้นที่จะต่อสู้ต่อไป บางทีนานาชาติ นิติบัญญัติ หรือเพื่อนบ้าน อาจจะหันมามองเรา และสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นในเมียนมา ถ้าเราไม่กระตือรือร้น จะไม่มีคนสนใจเรา </p>
<p><span style="color:#2980b9;"><strong>มีอะไรอยากฝากทิ้งท้าย หรือเป็นกระบอกเสียงให้กับนักโทษการเมืองพม่าหรือไม่</strong></span></p>
<p>โกโบจี : เราทำงานเพื่อเปลี่ยนแปลงพม่าไปสู่สังคมประชาธิปไตย เราต้องการการสนับสนุนจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งการสนับสนุนด้านนโยบาย และด้านเงินทุน และก็ฝ่ายนิติบัญญัติจากประเทศเพื่อนบ้านควรร่วมมือกับไม่ใช่แค่กับกองทัพพม่า แต่รวมถึงฝ่ายต่อต้าน และภาคประชาสังคม เขาถึงจะออกนโยบายอย่างถูกต้อง จากการรับฟังความเห็นรอบด้าน เรื่องพวกนี้จำเป็น ประเทศเพื่อนบ้านเราแค่คุยกับกองทัพพม่าเท่านั้น จะไม่ใช่หนทางที่ถูกต้อง </p>
<p>สถานการณ์พม่าตอนนี้ ถ้าเราไม่เสี่ยงอะไรเลย เราก็ไม่สามารถไปไหนได้ คุณต้องยอมเสี่ยง เพื่อจะคว้าอนาคต และตอนนี้ประชาชนพม่ากำลังเสี่ยงเพื่อชีวิตของพวกเขาเอง ผมคิดว่าคนที่สังเกตการณ์สถานการณ์ในพม่าตอนนี้อาจจะไม่เสี่ยงอันตรายเท่า แต่อย่างน้อย เขาสามารถสนับสนุน อะไรก็ตามที่สามารถช่วยได้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญสำหรับประชาชนพม่า</p>
<p>อนึ่ง ย้อนไปเมื่อ 2565
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เคยได้รับเลือกเป็นแคนดิเดต 1 ใน 3 ผู้ได้รับรางวัลฮิวแมนไรท์ 'ทิวลิป' อีกด้วย</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2023/11/106742