[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
16 พฤษภาคม 2567 01:18:03 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า:  [1] 2 3 ... 10
 1 
 เมื่อ: 1 ชั่วโมงที่แล้ว 
เริ่มโดย สุขใจ ข่าวสด - กระทู้ล่าสุด โดย สุขใจ ข่าวสด
แห่ส่องเลขเด็ด พิธียกเศียรพระพุทธรูปไม้ เหลือเชื่อ เลขเสี่ยงทายตรงกับอายุเจ้าอาวาส
         


แห่ส่องเลขเด็ด พิธียกเศียรพระพุทธรูปไม้ เหลือเชื่อ เลขเสี่ยงทายตรงกับอายุเจ้าอาวาส" width="100" height="100  แห่ส่องเลขเด็ด พิธียกเศียรพระพุทธรูปไม้ เหลือเชื่อ เลขเสี่ยงทายตรงกับอายุหลวงพ่อ ลุ้นงวด 16/5/67
         

https://www.sanook.com/news/9381106/
         

 2 
 เมื่อ: 3 ชั่วโมงที่แล้ว 
เริ่มโดย สุขใจ ข่าวสด - กระทู้ล่าสุด โดย สุขใจ ข่าวสด
เปิดข้อความสื่อระดับโลก มอง "รัฐบาลไทย" ต่อการเสียชีวิตของ "บุ้ง" นักเคลื่อนไหววัย 28
         


เปิดข้อความสื่อระดับโลก มอง "รัฐบาลไทย" ต่อการเสียชีวิตของ "บุ้ง" นักเคลื่อนไหววัย 28" width="100" height="100  สื่อต่างชาติรายงาน กรณีการเสียชีวิตของ ‘บุ้ง’ นักเคลื่อนไหวปฏิรูปสถาบัน
         

https://www.sanook.com/news/9378614/
         

 3 
 เมื่อ: 4 ชั่วโมงที่แล้ว 
เริ่มโดย สุขใจ ข่าวสด - กระทู้ล่าสุด โดย สุขใจ ข่าวสด
หวยลาววันนี้ 15 พฤษภาคม 2567 ผลหวยลาววันนี้ ออกอะไร
         


หวยลาววันนี้ 15 พฤษภาคม 2567 ผลหวยลาววันนี้ ออกอะไร" width="100" height="100  ลุ้นสด หวยลาววันนี้ 15/5/67 ถ่ายทอดสดหวยลาว หวยลาวล่าสุด หวยลาวพัฒนา 15 พ.ค. 67 หวยลาวย้อนหลัง หวยลาว 6 ตัว วันนี้ออกอะไร งวด 15 พฤษภาคม 2567
         

https://www.sanook.com/news/9379890/
         

 4 
 เมื่อ: 5 ชั่วโมงที่แล้ว 
เริ่มโดย Kimleng - กระทู้ล่าสุด โดย Kimleng


พระราชกำหนดเก่า ครั้งกรุงศรีอยุธยา

กฎ เรื่องการรับฟ้องกล่าวโทษตุลาการผู้พิจารณาความไม่เที่ยง

​กฎให้แก่พระสุรัศวดีซ้าย ขวา ใน นอก ให้กฎหมายบอกแก่ข้าทูลถออง ฯ ฝ่ายทหารพลเรือน และขุนโรงขุนศาล แต่บรรดาพิจารณาเนื้อความอาณาประชาราษฎรทั้งปวง ด้วยมีพระราชกำหนดกฎหมายไว้แต่ก่อนว่าอาณาประชาราษฎรจะมาร้องฟ้องกล่าวโทษแก่กัน และผู้พิจารณาตุลาการจะไถ่ ถามโจทก์จำเลยนั้น ว่าเสมียนผู้คุมถามความว่ามิได้ทำตามธรรมเนียมความไซร้ ให้ว่าแก่ผู้พิจารณาผู้กำกับให้ตัดสินให้ตามข้อเนื้อความ ถ้าพ้นที่ผู้พิจารณาผู้กำกับจะตัดสินมิได้ไซร้ ก็ให้ไปว่าแก่ลูกขุนตัดสินให้ตามข้อเนื้อความให้สำเร็จ ถ้าโจทก์จำเลยมิได้ว่ากล่าวแก่ผู้พิจารณา ไปร้องฟ้อง​หาอุทธรณ์แต่เสมียนผู้คุม และมิได้กล่าวโทษผู้พิจารณาผู้กำกับ และจะบัตรหมายมาให้ส่งแต่เสมียน ผู้คุมนั้นอย่าให้ส่ง ถ้าเปนเนื้อความหัวเมือง ถ้ากรมการทำผิดให้ฟ้องแก่ ปลัด ยกระบัตร ปลัด ยกระบัตร ทำผิดให้ฟ้องแก่ผู้รักษาเมือง ผู้รั้ง ถ้ และมิได้กล่าวโทษผู้รักษาเมือง ปลัด ยกระบัตร ด้วยไซร้ ถ้ามีตราออกไปให้ส่งคู่ความมานั้น อย่าให้ส่งเข้ามา และสืบมาทุกวันนี้ ผู้พิจารณาและตุลาการทั้งปวงละพระราชกำหนดกฎหมายเสีย ผู้มีชื่อจึ่งร้องฟ้องหาอาชญา อุทธรณ์ณะกรุง ฯ กล่าวโทษแต่เสมียนผู้คุม นายพะธำมรงค์ มิได้กล่าวเข้ามาร้องฟ้องอุทธรณ์กล่าวโทษแต่เสมียนผู้คุมนายพะธำมรงค์ มิได้กล่าวโทษผู้รักษาเมือง ปลัดยกระบัตรและกรมการหามิได้ และกลับฟ้องให้บัตรหมายเอาเสมียน ผู้คุม ภูดาษ พะธำมรงค์ ​และให้มีตราไปให้ส่งขุนศาล ภูดาษ ธำมรงค์ ณะหัวเมืองเข้ามาพิจารณาณะกรุง ๆ ตามข้ออาชญาอุทธรณ์ ก็เอามาพิจารณาไม่สำเร็จ ทำหน่วงเหนี่ยวเนื้อความไว้ และเนื้อความเดิมที่เปนข้อใหญ่นั้น ก็พลอยเริศร้างค้างช้าสูญไปก็มีบ้าง ลางทีเห็นว่าจะทำกลบเกลื่อนมิได้ ก็คิดอ่านให้ร้องฟ้องหาอุทธรณ์ต่อไปถึง ๒ ศาล ๓ ศาลก็มีบ้าง เปนอันมาก เพราะเหตุฉนี้คนชั่วซึ่งเบียดเบียนอาณาประชาราษฎรนั้น เห็นเนื้อความของตัวพิรุธเพลี่ยงพล้ำลงแล้ว ก็คิดอ่านหาอาชญา อุทธรณ์ กล่าวโทษแก่เสมียนผู้คุมบ้าง ลางทีกล่าวโทษแต่เสมียนผู้คุมบ้าง ลางทีกล่าวโทษแต่ขุนศาล ภูดาษ นายพะธำมรงค์บ้าง คิดแต่จะให้เนื้อความเริศร้างค้างสูญไป แต่จะไม่ให้ได้ความผิดของตัวเลย และอาณาประชาราษฎรซึ่งมิรู้สำนวน และหาทรัพย์มิได้นั้น ได้ความเดือดร้อนนัก ครั้นจะให้สืบเอาตัวผู้กระทำผิดนั้นเปนโทษ ​ตามบทพระอัยการนั้นด้วย ผู้เข้ามารับราชการต่อมาทุกวันนี้เปนคนไม่รู้บ้าง ได้รู้บ้าง และยังไม่ทั่วกัน และสมเด็จบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวทุกวันนี้ ทรงพระกรุณาแก่อาณาประชาราษฎร เพื่อจะบำรุงมิให้พระราชกำหนดกฎหมายฟั่นเฟือนไปได้ จึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สั่งแก่ ออกญาธรมาธิบดี ศรีรัตนมนเทียรบาล ให้แต่งพระราชกำหนดกฎหมายแจกชำระไว้ แต่นี้สืบไปเมื่อหน้า ถ้าอาณาประชาราษฎรจะร้องฟ้องกล่าวโทษแก่กันด้วยเนื้อความประการใด ๆ ก็ดี ผู้พิจารณาตุลาการจะพิจารณาไถ่ถามโจทก์จำเลย สักขีพยานณะกรุง ฯ นั้น ถ้าโจทก์ จำเลย เห็นว่าเสมียน ผู้คุม ภูดาษ นายพะธำมรงค์ ถามความผิดด้วยพระราชกำหนด กฎหมายให้โจทก์ จำเลย ว่าแก่ผู้พิจารณาผู้กำกับให้ตัดสินให้ ถ้าพ้นที่ผู้พิจารณาผู้กำกับตัดสินมิได้ ก็ให้พากันไปให้ลูกขุนปรึกษาตัดสิ้นให้ตามข้อเนื้อ​ความสืบไป ถ้าเปนเนื้อความหัวเมือง ถ้าภูดาษนายพะธำมรงค์ทำผิดให้ว่าแก่ขุนศาล ขุนศาลทำผิดให้ฟ้องแก่ปลัด ยกระบัตร และกรมการซึ่งมิได้ต้องในฟ้อง ถ้าและปลัด ยกระบัตร กรมการ มิรับฟ้อง จึ่งให้ฟ้องแก่ผู้รักษาเมือง ผู้รั้ง ถ้าและผู้รักษาเมือง ผู้รั้งมิรับ และผู้รักษาเมือง ปลัด ยกระบัตร กรมการ ทำผิดด้วยแล้ว จึ่งให้เข้ามาฟ้องณะกรุง ฯ ตามพระราชกำหนดกฎหมายแต่ก่อน ถ้าผู้ใดมิฟังจะมาร้องฟ้องหาอาชญา อุทธรณ์ เสมียน ผู้คุม พะธำมรงค์ ซึ่งได้พิจารณาว่าความ และมิได้กล่าวโทษผู้พิจารณา ผู้กำกับ และผู้มีชื่ออยู่หัวเมืองเข้ามาร้องฟ้องณะกรุง ฯ หาอาชญา อุทธรณ์ กรมการหัวเมือง มิได้กล่าวโทษผู้รักษาเมือง ปลัด ยกระบัตร ไซร้ อย่าให้รับฟ้องไว้ว่ากล่าวเปนอันขาดทีเดียว ให้ผู้รับฟ้องนั้นสลักหลังส่งฟ้องคืนให้แก่ผู้ฟ้องว่ากล่าวตามพระราชกำหนดกฎหมาย และให้​ข้าทูลลออง ฯ ฝ่ายทหาร พลเรือน และขุนโรงขุนศาล ผู้บรรดาได้พิจารณาเนื้อความณะกรุง ฯ และผู้รักษาเมือง ผู้รั้ง กรมการณะหัวเมืองทั้งปวง ทำตามพระราชกำหนดกฎหมายให้นี้จงทุกประการ ถ้าผู้ใดมิได้ทำตามพระราชกำหนดกฎหมายแต่ข้อหนึ่งข้อใดไซร้ จะเอาตัวผู้นั้นเปนโทษตามโทษานุโทษ

กฎให้ไว้ณะวันศุกรเดือน ๑๑ ขึ้น ๗ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๒๔ ปีมะเมีย จัตวาศก (พ.ศ.๒๓๐๕ รัชกาลสมเด็จพระที่นั่งสุริยามรินทร)

----------------------------​

 5 
 เมื่อ: 5 ชั่วโมงที่แล้ว 
เริ่มโดย Kimleng - กระทู้ล่าสุด โดย Kimleng


พระราชกำหนดเก่า ครั้งกรุงศรีอยุธยา

กฎ เรื่องการรับฟ้องต่าง ๆ

​กฎให้แก่พระสุรัศวดีซ้าย ขวา ใน นอก ให้กฎหมายบอกตุลาการ มหาดไทย กลาโหม กรมเมือง กรมวัง คลัง นา กรมตำรวจในซ้ายขวา ตำรวจนอกซ้าย ขวา กรมทหารในซ้าย ขวา มหาดเล็กชาวที่ กรมพระนครบาล และขุนโรง ขุนศาล ผู้บรรดาเปนตุลาการได้พิจารณาเนื้อความทุกหมู่ ทุกกรม ด้วย ฯ ทรง ฯ สั่งว่าให้มีพระธรรมนูญไว้แต่ก่อนว่าราษฎรทั้งปวงมีอรรถคดี จะทำหนังสือร้องฟ้องแก่สมภักนักการ ขุนโรงขุนศาลกรมใด ๆ และรับหนังสือร้องฟ้องไว้และหมายไปให้มูลนายพระยาบาลส่งผู้ต้องคดีมาพิจารณาไต่ถามต่อกัน และลักตีกันไม่ตายกลางวันาและฟันแทงกันกลางวัน ขุน (ฉะบับลบ ๒-๓ คำ) พิจารณาเนื้อความ ถ้าจำเลยเปนสมใน ขุนศาลสามศาล​นี้ได้พิจารณา กรมพระคลังราชการ ขุนพินิจจัย ราชปลัดนั่งศาลได้พิจารณาเนื้อความฝรั่งอังกฤษ วิลันดา จีน ยวน ยี่ปุ่น แขกบรเทศ มลายู กรมนาขุนโภชธากร ราชปลัดนั่งศาลได้พิจารณาเนื้อความแพ่ง อาชญานา ขุนศรีราชบุตรได้พิจารณาเนื้อความมฤดก และศาลแพ่งกลาง ขุนราชสุภา ศาลเขษมขุนสุภาเทพ ขุนศาลสองศาลนี้ได้พิจารณาเนื้อความแพ่งจำเลยเปนสมนอก และกรมเทพอาชญานั้นขุนพรหมเกวี ได้พิจารณาเนื้อความกระทำคุณไสยแก่กัน เปนฉมบจักกละ และกรมสารพากรใน ขุนวิสูตรโกษาพิจารณานายระวางกำนันพันที่เชิงเรือน สมภักษรขนอนตลาด ซึ่งวิวาทแก่กัน และกรมสารพากรนอก ขุนศรีสาคร ได้พิจารณาเสนากำนันเบาะแส และเบียดบังอากร ขนอนตลาด คู่สัดแส และกรมธรรมการได้พิจารณาเนื้อความพระสงฆ์เถรเณรผู้เข้ารูปชีทำผิดด้วยพระ​วินัย และกรมพระคลังมหาสมบัติได้พิจารณาพระราชทรัพย์ในพระคลังหลวง มีผู้เอาไปทำลายเสีย และมีผู้เบียดบังไว้เปนอาณาประโยชน์ กรมพระสัสดีได้พิจารณาหมู่ไพร่หลวงสังกัดพรรค์ และเลวทาส เลวไทย และบันลูกหมู่แก่กัน และพระธรรมนูญทั้งนี้มีอยู่สำหรับราชการแผ่นดินสืบมา ให้ผู้รับฟ้องรับคำกฎหมายของราษฎรผู้มีคดีเอาฟ้องและคำกฎนั้น ไปว่าแก่ลูกขุนณะศาลา ลูกขุนณะศาลหลวง ถ้าเนื้อความข้อใหญ่ให้กราบทูลพระกรุณา ถ้าข้อเบามิพอที่จะเอากราบทูลพระกรุณา ให้บังคับให้ขุนราชพินิจจัย ผู้ถือพระธรรมนูญใส่ด้วยพระธรรมนูญ ถ้าเปนเนื้อความกระทรวงใดให้เจ้ากระทรวงนั้น พิจารณาเอาพินัยจ่ายราชการ ฝ่ายข้างขุนโรงขุนศาลได้ตั้งตัวทำราชการสดวก ครั้นสืบมาผู้มีคดี กฎหมายร้องฟ้องตามกระทรวงบ้าง หามิได้บ้าง เอาเนื้อความไปฟ้องให้กราบทูลเจ้าฝ่ายหน้าฝ่ายหลัง สมเด็จ​พระเจ้าลูกเธอ สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ ๆ รับเอาฟ้องไว้มิได้ส่งฟ้องนั้นใส่ด้วยพระธรรมนูญให้พิจารณาตามกระทรวงหามิได้ และข้าหลวงเอาฟ้องนั้นไว้พิจารณาความรับสั่งให้ว่าเปนเนื้อความผู้เถ้าผู้แก่บ้าง เนื้อความขาเดียวบ้าง ให้สืบดูให้รู้จักจริงและเท็จบ้าง ครั้นถามมิรับเอาสอบผู้ฟ้องเปนข้ออ้างข้อต่อ สืบสอบพะยานดุจหนึ่งเนื้อความมีคู่บ้าง ลางทีส่งฟ้องไปให้ตำรวจในตำรวจนอก ทหารใน และข้าทูลลออง ฯ นอกนั้น ให้เอาตัวผู้มีชื่อมาพิจารณาตามฟ้อง มิต้องด้วยพระธรรมนูญก็มีบ้าง ลางทีลูกความซึ่งตุลาการพิจารณาอยู่นั้น ไปฟ้องหาอุทธรณ์ตุลาการ และมีรับสั่งให้เอาสำนวนยอมใบสัจไปสืบสาวดู และเนื้อความนั้นค้างช้าไปก็มีบ้าง และกฎพระธรรมนูญสำหรับแผ่นดินนั้นก็ฟั่นเฟือนไป และขุนโรงขุนศาลซึ่งเปนเจ้ากระทรวงได้พิจารณาเนื้อ​ความตามพระธรรมนูญเอาพินัยจ่ายราชการนั้นน้อยลง ส่วนราชการงานโยธาซึ่งเปนพนักงานขุนโรงขุนศาลนั้นลุน้อย เพราะเหตุฉนี้ขุนโรงขุนศาลจึงได้ความยากจนตั้งตัวทำราชการไปมิได้ และครั้งนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สั่งให้มีพระราชกำหนดกฎหมายไว้ว่า แต่นี้สืบไปเมื่อหน้า ห้ามอย่าให้ข้าหลวงเจ้าต่างกรมรับเอาฟ้องอาญาประชาราษฎรซึ่งหาแก่กันนั้น กราบทูลเจ้าต่างกรม สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เปนอันขาดทีเดียว ต่อเมื่อใดมีผู้เอาเนื้อความมาฟ้องว่ามีผู้กระทำผิดคิดมิชอบ เบียดบังพระราชทรัพย์เปนเนื้อความข้อใหญ่ จึ่งเอาฟ้องกราบทูลเจ้าต่างกรม และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ และให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ รับเอาฟ้องกราบทูลพระกรุณา ฯ แล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สั่ง อนึ่งถ้าข้าหลวง​ในกรมมีกิจวิวาทแก่กัน และข้าทูลลออง และไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน และข้าหลวงเจ้าต่างกรมอื่น ๆ จะทำหนังสือฟ้องให้กราบทูลเจ้าต่างกรมหาความแก่ผู้วิวาทนั้นไซร้ ให้ส่งฟ้องไปให้ขุนราชพินิจจัยผู้ถือพระธรรมนูญ ให้ใส่ด้วยพระธรรมนูญก่อน ถ้าเปนกระทรวงใดให้ส่งไปให้เจ้ากระทรวงพิจารณาโจทย์ จำเลย ตามพระธรรมนูญ อนึ่งถ้ามิได้ร้องฟ้องให้กราบทูลพระกรุณา ถ้ามิได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สั่งจำเภาะให้ผู้ใดพิจารณาหามิได้ ให้ผู้รับสั่งส่งฟ้องนั้นให้ใส่ด้วยพระธรรมนูญก่อน ถ้าเปนกระทรวงใดจึ่งให้ส่งให้เจ้ากระทรวงพิจารณา ถ้าเปนเนื้อความข้อใหญ่มีพระราชโองการตรัสจำเภาะให้ผู้ใดพิจารณา เปนเนื้อความมีคู่นั้น ให้ตุลาการผู้รับเอาฟ้องใส่พระธรรมนูญก่อน ให้รู้ว่าเปนกระทรวงใดแล้วให้หมายไปให้เจ้ากระทรวงมานั่ง กำกับพิจารณาด้วย ถ้าพิจารณาเปนสัจปรับไหม​เปนพินัยหลวงมากน้อยเท่าใดนั้นให้ส่งพระคลังมหาสมบัติ อนึ่งซึ่งผู้มีชื่อฟ้องลูกขุนณะศาลา ลูกขุนณะศาลหลวงนั้น ให้ปรึกษาดูรูปความถ้าเปนเนื้อความเบาอยู่ ก็ให้เอาฟ้องนั้นใส่ด้วยพระธรรมนูญส่งให้พิจารณาตามกระทรวงตามพระธรรมนูญ ตามพระราชกำหนดกฎหมายสำหรับแผ่นดิน อย่าให้แปลกกระทรวงล่วงกรมได้ อนึ่งเจ้ากรม ปลัดกรม นายเวร ปลัดเวร ขอเฝ้ากรมฝ่ายใน และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ กรมใด ๆ ยอมพิจารณาเนื้อความมีคู่มิต้องด้วยกฎ แต่นี้สืบไปเมื่อหน้าอย่าให้เจ้ากรม ปลัดกรม นายเวร ปลัดเวร ขอเฝ้ากรมฝ่ายใน และข้าสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ กรมใด ๆ พิจารณาเนื้อความนั้นหาผู้บังคับบัญชามิได้ ครั้นโจทก์ จำเลย ติดใจแก่กันด้วยข้อเนื้อความขัดสนอยู่ แล้วว่ากล่าวมิสิ้นข้อเนื้อความ และโจทก์ จำเลย ยอมติดใจ​ในตุลาการว่าตัดบทเนื้อความมิสิ้นกระทง และโจทก์ จำเลย ยอมร้องฟ้องให้กราบทูลพระกรุณา ฟ้องลูกขุนณะศาลา ทำฎีกาทูลเกล้าฯ ถวายกล่าวโทษตุลาการ และคู่ความเปนเนื้อความทบท้าวไปมาถึง ๓ ศาล ๔ ศาล ให้เคืองฝ่าลออง ฯ ราษฎรเสียพัศดุทองเงินได้ความเดือดร้อนเพราะคบหากันแต่อำเภอใจ ถ้าข้าทูลลออง ฯ ราษฎรมีอรรถคดีร้องฟ้องด้วยกิจสุขทุกข์แก่กันเปนเนื้อความแพ่ง อาชญา อุทธรณ์ นครบาล และมฤดกแพทยา และถวายกรมทัณฑ์ ทรัพย์มฤดกให้เรียกลูกหนี้ด้วยความประการใด ๆ จะให้เจ้ากรม ปลัดกรม นายเวร ปลัดเวร ขอเฝ้า ข้าทูลลออง ฯ ข้างหน้าข้างใน และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ และข้าพระเจ้าลูกเธอ พระเจ้าหลานเธอ กรมใด ๆ และฟ้องหาความนั้นก็ดี ถ้าผู้ฟ้องนั้นเปนข้าหลวง และข้าสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ พระเจ้า​ลูกเธอ พระเจ้าหลานเธอ ฟ้องให้กราบทูลพระกรุณา เปนเนื้อความข้อใหญ่จึ่งให้รับเอาฟ้องนั้นกราบทูล แล้วให้กราบทูลพระกรุณาตามจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สั่ง ให้พิจารณาตามรับสั่ง ถ้าและติดใจตุลาการก็ให้แต่งมหาดเล็กนายเวร ขอเฝ้าไปนั่งกำกับพิจารณาด้วย ถ้าและผู้ฟ้องนั้นมิได้เปนข้าหลวงฝ่ายใน และมิได้เปนข้าสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ พระเจ้าลูกเธอ พระเจ้าหลานเธอ ก็อย่ารับเอาหนังสือฟ้องกราบทูล และให้ผู้ฟ้องนั้นไปฟ้องตามกระทรวง และฟ้องแก่มูลนายตามอาณาประชาราษฎร และฟ้องลูกขุนณะศาลา ลูกขุนณะศาลหลวง ตามพระราชกำหนดกฎหมายแต่ก่อน อนึ่งข้าเจ้าต่างกรมฝ่ายหน้าฝ่ายใน ถือหนังสือปิดตราในกรมออกไปราชการณะหัวเมืองใด ๆ ลอบไปทำกรรโชก ข่มเหง ฉ้อ ตระบัดเอาพัศดุทองเงินอาณาประชาราษฎร ไพร่พลเมืองได้​ความเดือดร้อนให้เคืองใต้ลออง ฯ เนือง ๆ แต่นี้สืบไปเมื่อหน้า ถ้าข้าเจ้าต่างกรม ฝ่ายหน้าฝ่ายใน จะถือหนังสือปิดตราในกรม ออกไปเอากิจราชการสิ่งใด ๆ ก็ดี อย่าให้รับเอาฟ้องของราษฎรมาพิจารณาเรียกเอาฤชาตุลาการ ให้ได้ความเดือดร้อนดุจดังแต่ก่อนนั้น และให้ข้าทูลลออง ฯ และข้าหลวงเจ้าต่างกรมฝ่ายหน้าฝ่ายหลัง และข้าสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ และพระเจ้าลูกเธอ พระเจ้าหลานเธอ สมในสมนอก และอาณาประชาราษฎรทั้งปวง ทำตามพระราชกำหนดกฎหมายให้นจงทุกประการ ถ้าผู้ใดมิได้ทำตามพระราชกำหนดกฎหมายข้อใดข้อหนึ่งไซร้ จะเอาตัวเปนโทษตามโทษานุโทษ ให้เจ้าพระยานคร และหลวงปลัด กรมการ ทำตามกฎนี้จงทุกประการ แล้วให้บอกแก่หัวเมืองขึ้นแก่เมืองนคร ให้ทำตามพระราชกำหนดกฎหมายนี้จงทั่ว

​กฎให้ไว้ณะวันอาทิตย์ เดือน ๙ ขึ้น ๑๓ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๒๒ ปีมะโรงโทศก. (พ.ศ.๒๓๐๓ รัชกาล สมเด็จพระที่นั่งสุริยามรินทร)

----------------------------

 6 
 เมื่อ: 5 ชั่วโมงที่แล้ว 
เริ่มโดย Kimleng - กระทู้ล่าสุด โดย Kimleng


พระราชกำหนดเก่า ครั้งกรุงศรีอยุธยา

กฎ เรื่องการรับฟ้องตามพระธรรมนูญ

​​​​กฏให้แก่พระสุรัศวดี ซ้าย ขวา ใน นอก ให้กฎหมายบอกเจ้าพระยา และพระยา พระ หลวง เจ้าราชนิกุล ขุน หมื่น พัน ทนาย ฝ่ายทหาร พลเรือน บรรดาพิจารณาความ เจ้ากรม ปลัดกรม มหาดเล็กขอเฝ้า ข้าหลวงเจ้าต่างกรมฝ่ายหน้า ฝ่ายหลัง และข้าสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ พระเจ้าหลานเธอทั้งปวงจงทั่ว ด้วยมีพระธรรมนูญไว้สำหรับขุนโรง ขุนศาล ธรรมเนียมให้พิจารณาเนื้อความตามกระทรวง เอาพินัยจ่ายราชการสำหรับแผ่นดินสืบมาแต่ก่อนนั้น และกรมมหาดไทยมีปลัดนั่งศาลคนหนึ่ง ขุนบุรินทรนั่งศาลหลวงได้พิจารณาเนื้อความอุทธรณ์ และขุนเทพอาชญานั่งศาลราษฎร์ ได้พิจารณาเนื้อความอาชญาตุลาการ และขุนอาชญาจักรนั่งศาล​สำรวจ ให้พิจารณาแปลกคารมหลาย มีขี้ฉ้อหมอความ มิได้เปนญาติพี่น้องว่าเปนญาติพี่น้องเข้ากฎหมายร้องฟ้องหาความแก่ราษฎร และกลาโหม ขุนประชาเสพ ราชปลัดนั่งศาล ได้พิจารณาเนื้อความอาชญานอกซึ่งมิได้เปนสมภักนักการ ทำข่มเหงผู้มีชื่อ และในกรมพระนครบาล ขุนงำเมือง ปลัดนั่งศาลได้พิจารณาความโจรผู้ร้ายปล้นสดมภ์ เปนโทษมหันตโทษ กรมวังนั้นมีปลัดนั่งศาลสามคน ขุนอินทรอาชญา ได้พิจารณาเนื้อความอาชญาวัง และขุนพรหมสุภา ได้พิจารณาเนื้อความนครบาลวัง และขุนเทพสุภา ได้พิจารณาเนื้อความแพ่งวัง ถ้าจำเลยเปนสมในขุนศาลสามศาลนี้ได้พิจารณา และกรมพระคลังราชการนั้น ขุนพินิจจัย ราชปลัดนั่งศาล ได้พิจารณาเนื้อความฝรั่งอังกฤษวิลันดา จีน ยวน ยี่ปุ่น แขกบรเทศ มลายู และกรมนา ​ขุนโภชถากร ราชปลัดนั่งศาล ได้พิจารณาเนื้อความแพ่งอาชญานา และขุนศรีราชบุตรนั้นได้พิจารณาเนื้อความมฤดก และศาลแพ่งกลาง ขุนราชสุภา ขุนสุภาชัย และแพ่งเกษม ขุนสุภาเทพ ขุนสุภาภาร ได้พิจารณาเนื้อความจำเลยเปนสมนอก และกรมแพทยานั้น ขุนพรหมเกวี ได้พิจารณากระทำคุณกระทำไสยแก่กัน เปนฉมบจักกละ และกรมสารพากรใน ขุนวิสูตรโกษา ได้พิจารณานายระวางกำนัน พันที่ เชิงเรือน สมภักษร ขนอนตลาด ชิงที่วิวาทแก่กัน และกรมสารพากรนอก ขุนศรีสาคร ได้พิจารณาเสนา กำนัน เบาะแสและเบียดบังขนอนตลาด ดูสัจ แส กรมธรรมการ ได้พิจารณาเนื้อความพระสงฆเถร เณร ทำผิดด้วยกิจพระวินัย และพระคลังมหาสมบัติได้พิจารณาเนื้อความพระราชทรัพย์ในท้องพระคลังหลวง และมีผู้เอาไปทำลายเสีย และมีผู้เบียดบังไว้เป็นอาณา​ประโยชน์ และกรมสัสดีได้พิจารณาหมู่ไพร่หลวง ไพร่สม สังกัด พรรค และเลวทาสเลวไทย และปันลูกหมู่แก่กัน และพระธรรมนูญกระทรวงความทั้งนี้มีอยู่สำหรับราชการแผ่นดินสืบมา ให้ผู้รับฟ้อง ผู้รับคำกฎของราษฎรผู้มีคดี เอาฟ้องและคำกฎนั้นไปว่าแก่ลูกขุนณะศาลาลูกขุนณะศาลหลวง ถ้าเปนเนื้อความข้อใหญ่ให้กราบทูลพระกรุณา ถ้าเปนเนื้อความเบา มิพอที่จะเอากราบทูลพระกรุณา ก็ให้บังคับให้ขุนราชพินิจจัย ผู้ถือพระธรรมนูญใส่พระธรรมนูญ เปนเนื้อความกระทรวงใดให้ส่งให้เจ้ากระทรวงพิจารณาเอาพินัยจ่ายราชการ ฝ่ายข้างขุนโรงขุนศาล จึ่งจะได้ตั้งตัวทำราชการสดวก และครั้นสืบมาผู้มีคดีกฎหมายร้องฟ้องตามกระทรวงบ้าง หามิได้บ้าง และเอาเนื้อความไปฟ้องให้กราบทูล ฝ่ายหน้าฝ่ายหลังและสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ พระเจ้าลูกเธอ พระเจ้า​หลานเธอ รับเอาฟ้องไว้แล้วมิได้ส่งไปใส่ด้วยพระธรรมนูญให้พิจารณาตามกระทรวงหามิได้ และข้าหลวงรับเอาฟ้องไว้พิจารณาว่ามีรับสั่งให้ว่าเปนเนื้อความผู้เถ้าผู้แก่บ้าง เปนเนื้อความข้างเดียวบ้าง ให้สืบดูให้รู้จักจริง และเท็จบ้าง ครั้นถามมิรับเอา สอบผู้ฟ้องเปนข้อต่อข้ออ้างสืบสอบถึงพะยานดุจหนึ่งเนื้อความมีคู่ก็มีบ้าง ลางทีส่งฟ้องไปให้ตำรวจในตำรวจนอกและข้าทูลลออง ฯ นอกนั้นให้เอาตัวผู้มีชื่อมาพิจารณาตามฟ้อง มิต้องด้วยพระธรรมนูญก็มีบ้าง ลางทีลูกความซึ่งตุลาการพิจารณานั้นไปฟ้องหาอุทธรณ์ตุลาการ และว่ามีรับสั่งให้เรียกเอา สำนวนยอมใบสัจไปสืบสวนดู แล้วเนื้อความนั้นค้างช้าไปก็มีบ้าง และกฎพระธรรมนูญสำหรับแผ่นดินนั้นก็ฟั่นเฟือนไป และขุนโรงขุนศาลเจ้ากระทรวงได้พิจารณาความตาม พระธรรมนูญเอา พินัย จ่ายราชการนั้นน้อยลง และส่วนราชการงานโยธา ​ซึ่งเปนพนักงานขุนโรงขุนศาลได้จ่ายนั้นยืนอยู่ เพราะเหตุฉนี้ขุนโรงขุนศาลจึ่งได้ความยากจนตั้งตัวทำราชการมิได้ และครั้งนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สั่งให้มีพระราชกำหนดกฎหมายไว้แต่นี้สืบไปเมื่อหน้า ห้ามอย่าให้ข้าหลวงเจ้าต่างกรมรับเอาฟ้องของอาณาประชาราษฎรซึ่งหาความแก่กันนั้น กราบทูลเจ้าต่างกรม และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ พระเจ้าลูกเธอ หลานเธอ เปนอันขาดทีเดียว ต่อเมื่อใดมีผู้เอาเนื้อความมาว่า มีผู้กระทำผิดคิดมิชอบเบียดบังพระราชทรัพย์เปนเนื้อความข้อใหญ่ จึงให้เอากราบทูลเจ้าต่างกรม สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ พระเจ้าลูกเธอ พระเจ้าหลานเธอ รับเอาฟ้องกราบทูลแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ อนึ่งถ้าและข้าหลวงในกรมจะมีคดีวิวาทแก่ข้าทูลลออง ๆ และไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินและข้าหลวงเจ้าต่างกรมๆ อื่น จะ​ทำหนังสือฟ้องให้กราบทูลเจ้าต่างกรม หาความข้อวิวาทนั้นไซร้ ก็ให้ส่งฟ้องนั้นไปให้แก่ขุนราชพินิจจัย ผู้ถือพระธรรมนูญให้ใส่ด้วยพระธรรมนูญก่อน ถ้าเปนกระทรวงใดให้ส่งไปให้เจ้ากระทรวงพิจารณา ตามโจทก์ตามจำเลย ตามพระธรรมนูญ อนึ่งถ้ามีผู้ร้องฟ้องให้กราบทูลพระกรุณา ถ้ามิได้ทรงพระกรุณาตรัสเหนือเกล้า ฯ สั่งจำเภาะให้ผู้ใดพิจารณาหามิได้ ก็ให้ผู้รับสั่งส่งฟ้องนั้นไปใส่ด้วยพระธรรมนูญ ถ้าเปนกระทรวงใดจึ่งส่งไปให้เจ้ากระทรวงพิจารณา ถ้าเปนเนื้อความข้อใหญ่ มีพระราชโองการตรัสเหนือเกล้า ฯ สั่งจำเภาะให้ผู้ใดพิจารณาเปนเนื้อความมีคู่นั้น ก็ให้ตุลาการเอาฟ้องนั้นใส่ด้วยพระธรรมนูญเปนกระทรวงใด แล้วจึ่งให้หมายไปเอาเจ้ากระทรวงมานั่งกำกับด้วย ถ้าพิจารณาเปนสัจปรับไหมเปนพินัยหลวงมากน้อยเท่าใดนั้น ให้ส่งพระคลังมหาสมบัติ อนึ่งซึ่งผู้มีชื่อฟ้องถูกขุนณะ​ศาลาลูกขุนณะศาลหลวงนั้น ให้ลูกขุนปรึกษาดูรูปความนั้นก่อน ถ้าเปนเนื้อความเบาอยู่ ก็ให้เอาฟ้องใส่ด้วยพระธรรมนูญส่งให้พิจารณาตามกระทรวงตามพระธรรมนูญ พระราชกำหนดกฎหมายสำหรับแผ่นดิน อย่าให้แปลกกระทรวงล่วงกรมได้ และให้ข้าทูลลออง ฯ และข้าหลวงเจ้าต่างกรมฝ่ายหน้าฝ่ายหลัง และข้าหลวงสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ และพระเจ้าลูกเธอ หลานเธอ และสมใน สมนอก และอาณาประชาราษฎรทั้งปวง กระทำตามพระราชกำหนดกฎหมายให้ไว้จงทุกประการ ถ้าผู้ใดมิได้กระทำตามพระราชกำหนดกฎหมายนี้แต่ข้อใดข้อหนึ่งไซร้ จะเอาตัวเปนโทษตามโทษานุโทษ

กฎให้ไว้ณะวันอังคารเดือนอ้ายแรม ๑๑ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๑๖ ปีจอฉอศก (พ.ศ.๒๒๙๗ รัชกาลสมเด็จพระเจ้าบรมโกษฐ)

----------------------------

 7 
 เมื่อ: 5 ชั่วโมงที่แล้ว 
เริ่มโดย Kimleng - กระทู้ล่าสุด โดย Kimleng


พระราชกำหนดเก่า ครั้งกรุงศรีอยุธยา

กฎ เรื่องให้จับกุมคนวิวาททำร้ายกันในที่ต่างๆ

​​​กฎให้แก่เจ้าพระยา และพระยา พระ หลวง เจ้าราชนิกุล ขุน หมื่น พัน ทนาย ฝ่ายทหารพลเรือน ผู้รักษาเมือง ผู้รั้ง กรมการปักษ์ใต้ฝ่ายเหนือทั้งปวงจงรู้ทั่ว ด้วยทรงพระกรุณาตรัสเหนือเกล้า ฯ สั่งว่าถ้าเจ้าพระยา และพระยา พระ หลวง เจ้าราชนิกุล ขุน หมื่น ผู้รักษาเมือง ผู้รั้ง กรมการ ไปในสถานทางบกทางเรือแห่งใด พบคนมีชื่อคุมพวกเกิดวิวาทตีด่าฆ่าฟันกันเปนอันมาก ให้หยุดอยู่ ให้บ่าวไพร่สมกำลังซึ่งไปด้วยนั้น ให้จับเอาตัวพวกทั้งสองข้างให้ได้จงสิ้น ถ้าเหลือกำลังให้บอกชาวบ้านชาวเรือ ให้ช่วยกันจับเอาตัวจงได้ เพื่อว่ามิให้อาณาประชาราษฎรไพร่พลเมืองทำจลาจลในแผ่นดิน ถ้าหัวเมืองให้ผู้รักษาเมือง ผู้รั้ง ปลัดยกระบัตร ​กรมการ เอาตัวถามให้รู้เหตุว่าวิวาทกันด้วยเนื้อความสิ่งใด แล้วให้บอกหนังสือส่งตัวเข้ามายังลูกขุนณะศาลา ถ้าในกรุง ๆ จับส่งกรมพระนครบาล ให้สืบเอาพวกเพื่อนจงสิ้น มาลงโทษโดยอาชญาหลวง ถ้าผู้ใดมิได้เปนใจแก่ราชการแผ่นดินไม่จับกุม จะเอาตัวเปนโทษตามโทษานุโทษ และให้พระสุรัศวดีซ้าย ขวา ใน นอก ให้หมายบอกจงทั่ว

กฎให้ไว้ณะวันพุธเดือน ๗ แรม ๗ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๑๐ ปีมะโรง สัมฤทธิศก (พ.ศ.๒๒๙๑ รัชกาลสมเด็จพระเจ้าบรมโกษฐ)

----------------------------

 8 
 เมื่อ: 5 ชั่วโมงที่แล้ว 
เริ่มโดย Kimleng - กระทู้ล่าสุด โดย Kimleng


พระราชกำหนดเก่า ครั้งกรุงศรีอยุธยา

กฎ เรื่องเจ้าหมู่มูลนายเบิกคู่ความไปใช้ราชการ

​​กฎให้แก่ พระสุรัศวดี ซ้าย ขวา ใน นอก ให้กฎหมายบอกแก่ ข้าทูลลออง ฯ ฝ่ายทหารพลเรือน และข้าเจ้าต่างกรมทั้งปวงจงทั่ว ด้วยขุนอุทัย ขุนลคร ขุนเสนา แขวง ฟ้องให้กราบทูลพระกรุณา และขุนลคร ขุนอุทัย ขุนเสนา และหมื่น พัน แขวง ทั้งปวงนั้น มีการพนักงานต้องทำ และเสียส่วยในอัตรานอกอัตราแต่ละปีเปนอันมาก และแขวงรับราชการได้ทำการตามพนักงานทั้งนั้น อาศัยแต่วานราษฎรชาวบ้านและลูกอำเภอมาช่วยทำการ ได้เสียส่วยในอัตรานอกอัตรา และซื้อสิ่งของทำการนั้น ก็อาศัยได้แต่พิจารณาความของราษฎรตามกระทรวง ตามมีพระธรรมนูญสำหรับแผ่นดินมาแต่ก่อน ได้พินัยจ่ายราชการ จึ่งได้ทำการทั้งปวงสดวก และ​สืบมาทุกวันนี้ และราษฎรไพร่พลเมืองในท้องที่อำเภอแขวงนั้น ก็ร่วงโรยกว่าแต่ก่อน และบาญชีมังคังชิงเรือนมากนั้น มีตราคุ้มห้าม ได้เฉลี่ยวานใช้ราชการหามิได้ และบ้านสมสังกัดพรรค์ ซึ่งมิได้มีตราคุ้มห้าม ได้เฉลี่ยวานใช้ราชการนั้นมีเรือนอยู่แต่ ๙ เรือน ๑๐ เรือน ๑๕ เรือนบ้าง น้อยมิพอด้วยราชการ ประการหนึ่งราษฎรอยู่ในอำเภอนั้นมีคดีเนื้อความมาร้องฟ้อง กฎหมาย พระธรรมนูญ แขวง จะได้พิจารณาเอาพินัยจ่ายราชการนั้น ครั้นแขวงเกาะมายังมิได้ทันถาม ได้ถามถึงเทียบ และชี้พิจารณาถึงเดิรเผชิญถึงสำนวนมาชี้ขาดบ้าง ฝ่ายข้างลูกความนั้น เห็นว่าเนื้อความของตัวพิรุธบุบช้ำลง แล้วลอบไปคิดอ่านให้มีหมายรับสั่งเบิกเอาตัวไปบ้าง ลางครั้งนั้น หมายไปแต่ว่าให้หาเปนการเร็ว ครั้นแขวงเข้าไปหา ผู้รับสั่งให้เกาะหน่วงเหนี่ยวไว้ว่า ลูกความนั้นเปนข้าหลวง มีรับสั่งให้ส่งตัวไปจะใช้​ทำการบ้าง ข้างแขวงกลัวก็ส่งลูกความให้ และเนื้อความเริดร้างค้างสูญเสีย เพราะด้วยกระทำฉนี้เปนอันมาก แขวงเปนคนต่ำจะติดตามว่ากล่าวคืนเอาเนื้อความมาพิจารณาสืบไป เอาพินัยจ่ายราชการนั้นมิได้ด้วยเหตุฉนี้ แขวงจะตั้งตัวทำราชการขัดสนหนักหนา จึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สั่งว่า ส่วยหญ้าช้างสพสารซึ่งสารพากรได้เรียกเปนหลวงนั้น พระราชทานให้ยกเสีย และส่วยสัดอัตราพนักงาน ขุนเพ็ชรดา ขุนเทพนารายณ์ แพ่งเขษมได้เรียกจ่ายราชการตามธรรมเนียมแต่ก่อนนั้น ก็ให้การลงเสี่ยกึ่งหนึ่งบ้าง สองส่วนบ้าง และซึ่งผู้มีชื่อถือตราคุ้มห้าม ทำส่วย เข้า ปลา ชัน น้ำมัน ภาย กระดาษ ขี้ผึ้ง และรักษาไม้ฤษีเลี้ยงกระบือชักรถนั้น ก็ให้เฉลี่ยเอาใช้ราชการบ้างตามมีการหนักและเบาแล้ว ครั้งนี้จึงทรงพระกรุณาตรัสเหนือเกล้า ฯ สั่ง ให้มีพระราชกำหนดกฎหมายไว้ แต่นี้สืบไปเมื่อหน้า ​ถ้าราษฎรมีชื่ออยู่ในท้องอำเภอแขวง มีอรรถคดีร้องฟ้องกฎหมาย ให้แขวงพิจารณาต้องด้วยกฎพระธรรมนูญ เปนกระทรวงแขวงได้ว่ากล่าวนั้น แล้วก็ให้แขวงพิจารณาสืบไปให้สำเร็จ เอาพินัยจ่ายราชการ ถ้าและมีหมายรับสั่งไปให้หาแขวงไปกิจราชการสิ่งใดก็ดี อย่าให้มีหมายไปแก่แขวงดุจหนึ่งแต่ก่อนนั้น ให้มีหมายไปแก่กรมนครบาลซึ่งเปนนายแขวงนั้นให้ส่ง ถ้าหมายกิจราชการให้บอกข้อราชการไปให้แจ้ง ถ้าหมายเบิกคู่ความนั้นให้มีกำหนดปีเดือนวันคืนขึ้นแรมไปว่า จะเบิกไปทำการสิ่งนั้น ๆ แต่ใน ๙ วัน ๑๐ วันและ ๑๕ วัน แล้วจะส่งตัวคืนมาให้แขวงพิจารณาเนื้อความสืบไป และให้มีตรา เจ้ากรม ปลัดกรม สมุหบาญชี ผู้ใดผู้หนึ่งมาเปนสำคัญไปด้วย และให้เจ้ากรม ปลัดกรม พระนครบาล สืบสาวดู ถ้าเนื้อความนั้นยังมิถึงใบสัจปรับเปนสินไหมพินัยหามิได้ และมีหมายมาเบิก​เอาไปทำราชการจริงเปนมั่นคง จึ่งให้สลักหมายนั้นบอกไปให้แขวงส่งลูกความให้ตามมีหมายเบิกนั้น และปิดตราขุนงำเมืองราชปลัดประทับหลังหมายไปเปนสำคัญจงทุกครั้ง ครั้นถึงกำหนดกฎหมายว่าจะส่งลูกความคืนให้พิจารณานั้น ถ้าและลูกความซึ่งเบิกไปนั้นยังทำการมิสำเร็จก็ดี ไปราชการยังมีกลับมาถึงก็ดี ให้ผู้มาเบิกนั้นมาบอกทุเลาแก่เจ้ากรม ปลัดกรม พระนครบาล ให้เจ้ากรม ปลัดกรม ๆ พระนครบาล แต่งไปสืบถามชันสูตร์ดูการ ถ้าเห็นการนั้นเร็วอยู่จะเร่งทำให้แล้วแต่ใน ๙ วัน ๑๐ วัน ๑๕ วันอีก ก็ให้งดไว้ ให้ทำการนั้นสืบไป ถ้าและการนั้นช้าถึงเดือนหนึ่งแล้วมิสำเร็จไซ้ร ก็ให้ส่งตัวลูกความมาว่าเนื้อความไปก่อน และซึ่งจะเบิกไปราชการนั้นให้พิจารณาดูข้อราชการนั้นเปนการจำเภาะตัวผู้นั้นจะไป ผู้อื่นจะไปเห็นมิได้ เปนการจำเภาะตัวผู้นั้นจะไป และทางจะไปมาช้าพ้นพระราชกำหนดเดือนหนึ่งขึ้นไป อย่าให้ส่งตัว​ไป ให้ตุลาการเอาตัวไปพิจารณาให้เร่งรัดว่ากล่าวเนื้อความให้สำเร็จแต่ในสามเดือนตามกฎ อนึ่งผู้เปนตุลาการได้พิจารณาเนื้อความ ใช่ว่าแต่แขวงหามิได้ และมหาดเล็ก ชาวที่ ตำรวจใน กรมวัง ข้าทูลลอองฯ ฝ่ายทหารพลเรือน ขุนโรงขุนศาลซึ่งเปนพนักงานได้พิจารณาเนื้อความรับสั่งและโจรผู้ร้ายและเนื้อความมีคู่ และผู้พิจารณา ๆ เลขหมู่ไพรหลวงทั้งปวงนั้น ก็มีอยู่เปนอันมาก ถ้าจะมีบัตรหมายไปเอาผู้มีคดีซึ่งต้องพิจารณาทั้งปวง ไปทำราชการสิ่งใด ๆ ไซร้ ก็ให้กระทำตามเรื่องราวเนื้อความซึ่งกล่าวไว้ในกฎจงทุกหมู่ทุกกรม และหมายเบิกนั้นก็ให้ปิดตรา เจ้ากรม ปลัดกรม สมุหบาญชี เจ้าหมู่ ซึ่งเปนนายนั้น ผู้ใดผู้หนึ่งไปด้วยเปนสำคัญจงทุกครั้ง และกรมฝ่ายในซึ่งหาเจ้ากรม ปลัดกรม มิได้ ก็ให้ปิดตราสนม ซ้าย ขวา ถ้าจะบอกอรรถแปรค้นไป​ก็ดี หมายบอกนั้นให้ปิดตราสำคัญจงทุกใบ และเนื้อความขึ้นแก่ศาลกรมมหาดไทย กรมกลาโหม กรมคลัง นา กรมนครบาล และบรรดาซึ่งมีสมุหบาญชีนั้น ให้หมายไปสมุหบาญชีให้ว่าแก่เจ้ากรม ปลัดกรม ให้เจ้ากรม ปลัดกรม ปรึกษาว่ากล่าวให้ ถ้าเจ้ากรม กรมใดหาสมุหบาญชีไม่ จะบัตรหมายไปถึงมูลนายและผู้พิจารณาขุนศาลเองไซร้ ก็ให้มูลนายผู้พิจารณาขุนศาลว่ากล่าว คงทำตามเรื่องราวเนื้อความซึ่งกล่าวไว้นี้ ให้มีหมายมาเบิกเนื้อความณะศาลแขวงไปนั้นจงทุกประการ ถ้าและกรมใด ผู้ใด เอาคู่ความผู้พิจารณาไปนั้นมิได้กระทำตามพระราชกำหนดกฎหมายไว้นี้ และจะทำประเวประวิงหน่วงเหนี่ยวความไว้ให้ช้าพ้นพระราชกำหนดกฎหมายเบิกและทุเลาเหมือนครั้งหลังนั้น จะคิดอ่านกันแอบอิงมาเบิกเอาไปแต่จะให้พ้นจากพิจารณา ทำให้ผิดด้วยพระราชกำหนดกฎหมายซึ่งให้ไว้นี้แต่​ข้อใดข้อหนึ่งไซร้ จะเอาเนื้อความผู้ซึ่งให้มีหมายมาเบิกเอาตัวไปนั้นเปนแพ้ ถ้าเลขพิจารณาจะให้เอาเลขพิจารณาเปนสัจ ส่งเข้าหมู่ แล้วจะให้ปรับโทษเอาสินไหมพินัยแก่เจ้าความผู้ให้มาเบิกผู้มีคดีเนื้อความไปนั้นด้วยตามรูปความ และให้พระสุรัศวดี ซ้าย ขวา ใน นอก ให้กฎหมายบอกแก่ข้าทูลลอองฯ ทั้งปวง และข้าหลวงฝ่ายหน้า ฝ่ายหลัง และเจ้าต่างกรมจงทั่วทุกหมู่ทุกกรมอย่าให้ขาดได้ ถ้าและกฎหมายบอกมิทั่ว จะเอาพระสุรัศวดีซ้าย ขวา เปน โทษ ถ้าแจกทั่วแล้วผู้ใดมิได้กระทำตามกฎหมายให้ไว้นี้ จะเอาผู้นั้นเปนโทษตามกฎ

กฎให้ไว้ณะวันศุกร เดือนแปดแรม ๑๐ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๐๖ ปีชวด ฉอศก. (พ.ศ.๒๒๘๗ รัชกาลสมเด็จพระเจ้าบรมโกษฐ)

----------------------------

 9 
 เมื่อ: 5 ชั่วโมงที่แล้ว 
เริ่มโดย Kimleng - กระทู้ล่าสุด โดย Kimleng


พระราชกำหนดเก่า ครั้งกรุงศรีอยุธยา

กฎ เรื่องการพิศูจน์เล็บในสำนวนความ

​กฎให้แก่พระสุรัศวดี ซ้าย ขวา ใน นอก ให้กฎหมายบอกเจ้าพระยา และพระยา พระ หลวง เมือง เจ้าราชนิกุล ขุน หมื่น พัน ทนาย และ ตำรวจในซ้าย ขวา ตำรวจนอกซ้าย ขวา กรมวัง กรมล้อมวังซ้าย ขวา กรมมหาดเล็กชาวที่ และกรมพระสนมซ้าย ขวา ฝ่ายทหาร พลเรือน และผู้รักษาเมือง ผู้รั้ง กรมการแขวง จังหวัด นายบ้าน นายอำเภอ ณะหัวเมืองเอก โท ตรี จัตวา ปักษ์ใต้ฝ่ายเหนือ และแขวงจังหวัดทั้ง ๔ และผู้มีบรรดาศักดิพิจารณาเนื้อความทั้งปวงจงทั่ว ด้วยทรงพระกรุณาตรัสเหนือเกล้า ฯ สั่งว่า และสุภาตุลาการพิจารณาความมีคู่ทั้งปวงแต่ก่อนนั้น ครั้นถามโจทก์จำเลยเปนสำนวนต่อกันแล้วยอมผูกสำนวน​ให้แต่โจทก์จำเลยศูจน์เล็บไว้ต่อกัน ครั้นโจทก์จำเลยเห็นถ้อยคำของตัวพิรุธในสำนวนข้อใดข้อหนึ่ง ครั้นตุลาการจะพิจารณาสืบไป ย่อมติดใจว่าแปลกเล็บ และว่าเสมียนผู้คุมดัดแปลงสำนวนเสีย และผู้พิจารณาทั้งปวงจะได้ว่ากล่าวแก่ผู้พิพากษาว่าเข้าด้วยโจทก์ จำเลย ติดใจว่าแปลกเล็บนั้นเนื้อความจะได้พิจารณานั้นศูจน์ยาวไป แต่นี้สืบไปเมื่อหน้า ถ้าและผู้มีอรรถคดีจะร้องฟ้องว่ากล่าวโทษแก่กันณะโรงศาล กรมใด ๆ ก็ดี และตุลาการถามโจทก์จำเลยเปนสำนวนต่อกันแล้วคัดเทียบออก จะเอาสำนวนนั้นผูกให้โจทก์ จำเลย ศูจน์เล็บไว้ให้ตุลาการปิดตราประจำเล็บไว้ด้วย ถ้าและจะเอาโจทก์จำเลยออกมาพิจารณาสืบไปนั้น ฝ่ายโจทก์ติดใจว่าแปลกเล็บ ฝ่ายจำเลยว่าชอบด้วยเล็บ และผู้พิจารณาว่าชอบด้วยดวงตราแล้ว อย่าให้ฟัง ให้ผู้พิจารณาตัดเล็บและดวงตราประจำไว้นั้นรักษา​ไว้จงดีอย่าให้ทุบต่อยเสีย และให้เร่งพิจารณาว่ากล่าวสืบไป ถึงว่าฝ่ายโจทก์ จำเลย ซึ่งติดใจว่าแปลกเล็บนั้น จะต้องฟ้องกล่าวโทษตุลาการและลูกความก็ดี จะได้เอาเล็บและดวงตราซึ่งตัดออกไว้นั้น จะได้ชันสูตรกับดวงตราซึ่งปิดตราประจำเล็บไว้นั้น ให้ผู้พิจารณาเร่งพิจารณาว่ากล่าวให้สำเร็จ อย่าให้ค้างช้าอยู่พ้นพระราชกำหนดกฎหมาย และให้พระสุรัศวดี หมายบอกแก่ผู้พิจารณาในกรุง ฯ นอกกรุง ฯ และแขวงจังหวัด และผู้รักษาเมือง ผู้รั้ง กรมการ ให้ทำตามกฎนี้

กฎให้ไว้ณะวันอาทิตย์เดือน ๑๒ แรม ๗ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๐๑ ปีมะแมเอกศก (พ.ศ.๒๒๘๒ รัชกาล สมเด็จพระเจ้าบรมโกษฐ)

----------------------------

 10 
 เมื่อ: 6 ชั่วโมงที่แล้ว 
เริ่มโดย สุขใจ ข่าวสด - กระทู้ล่าสุด โดย สุขใจ ข่าวสด
3 แอร์สาวโคตรเท่ ห้ามศึก ผดส.ต่อยกัน ห้ามแบบดุดัน สายการบินถึงกับให้รางวัล
         


3 แอร์สาวโคตรเท่ ห้ามศึก ผดส.ต่อยกัน ห้ามแบบดุดัน สายการบินถึงกับให้รางวัล" width="100" height="100  ทั่วโลกยกย่อง แอร์สาว 3 คน ระงับเหตุผู้โดยสารตีกันบนเครื่อง โดนลูกหลงศอกเข้าเต็มหน้า แต่ก็ยังห้ามศึกได้แบบดุดัน สายการบินถึงกับมอบรางวัลให้
         

https://www.sanook.com/news/9380346/
         

หน้า:  [1] 2 3 ... 10
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.436 วินาที กับ 24 คำสั่ง

Google visited last this page 04 เมษายน 2567 20:52:25