03 พฤษภาคม 2567 17:57:37
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
สุขใจในธรรม
ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
.:::
พุทธปรัชญาเรื่องอนัตตา
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: พุทธปรัชญาเรื่องอนัตตา (อ่าน 1237 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์
Nepal
กระทู้: 1921
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 17.0.963.56
พุทธปรัชญาเรื่องอนัตตา
«
เมื่อ:
29 กุมภาพันธ์ 2555 20:52:43 »
Tweet
ถ่ายภาพประกอบกระทู้โดย
......Sometime
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฏหมาย
จะเข้าใจว่าอะไรคือ อนัตตา ก็ต้องทำความเข้าใจว่าอะไรคือ อัตตา เสียก่อน
อภิปรัชญา ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของปรัชญาได้ให้ความหมายของ อัตตา หรือตัวตน สรุปได้ ๓ นัย คือ...........
๑ ตัวตน หมายถึงศูนย์รวมแห่งความเปลี่ยนแปลง หรือการแปรสภาพและเป็นหลักแห่งการคงเดิม
๒ ตัวตน หมายถึงศูนย์รวมแห่งคุณสมบัติทั้งหลาย
๓ ตัวตน หมายถึงสิ่งที่มีอยู่โดยตัวมันเอง มีบูรณภาพในตัวมันเอง
ตามความหมายนัยที่หนึ่ง นักปรัชญาอธิบายโดยยกตัวอย่างว่าสมมติเราเก็บมะม่วงมาลูกหนึ่ง เมื่อสองสามวันก่อน มะม่วงลูกนั้นแก่แล้วแต่ยังไม่สุก มีสีและกลิ่นของผลไม้ดิบอยู่ เราเอามะม่วงมาบ่ม พอถึงวันนี้มะม่วงผลนี้กลับมีสีผิว กลิ่น ต่างไปจากมะม่วงดิบเมื่อสองสามวันก่อน แต่เรา
ทราบดีว่ามันเป็นมะม่วงผลเดียวกัน มะม่วงดิบเมื่อสองสามวันกับมะม่วงสุกวันนี้ จึงน่าจะมี อะไรบางสิ่งบางอย่าง อยู่ร่วมกัน อะไรบางอย่าง นี้แหละ คือตัวตนที่แท้จริงของมะม่วงผลนี้ ตัวตนนี้เป็นตัวยืนโรงหรือหลักแห่งการคงเดิมที่ทำให้มะม่วงดิบเมื่อสองสามวันก่อน กับมะม่วงสุกใน
วันนี้เป็นผลเดียวกัน แม้คุณสมบัติอื่น ๆ จะเปลี่ยนไปก็ตาม
ในความหมายที่สอง ท่านอธิบายโดยยกตัวอย่างว่า เรามีโต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้าตัวหนึ่ง ต่อมาเราดัดแปลงให้โต๊ะตัวนี้เป็นโต๊ะกลม โต๊ะกลมตัวนี้เรารู้ว่าเป็นตัวเดียวกันกับโต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้าตัวก่อน แต่คุณสมบัติของมันเปลี่ยนแปลงไป แสดงว่า มีตัวตนที่แท้จริงของโต๊ะ สำหรับรองรับคุณสมบัติของโต๊ะไม่ว่ามันจะเปลี่ยนรูปร่างไปอย่างใดก็ตาม
ตัวตนในความหมายที่สาม คือสิ่งซึ่งมีอยู่โดยตัวของมันเองไม่เกิดจากอะไร แต่มีอยู่และเป็นมาอย่างนั้นโดยตัวเอง มีความสมบูรณ์ในตัวเอง
(ขอให้ดูรายละเอียดในหนังสืออนัตตาในพุทธปรัชญา โดย ดร.วิทย์ วิศทเวทย์ ข้อความข้างบนนั้นผมจำฝีปากท่านมา)
ตามมติพุทธศาสนา ถือว่าตัวตนทั้ง ๓ นัยข้างต้นนั้นไม่มี เพราะทุกสิ่งเป็นอนัตตาไม่มี อะไรบางอย่าง ซึ่งเป็นแก่นแท้ของสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นตัวยืนโรง และดำรงอยู่อย่างไม่แปรสภาพ พุทธศาสนาถือว่า ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะมีเหตุปัจจัย เปลี่ยนแปลงและสิ้นสุดลง เพราะหมดเหตุปัจจัย
เพื่อความกระจ่าง ขอให้ย้อนไปศึกษาเรื่องไตรลักษณ์ พระพุทธเจ้าตรัสว่า สิ่งใดเป็นอนิจจัง สิ่งนั้นเป็นทุกขัง สิ่งใดเป็นอนิจจัง ทุกขัง สิ่งนั้นเป็นอนัตตา" นั่นแสดงว่าทั้งสามอย่างนี้คือสิ่งเดียวกัน เมื่อเข้าใจอย่างหนึ่งก็จะเข้าใจอีกอย่างด้วย และวิธีที่จะเข้าใจง่าย ก็เห็นจะต้องเริ่มที่อนิจจัง เพราะอนิจจังถือว่าเป็นกุญแจที่จะไขให้เข้าใจอีกสองอย่างได้ง่ายขึ้น
มีพุทธวจนะบทหนึ่งว่า อนิจฺจา วต สงฺขารา อุปฺปาทวยธมฺมิโน แปลว่าสังขารทั้งหลายเป็นอนิจจังมีการเกิดขึ้นและเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา สังขาร หมายถึงสิ่งผสมทุกชนิด การเกิดและการเสื่อมสลายเป็นลักษณะที่แท้จริงของสังขาร โปรดสังเกตการใช้คำศัพท์ ท่านใช้ในรูปเป็นปัจจุบัน คือ การเกิด กับ การเสื่อมสลาย เป็นไปพร้อมกันในขณะเดียว
พูดให้ชัดก็คือ การเสื่อมสลายมีตั้งแต่วาระแรกที่สิ่งนั้นเกิดหรือการเกิดมีในขณะแรกที่สิ่งนั้นดับ เป็นลักษณะสืบสายต่อเนื่องกันเป็นกระแสโดยสภาวะที่กำลังดับถ่ายโอนพลังเอื้ออำนวยทั้งหมดให้แก่สภาวะที่รับช่วงต่อมา จึงไม่มีแม้แต่ขณะเดียวที่มันจะคงที่
ลักษณะเช่นนี้แหละเรียกอนิจจัง และทุกขัง และเมื่อมันเป็นอย่างนี้มันจึงเป็นอนัตตา คือปราศจากตัวยืนโรง หรือตัวตนที่เป็นศูนย์รวมแห่งการแปรสภาพ
ปรัชญาเมธีต่าง ๆ ไม่ว่าตะวันตก ตะวันออก ดูเหมือนจะยอมรับว่าทุกอย่างแปรสภาพไม่คงที่ คือ มองเห็นว่ามันเป็นอนิจจัง ทุกขัง แต่ยังมีความรู้สึกว่า เบื้องหลังการแปรสภาพนั้นจะต้องมี อะไรบางอย่าง ที่ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นตัวยืนโรงหรือเชื่อมประสาน หาไม่แล้ว มะม่วงดิบเมื่อสองสามวันก่อน มันจะเป็นลูกเดียวกับมะม่วงสุกวันนี้ได้อย่างไร ถ้าไม่มีสิ่งคอยเชื่อมหรือควบคุมการแปรสภาพ
พุทธศาสนาชี้ว่า การที่มะม่วงดิบเมื่อสองสามวันก่อนยังเป็นลูกเดียวกับมะม่วงสุกในวันนี้ เพราะผลแห่งการเปลี่ยนแปลงที่สืบเนื่องกันเป็นกระแส
ที่ถ่ายโอนศักยภาพสืบต่อกันมา พูดแบบนักธรรมะก็คือ เพราะสันติความสืบต่อที่ไม่ขาดสาย เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามเงื่อนไขของธรรมชาติ
ก็ไม่จำเป็นต้องมี ผู้ หรือ สิ่งที่มาบันดาลให้มันเป็นไป หากแต่มันเป็นไปตามเงื่อนไข
เมื่อมีเชื้อมีไฟ การลุกไหม้ก็เกิดขึ้น เมื่อหมดเชื้อ ไฟก็ดับ จำเป็นด้วยหรือจะต้องมีผู้ไหม้อยู่เบื้องหลังการไหม้ หรือผู้ดับอยู่เบื้องหลังการดับ
ความรู้สึกว่ามีตัวตน คอยควบคุมกลไกอะไรต่าง ๆ อยู่เบื้องหลังนั้น พุทธศาสนาเรียกว่าเป็นความรู้สึกหลอกหรือความเข้าใจผิด ความรู้สึกหลอก
นี้เอง เป็นตัวสร้างความคิดว่ามีตัวตนขึ้นมา ปรัชญาเมธีอย่าง เดส์ คาร์ทส์ ก็รู้สึกอย่างนี้ จึงกล่าวยืนยันว่า ฉันคิดเพราะฉะนั้นฉันจึงมี
ข้อความข้างต้นได้อธิบายไตรลักษณ์เพื่อให้เข้าใจง่าย ๆ (ผมคิดเอาเองว่าง่าย แต่ท่านผู้อ่านยิ่งอ่าน ยิ่งงง ก็อาจเป็นได้) คราวนี้ขออธิบายอีกแนวหนึ่ง เพื่อสนับสนุนแนวแรกที่กล่าวมาแล้ว
พุทธศาสนา ทรรศนะและวิจารณ์ ศาตราจารย์พิเศษ เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต
(:LOVE:)กดแล้วฟังได้เลยความยาว 6 นาทีโดยประมาณ
http://www.4shared.com/embed/1183309662/b449d38c
Sometime Home..........
http://poerlife.fx.gs/index.php?topic=1075.0
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29 กุมภาพันธ์ 2555 21:25:54 โดย 時々Sometime
»
บันทึกการเข้า
โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?
คำค้น:
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
กำลังโหลด...