'ธำรงศักดิ์' เผยผลสำรวจ 56.8% เห็นว่า รัฐธรรมนูญ 60 เป็นเผด็จการ แต่ 12.96% มองมีความเป็นประชาธิปไตย
<span class="submitted-by">Submitted on Thu, 2023-08-03 15:47</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ นักวิชาการเผยผลสำรวจ 56.8% เห็นว่า รัฐธรรมนูญฉบับ คสช. 2560 เป็นเผด็จการ ขณะที่ 12.96% มองว่า มีความเป็นประชาธิปไตย โดยที่ภาคใต้เป็นภาคที่มีผู้เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นประชาธิปไตยสูงกว่าภาคอื่นๆ</p>
<p>3 ส.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กแฟนเพจ '
ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์' ของ ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ รองศาสตราจารย์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต รายงานว่า งานวิจัยส่วนบุคคลของตน เก็บข้อมูลแบบสอบถามจากคนทั้งประเทศ (ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 52.32 ล้านคน) จำนวน 4,588 คน ใน 57 จังหวัด เรื่อง ทัศนคติของประชาชนต่อการเลือกตั้งและสังคมการเมืองไทย 2566</p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="autoplay; clipboard-write; encrypted-media; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="true" frameborder="0" height="607" scrolling="no" src="
https://www.facebook.com/plugins/post.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Fpermalink.php%3Fstory_fbid%3Dpfbid02iGeJufiBSvXJgd1eUV8rhLbPDmBZtGzG7WvQeRG2Xcox2wVZQ36yjPVSaFuTRTdil%26id%3D100050549886530&show_text=true&width=500" style="border:none;overflow:hidden" width="500"></iframe></p>
<p>ข้อคำถาม “ท่านคิดว่ารัฐธรรมนูญฉบับ คสช. 2560 มีความเป็นประชาธิปไตย หรือ เผด็จการ”</p>
<p>ผลการวิจัยพบว่า</p>
<p>1. ผู้ที่เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับ คสช. 2560 มีความเป็นประชาธิปไตย ร้อยละ 12.96 ส่วนผู้ที่เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับ คสช. 2560 เป็นเผด็จการ ร้อยละ 56.80 ผู้ไม่แสดงความเห็น ร้อยละ 30.24</p>
<p>ผู้ที่เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับ คสช. 2560 มีความเป็นประชาธิปไตย นั้นสอดคล้องกับผู้ที่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหาร คสช. 2557 ที่มีร้อยละ 11.78</p>
<p>ส่วนผู้ที่เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับ คสช. 2560 เป็นเผด็จการ นั้นสอดคล้องกับผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหาร คสช. 2557 ที่มีร้อยละ 63.45</p>
<p>2. พิจารณารายภาคที่เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับ คสช. 2560 เป็นเผด็จการ ภาคเหนือ ร้อยละ 62.71 ภาคอีสาน ร้อยละ 61.32 ภาคกลางและกรุงเทพ ร้อยละ 60.10 ทั้งสามภาคมีระดับทัศนคติต่อความเป็นเผด็จการของรัฐธรรมนูญ คสช. ใกล้เคียงกัน ยกเว้นภาคใต้ที่มีเพียงร้อยละ 47.78</p>
<p>ภาคใต้จึงเป็นภาคที่มีผู้เห็นว่ารัฐธรรมนูญ คสช. 2560 เป็นประชาธิปไตยสูงกว่าภาคอื่นๆ คือมีร้อยละ 18.33 ขณะที่ภาคอื่นๆ มีร้อยละน้อยกว่า ภาคกลางและกรุงเทพ ร้อยละ 11.57 ภาคเหนือ ร้อยละ 10.62 ภาคอีสานน้อยที่สุด ร้อยละ 7.55</p>
<p>บทวิเคราะห์ของผู้วิจัย กรณีนี้แสดงให้เห็นว่า ภาคใต้มีผู้ที่มีทัศนคติด้านอนุรักษนิยมและอำนาจนิยมทางการเมืองสูงกว่าภาคอื่นๆ</p>
<p>3. ผู้ที่เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับ คสช. 2560 เป็นเผด็จการ คำอธิบายที่สำคัญคือ การมี ส.ว. 250 คนที่ คสช. แต่งตั้ง มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีได้, รัฐธรรมนูญนี้เกิดจากการยึดอำนาจ, การทำประชามติรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นแบบเผด็จการ, องค์กรในรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรเพื่อคณะทหารแต่ทำลายพรรคการเมืองและนักการเมืองของประชาชน</p>
<p>ผู้ที่เห็นว่ารัฐธรรมนูญ คสช. 2560 เป็นประชาธิปไตย คำอธิบายที่สำคัญคือ ประเทศที่มีรัฐธรรมนูญก็ย่อมเป็นประชาธิปไตย, รัฐธรรมนูญนี้ได้ผ่านประชามติจากประชาชนมาแล้ว, ประเทศไทยยังต้องมี ส.ว. เพื่อถ่วงดุลอำนาจ ส.ส. และ ส.ว. มาจากคนหลากหลายอาชีพ ไม่ได้เป็นพวกนักกินเมืองแบบ ส.ส.</p>
<p>4. ข้อเสนอแนะของผู้วิจัย เนื่องจากวิจัยนี้เก็บแบบสอบถามในช่วงครึ่งแรกของเดือนเมษายน 2566 ซึ่งเป็นช่วงแรกของการเลือกตั้ง ทว่าหลังการเลือกตั้งผ่านมาสองเดือนครึ่งแล้ว หัวหน้าพรรคการเมืองอันดับที่หนึ่งถูกต่อต้านไม่ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อต้านจาก ส.ว. ซึ่งเป็นผลจากรัฐธรรมนูญ คสช. 2560 ในบทเฉพาะกาล มาตรา 272 ดังนั้น จากสภาพทางการเมืองดังกล่าว จึงควรมีการสำรวจทัศนคติของประชาชนทั้งประเทศต่อรัฐธรรมนูญ คสช. 2560 อีกครั้งว่าประชาชนมีทัศนคติต่อความเป็นประชาธิปไตยและเผด็จการเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ อย่างไร ซึ่งจะช่วยทำให้เข้าใจว่าสังคมไทยควรจะดำเนินการอย่างไรกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้</p>
<p>ข้อมูลพื้นฐาน</p>
<p>งานวิจัยทัศนคติของประชาชนต่อการเลือกตั้งและสังคมการเมืองไทย 2566 มีผู้ตอบแบบสอบถามรวม 4,588 คน เก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 6-17 เมษายน 2566</p>
<p>เพศของผู้ตอบแบบสอบถาม : หญิง 2,439 คน (53.16%) ชาย 2,023 คน (44.09%) เพศหลากหลาย 126 คน (2.75%)</p>
<p>อายุของผู้ตอบแบบสอบถาม Gen Z (18-26 ปี) 1,915 คน (41.74%) Gen Y (27-44 ปี) 1,016 คน (22.10%) Gen X (44-58 ปี) 1,046 คน (22.80%) Gen Baby Boomer ขึ้นไป (59 ปีขึ้นไป) 613 คน (13.36%)</p>
<p>การศึกษาของผู้ตอบแบบสอบถาม ประถมศึกษาหรือต่ำกว่า 492 คน (10.72%) มัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า 971 คน (21.16%) อนุปริญญาหรือเทียบเท่า 542 คน (11.82%) ปริญญาตรีหรือเทียบเท่า 2,210 คน (48.17%) สูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า 373 คน (8.13%)</p>
<p>อาชีพหลักของผู้ตอบแบบสอบถาม: นักเรียนนักศึกษา 1,529 คน (33.33%) เกษตรกร 456 คน (9.94%) พนักงานเอกชน 431คน (9.39%) รับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน 471 คน (10.27%) เจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ 602 คน (13.12%) ข้าราชการ/พนักงานของรัฐ/รัฐวิสาหกิจ 600 คน (13.08%) พ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน 329 คน (7.17%) อื่นๆ 170 คน (3.70%)</p>
<p>รายได้ต่อเดือนของผู้ตอบแบบสอบถาม: ไม่มีรายได้ 939 คน (20.47%) รายได้ไม่เกิน 10,000 บาท 1,141 คน (24.87%) รายได้ 10,001-20,000 บาท 1,170 คน (25.50%) รายได้ 20,001-30,000 บาท 620 คน (13.51%) รายได้ 30,001- 40,000 บาท 302 คน (6.58%) รายได้ 40,001 บาทขึ้นไป 416 คน (9.07%)</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข่
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2023/08/105308