หัวข้อ: เพราะเหตุแห่งจิตผ่องใส......{สนทนาธรรม} เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 01 พฤษภาคม 2554 11:14:17 (http://seesod.com/storage36/ucXyM1pT2Q1304167888/l.jpg) http://www.archive.org/download/pray_music/PMs640013.MP3 (http://uyfz9q.bay.livefilestore.com/y1puwwLyY1hQGevKbPEFyCjgBoQn3NSNeo-y8gjotl_lxJ--glH5i3PgMx-t56j5hxrXEdhp0j_jvxReSFv7ti_moNX3z_jaCAr/hyooneunhye.gif?psid=1) ตอน เพล เพล เปิด NET เข้า Sookjai POST บรรลัยเพราะ{กลุ้มใจ}กระไรหนา ยิ่งกลุ้มใจก็ยิ่ง POST เรื่องราวต่าง ต่าง นานา ก็เพราะว่าไม่มีเงินไปงานศพ{หมดงบ}......เอย พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงตรัสว่า.................. ดูก่อนภิกษุทั้งหลายเราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้ข้อหนึ่งซึ่งเป็นเหตุให้อกุศล ธรรมที่ยังไม่เกิดเกิดขึ้นหรืออกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญ ไพบูลย์ยิ่งคือเกิดมากขึ้นเหมือนกับ{มิจฉาทิฏฐิ}นี้เลยดูก่อนภิกษุทั้งหลายเมื่อ บุคคลเป็นผู้มีความเห็นผิด{อกุศลธรรม}ที่ยังไม่เกิดย่อมเกิดขึ้นและอกุศลธรรมที่ เกิดขึ้นแล้วย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญ{ไพบูลย์ยิ่ง} จาก พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต ท่านพระโสดาบันบุคคลนั้นท่านดับความเห็นผิด ที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตนแล้ว ท่านจะไม่มีการกระทำอกุศลกรรมที่จะเป็นเหตุให้ท่านไปสู่อบายได้ อีกตราบใดที่ยังไม่ได้ดับทิฏฐิความเห็นผิดซึ่งพระโสดาบันดับได้แล้วนั้นก็ยังหนีไม่ พ้นอบายภูมิไปได้ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นเมื่อใดเท่านั้นเองเพราะเหตุว่าผู้ที่ยังมีอนุสัย กิเลสอยู่ ผู้นั้นจะไม่กระทำอกุศลกรรมเลยหรือก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เมื่อไรที่ความ เห็นผิดมีกำลังขึ้นถึงการก้าวล่วง{กรรมบถ}ยังเป็นผู้มีภัยยังไม่พ้น{อบายภูมิ}ประตู อบายภูมิก็เปิดรอรับอยู่ผู้ที่มีความเห็นผิดย่อมประพฤติปฏิบัติผิดยิ่งเป็นผู้ที่มีความ เห็นผิดขั้น{นิยตมิจฉาทิฏฐิ}แล้วยิ่งจมดิ่งอยู่ในสังสารวัฏฏ์เป็นตอของ{วัฏฏะ}หนทางที่ จะดับความเห็นผิดก็คือ การอบรมเจริญปัญญา การฟังพระธรรมการศึกษาพระธรรมที่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงด้วยความละเอียดรอบครอบให้เกิดความเข้าใจถูก ความเห็นถูกในลักษณะสภาพธรรมตรงตามความเป็นจริง {ฟังพระธรรมให้เข้าใจ}ก็จะปลอดภัยที่สุด................... พระสุตตันตปิฎก เอกนิบาต ทุกนิบาต เล่ม 1 ภาค 2 -> หน้าที่ 182 ....................เพราะเหตุแห่งจิตผ่องใส.................. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากำหนดรู้จิตของบุคคลบางคนในโลกนี้ผู้มีจิตผ่องใส ด้วยจิตอย่างนี้แล้ว ถ้าในสมัยนี้บุคคลนี้พึงทำกาละไซร้ เขาพึงเกิดในสวรรค์ เหมือนเชิญมาไว้ฉะนั้น ข้อนั้นเพราะเหตุไรเพราะจิตของเขาผ่องใส ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะเหตุแห่งจิตผ่องใสแล .................จงอย่าท้อถอย.............. วันนี้มีผู้มาใหม่ท่านหนึ่งมาฟังพระธรรมที่มูลนิธิท่านบอกว่า{พระธรรม}นั้นยากจริง ๆ ได้มาฟังท่านอาจารย์บรรยายเป็นเหตุเป็นผลใช้คำที่ฟังง่าย - ฟังแล้วพอที่จะเข้าใจได้ บ้างนิด ๆ หน่อย ๆเท่านั้นแต่พอถึงช่วงสนทนาเรื่องปัจจัยแล้วก็รู้สึกว่าฟังไม่ค่อยเข้าใจ ยากจริง ๆ ข้าพเจ้าได้ให้กำลังใจแก่เขาว่าพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรง ตรัสรู้นั้นเป็นสิ่งที่ละเอียด{ลึกซึ้ง}รู้ตามได้ยากจริง ๆ การที่เขาบอกว่ายาก ก็ถูกต้องแล้ว เป็นการสรรเสริญถึงพระปัญญาของพระพุทธองค์กว่าที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจะ ได้ตรัสรู้ความจริงทรงบำเพ็ญบารมีถึง 4 อสงไขยแสนกัปป์แล้วเราจะฟังพระธรรมให้ เข้าใจได้โดยง่าย และเร็วก็เป็นสิ่งที่เป็นไปได้อย่างไรควรที่จะสะสมความเข้าใจทีละ น้อย ๆ เพราะความเข้าใจเป็นอริยทรัพย์ติดตามไปสู่ภพชาติหน้าได้ ช่วงท้ายของการสนทนาการปฏิบัติธรรม ท่านอาจารย์สุจินต์ ได้บรรยายถึงกว่าที่ ปัญญาจะประจักษ์ในสภาพธรรมได้นั้น ก็ต้องมีปัญญาขั้นรู้ชัดในสภาพธรรมก่อนและ กว่าที่ปัญญาจะรู้ชัดในสภาพธรรมก็ต้องมีปัญญาที่ค่อย ๆ รู้สภาพธรรมและกว่าที่ปัญญา จะค่อยๆ รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงได้ก็ต้องมีปัญญาขั้นการฟังพิจารณาให้เข้าใจ ถูกในสภาพธรรมที่มีจริงที่กำลังปรากฏซึ่งเป็นหนทางที่ยาวไกลมากคุณลุง นิภัทร ได้กล่าวว่า ฟังแล้วอย่าท้อ{ท้อ}เป็นกิเลสเป็นถีนะ เป็นนิวรณ์--->อกุศลธรรม เมื่อได้พบหนทางที่ถูกต้อง แม้หนทางจะยาวไกลสักแค่ไหนอดทนไม่หวั่นไหวที่ จะฟังให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ เพราะความเข้าใจที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจะเป็นสังขาร ขันธ์ปรุงแต่งเป็นปัจจัยให้ สักวันหนึ่งปัญญาสามารถที่จะประจักษ์แจ้งในลักษณะสภาพ ธรรมที่กำลังปรากฏตามปกติตามความเป็นจริงได้ กว่าจะถึงวันนั้น{อย่าท้อ}......................... สนทนาธรรมที่มูลนิธิบ้านธรรมมะ ฝั่งธนบุรี บรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ http://www.facebook.com/itsariyathanakorn (http://www.facebook.com/itsariyathanakorn) http://twitter.com/sok45 (http://twitter.com/sok45) http://forums.212cafe.com/boxser/ (http://forums.212cafe.com/boxser/) {สัพพะธานัง ธัมมะทานัง ชินาติ} การให้ธรรมเป็นทานชนะการให้ทั้งปวงผู้ปฏิบัติธรรมย่อมอยู่เย็นเป็นสุขทั้งในโลกนี้และใน โลกหน้าด้วยการมี ศีล สมาธิ ปัญญา คือ การงดเว้นไม่กระทำความชั่วทั้งปวงประพฤติแต่ความดีทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว จะบังเกิดความสุขอันแท้จริงที่สุขสงบ ผู้ประพฤติ ปฏิบัติธรรมเท่านั้นจึงจะหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ และการเคารพรัก ดูแลบิดามารดา หรือผู้มีพระคุณ ของตนให้เป็นสุข เป็นมงคลอันสูงสุด เทวดาจะปกปัก รักษาปกป้องคุ้มครองให้ท่านปราศจากโรคาพยาธิ มีความเจริญทั้งแก่ตนเองและผู้ที่อยู่รอบข้างอันจะมีผลให้ท่าน กินก็เป็นสุข หลับก็เป็นสุข ตื่นก็เป็นสุข และเมื่อท่านสิ้นอายุขัยจากโลกนี้แล้วท่านก็จะมีแต่ความสุขในเบื้องหน้า ผลบุญที่ข้าพเจ้าได้ทำไม่ว่าในวันใด ๆ ขอส่งผลให้กับเจ้า กรรมนายเวรของคุณพ่อ - คุณแม่และญาติพี่น้องพร้อมทั้งตัวข้าพเจ้า รวมถึงได้รับบุญกุศลในการที่ ข้าพเจ้าได้เผยแพร่พระธรรม ขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนี้ให้กับญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว มีปู่ย่าตา ยายทั้งหลายได้มารับผลบุญนี้ด้วย หากผลบุญที่ข้าพเจ้าส่งไปไม่ถึงญาติข้าพเจ้าอาจอยู่ในที่ ๆ ไม่พร้อมที่จะรับบุญนี้ ข้าพเจ้าขอมอบบุญกุศลนี้ให้กับพยายมราชและขอฝากผลบุญไว้กับพยายมราชช่วยนำ ส่งให้กับญาติของข้าพเจ้าต่อไปด้วยเทอญ ......................................มัชฌิมประภาสปุญสถาน......................... ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำนี้จงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนสรรพชีวิตทั้งหลายให้ได้บำเพ็ญอนุตรวิถี กลับจิตแปรใจ ได้คืนจิตเดิม มีความสงบเย็นใจกาย ปราศจากเสียซึ่งสรรพกำทุกข์ ปลอดพ้นจากภัยเวร สงครามข้าวยาก ด้วยเดชะบุญนี้ จงช่วยค้ำชูบิดา - มารดา ครูบาอาจารย์ - ผู้มีพระคุณ ญาติสนิท - มิตรรัก ศัตรูหมู่มาร สรรพเจ้ากรรมนายเวร เทวาทุกชั้นฟ้า อารักษ์ทั่วชั้นดิน เหล่าภูติ นาคา - นาคี เหล่าวิญญา - หมู่เปรต - อสูรกายเหล่าสัตว์ใด ๆ จงเป็นผู้ได้รับอานิสงค์เดชะแห่งผลบุญนี้ท่วนทั่วทุกคนเทอญ...................... น้ำ........ใจคนล้นค่ากว่าสิ่งไหน ใส........กระจ่างสว่างไกลประดุจแสง ใจ........มนุษย์ผ่องผุดพิสุทธิแจ้ง จริง.......เท็จไซร้แจ่มแจ้งแยกชั่วดี มงคล.....ธรรมบำเพ็ญเห็นประจักษ์ ธรรม......ปฏิบัติเป็นหลักมั่นไม่ผันหนี อภัย.......เถิดชั่ว - ช้าประดามี บาป........กลับดีด้วยมีใจสำนึกตน |