[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
14 พฤษภาคม 2567 18:40:13 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: รถโดยสารคันนี้ สุดสายที่พระนิพพาน…เรื่องดีๆ ของคนขับรถหัวใจเปี่ยมธรรมะ  (อ่าน 909 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออนไลน์ ออนไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5081


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 50.0.2661.272 Chrome 50.0.2661.272


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 26 สิงหาคม 2559 22:05:38 »




รถโดยสารคันนี้ สุดสายที่พระนิพพาน…เรื่องดีๆ ของคนขับรถหัวใจเปี่ยมธรรมะ

“คนดีอยู่ที่ใดก็ย่อมได้ดี” เป็นคำกล่าวที่เป็นจริงทุกยุคทุกสมัยเพราะไม่ว่าคุณจะเป็นใครประกอบอาชีพใด มีฐานะร่ำรวย หรือยากจนสักเพียงไหน  ขอรับรองว่า หากคุณเป็นคนดี สักวันคุณต้องได้ดีอย่างแน่นอน เฉกเช่นเดียวกับสองหนุ่มสองสไตล์ที่จะนำเสนอต่อไปนี้ แม้ทั้งคู่จะต่างกันแทบทุกประการ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ หัวใจของผู้ให้บริการบนรถโดยสารที่เปี่ยมไปด้วยธรรมะ

ผู้ที่เดินทางสัญจรบริเวณถนนจรัญสนิทวงศ์ซอย 37 ต่อเนื่องไปถึงวัดทอง เขตตลิ่งชัน คงจะคุ้นเคยกับรถสองแถวสีเขียวที่มีสภาพใหม่หมดจด แลดูสะอาดสะอ้าน พร้อมคนขับรถที่แต่งกายสุภาพ และหากคุณได้นั่งรถคันนี้ด้วยแล้วละก็คุณจะได้พบบทความธรรมะขนาดหนึ่งหน้ากระดาษ A4 ติดอยู่ใกล้ๆ ที่นั่งผู้โดยสาร เป็นบทความที่อ่านเข้าใจง่าย ได้ข้อคิดเตือนสติในการดำรงชีวิตไม่แพ้หนังสือธรรมะเล่มใหญ่เลยทีเดียว

เจ้าของบทความที่ติดอยู่ในรถทั้งหมดคือ คุณฉัตรไชย ภู่อารีย์ เจ้าของรถสองแถวสาย แม็คโครจรัญ – วัดทอง เมื่อสอบถามถึงที่มาของการติดบทความธรรมะบนรถ คุณฉัตรไชยก็เล่าให้ฟังว่า

“เดิมทีอู่ของเรามักจะรวบรวมเงินทำบุญเพื่อเป็นทุนการศึกษาและเป็นค่าอาหารกลางวันให้กับเด็กนักเรียนในแถบนี้ ต่อมาผมเกิดความคิดว่า นอกจากช่วยเหลือเด็กๆ แล้ว เราน่าจะหาโอกาสช่วยเหลือสังคม โดยเริ่มจากผู้โดยสารของเราเองนี่แหละ และสิ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาสังคมได้ดีที่สุดก็คือ ‘ธรรมะ’ ดังนั้นผมจึงเริ่มเขียนบทความธรรมะ สัปดาห์ละหนึ่งหน้ากระดาษ A4 แล้วนำไปแปะไว้ใกล้ที่นั่งผู้โดยสาร”

บทความธรรมะทุกชิ้นที่คุณฉัตรไชยเขียน เกิดจากความตั้งใจในการศึกษาหาความรู้ทางธรรมอย่างขะมักเขม้น

“ผมมักจะใช้เวลาว่างไปกับการอ่านหนังสือธรรมะหลายๆ เล่ม แล้วนำมาเรียบเรียงเขียนขึ้นใหม่ โดยเขียนสรุปให้อ่านเข้าใจง่าย สั้นกะทัดรัด ผู้โดยสารอ่านแล้วสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งแต่ละบทความที่เขียน ผมจะเลือกเขียนในประเด็นที่กำลังเป็นปัญหาในสังคมปัจจุบัน รวมถึงเขียนเรื่องที่เกิดประโยชน์ต่อสังคมด้วย”

นอกเหนือจากมอบบทความธรรมะเป็นของขวัญแก่ผู้โดยสารแล้ว เขายังห่วงใยในความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นหลักอีกด้วย

“รถทุกคันของเราติดระบบ GPRS ในการตรวจวัดความเร็วของรถ ซึ่งพนักงานขับรถทุกคนจะขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร อีกทั้งผมยังอบรมพนักงานทุกคนให้มีความสุภาพและให้เกียรติผู้โดยสารด้วย”

แม้ผู้โดยสารจะเป็นบุคคลที่รถสองแถวสายนี้ให้ความสำคัญแต่พนักงานเองก็ได้รับความสำคัญและความเมตตาจากเจ้าของอู่ไม่แตกต่างกัน

“พนักงานขับรถส่วนใหญ่มีการศึกษาน้อยและมีฐานะค่อนข้างยากจน ผมจึงพยายามให้ความรู้ให้การศึกษาแก่พวกเขาเท่าที่ผมจะทำได้โดยการจัดฝึกอบรมในรายวิชาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน อาทิ วิชาเทคนิค การให้บริการ การบริหารจัดการการเดินรถโดยสาร การซ่อมบำรุงรถรวมทั้งวิชาพุทธวิธีคลายเครียด ซึ่งแทบทุกวิชาจะมีหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าผนวกอยู่ด้วย เพื่อให้พนักงานได้มีโอกาสเรียนรู้เทคนิคในการทำงานควบคู่ไปกับการศึกษาธรรมะ ซึ่งการจัดอบรมนี้เป็นความรู้ที่จะติดตัวพนักงานขับรถไปตลอดชีวิต แม้วันข้างหน้าเขาอาจจะออกไปประกอบอาชีพอื่นก็ตาม”



ในขณะที่อีกฟากหนึ่งในเขต บางบัวทองจังหวัดนนทบุรี ก็มีพนักงานขับรถโดยสาร ขสมก. สาย 134 ท่านหนึ่งที่ชื่อว่านายสุเทพ เอี่ยมอัมพร พนักงานตำแหน่งเล็กๆ ผู้ซึ่งพยายามส่งต่อความปรารถนาดีผ่านหนังสือธรรมะให้กับผู้โดยสารของตนเช่นกัน

“ผมชอบเข้าวัดทำบุญทำทานเป็นประจำ เวลาไปทำบุญพระท่านจะมอบหนังสือธรรมะมาให้อ่านเสมอ ผมจึงมักนำติดมือมาฝากเพื่อนๆ และหัวหน้างานให้ได้อ่านกันหมดทุกคนแต่หนังสือธรรมะก็ยังมีเหลืออยู่อีกมาก ผมจึงคิดว่า น่าจะดีไม่น้อยหากนำหนังสือธรรมะเหล่านี้แบ่งปันให้ผู้โดยสารได้อ่านด้วย”

แม้จะไม่แน่ใจว่าหัวหน้างานและผู้โดยสารจะชอบใจหรือไม่ที่เห็นหนังสือธรรมะถูกผูกติดไว้กับที่นั่งผู้โดยสาร แต่คุณสุเทพก็ตัดสินใจขับรถออกจากอู่พร้อมหนังสือธรรมะที่ห้อยต่องแต่งใกล้ที่นั่งผู้โดยสาร โดยเขาไม่ทันนึกว่าผลตอบรับจะกลับคืนมาถึงเขาเร็วเกินคาด

“ครั้งแรกที่ขับรถออกมาพร้อมหนังสือธรรมะ มีคุณยายท่านหนึ่งเป็นผู้โดยสารขาประจำนั่งมาด้วยพอใกล้จะถึงจุดหมาย คุณยายเดินมาบอกกับผมว่า รถเมล์คันนี้ดีมากเลย มีหนังสือธรรมะให้ยายอ่านด้วยน่าจะมีแบบนี้มาตั้งนานแล้วนะ คำพูดคำนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีกำลังใจและจำได้จนถึงทุกวันนี้ แม้เวลาจะผ่านมานานถึงสองปีแล้วก็ตาม” คุณสุเทพกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

นอกเหนือจากกำลังใจจากคุณยายแล้ว ยังมีผู้โดยสารอีกหลายท่านผลัดกันมามอบกำลังใจ พร้อมทั้งกล่าวชมเชยคุณสุเทพไม่ขาดปาก

“หลังจากวันนั้นก็มีผู้โดยสารอีกหลายคนเดินเข้ามาให้กำลังใจผมแม้ในเวลานั้นผมจะกำลังขับรถอยู่ก็ตาม เช่น มีผู้ชายคนหนึ่งเดินจู่โจมตรงเข้ามาหาผม ตอนแรกผมตกใจมากนึกว่าเขาจะเข้ามาทำร้าย แต่ปรากฏว่าเขาเดินเข้ามาขอบคุณ พร้อมทั้งขอหนังสือธรรมะเล่มนั้นกลับบ้านไปด้วย ซึ่งผมก็มอบให้เขาไปด้วยความยินดี”

คุณสุเทพให้หนังสือธรรมะกับผู้โดยสารทุกท่านที่เข้ามาขอแม้จะทราบดีว่าหนังสือธรรมะเหล่านี้มีไม่มากพอกับความต้องการของทุกคนก็ตาม

“ผมยินดีและมีความสุขมากทุกครั้งที่มีคนมาขอรับหนังสือธรรมะ แม้ช่วงแรกผมจะค่อนข้างกังวลเพราะหนังสือธรรมะเริ่มมีไม่พอให้ผู้โดยสารท่านอื่นอ่าน แต่เมื่อผมกลับมาคิดอีกทีก็รู้สึกปล่อยวาง และดีใจที่มีคนอยากเอากลับไปอ่านที่บ้านให้ครอบครัวหรือญาติพี่น้องของเขาได้อ่านด้วย เป็นการส่งต่อความสุขให้กว้างมากขึ้นอีกหนึ่งทาง”

นอกเหนือจากเขาจะนำหนังสือธรรมะไปแขวนไว้ในรถโดยสารที่ขับประจำแล้ว เขายังนำเรื่องราวที่น่าประทับใจจากผู้โดยสารไปบอกต่อกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ด้วย จนทุกวันนี้เพื่อนร่วมงานทุกคนยินดีและยินยอมให้คุณสุเทพนำหนังสือธรรมะไปแขวนไว้ในรถของพวกเขาด้วย

“รถเมล์สาย 134 มีทั้งหมด 15 คัน เพื่อนร่วมงานที่เป็นพนักงานประจำรถทุกคันยินดีให้ผมนำหนังสือธรรมะไปแขวนไว้ตรงหน้าที่นั่งผู้โดยสาร แต่หนังสือธรรมะของผมมีจำนวนจำกัด ทุกคนจึงช่วยกันรวบรวมเงินตามกำลังทรัพย์แล้วนำไปสั่งพิมพ์เพิ่มอีกราว 500 กว่าเล่ม เพื่อนำไปแขวนไว้บนรถสาย 134 ทุกคัน ให้ผู้โดยสารทุกคนได้มีโอกาสอ่านหนังสือธรรมะโดยทั่วถึงกัน”

แม้ระยะเวลาในการประกอบอาชีพพนักงานขับรถโดยสารของคุณสุเทพ เอี่ยมอัมพร จะล่วงมา 15 ปีแล้วแต่คุณสุเทพก็ยังมีความสุขในทุกวันที่เขาทำงาน ไม่มีวี่แววของความเหน็ดเหนื่อยย่อท้อ

“ผมมีความสุขในทุกวันที่ผมทำงาน ส่วนหนึ่งมาจากการที่ผมได้มีโอกาสส่งมอบความสุขผ่านหนังสือธรรมะให้ผู้โดยสารของผม ผมเชื่อมั่นว่า ทุกคนมีโอกาสในการทำความดีได้เหมือนกัน แม้ลักษณะของอาชีพหรือฐานะของเราจะต่างกัน”

      สองหนุ่มสองเรื่องราวในฉบับนี้เป็นอีกบทพิสูจน์หนึ่งที่ตอกย้ำนัยอันล้ำลึกของคำกล่าวที่ว่า “คนดีอยู่ที่ใดก็ย่อมได้ดี” 
 

เรื่อง ชลธิชา แสงใสแก้ว/ภาพ สรยุทธ พุ่มภักดี

จาก http://www.secret-thai.com/article/4794/car-nippana/

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
‘เรื่องดีๆ’ ที่ผืนป่าห้วยขาแข้ง
สุขใจ จิบกาแฟ
Kimleng 0 1307 กระทู้ล่าสุด 12 กุมภาพันธ์ 2559 16:33:18
โดย Kimleng
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.329 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 28 มีนาคม 2567 02:58:06