[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => เกร็ดศาสนา => ข้อความที่เริ่มโดย: Maintenence ที่ 12 สิงหาคม 2562 11:52:10



หัวข้อ: 'อานิสงส์จากการทำบุญกับพระอริยเจ้า' : พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
เริ่มหัวข้อโดย: Maintenence ที่ 12 สิงหาคม 2562 11:52:10

(https://static.naewna.com/uploads/news/source/383012.jpg)

'อานิสงส์จากการทำบุญกับพระอริยเจ้า'
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร จังหวัดชลบุรี


อย่าไปคิดว่าทำบุญกับพระอริยเจ้าแล้ว ตัวเองจะได้บุญมาก ถ้าใส่บาตรอย่างเดียวกับพระที่เป็นพระอริยเจ้ากับพระที่ไม่ใช่พระอริยเจ้าอานิสงส์ก็เท่ากัน ถ้าไม่ฟังเทศน์ฟังธรรม ถ้าฟังเทศน์ฟังธรรมจะไม่เท่ากันจะต่างกัน ฟังธรรมจากพระอริยเจ้า กับฟังธรรมจากปุถุชนนี้ มันไม่เหมือนกัน ความรู้ที่ได้รับนี้จะไม่เหมือนกัน สุตมยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากการได้ยินได้ฟังนี้จะไม่เหมือนกัน ฟังธรรมจากพระอริยเจ้าท่านก็จะสอนเรื่องมรรคเรื่องอริยสัจ ฟังธรรมจากปุถุชนนี้ท่านก็จะไม่สอนเรื่องอริยมรรค อริยสัจ ๔ เพราะท่านยังไม่มีดวงตาเห็นธรรมเหล่านี้นั่นเอง ท่านก็ไม่สามารถสอนให้เราได้

ดังนั้น การทำบุญกับพระอริยเจ้านั้น ไม่ได้หมายถึงเพียงแต่การทำทาน เพียงอย่างเดียว หมายถึงการฟังเทศน์ฟังธรรมแล้วนำเอาคำสอนของท่าน ไปปฏิบัติแล้วก็จะได้รับอานิสงส์ จากการได้ทำบุญทำทานฟังเทศน์ฟังธรรมจากพระอริยเจ้า เพราะถ้าปฏิบัติได้ก็จะบรรลุธรรมที่ท่านแสดงไว้ได้
 
ถ้าเป็นธรรมขั้นโสดาบันก็จะได้ขั้นโสดาบัน ธรรมขั้นสกิทาคามีก็จะได้ธรรมขั้นสกิทาคามี ขั้นอนาคามีก็จะได้ธรรมขั้นอนาคามี ธรรมขั้นพระอรหันต์ก็จะได้ธรรมขั้นพระอรหันต์ แต่บุคคลแต่ละระดับนี้ ไม่สามารถแสดงธรรมเหนือภูมิของท่านได้ เหมือนอาจารย์ระดับปริญญาตรีนี้ จะไปสอนนักศึกษาระดับปริญญาโทไม่ได้ นักศึกษาระดับปริญญาโทนี้ต้องเป็นอาจารย์ระดับปริญญาเอก ปริญญาโทถึงจะสอนได้ ฉันใดก็ฉันนั้น

อันนี้คือวิธีทำทานเวลาที่เราไม่สามารถทำกับพระอริยเจ้าได้ เพราะเราไม่ได้อยู่ใกล้หรือเราไม่มีเวลาไป เราก็ทำแบบนี้ก็ได้ คือเอาเงินที่เราจะทำทานนี้แยกไว้ อย่าไปปะปนกับเงินส่วนอื่น และเมื่อแยกไว้แล้วก็ต้องเด็ดขาดไม่ไปขอยืมมาใช้ทีหลัง คือถือว่าไม่ใช่เป็นเงินของเราแล้ว ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวจะโกหกตัวเอง เดี๋ยวพอเงินขาดหน่อยก็จะมาขอยืมเงินทำบุญไปใช้หน่อย แล้วยืมแล้วบางทีก็ไม่ใช้ เพราะไม่มีเงินจะใช้ถึงต้องมายืม คนที่ยืมเงินคนถึงมักจะไม่มีเงินมาใช้เขา นอกจากต้องมีหลักทรัพย์ประกันไว้เท่านั้น เขาถึงจะเอาเงินที่เขายืมไปมาคืน ถ้ายืมเงินโดยไม่มีหลักทรัพย์นี้ ส่วนใหญ่แล้วไม่มีคืน ไม่เชื่อลองไปที่ธนาคารดู ไปยืมเงินที่ธนาคารนี้ถ้าไม่มีหลักทรัพย์เขาไม่ให้ยืมหรอก ถ้าเขาให้ยืมธนาคารก็เจ๊ง เปิดได้ไม่กี่เดือนก็เจ๊ง มีเงินเท่าไหร่ก็หมด ถ้าใครอยากจะยืมเงินก็เอาไป ไม่ต้องมีหลักทรัพย์มาค้ำประกัน

ดังนั้น เวลาทำบุญแบบนี้เราต้องระวังว่าอย่าไปกลับกลอก เงินที่เราทำแล้วต้องถือว่าไม่ใช่เงินของเราแล้ว เป็นเงินของการทำบุญ ทำทานแล้ว เราถึงจะได้บุญ และที่ให้ทำทุกวันมันถึงจะติดเป็นนิสัย ถ้าเราไม่ทำ หรือนานๆ ทำทีนี้มันทำยาก และพอถึงเวลาที่จะต้องทำก็มีข้ออ้างต่างๆ นานาขึ้นมา ตอนต้นก็กะจะทำก้อนใหญ่เบ้อเริ่ม พอถึงเวลาจะทำก็เหลือนิดเดียว แต่ถ้าเราทำทุกวันๆ อย่างนี้ไป พอถึงเวลาไปวัดก็มีเงินก้อนใหญ่ไปทำบุญได้มาก

นี่ก็คือเรื่องของการทำบุญ ส่วนประโยชน์ของผู้ให้ สมมุติว่าเราต้องทำบุญ แต่ในโลกนี้ไม่มีพระอริยเจ้าแล้ว ไม่มีคนดีแล้วเหลือแต่สัตว์เดรัจฉาน ไปปล่อยนักปล่อยปลาอย่างนี้ก็ได้บุญเหมือนกัน บุญนี้เป็นบุญที่เรียกว่า ความอิ่มใจสุขใจ ไม่ใช่บุญที่เกิดจากการฟังเทศน์ฟังธรรม บุญที่เกิดจากการปฏิบัติธรรม

แต่บุญที่เกิดจากการเสียสละแบ่งปันข้าวของเงินทองที่เรามีอยู่ เราเห็นคนนั้นคนนี้ สัตว์ตัวนั้นตัวนี้เดือดร้อนสงสาร อยากจะบรรเทาความทุกข์ให้กับเขา เราก็ช่วยเหลือเขา เช่นเขาขาดแคลนปัจจัยสี่ก็ซื้อปัจจัยสี่มาให้เขา เช่นเวลามีภัยทางธรรมชาติ อุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย คนไม่มีที่อยู่ อาศัย ไม่มีอาหาร เราก็ช่วยกันบริจาคทรัพย์เพื่อไปซื้อปัจจัยสี่ไปช่วยเหลือกัน ถ้าเราทำโดยที่ใจสะอาดบริสุทธิ์ ไม่ต้องการสิ่งตอบแทนผลตอบแทนจากผู้รับ เราก็จะได้ความสุขใจมาก ได้บุญมาก

แต่ถ้าเราทำแล้วเรามีความอยากได้สิ่งตอบแทนจากผู้รับ ความอิ่มใจสุขใจก็จะน้อยหรือไม่มีเลย เช่นเราทำกับคนนี้เพื่อเราหวังให้เขาทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ให้กับเรา แล้วพอทำให้เขาแล้ว เขาไม่ทำให้เรา เราก็จะเสียใจ แทนที่จะมีความสุขใจเราก็เสียใจก็อาจจะเกิดความโกรธขึ้นมาก็ได้ ทำบุญแทนที่จะได้บุญกลับได้กิเลสได้ความโกรธ ได้โทสะขึ้นมา ถ้าทำด้วยใจที่ไม่บริสุทธิ์ แต่ถ้าทำด้วยใจที่บริสุทธิ์ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนจากเขา เห็นว่าเขาเดือดร้อนก็ช่วยเหลือเขาไป

แต่เขาจะตอบแทนเราด้วยอะไรหรือไม่นี้ เราจะไม่ได้สนใจ เขาจะขอบใจเราหรือเขาจะสำนึกในบุญคุณของเรา หรือไม่เราไม่สนใจ หรือแม้แต่เขาจะมาแว้งกัดเรา เราก็ไม่ถือสา เพราะเราไม่ได้ทำเพื่อหวังอะไรจากเขา เราหวังเพราะเห็นคนเดินหกล้มแล้วลุกขึ้นมาเองไม่ได้ เราก็ช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้นมาเดินได้ พอเขาเดินไปได้แล้วเราก็สบายใจสุขใจที่เราได้ช่วยเหลือคน เช่นบางทีเราเห็นคนแก่ คนชรา คนพิการตามท้องถนนหรือตามสถานที่สาธารณะ ที่บางครั้งเขาไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ เราไปช่วยเขาอย่างนี้ เราก็ไม่หวังอะไรเป็นสิ่งตอบแทน ทำด้วยน้ำใจ ถ้าทำด้วยน้ำใจนี้จะได้ความสุขใจมาก

ถ้าทำโดยที่มีหวังผลตอบแทนนี้จะไม่ได้ความสุขใจ ถ้าไม่ได้สิ่งที่ตัวเองปรารถนา ถ้าทำเพื่อหวังผลตอบแทนนี้ เราจึงไม่เรียกว่าเป็นการทำบุญ ทำทาน จะเรียกว่าเป็นการซื้อขาย แลกเปลี่ยน เหมือนกับเราเอาเงินไปที่ร้านขายของ แล้วเราให้เงินเขาแล้วเขาก็ให้ของเรามา อันนี้ไม่ได้เป็นการทำบุญทั้งสองฝ่าย เขาก็ไม่ได้ทำบุญ เราก็ไม่ได้ทำบุญ ทั้งๆ ที่เป็นการให้เหมือนกัน เราก็ให้เงินเขาเขาก็ให้ของเรา แต่มีเงื่อนไขว่าเขาต้องได้เงินก่อน เขาถึงจะให้ของเรา


**ธรรมะบนเขาวันที่ 13 พฤษภาคม 2558 พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต