หัวข้อ: ปีนัง.. รังญาเซโด เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 29 กรกฎาคม 2553 04:13:58 "เขียวที่รัก" คงพอจะจำเรื่องนี้กันได้นะครับ.. แต่ในภาคนี้เอามาแอ๊บใหม่ เพราะข้อมูลที่เขียนลงไว้ในอกาลิโกหายไปพร้อมกับเว็บฯหมดแล้ว คงเหลือแต่ท่อนกลางที่ไปค้นหามาได้ ขาดหัวกะท้าย แต่ก็ไม่เสียดายครับ เพราะถือคติที่ว่า.. นิยายเป็นของนอกกาย ไม่ตายเสียก็เขียนเอาใหม่ได้.. (:Y:) ก็เลยกะว่าจะเอามาเรียบเคียงเรียงร้อยใหม่ ในชื่อใหม่.. ปีนังรังญาเซโด อย่าเพิ่งสงสัยชื่อเรื่องนะครับ ตอนนี้ขอให้เห็นสักแต่ว่าเห็นไปก่อน.. (o0!) แล้วจะมาเฉลยตอนจบ พร้อมกับความเป็นมาของ"เขียว"ด้วย เชิญติดตามอ่านได้เลยครับ.. สำหรับผู้ที่เคยอ่านมาแล้ว ขอให้อ่านใหม่อีกรอบน่อ เพื่อความปะติดปะต่อในเรื่องราว.. บริษัทเวิกพ้อยจำกัด... ไม่ให้การสนับสนุน แต่น แตน แต๊นนน... (http://lh6.ggpht.com/_crnWkgsJl0E/S55dri6hSzI/AAAAAAAAAl8/jadfe7Gthps/s512/IMG_1828.JPG) ตัดฉากมา ณ สถานที่แห่งหนึ่ง... ..ผมถูกเพื่อนดองเค็มให้นั่งคอย อยู่ประมาณยี่สิบนาที ความหิวเริ่มบีบคั้น ให้ตัดสินใจโทรไปอีกที คราวนี้ได้ผลดีเกินคาด เพราะแค่เรียกหมายเลขขึ้นมายังไม่ทันจะกดปุ่มโทรออก ก็มีเสียงเรียกเข้า ของหมายเลขที่กำลังจะติดต่อ วิ่งสวนทางกลับมาพอดี ผมรีบเลื่อนนิ้วจากตำแหน่งปุ่มที่กำลังจะโทรออก มายังปุ่มรับสายด้วยความเร็วที่เรียกได้ว่า ถ้าเป็นรถ ที่วิ่งสวนทางกันด้วยความเร็วสูงบนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ คนขับแทบจะมองกันไม่ทัน ว่ารถของอีกฝ่ายหนึ่งสีอะไร "ถึงแล้ว รีบมารับด่วน แบตฯจะหมด แล้วค่อยคุยกัน" ตึ๊ด! ผมใช้ภาษาขนาดกระทัดรัด ที่เข้าใจง่าย(สำหรับคนไม่คิดมาก) ไม่ต้องเกริ่นนำ และมีคำลงท้ายให้มากความ ประโยคเดียวครอบคลุมทุกความรู้สึก แต่อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ความรู้สึกช้า.. ใช้เวลาอีกประมาณสิบห้านาทีก็ถึงร้านอาหารปักษ์ใต้สไตล์ปีนัง เป็นร้านขนาดกลาง รูปแบบทรงไทยภาคกลาง สร้างด้วยไม้ครอบปูน กวาดสายตานับดูคร่าวๆแล้ว ไม่น่าจะเกินยี่สิบโต๊ะ บรรยากาศภายในร้านโปร่งโล่ง ตกแต่งร้านด้วยภาพเขียนสีน้ำมันแนวแอ๊บสแตร๊ก ซึ่งไม่ว่าผมจะตะแคงคอทำมุมกี่องศา ทำตาเบลอๆ ดูกี่ครั้ง ก็ยังมองไม่ออกว่าเป็นภาพอะไร ริมทางเดินและมุมโต๊ะ ประดับตกแต่งด้วยเครื่องปั้นฯที่ดูคล้ายของเก่า และกระถางต้นไม้เล็กๆ เอาไว้ผลิตออกซิเจนให้ลูกค้าได้สูดหายใจไปเลี้ยงปอดกันฟรีๆ โดยไม่คิดค่าบริการ บริกรทั้งชายและหญิงหน้าตาและท่าทางคุ้นๆอยู่ในสมองส่วนรับจำ จะว่าเป็นแขกก็ไม่ใช่ เป็นไทยก็ไม่เชิง มารู้จากเพื่อนเอาทีหลัง ว่าเป็นลูกหลานเหลน ของคู่ศึกมหาสงครามในสมัยกรุงศรีอยุธยาของเรานี่เอง เมื่อดูโดยรวมแล้ว ร้านสวยนั่งสบายพอประมาณ.. ผู้จัดการร้านรู้จักกันกับเพื่อนที่พามา เป็นคนไทยเชื้อสายจีน แต่พูดแขกชัดเจนเสียจนฟังไม่ทัน เวลาพูดต้องยกมือยกไม้ ส่ายหัวด๊อกแด๊ก เหมือนอินเดียไปโน่น เคราะห์ดีไป ที่บริเวณนั้นไม่มีต้นไม้ใหญ่ ให้อาเฮียแกวิ่งวนรอบระหว่างคุยกัน ไม่อย่างนั้นเราคงต้องเดินวน ตามไปฟัง คงจะเวียนหัวน่าดู พูดคุยทักทายด้วยภาษาไทยเข้าใจกันดี แต่พอผมแกล้งอำ บอกให้เลี้ยงชุดใหญ่สักมื้อ กลับฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องขึ้นมาเสียนี่! อาหารที่นี่อร่อยใช้ได้ครับ.. ไม่บอกก็คงรู้ว่าเป็นร้านอาหารของคนไทย ที่มาเปิดสาขาทำมาหากินที่นี่ อยากให้มากินเนื้อกวางผัดพริกไทยดำสูตรไหหลำ อร่อยดีทีเดียวเชียว(เหมือนสนับสนุนให้มีการฆ่าเลยนิ) ที่นี่เขามีฟาร์มเลี้ยงกวางไว้กินเองครับ ไม่ได้สั่งมาจากยุโรปเมืองไกล ราคาจึงไม่แพงนัก เรียกได้ว่าฆ่ากินกันเอง ไม่ได้ยืมมือใครฆ่า ให้กรรมสบช่องต้องสนองหลายทอดออกไปอีก! เมนูอีกอย่างที่อยากจะแนะนำ ก็คงจะเป็นมะม่วง-มันราดกระทิสด เมนูนี้ไม่มีบาป.. ของหวานจานนี้แยกเป็นมะม่วงและก็มันนะครับ ส่วนของมะม่วงจะเป็นมะม่วงน้ำดอกไม้ลูกโต ขนาดที่ว่าเฉือนแบ่งมาแล้ว มันยังดูชิ้นใหญ่คับจาน ส่วนของมันก็คือมันทับ ปิ้งเสียบไม้ที่ขายคู่กับกล้วยทับบ้านเรานั่นล่ะครับ แต่เมนูนี้เอามันมานึ่งแทนที่จะปิ้ง ไม่ต้องมีวิธีการอะไรให้ยุ่งยาก แค่ปอกมะม่วงหั่นเป็นชิ้นโตๆ เรียงใส่จาน ใบเขื่อง วางมันนึ่งร้อนๆใกล้ๆกัน เผื่อว่ามันเหงาคิดถึงบ้าน จะได้พูดคุยปรับทุกข์กัน ก่อนที่จะโดนชำแหละตัดแบ่งไปกิน จากนั้นก็เอาหัวกระทิสดราดลงไป โรยด้วยกลีบกุหลาบสีแดงสี่ห้ากลีบ(ไม่รู้จะโรยมาให้เกะกะทำไม) แล้วก็มีกับข้าวยืนพื้น อีกสองสามอย่าง (ภาษาของบ้านผม) แปลว่าอาหารปรกติ ที่ทำกินกันเป็นประจำ ในแต่ละภาค หรือแต่ละท้องถิ่น ไม่ใช่กับข้าวที่ต้องสั่งมายืนกินกันนะครับ... คุยเสียเพลิน อาหารเดินทางมาครบ ระบบช่วยย่อยฯพร้อมทำงาน เสียงเพลงเบาๆในร้านเริ่มทำหน้าที่ขับกล่อม สัมผัสทั้ง 6 อันมี รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสกาย สัมผัสใจ พร้อมที่จะสร้างอุปปาทาน ผ่านอายตนะ วางอยู่ตรงหน้า ให้ได้ชมชิม.. กรุ๊งกริ๊งงงงง.... กรุ๊งกริ๊งงงงง !!!!! ไม่มีใครเข็นรถไอติมเข้ามาขายในร้านหรอกครับ เป็นเสียงสัญญาณเรียกเข้ามือถือของผมเอง จากการคัดเลือกเสียงเรียกเข้า จำนวนมากมายหลายสิบเสียง ก็มีเสียงนี้แหละที่เข้าวิน หน้าจอบอก ว่าเป็นเบอร์ของน้องคนสวยรวยอารมณ์ขัน ที่เพิ่งจะจากกันเมื่อสักครู่นี่เอง โปรแกรมเก็บข้อมูลในมือถือนี่ทั้งฉลาดทั้งเก่งไม่ใช่น้อยเลยนะครับ บอกแค่ครั้งเดียวก็จำได้แล้ว ว่าหมายเลขไหนเป็นของใคร ชื่อเสียงเรียงนามอะไร จำได้หมด ไม่ยักกะเหมือนผม ที่บอกสักกี่ครั้ง ก็ยังจำไม่ค่อยจะได้ ซึ่งมักจะโดนคุณครูสมัยมัธยมบ่นให้ฟังอยู่บ่อยๆ ว่าสอนเท่าไหร่ไม่รู้จักจำ.. ทำไมนะ! ผมกดปุ่มรับสาย "สวัสดีครับน้องต่าย(ชื่อของน้องเขา (สงสัยจะเกิดปีกระต่าย)) ถึงที่พัก ตึ๊ด! นาน....." ...แบตฯหมด! เพิ่งจะชมไปแหม็บๆ... ผมขอยืมโทรศัพท์ของเพื่อนโทรกลับไป เพื่อไม่ให้ฝ่ายปลายสายต้องรอนาน "Hello!..." เสียงรับสายสั้นๆ แปลว่าสวัสดี "Hi! " are you fine ? ผมถือโอกาสอำ เพราะปลายสายคงไม่คุ้นกับเบอร์นี้ "be fine yes. thank ! already you?" "I am fine. but , a little hungry. " (ภาษาอังกฤษฉบับคิดค้นเอง ไม่มีหลักและกฏเกณฑ์ตายตัว ) "you don't to come to are deceive me. I can remember your sound." ปรากฏว่าน้องเขาจับไต๋ผมได้ แสดงว่ายังอำไม่เก่งพอ สรุปว่าน้องเขาโทรมาถามว่าถึงที่พักและกินอะไรแล้วยัง และอยากชวนให้ออกมากินข้าวด้วยกันกับเพื่อนๆของเค้าอีกสองคน ผมตอบปฏิเสธไป ด้วยความเสียดายเล็กน้อย ด้วยเกรงใจเพื่อนที่ต้องกลับบ้านไปทำงานต่อ และเกรงใจกับข้าวที่สั่งมาตั้งอยู่บนโต๊ะตรงหน้าด้วย ก็เลยออกปากชวนให้แบกหรือลากเพื่อนๆของน้องเขามาทานด้วยกันเสียที่นี่ แต่พอต่างคนต่างคำนวนระยะทางระหว่างกันดูแล้ว ก็ไกลโขอยู่ กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้! ต่างคนก็เลยต้องต่างกิน ท้องใครท้องท่าน.. คุยเรื่องงานกันอีกเล็กน้อย ก็ชวนกันวางสายไปด้วยความละมุนละม่อม.. และคราวนี้ผมจะได้จัดการกับอาหารที่อยู่บนโต๊ะเสียที.. (http://lh4.ggpht.com/_crnWkgsJl0E/TERo7yRUvMI/AAAAAAAAAsc/O4ir7FHFKPU/pure_logo.jpg) http://www.tairomdham.net/index.php/topic,474.0.html (http://www.tairomdham.net/index.php/topic,474.0.html) ขอบพระคุณทีมาทั้งหมดมากมายค่ะ... หัวข้อ: Re: ปีนัง.. รังญาเซโด เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 29 กรกฎาคม 2553 04:24:17 (http://www.bpv.superhost.pl/humor/kac.jpg) เขียวอยู่นี่! บอกว่า.. เขียวอยู่นี่อี่ๆๆๆๆๆ ! หัวข้อ: Re: ปีนัง.. รังญาเซโด เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 29 กรกฎาคม 2553 09:42:18 (T-T) (T-T) (T-T) |