[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ => ข้อความที่เริ่มโดย: sometime ที่ 21 มิถุนายน 2553 14:44:32



หัวข้อ: วิบากกรรม
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 21 มิถุนายน 2553 14:44:32
(http://www.seesod.com/storage34/QnuOr4s28T1275304781/o.jpg)


http://dc207.4shared.com/img/321660632/918dc8fc/dlink__2Fdownload_2F321660632_2F918dc8fc_3Ftsid_3D20100621-042521-9387b75c/preview.wma


(:LOVE:)โดย.......................วรรณา สุติวิจิตร (:LOVE:)


(:LOVE:)คิดว่าน่าจะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย (:LOVE:)


(:LOVE:)กมฺมุนา วตฺตตี โลโก (:LOVE:)




เมื่อตอนเด็ก ๆ ข้าพเจ้าได้สั่งสมกรรมไว้มาก เมื่อถึงเวลากรรมส่งผล ข้าพเจ้าก็ได้รับวิบากกรรมหลายครั้ง ได้รับทุกขเวทนาอย่างแสนสาหัส กล่าวคือ วันไหนกับข้าวมีปูทะเล ข้าพเจ้าจะเจตนาทำอย่างตั้งใจ และทำอยู่เสมอ โดยใช้มีดโต้กะเล็งลงบนตัวปูทะเลที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อ
สับปูออกเป็นสองส่วนให้เท่า ๆ กัน เมื่อปูถูกมีดโต้ก็จะกระดุก-กระดิก เล็กน้อยเนื่องจากก้ามและขาทั้งแปดถูกแม่ค้ามัดด้วยเชือกอย่างเหนียวแน่น ถ้าขณะนั้นเพียงแต่ข้าพเจ้ามีความเมตตาต่อปูสักนิด ข้าพเจ้าก็คงจะรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวด ความทนทุกข์ทรมานของปู แต่ข้าพเจ้ากลับไปสนใจและภาคภูมิใจกับความสำเร็จที่ข้าพเจ้าสับปูได้ ๒ ส่วนเท่า ๆ กันมากกว่า ต่อจากนั้นข้าพเจ้าก็จะสับก้ามปูก่อนเพื่อป้องกันการถูกหนีบ สับขาปูส่วนปลายทิ้ง แล้วเถือเนื้อปูออกเป็นชิ้น ๆ สำหรับทำกับข้าว เวลาผ่านไปร่วมสิบปี กรรมก็มาปรากฏให้เห็น ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าไปคุมสอบเข้ามหาวิทยาลัยข้าพเจ้ากำลังก้มตัวลงเพื่อเดินลอดเข้าตึก มีอาจารย์ชายท่านหนึ่งเดินลอดเข้าไปก่อน ไม่ทราบว่ามีข้าพเจ้าเดินลอดตามจึงดึงบานประตูเหล็กทั้งบานลงในขณะที่ ข้าพเจ้ากำลังก้มตัวลอดอยู่พอดี บานประตูเหล็กได้ทำหน้าที่เหมือนกิโยติน สับลงบนแผ่นหลังของข้าพเจ้าลักษณะเดียวกับที่ข้าพเจ้า
ใช้มีดโต้สับลงบนตัวปู
ต่อมาเกิด อาการปวด ชา ตั้งแต่ต้นคอแล้วแผ่ซ่านไปถึงปลายนิ้วมือ แผ่นหลัง สะโพก ทรมานเหมือนถูกปลายเข็มจำนวนนับหมื่นนับแสนเล่มมาทิ่มแทงทุกอณูในร่างกาย ต้องรักษาตัวกว่า ๒ เดือน รับประทานยา ทายา กายภาพบำบัด ใส่ปลอกคอ เมื่อข้าพเจ้าหายก็เริ่มสนใจปฏิบัติธรรม ข้าพเจ้าตอบตัวเองว่า นั่นเป็นเพียงอุบัติเหตุ ยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นกฎแห่งกรรม แต่ข้าพเจ้านั่งสมาธิแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรอยู่เสมอ
ต่อมาอีก ๖-๗ ปี ปูยังไม่ยอมอโหสิ วันหนึ่งข้าพเจ้านั่งอยู่ตรงเบาะหลังของรถยนต์ ขณะที่รถจอดติดสัญญาณไฟแดง มีรถกระบะคันหนึ่งวิ่งมาชนกระแทกท้ายรถคันที่ข้าพเจ้านั่งอย่างแรงเสียงดังสนั่น และรถคันที่ข้าพเจ้านั่งก็ไปกระแทกชนท้ายคันข้างหน้าต่อ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากรถพังยุบ ทั้งหน้ารถและท้ายรถยุบเข้าหากัน อีกฟุตกว่ารถก็ยุบมาถึงตัวข้าพเจ้า ขณะที่เกิดเหตุ ข้าพเจ้าตั้งสติได้ เอามือจับเบาะยึดแขนไว้ไม่ให้หน้าอกถูกอัดกระแทก ข้าพเจ้ารู้ตัวทุกขณะจิตที่เกิดขึ้นอวัยวะส่วนคอถูกเขย่าไปมาตามแรงกระแทกราวกับจงใจให้คอหักลงเดี๋ยวนั้นข้าพเจ้ารับประทานยา ทายา นั่งสมาธิอยู่ ๒ - ๓ วัน ก็หายเป็นปกติ ข้าพเจ้าก็ตอบตัวเองเหมือนเดิมว่า นั่นเป็นเพราะอุบัติเหตุ



หัวข้อ: Re: วิบากกรรม
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 21 มิถุนายน 2553 14:47:09
(http://www.seesod.com/storage34/QnuOr4s28T1275304781/o.jpg)



ต่อมาอีกสองปี เมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๓๖ ข้าพเจ้านั่งแท็กซี่ไปขึ้นรถของพุทธสมาคมแห่งประเทศไทยฯ เพื่อไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน
รถแท็กซี่ขับไปช้า ๆ รถเมล์คันหลังเบรคแตกมาชนท้ายไม่รุนแรงนัก ข้าพเจ้าคิดว่าตัวเองไม่เป็นไร จึงเดินทางต่อไปวัดอัมพวันและในคืนนั้นเอง อาการปวด ชา บริเวณคอของข้าพเจ้าก็เริ่มขึ้นอีก แม้กระทั่งกลืนอาหารก็กลืนได้อย่างยากเย็น วันรุ่งขึ้นข้าพเจ้าได้ไปหาพี่สมประสงค์
ซึ่งมีเมตตาจิตช่วยทายาให้ ๒ - ๓ ครั้ง อาการทุเลาลงบ้าง
ในวันที่ ๔ - ๕ ของการปฏิบัติ ข้าพเจ้ากระวนกระวายใจคิดลังเลใจจะกลับไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯ จิตใจว้าวุ่นจนต้องไปเดินรอบกุฏิของหลวงพ่อหลายรอบ แต่ไม่มีโอกาสได้พบท่าน ข้าพเจ้าไปยืนอ่านป้ายนิเทศหน้ากุฏิที่จัดเนื้อหาเกี่ยวกับกฎแห่งกรรมของ หลวงพ่อที่เคยทำกับนก เต่า สุนัข แมว ข้าพเจ้าอ่านอย่างพินิจพิเคราะห์แม้ว่าจะเคยอ่านมาหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่ครั้งนี้ข้าพเจ้ายืนอ่านทุกตัวอักษรอย่างช้า ๆ และยอมรับโดยไม่มีข้อโต้เถียง ปักใจเชื่อเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ว่านี่เป็น กฎแห่งกรรมที่ข้าพเจ้าต้องยอมรับ
ข้าพเจ้าเดินน้ำตาอาบแก้มกลับไปที่ศาลาเหมือนเดิม ตั้งใจเดินจงกรม ตั้งใจนั่งสมาธิอย่างเต็มที่ ตั้งใจแน่วแน่อธิษฐานจิตขอให้โรคหายที่วัดอัมพวัน ข้าพเจ้าจะขอปฏิบัติเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ตายเป็นตาย ข้าพเจ้านึกถึงคำสวดบทหนึ่งที่ว่า ถึงแม้ร่างกายจะเจ็บปวด ทนทุกข์ทรมานอย่างไรแต่ใจไม่ได้เจ็บป่วยทนทุกข์ทรมานไปด้วย ข้าพเจ้านั่งกำหนด พอง-ยุบไป รู้สึกว่าความปวดทั้งหลายเริ่มจะมีอาการหนักยิ่งขึ้น และเพิ่มอาการปวดเข่า
ปวดขามากขึ้นเป็นทวีคูณจนต้องเม้มปาก ข่มความปวด ข้าพเจ้าปวดมากจนเลิกสนใจเพราะมุ่งแต่กำหนดปวดหนอ อดทนหนอ ข้าพเจ้ากลับมาดู
ใจตัวเอง ข้าพเจ้ารู้สึกว่าใจขณะนั้นสงบ เฉย ไม่ได้ทุรนทุรายในขณะที่ร่างกายปวดจนรู้สึกจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว ข้าพเจ้านั่งแยกรูป -
นามด้วยอาการที่สงบ มองเห็นใจตัวเองที่เฉย รู้สึกว่าร่างกายที่ปวดอยู่ก็ปวดไป ข้าพเจ้ากำหนดพองยุบไปเรื่อย ๆ
จนกระทั่งหมดเวลา เมื่อข้าพเจ้าลืมตาขึ้น อาการปวดทั้งหลายหายไปราวกับปาฏิหาริย์ เหลืออาการที่ร้อนวูบวาบเหมือนทายาหม่องไปทั้งตัว
เย็นวันนั้นข้าพเจ้าไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกแห่ง ในวัดอัมพวัน ได้ไปไหว้เทพกาหลงเป็นครั้งแรก ทั้ง ๆ ที่เคยมาที่วัดนี้หลายครั้ง และขอวิงวอนภาวนาให้เทพกาหลงช่วยรักษาโรคให้หายขาดด้วย ในวันรุ่งขึ้นขณะที่ข้าพเจ้านั่งกำหนดพอง-ยุบนั้น ข้าพเจ้าได้ให้คำสัตย์กับตัวเองว่า ข้าพเจ้าหายเป็นปกติแล้ว จะกลับไปพิมพ์หนังสือธรรมะแจกเป็นวิทยาทาน ๑,๐๐๐ เล่ม เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรการนั่งสมาธิครั้งนี้ข้าพเจ้ามีอาการร้อนแสบไปทั้งตัว.....................................................................



หัวข้อ: Re: วิบากกรรม
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 21 มิถุนายน 2553 14:48:51
(http://www.seesod.com/storage34/QnuOr4s28T1275304781/o.jpg)



ขณะที่นั่งกำหนดพอง - ยุบ ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนว่าผมทั้งศีรษะเปียกเหมือนมีน้ำมาชโลมจนเปียก ข้าพเจ้ามีสติรู้เท่าทันปัจจุบันทุกอย่างไม่ได้มีอุปาทานหรือคิดนึกไปเอง ข้าพเจ้ารู้สึกว่าผมบนศีรษะเริ่มตั้งขึ้นเองรวมเป็นกระจุก ๆ เป็นหย่อม ๆ ทั้งศีรษะ ข้าพเจ้าเพิ่งจะนึกออก
ว่าเหมือนขนของกระต่ายเวลาถูกน้ำร้อนลวก ข้าพเจ้าอยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ ในกฎแห่งกรรมที่ปรากฏชัดเจนอย่างนี้ เพราะข้าพเจ้าเคยมีส่วน
ร่วมในการฆ่ากระต่ายด้วยโดยการยกกาน้ำร้อนเตรียมไว้ให้เขา ต่อมาข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนมีมือ ๒ มือมารวบผมตรงท้ายทอยออกเป็น ๒ กระจุกซ้ายขวา แล้วกระจุกผมทั้ง ๒ ข้างถูกกระตุกขึ้นอย่างเบา ๆ นุ่มนวลเป็นจังหวะ ๒ - ๓ ครั้ง เหมือนกับมีศูนย์รวมประสาทอยู่ข้างหูนั้นถูกกระตุกขึ้นเทพกาหลงมาช่วยรักษาโรคให้ข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าภาวนาขออย่าเพิ่งหมดเวลาแล้วสัญญาณเตือนก็ดังขึ้น ข้าพเจ้าดีใจมาก เชื่อมั่นว่าข้าพเจ้าหายจากโรคแน่นอน
วันต่อมามีบรรดาผู้ใหญ่ที่มาปฏิบัติธรรมทักว่าได้ ส่องกระจกดูหน้าบ้างหรือเปล่า? ไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะข้าพเจ้าได้เปลี่ยนจากใบหน้าที่ซีด...........อมทุกข์.........หมองเศร้า...........กลับกลายมาเป็นสีหน้าที่สดชื่นมีสีเลือดมากขึ้น ผิดไปจากเดิมราวกับคนละคนในเวลาไม่กี่วัน
ในคืนสุดท้ายก่อนกลับ ข้าพเจ้าตั้งใจนั่งสมาธิตรงที่นอนอีกครั้งหนึ่ง วันเดินทางกลับรู้สึกสบายเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่อมาข้าพเจ้าได้เขียนและจัดพิมพ์หนังสือเรื่อง สอนลูกศิษย์นั่งสมาธิ ขั้นพื้นฐาน พิมพ์แจกเป็นวิทยาทานตามที่ได้ตั้งใจไว้
แต่กรรมของ ข้าพเจ้ายังไม่หมด ในวันที่ข้าพเจ้านัดไปรับหนังสือ เท้าของข้าพเจ้าเกิดไปถูกอะไรโดยไม่รู้ตัว เลือดไหลออกมาเป็นลิ่มแดงสด กองอยู่บนพื้นเหมือนเลือดไก่ ข้าพเจ้าเพิ่งนึกออกอีกครั้งว่า ข้าพเจ้ามีส่วนเป็นผู้ช่วยในการฆ่าไก่เมื่อตอนเป็นเด็กด้วย


ที่มาของบทความ......................http://www.oknation.net/blog/6tab8/2008/12/11/entry-1 (http://www.oknation.net/blog/6tab8/2008/12/11/entry-1)



....................................... มัชฌิมประภาสปุญสถาน..........................................


ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำนี้จงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนสรรพชีวิตทั้งหลายให้ได้บำเพ็ญอนุตรวิถี กลับจิตแปรใจ -ได้คืนจิตเดิม มีความสงบเย็นใจกาย ปราศจากเสียซึ่งสรรพกำทุกข์ ปลอดพ้นจากภัยเวร สงครามข้าวยาก ด้วยเดชะบุญนี้ จงช่วยค้ำชูบิดา - มารดา ครูบาอาจารย์ - ผู้มีพระคุณ ญาติสนิท - มิตรรัก ศัตรูหมู่มาร สรรพเจ้ากรรมนายเวร เทวาทุกชั้นฟ้า อารักษ์ทั่วชั้นดิน เหล่าภูติ นาคา - นาคี เหล่าวิญญา - หมู่เปรต - อสูรกายเหล่าสัตว์ใด ๆ จงเป็นผู้ได้รับอานิสงค์เดชะแห่งผลบุญนี้ท่วนทั่วทุกคนเทอญ.........................................


.......................................นำโมออมีทอฝอ..............................



หัวข้อ: Re: วิบากกรรม
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 04 สิงหาคม 2553 03:38:16


(http://picpost.mthai.com/pic/2010-07-28/416626_12250805_4.jpg)

อนุโมทนาสาธุธรรม เสียงธรรมค่ะ...