[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
03 พฤษภาคม 2567 22:19:50 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 2 3 [4] 5 6 ... 26
61  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ / Re: อินเดียส่งยานอวกาศพิชิตดาวอังคารสำเร็จ ชาติแรกในเอเชีย ! เมื่อ: 25 กันยายน 2557 11:53:24













62  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ / อินเดียส่งยานอวกาศพิชิตดาวอังคารสำเร็จ ชาติแรกในเอเชีย ! เมื่อ: 25 กันยายน 2557 11:52:46

อินเดียส่งยานอวกาศพิชิตดาวอังคารสำเร็จ ชาติแรกในเอเชีย! ไม่ไกลเกินฝัน... องค์การวิจัยอวกาศอินเดีย สร้างประวัติศาสตร์สุดยิ่งใหญ่... ส่งยานอวกาศ เข้าสู่วงโคจร พิชิตดาวอังคาร สำเร็จแล้ว เป็นชาติแรกและชาติเดียวในเอเชีย...องค์การวิจัยอวกาศของอินเดีย สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่ ยานอวกาศสำรวจดาวอังคาร (Mars Orbiter Mission) หรือ MOM ประสบความสำเร็จ ในการเข้าสู่วงโคจรของดาวอังคารแล้ว เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (24 ก.ย.) จนอินเดีย กลายเป็นชาติแรกและชาติเดียวในเอเชีย ที่สามารถส่งยานอวกาศไปพิชิตดาวอังคารได้สำเร็จ หลังจากไม่กี่วันก่อน องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ (นาซา) เพิ่งประสบความสำเร็จในการส่งยานอวกาศ ‘มาเวน’ เข้าสู่วงโคจรดาวเคราะห์สีแดง
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย กล่าวด้วยความปลาบปลื้มยินดี ขณะเดินทางไปที่ศูนย์อวกาศแห่งชาติในเมืองบังกาลอร์ เพื่อติดตามเฝ้าชมช่วงเวลา ยานอวกาศสำรวจ MOM หรือมงคลยาน เข้าสู่วงโคจรของดาวอังคารในวันพุธนี้ ว่า อินเดียได้ทำในสิ่งที่อยู่นอกเหนือขอบเขต และจินตนาการของมนุษย์ ขณะที่ บรรดาเจ้าหน้าที่องค์การวิจัยอวกาศแห่งชาติอินเดียต่างพากันปรบมือและดีใจกันอย่างมาก ที่ยานอวกาศ MOM เข้าสู่วงโครจรของดาวอังคาร ตามกำหนดการที่วางไว้
ทั้งนี้ องค์การวิจัยอวกาศแห่งชาติอินเดียได้ส่งยานอวกาศ MOM ขึ้นสู่ห้วงอวกาศ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 พ.ย.2556 โดยมีกำหนดเวลาเดินทางนานถึง 300 วัน (10 เดือน) ด้วยระยะทางไกลถึงประมาณ 6.8 แสนล้านกิโลเมตร ถือเป็น ยานอวกาศโลว์คอสต์ ราคาถูก ที่ใช้งบประมาณในโครงการนี้ เพียง 74 ล้านดอลลาร์ (ราว 2,368 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับ นาซาที่ต้องใช้งบประมาณในการส่งยานมาเวน ถึง 671 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 21,472 ล้านบาท)


thairath.co.th/content/452395
ediotblogger.com/wp-content/uploads/2013/11/6B83B556-568C-428F-B622-72899825EC8F_mw1024_n_s.jpg
gdb.voanews.com/A02420A4-C8B1-435C-9B0A-4B5C23181CF1_cx0_cy3_cw0_mw1024_s_n_r1.jpg
upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/c/cd/Mars_Orbiter_Mission_-_India_-_ArtistsConcept.jpg
63  สุขใจในธรรม / เกร็ดครูบาอาจารย์ / หลวงพ่อโบ ฐิติญาโณ วัดโคกหิรัญ จ.อยุธยา "เจ้าตำรับน้ำมนต์เดือดเมืองกรุงเก่า" เมื่อ: 25 กันยายน 2557 11:23:42
"เจ้าตำรับน้ำมนต์เดือดเมืองกรุงเก่า" หลวงพ่อโบ ฐิติญาโณ วัดโคกหิรัญ จ.อยุธยา




หลวงพ่อโบเป็นพระที่บารมีมาก เป็นที่กล่าวขานของชาวบ้างทั้งใกล้ไกล ในระหว่างที่หลวงพ่อโบยังมีชีวิตอยู่จะเป็นที่ยำเกรงของผู้คนเป็นอย่างมาก สิ่งที่หลวงพ่อห้ามหรือสิ่งที่ไม่ดีในวัด ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะกระทำ เพราะเชื่อกันว่าจะเป็นภัยมากับตนเอง ทั้งที่หลวงพ่อท่านเป็นพระที่มีเมตตากับทุกคน ไม่ว่าเป็นใครมาจากไหน ท่านจะสงค์เคราะห์ไม่เลือกชนชั้นวรรณะ

หลวงพ่อโบ ฐิติญาโณ นามเดิมของท่านคือ โบ นัยพิจารณ์ เป็นบุตรของพ่อเฮีย แม่ตุ่ม แซ่โค้ว อาชีพเดิมของบิดาท่านคือค้าขายข้าวทางเรือ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๓ คนคือ
๑. นางจีน (สมรส) ภายหลังได้เสียชีวิต
๒. นางคำ ครองตนเป็นโสดตลอดชีวิต
๓. หลวงพ่อโบ ฐิติญาโณ
ท่านได้อุปสมบทที่วัดโบสถ์ ต.บางบาล อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา

ในระหว่างที่หลวงพ่อดำรงค์อยู่ในสมณะเพศนั้น นอกจากจะศึกษาด้านพระธรรมวินัยและได้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในศีลาจารวัตรที่ดีงามแล้วท่านยังได้สนใจศึกษาสรรพวิทยาทางโลกอีกด้วย ซึ่งในเวลานั้นการแพทย์และสาธารณสุขยังไม่เจริญก้าวหน้าพอ มีผู้คนต้องล้มตายอันเนื่องมาจากการคลอดลูกบ้าง เป็นฝีในท้องบ้าง ซึ่งหลวงพ่อได้เห็นว่า วัดเท่่านั้น ที่เป็นที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวของผู้คน ท่านจึงตระหนักในหน้าที่ในความเป็นสงฆ์ของตนดีและจะต้องเป็นที่พึ่งของชาวบ้านในยามทุกข็ยาก หลวงพ่อจึงได้เสาะแสวงหาตำรับตำรายาสมุนไพรโบราณต่างๆ ดังมีรายละเอียดดังนี้

ได้เรียนหมอยาโบราณจากสมุดข่อยกับ ปู่มา หาศักดิ์ศรี
( โยมปู่ของ พระครูประโชติ วรคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดโคกหิรัญ )

และได้เรียนปลุกเสกน้ำมนต์ทางคลอดลูกง่าย และทางค้าขายกับครูศรี บ้านขนมจีน ( อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุ.ธยา )
ครูทิม จากจังหวัดสุโขทัย และครูแขก

หลวงพ่อโบได้ใช้วิชาความรู้ที่ได้่ร่ำเรียนมา ประสานกับความเชื่อมั่นในตนเอง ได้ทำการช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้คนตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาจากปากต่อปาก ตาต่อตา และจากวงใกล้ไปสู่วงไกล จึงทำให้กิตติศัพท์ของหลวงพ่อโบได้ขจรขจายเป็นที่เลื่องลือ

น้ำมนต์ท่านดีทางค้าขายคลอดลูกง่าย ท่านเป็นที่เคารพศรัทธาของพ่อค้า แม่ค้าแถบวัดจุฬาฯ (อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา) ในสมัยก่อนอ.บางบาล หากใครต้องการเดินทางเข้า กรุงเทพต้องมาขึ้นรถที่ท่าน้ำ วัดจุฬา เท่านั้น

วัดจุฬาฯ สมัยก่อนจึงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของบางบาล มีพ่อค้า มาจากทั่วทุกสารทิศ ทั่วทั้งอำเภอ บ้างมารับของจากกรุงเทพ หรือเดินทางเข้ากรุงเทพ มีผู้คนมากมาย คึกคัก และทุกร้านต้องมีน้ำมนต์หลวงพ่อโบ ไว้ปะพรมข้าวของ ให้ค้าขายดี ปัจจุบันชาวบ้านแถบนี้ยังมีน้ำมนต์ของท่านเหลืออยู่เพราะของท่านศักสิทธิ์จริง บางบ้านยังหรือเป็นตุ่มๆ และแทบทุกบ้านต้องมีรูปของท่านทุกบ้าน

หลวงพ่อโบ ได้ละสังขารเมื่อวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๑๙ สิริรวมอายุได้ ๘๓ ปี ศพของท่านเก็บไว้เกือบ 20 ปี เพื่อให้คนที่ศรัทธา หรือ พระคณาจารย์ด้วยกัน ที่เคารพท่านได้มาสักการะศพ


ลูกศิษย์ท่านที่มีชื่อเสียง
หลวงพ่อโก๊ะ วัดเก้าห้อง (เจ้าตำรับเหรียญซ้อนมอเตอร์ไซค์) กับ หลวงพ่อเจือ วัดโคกหิรัญ
64  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ / Re: The Black Dahlia Murderer นี้คือหนึ่งในสุดยอดคดีสยองขวัญปริศนา 18+ เมื่อ: 25 กันยายน 2557 11:20:51











CD: Postjung
65  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ / The Black Dahlia Murderer นี้คือหนึ่งในสุดยอดคดีสยองขวัญปริศนา 18+ เมื่อ: 25 กันยายน 2557 11:19:51
The Black Dahlia Murderer

นี้คือหนึ่งในสุดยอดคดีปริศนาที่ไขยังไม่ออก การฆาตกรรมหญิงบ้ามากรัก ฉายา เดอะ แบล็ค ดาห์เลีย แสนสยดสยองทำไมฆาตกรถึงลงมืออย่างโหดเหี้ยมกับเธอถึงปานนี้ มันใช่การกระทำของ " คนหรือปีศาจกันแน่ "

ตอนสาย ๆ วันที่ 15 มกราคม 1947 ถนนนอร์ตัน สวนสาธารณะไลเมิร์ต ชานเมืองลอสแอนเจลีส สหรัฐอเมริกาเบ็ตตี้ เบอร์ซิงเกอร์ แม่บ้านกำลังพาลูกสาวตัวน้อยแอนนี่เดินไปซ่อมรองเท้าของแก ที่สุดถนนนอร์ตัน ใกล้ๆ นี้เอง เมื่อเดินผ่านสวนสาธารณะแอนนี่ลูกสาวตัวน้อยเหลือบไปเห็นของบางอย่างข้างทางเข้า "มันเป็นร่างขาวโพลน นอนอยู่บริเวณบริเวณหญ้าที่ขึ้นรก มันเหมือนตุ๊กตาตัวโต ๆ ที่ชำรุด"
สองแม่ลูกเข้าไปใกล้ตัวความอยากรู้อยากเห็นว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่เมื่อเธอเข้าไปดูใกล้ๆ เผยความจริงเธอถึงกับช็อก เพราะร่างนั้นไม่ใช้หุ่นแต่เป็นศพของผู้หญิงเปลือยโล่งโจ้ง ถูกหั่นบั่นเอวจนร่างขาดจากกันเป็นสองท่อนอย่างประณีต ราวกับอาวุธที่ใช้เป็นมีดหั่นเนื้อที่คมกริบ เอวเธอจึงขาดออก รอยแผลเรียบไม่มีเนื้อเยื่อหรือเอ็นขาดกะรุ่งกะริ่ง แม้ร่างแยกออกเป็นสองท่อน ใบหน้าของเธอยังดูยิ้ม นัยน์ตาเปิดอยู่ครึ่ง ปากเผยยิ้มน้อย ๆ และมุมปากเหยียดออกทั้งสองข้าง อย่างสยดสยอง ส่วนท่องล่างก็สยองไม่แพ้ท่อนบน ด้วยมันเปลือยเปล่าและวิตถารที่สุดคือกระจุกเศษไม้ใบหญ้าที่ช่องเพศจนเปิดอ้าช่างน่าสะอิดสะเอียนอย่างยิ่ง

จากการชันสูตรศพว่า ในกระเพาะมีอุจจาระอยู่เต็มกระเพาะของเธอซึ่งคนร้ายน่าจะให้เธอกินมันเข้าไป อีกทั้งที่ทวารหนักมีเศษเนื้อจากต้นขาอ่อนของเธอเองยัดอยู่ในทวารหนัก และเศษหญ้าและดินที่ยัดใว้ในอวัยวะเพศของเธอ ฆาตกรหั่นตอนเธอยังมีชีวิตและยัดตรงช่องทวารเลยเชียว

ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 1947 หนังสือพิมพ์ทุกฉบับวิจารณ์วิเคราะห์ (ได้อย่างแม่นยำ) ว่าตำรวจนี้ไม่สามารถปิดคดีได้ตลอดกาล ถึงแม้ในเวลาต่อมาฆาตกรจะส่งห่อของขวัญที่มีของใช้ผู้ตายไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีข้อความกำกับบอกด้วยน่ะว่าตนเป็นคนฆ่า แต่ตำรวจก็ไม่สามารถสืบได้อยู่ดีว่าใครคือฆาตกร ทำไมถึงลงมือกับเหยื่อได้โหดเหี้ยมอำมหิตถึงเพียงนี้ และปัจจุบันแฟ้มคดีนี้ก็ยังอยู่ในแผนกฆาตกรรมของตำรวจนครลอสแอนเจลีส อเมริกา จนถึงปัจจุบัน

เอฟบีไอได้ทำการวิเคราะห์ฆาตกรรายนี้ว่า น่าจะเป็นชายผิวขาว สันโดษ อาศัยอยู่ตามลำพังคนเดียว รักความสะอาดแบบผิดมนุษย์ประมาณว่าโรคจิต เขาอาจมีประวัติอยู่ในแฟ้มคดีตำรวจนี้แล้วก็ได้และคงมีประสบการณ์ในการตัด หั่น และชำแหละสัตว์ขนาดใหญ่ๆ เช่นหมู วัว จึงอาจทำอาชีพเป็นคนขายเนื้อ หรือไม่ก็พรานล่าสัตว์ "แบล็ค ดาห์เลีย" ไปเจอะเจอฆาตกรแบนนี้ที่ไหนหรือ? คงจะเป็นในบาร์ที่ไหนสักแห่งน่ะ เธอคงให้ท่าเขาแล้วก็กลับปฏิเสธ เมื่อเขามีอารมณ์กลัดมันสุดขีด เธอดัดสะดิ้งไม่ยอมให้เขาร่วมเพศด้วย มันเลยหน้ามืด หมั่นไส้สุดๆ โกรธแค้นจนอยากขยี้ตายคามือ และต้องอย่างทารุณแบบนี้แหละ ดูจากสภาพศพแล้วคิดดูก็แล้วกัน ว่ามันมีนิสัยแบบไหน หนึ่งคือการทรมานแบบเอาปลายมีดกรีดเนื้อตรงขาอ่อนใกล้กับอวัยวะเพศ แล้วเอาปลายมีดเซาะควักเนื้อแดงๆ ออกมาเป็นก้อนๆ แล้วยัดเข้าไปในทวาร เป็นใครก็แหกปากร้องสุดชีวิตแน่ๆ นี่ไม่นับการถูกบังคับกินอึก้อนเบ้อเริ่มนะ

การทรมานไม่ให้ชาวบ้านได้ยินเสียงกรีดร้องสยองโหยหวนได้ต้องทำในชั้นใต้ดินหรือไม่ก็กลางทะเลทรายไกลผู้ไกลคนเท่านั้น! หลังจากฆ่าฆาตกรยังนำศพของเธอไปอาบน้ำสระผม ขัดสีฉวีวรรณจนสะอาดขึ้นเงา...เลือดในศพไม่มีเหลือสักหยด แล้วยังไม่หนำใจ ยังตัดกลางลำตัวเธอจนขาดเป็นสองท่อน...เพราะอะไรเหรอ......คงเนื่องจากความซาดิสต์ และด้วยความจำเป็นทีต้องยัดในกระเป๋าเดินทางก็ได้ แต่ยากที่สุดในการเดาเหตุผลคือ ทำไมฆาตกรถึงเอาศพเธอไปทิ้งในที่เสี่ยงต่อการถูกพบด้วย ในริมถนนนอร์ตันนั้นบางที่จิตสำนึกบางส่วนของฆาตกรอาจอยากถูกให้ตัวเองถูกจับได้!

ศพถูกวางไว้ที่กลางแจ้ง มองเห็นได้ง่าย และท่าศพก็สยดสยอง เพราะท่อนล่างเปลือยเปล่านั้นนอนถ่างขาอ้าซ่า ท่อนบนยกแขนขึ้นเหนือหัว ปากถูกฉีกให้มีลักษณะกำลังยิ้มๆ...เป็นศพที่อยู่ในท่าเชิญชวนให้ร่วมเพศ ส่วนการที่ฆาตกรส่งหลักฐาน ซึ่งเป็นข้าวของผู้ตายของเบธมาให้สื่อมวลชน แสดงว่าตัวเองอยากดัง อยากให้หนังสือพิมพ์ประโคมข่าวที่เป็นผลงานของมันให้รู้กันทั่วโลก แต่การที่มันล้างทุกอย่างด้วยเบนซิน ก็แปลว่าแม้จะหลงใหลใฝ่ฝันว่าเป็นฆาตกรละดับชาติ อยากมีชื่อในประวัติศาสตร์อาชญากรรมแค่ไหนแต่ก็ไม่อยากถูกจับเข้าคุกหรือไม่ต้องการให้ตำรวจสืบหาเบาะแสมาถึงตัวมันได้....!


66  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / ร้อยภูติ พันวิญญาณ / Re: 11 สุดยอดรูปถ่ายผี เมื่อ: 23 กันยายน 2557 11:16:18

                อันดับ 2 หญิงสาวเดียวดายในสุสาน (Madonna of Bachelor's Grove)

                

                ภาพนี้ถ่ายในวันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ.1991 โดย Mari Huff คนของสมาคมนักศึกษาผีแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ได้บุกเข้าไปสำรวจสุสาน Madonna ป่าเล็กๆในอิลลินอยส์ เมืองชิคาโก ที่มีชื่อเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่ามีอะไรแปลกๆ โผล่มาให้เห็นอยู่บ่อยๆ แล้วสมาชิกสมาคมคนล่าผีก็ใช้กล้องอินฟราเรตความเร็วสูงถ่ายไปทั่วบริเวณ สุสานที่เงียบสงบ แชะๆๆ และเมื่อล้างภาพออกมา พวกเขาก็พบหญิงสาวคนหนึ่งนั่งเดียวดายบนหินประดับหลุมฝังศพ เธอแต่งกายย้อนยุค ร่างกายส่วนบนของเธอโปร่งแสง ภาพนี้ติดอันดับ 100 ภาพปรากฏการณ์ประหลาดของโลก 100 instances of paranormal phenomena (รวมถึงผี)

 

                อันดับ 1 แทนทาล( Tantallon)

               

                ไม่ นานมานี้มีการประกวดเชิญชวนคนมาโหวตรูปถ่าย ภาพผีที่ดีที่สุดในโลกในเว็บไซต์แห่งหนึ่ง(เว็บไหนก็ไม่รู้) ผลปรากฏว่าภาพที่ได้อันดับหนึ่งคือภาพปราสาทแทนทาล ภาพอันดับหนึ่งของเรานั้นเอง(คนโหวต 250,000 คน)

               

                ภาพ นี้ถ่ายโดยคริสโตเฟอร์ อิทจิสัน ซึ่งตอนนั้นเขาไปเที่ยวที่ปราสาทแทนทาล ลอน ในสกอตแลนด์เดือนพฤษภาคม ปีที่แล้ว เขาถ่ายภาพตัวปราสาทเอาไว้ ถ่ายไปถ่ายมา จนพบว่ามี "ใคร" สักคน สวมผ้าที่พับเป็นแผงรอบคอที่ใช้กันในคริสต์ศตวรรษที่ 16-17 มองลาดผ่านลูกกรงกั้นหน้าต่างลงมา ทั้งๆ ที่บริเวณแถวๆ นั้นไม่มีคนอยู่ ภาพนนี้ฮืฮฮามาก หลายคนบอกว่าผีที่เห็นนั้นอาจเป็นพระเจ้าเจมส์ที่ 5 แห่งสกอตแลนด์ ซึ่งสิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่ปี 1542 แล้ว แต่ไฉนเขายังปรากฏอยู่ในยุคดิจิตอลอยู่ละนี้ เหรอเขายังอาลัยอาวรณ์โลกนี้อยู่ก็ไม่มีใครทราบได้




credit : raamas.com
67  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / ร้อยภูติ พันวิญญาณ / Re: 11 สุดยอดรูปถ่ายผี เมื่อ: 23 กันยายน 2557 11:13:06

                อันดับ 5 ทารกผีที่ป่าช้า ( Cemetery ghost Baby)

               

                นางแอนดรูส์(Andrews) ไปเยี่ยมสุสานของลูกสาวของเธอในควีนแลนด์(Queensland) ในออสเตรเลีย ในปี 1946 หรือ 1947 ซึ่งลูกสาวของเธอตายก่อนหน้านี้ในปี 1945 เมื่ออายุ 17 และเมื่อไปถึงสุสานนางก็ได้เห็นสิ่งผิดปกติอย่างหนึ่งบนสุสานของลูกสาวของ เธอ และเธอก็ถ่ายภาพจนได้ภาพนี้ เป็นภาพเด็กทารกเพศหญิงตัวเล็กท่าทางมีความสุขหนักหนาที่กำลังนั่งอยู่บน สุสานของเธอ และดูเหมือนเด็กผี(ไม่ใช่ผีแดง) จะตระหนักถึงนางแอนดรูส์กำลังถ่ายเขา เขาจึงมองกล้องด้วยความสนใจ ซึ่งตอนหลัง นางแอนดรูส์ปฏิเสธว่านี้ไม่ใช้รูปผีลูกสาวของเธอตอนเป็นเด็กนั้น เธอไม่รู้จักเด็กในภาพนี้เลย จนกระทั้งวันล้างป่าช้าในปี 1990 พวกเขาก็พบหลุมฝังศพเด็กสาวทารกสองคนในบริเวณใกล้ๆ นั้น

 

                อันดับ 4 ผีอยากเกาะ(Ghostly Grip)

               

                ภาพ หนึ่งเดียวที่เป็นของเอเชีย หายากจริงๆ ครับ เนื่องจากปี 2000 ขึ้นไปนี้ส่วนใหญ่รูปถ่ายผีส่วนมากเป็นของปลอม โฟโตช็อปสักอย่างทำอย่างไรก็ได้ ยิ่งเป็นของเอเชีย ฝรั่งเขาตั้งแง่ก่อนเลยครับว่า "อีนี้ปลอมชัวร์" แต่ในเว็บบรรดาภาพทั้งหลายนั้นก็มีรูปถ่ายผีที่เป็นของเอเชียเหมือนกัน โดยภาพนี้ถ่ายในปี 2000 ที่กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ สองสาวในรูปนี้กำลังเดินเล่นยามค่ำคืนในเมืองหลวง และพวกเธอก็ไหว้วานให้คนแปลกหน้าที่เดินผ่านไปช่วยถ่ายภาพด้วยโทรศัพท์มือ ถือ และมีถ่ายเสร็จ เอามาดูอีกที นั้นแหละมีเงาใสๆ เงาหนึ่งกำลังจับแขนแม่สาวคนหนึ่งด้วย เสมือนว่าผีอยากเป็นเพื่อนด้วย....... ภาพนี้มีอยู่ในสมาคมนักศึกษาวิจัยผีครับ( www.ghostresearch.org ) เขาบอกว่าเป็นภาพที่ไม่สามารถอธิบายด้วยเทคนิคใดๆ ได้ และมีคุณสมบัติเป็นภาพถ่ายผีที่ดีที่สุดอีกภาพหนึ่ง

 

                อันดับ 3 ผีคุณปู่ ( Grandpa's Ghost)

               

                ในปี ค.ศ.1997 ครอบครัวรัสเซลล์ไปเที่ยวปิกนิกกัน ซึ่งคนต้นคิดคือนางเดนนิส รัสเซลล์(Denise Russell) นั้นเอง เธออยากให้ย่าของเธอมีความสุข "ภาพที่เห็นคือย่าของฉันค่ะ ตอนนั้นเราไปเที่ยวกันทั้งครอบครัว มีแม่ของฉัน พี่สาว(น้องสาว) เราถ่ายรูปในวันนั้นสองภาพ ถ่ายที่เห็นถ่ายวันอาทิตย์ 8/17/97) ซึ่งฉันถ่ายรูปคุณยายเอาไว้ ตอนแรกๆ เราไม่สนผู้ชายคนนั้นหรอกค่ะ ไม่สังเกตด้วยซ้ำ จนกระทั้งวันคริสต์มาส 2000 เราก็สังเกตเห็นหลังจากดูภาพในอัลบั้ม  ข้างหลังย่า มีชายคนหนึ่งกำลังมองมาที่เธอ ทั้งๆ ที่เวลานั้นไม่มีใครอยู่บริเวณข้างหลังย่าเลย เราถามทุกคนว่ามีความคิดเห็นอย่างไรกับภาพนี้ ทุกคนบอกว่าคนที่อยู่ข้างหลังย่าคนนี้เหมือนคุณตาซึ่งท่านลาโลกไปตั้งแต่ปี ค.ศ.1984(8/14/84) หรือ 13 ปี มาแล้ว"

 


68  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / ร้อยภูติ พันวิญญาณ / Re: 11 สุดยอดรูปถ่ายผี เมื่อ: 23 กันยายน 2557 11:11:01
                อันดับ 8 สิงสู่สำนักงาน( Haunted Bureau)

               

                นี้คือภาพต้นศตวรรษที่ 20 ในสำนักงาน Queen Anne ถ่ายตามคำขอของพ่อค้าเฟอร์นิเจอร์ โดย มงตากิว คูเปอร์ (Montague Cooper) เป็นช่างภาพที่มีชื่อเสียงในถ่ายภาพในวันนั้น เขาถ่ายภาพเฟอร์นิเจอร์ประจำสำนักงานเรือนหนึ่ง และภาพที่ออกมาเป็นภาพมือโปร่งแสงที่ปรากฏด้านบนของเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน บางทีมันอาจเป็นผีเจ้าของเฟอร์นิเจอร์นี้ที่ไม่อยากให้ใครนำมันออกไป

 

                อันดับ 7 เฝ้าดู( The Watcher)

               

                ภาพโดย Fortean Picture Library ถ่ายที่ Corroboree Rock, ฤดูใบไม้ผลิ, เขตทางเหนือของออสเตเลีย ในปี 1959 ภาพที่เห็นเป็นแสงและเงาของมนุษย์โปร่งแสงผู้หนึ่งที่ทำท่าทำทางเหมือนถือ กล้องถ่ายรูปหรือกล้องส่องทางไกล รูปนี้มีคำถามตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น ทำไมผีถึงมีกล้องถ่ายรูป(หรือกล้องส่องทางไกล) ทั้งๆ ที่กล้องเป็นสสารไม่มีวิญญาณ และผีตัวนี้กำลังถ่าย(หรือส่อง)อะไรอยู่กันแน่???(เออ..... ผมสงสัยนะ ว่าภาพนี้ความจริงคนถ่ายภาพเขาตั้งใจถ่ายอะไรหว่า ดูจากภาพวิวก็ใช่ว่าจะสวยงามอะไร ทำไมไม่ถ่ายสวนดอกไม้หรือคนเนอ)

               

                อันดับ 6 ผีประจำร้านเจ้าพ่อพิซซ่า(Godfathetr's Pizz Ghost)

               

                ถ่ายโดย Merry Barrentine ผู้จัดการทั่วไปของสำนักงานสำรวจและวิจัยปรากฏการณ์ลึกลับประจำยูท่าห์ (Utah Paranormal Exploration and Research) ซี่งตรวจสอบร้านนี้ โดยมีรายงานว่าพนักงานและลูกค้าของร้านเจ้าพ่อพิซซ่า(Godfathetr's Pizz)ในเมืองออเลียน(Ogden) ในยูท่าห์ปี 1999-2000 ได้พบสิ่งเหนือธรรมชาติเกิดในร้านแห่งนี้ โดยมีหลายครั้งที่ เห็นวิญญาณหลายตนทั้งผู้ชาย,หญิง สองเด็กชาย, ตู้แพลง Jukkebox ร้อง เพลงได้เองทั้งๆ ถอดปลั๊ก, พื้นกระเบื้องจู่ๆ ก็นูนสูงสิบนิ้วต่อมาก็ราบเป็นปกติและตรวจสอบแล้วไม่พบอะไร,หรือเสียงลึกลับเหมือนคนผิวปากที่อยู่ในครัว ฯลฯ จากการตรวจสอบสำนักงานพบว่าร้านนี้สร้างในป่าช้าสำหรับคนยากจน ซึ่งภาพนี้ถ่ายในปี 2000 เป็นหมอกที่พวกเขาเห็นด้วยตาเปล่าที่อยู่หน้าต่างกลางห้อง

 


69  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / ร้อยภูติ พันวิญญาณ / 11 สุดยอดรูปถ่ายผี เมื่อ: 23 กันยายน 2557 11:09:03
11 สุดยอดรูปถ่ายผี

                อันดับ 11 ผีที่โบสถ์ เซโฟน Church  (Sefton Church Ghost)

               

                โบสถ์ เซโฟน (Sefon Church) เป็นโบสถ์โบราณที่สร้างในศตวรรษที่ 12 และเสร็จสิ้นในศตวรรษที่ 16 ในลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ส่วนภาพผีนี้ถูกถ่ายในโบสถ์ในเดือนกันยายน 1999 เป็นภาพเงาสีดำ ที่คาดว่าจะเป็นพระประจำโบสถ์ ซึ่งมีรายงานผู้พบเห็นผีตัวนี้หลายราย

 

                อันดับ 10 Decebal Hotel Ghost

               

                เจ้าหน้าที่ได้เตือนผู้คนให้อยู่ห่างจากโรงแรม Decebal โรงแรม ในโรมาเนีย เนื่องจากเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีอายุเก่าแก่ 150 ปี แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่ได้เตือนเอาไว้ นั้นคือผี วิญญาณที่มีสภาพเหมือนพระนักบวชสีขาวยาวที่ปรากฏตัวบ่อยๆ มีเสียงล่ำลือว่าในโรงแรมแห่งนี้ได้ซ่อนสมบัติโรมันโบราณเอาไว้ และผีตัวนี้เหมือนปู่โสมเฝ้าทรัพย์ที่ปรากฏตัวเพื่อปกป้องสมบัติจากนักล่า สมบัติ ส่วนภาพนี้ถ่ายในปี 2008 ไม่นานมานี้เอง โดย Victoria Iovan อายุ 33 ปี เป็นภาพร่างลึกลับที่ใส่ชุดผ้าสีขาวยาวๆ ที่เหมือนกำลังมองคนถ่ายอยู่

 

                อันดับ 9 นำร่องผี (The Phantom Pilot)

               

                ภาพจากสามคมวิจัยเกี่ยวกับวิญญาณ(The Society of Psychical Research) เป็นภาพที่นางเซยอร์(Sayer) นั่งบนเฮลิคอปเตอร์ สังเกตว่าข้างๆ มีแขกไม่ได้รับเชิญลึกลับนั่งไปด้วย ซึ่งตอนนั้นนางเซยอร์ และเพื่อนไปที่สถานีกองทัพเรืออากาศ Yelverton, Somerset ประเทศ อังกฤษ ในปี 1987 เธอลองนั่งเฮลิคอปเตอร์เพราะมันน่ารักดี และเธอขอให้ถ่ายรูป ปรากฏว่ามีชายลึกลับนั่งตรงข้ามเธอด้วย เป็นผู้ชายใส่ชุดสีขาวจนมองเห็นชัดเจน เธอสัมภาษณ์ว่าเธอจำได้ว่าตอนที่เธอนั่งเฮลิคอปเตอร์นั้นรู้สึกเย็นสันหลัง วาบทั้งๆ ที่วันนั้นอากาศร้อน จากการตรวจสอบประวัติเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ดูปรากฏว่ามันเคยถูกนำไปใช้ในสงคราม หมู่เกาะฟอล์กแลนด์(Falklands war) แต่ไม่มีข้อมูลว่ามีนักบินหรือใครตายในเฮลิคอปเตอร์ลำนั้น แล้วชายที่นั่งตรงข้ามกับเธอเป็นใครกันแน่

 
70  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ / หนึ่งในคลิป UFO ประจำเดือน กย. 2014 ที่ฟรั่งให้ความสนใจกันมาก เมื่อ: 23 กันยายน 2557 11:04:39

Amazing UFO activity! UFO fleet controls Chemtrails, Sept 2014





71  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ไปรษณีย์ / นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราต้องเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เมื่อ: 12 กันยายน 2557 01:33:21
นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราต้องเรียนวิชาคณิตศาสตร์



72  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก / Re: วารีกุญชร สัตว์ในตำนาน ช้างน้ำตัวเท่ากล่องไม้ขีดที่เคยโด่งดังเมื่อสิบกว่าปีก่อน เมื่อ: 12 กันยายน 2557 01:15:28







73  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก / วารีกุญชร สัตว์ในตำนาน ช้างน้ำตัวเท่ากล่องไม้ขีดที่เคยโด่งดังเมื่อสิบกว่าปีก่อน เมื่อ: 12 กันยายน 2557 01:15:00
วารีกุญชร สัตว์ในตำนาน



วารีกุญชร เป็นสัตว์ในป่าหิมพานต์ มีรูปร่างเป็นช้างแต่มีเท้าเพียง 2 เท้าหน้า ลำตัวและหางเป็นปลาทั้งหมด หรือมีเท้าครบทั้ง 4 เท้า แต่มีหางเป็นปลา(วารีกุญชรที่มี 4 เท้า บางแห่งเรียกกุญชรวารี) อาศัยอยู่ในทะเลสีทันดร สามารถว่ายน้ำและดำน้ำได้ดี

เรื่องราวของช้างน้ำ หรือ วารีกุญชร ได้ตกเป็นข่าวครึกโครมตามหน้าหนังสือพิมพ์ของไทยครั้งแรก เมื่อกลางปี พ.ศ. 2539 หลังจากการตกเป็นข่าวของมักกะลีผล หรือ นารีผล ว่ามีผู้ได้ซากของช้างน้ำมาจากชาวกะเหรี่ยงที่ป่าชายแดนไทย-พม่า โดยซากของช้างน้ำนี้ เป็นสิ่งที่มีลักษณะคล้ายช้าง แต่มีขนาดเล็กจิ๋วจนสามารถวางบนฝ่ามือได้ เมื่อนำไปเอ็กซ์เรย์แล้ว พบว่าภายในมีโครงกระดูกต่าง ๆ เหมือนช้างจริงไม่มีผิด ซึ่งในเรื่องนี้ก็ได้มีหลายบุคคลออกมายืนยันว่า ช้างน้ำเป็นสัตว์ที่มีอยู่จริง เช่น พระภิกษุชาวไทยรูปหนึ่งอ้างว่าขณะที่ไปธุดงค์ปักกลดในป่าของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ในคืนก่อนวันเข้าพรรษา 1 วัน ได้เจอกับสัตว์ขนาดเล็กฝูงหนึ่งกำลังเล่นน้ำอยู่ เมื่อเข้าไปดูใกล้ ๆ พบว่าเป็นช้างขนาดเล็ก ขนาดไม่เกินกล่องไม้ขีด โดยเป็นสัตว์ในตำนานของชาวกะเหรี่ยง ที่เชื่อว่า ช้างน้ำเป็นสัตว์วิเศษที่สัตว์ใหญ่ยังหวาดกลัว หากผู้ใดได้ครอบครองซากช้างน้ำแล้ว เมื่อเข้าไปในป่าแล้วจะปลอดภัย สัตว์ป่าดุร้ายจะไม่มีมาคุกคาม

จนกระทั่งในต้นปี พ.ศ. 2552 ช้างน้ำก็กลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง เมื่อผู้ใหญ่บ้านที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ได้เปิดเผยว่ามีทหารกะเหรี่ยงพุทธนำซากช้างน้ำมาขาย โดยเชื่อว่าหากนำมาขายที่ฝั่งไทยแล้ว จะมีราคาสูงถึง 3-5 ล้านบาท(เเพงมาก) ผู้ที่ซื้อส่วนใหญ่ซื้อมาเก็บไว้เป็นสิริมงคล รวมทั้งได้มีพระภิกษุชาวกะเหรี่ยงรูปหนึ่งในฝั่งพม่า ตรงข้าม อำเภอแม่สอด อ้างว่าได้มีชาวบ้านนำช้างน้ำมามอบให้ 1 เชือก ซึ่งเพิ่งเสียชีวิตได้เพียงไม่กี่วัน โดยชาวบ้านคนดังกล่าวไปพบช้างน้ำที่บริเวณหนองน้ำในหมู่บ้านโกเซนา จังหวัดผะอัง ในรัฐกะเหรี่ยง ขณะไปหาอาหารและปลาในป่าลึกในเมืองและได้พบช้างน้ำที่ริมหนองน้ำจึงเก็บมาบ้านและได้เสียชีวิตในเวลาต่อมาชาวบ้านคนดังกล่าวได้มาพบตนเองขณะออกธุดงค์ในป่าลึกจึงได้นำมามอบให้เพื่อเป็นสิริมงคล เพราะช้างน้ำถือว่าเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่พบแห่งเดียวในโลก คือที่ รัฐกะเหรี่ยง และพระภิกษุรูปนี้ยังได้ยืนยันว่า ช้างน้ำมีจริงเพราะตนเองเคยพบช้างน้ำมาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดคือก่อนปี พ.ศ. 2550 โดยพบเป็นซากขายที่ชายแดนจังหวัดเมียวดี

อย่างไรก็ตามในวันที่ 2 กันยายน ปีเดียวกันนี้ นายวราวุธ สุธีธร ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซากดึกดำบรรพ์และพิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยา กรมทรัพยากรธรณี ได้กล่าวว่า ถึงกรณีชาวบ้าน ตำบลวาเล่ย์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก พบสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายช้างขนาดเล็กว่า แต่เมื่อพิจารณาดูภาพฟิล์มเอ็กซเรย์(รูป2) พบว่าโครงร่างโดยรวมมีลักษณะเหมือนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจำพวกกัดแทะที่เรียกว่า โรเดนท์ เช่น หนู กระรอก หรือบีเวอร์ โดยเฉพาะส่วนหัว บริเวณกรามล่าง ใต้งา จะเห็นชัดเจนเลยว่าฟันมีลักษณะเป็นซี่ มีฟันหน้าที่ยื่นยาวออกไป รวมถึงโครงกระดูกส่วนอื่นนั้นก็มีลักษณะแตกต่างจากของช้างโดยสิ้นเชิง คาดว่าน่าจะเป็นซากสัตว์จำพวกหนูแล้วไปต่อเติมงวงและเสียบงาเข้าไปภายหลัง

ส่วน รองศาสตราจารย์สมโภชน์ ศรีโกสามาตร ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า อาจเป็นสัตว์จำพวกหนูผี เนื่องจากตรงที่ฟันมีลักษณะเป็นซี่แหลมยื่นออกมา และที่บริเวณขาและเท้ามีลักษณะยาว เห็นนิ้วเท้าเป็นซี่ 4-5 นิ้ว และมีเล็บ (อาจมีการกลายพันธุ์อะไรนิดหน่อยเเบบนี้ อิอิ)

74  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / ร้อยภูติ พันวิญญาณ / Re: ปรากฏการโพลเทอร์ไกสท์ในร้านอาหาร วีดีโอจากกล้องวงจรปิด เมื่อ: 01 กันยายน 2557 13:22:32

อีกหนึ่งเหตุการณ์ของโพลเทอร์ไกสท์
กับเก้าอี้เลื่อนเองกลางดึกในโรงละคร

<a href="http://www.yakbok.com/Store/File/140.mp4" target="_blank" class="new_win">http://www.yakbok.com/Store/File/140.mp4</a>


75  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / ร้อยภูติ พันวิญญาณ / Re: เจ้าหญิงนิทรา โรซาเลีย กระพริบตา สยอง เมื่อ: 01 กันยายน 2557 13:19:20


<a href="http://www.yakbok.com/Store/File/135.mp4" target="_blank" class="new_win">http://www.yakbok.com/Store/File/135.mp4</a>


76  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / ร้อยภูติ พันวิญญาณ / เจ้าหญิงนิทรา โรซาเลีย กระพริบตา สยอง เมื่อ: 01 กันยายน 2557 13:18:15
เจ้าหญิงนิทรา โรซาเลีย กระพริบตา สยอง



เจ้าหญิงนิทรา ในปี 1920 โรซาเลีย เสียชีวิตจาก โรคปอดบวม หลังจากการตาย เธอถูกดองโดยสัปเหร่อ ล่าสุดกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไปแล้ว
และเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดเมื่อ โรซาเลีย "กระพริบตา" ภายในโลงแก้วของเธอหลังจากเสียชีวิตไปเกือบร้อยปี






77  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / ร้อยภูติ พันวิญญาณ / ปรากฏการโพลเทอร์ไกสท์ในร้านอาหาร วีดีโอจากกล้องวงจรปิด เมื่อ: 01 กันยายน 2557 13:13:39

ปรากฏการโพลเทอร์ไกสท์ในร้านอาหาร วีดีโอจากกล้องวงจรปิด

โพลเทอร์ไกสท์ (เยอรมัน: Poltergeist) เป็นชื่อเรียกปรากฏการณ์ชนิดหนึ่ง ที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน คำว่า "โพลเทอร์ไกสท์" มาจากภาษาเยอรมันคำว่า "Poltern" หมายถึง "ก่อความรำคาญหรือเอะอะมะเทิ่ง" และคำว่า "Geist" หมายถึง "ผี" เมื่อรวมความแล้ว คำว่า "โพลเทอร์ไกสท์" พอจะแปลความหมายได้ว่า "ผีที่น่ารำคาญหรือส่งเสียงดัง"

ปรากฏการณ์โพลเทอร์ไกสท์จะแสดงออกด้วยการเคลื่อนข้าวของภายในบ้าน โดยที่ไม่มีใครไปเคลื่อนย้าย ซึ่งปรากฏการณ์เช่นนี้จะปรากฏในบ้านของโลกตะวันตก จึงมีความเชื่อกันว่าเป็นการกระทำของผี ซึ่งจะไม่ถึงขั้นหลอกหลอนมนุษย์จนขวัญผวา เพียงแค่ทำให้ตกใจเล่นเท่านั้น แต่ในบางกรณีก็อาจรุนแรงถึงขั้นทำให้ข้าวของเสียหายหรือเกิดเป็นรอยข่วน รอยกัดตามร่างกายมนุษย์ก็มี บางครั้งปรากฏการณ์โพลเทอร์ไกสท์อาจเกิดติดต่อกันเป็นวัน ๆ แต่นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่า โพลเทอร์ไกสท์ เป็นการกระทำที่เกิดจากมนุษย์เอง โดยเกิดจากความกดดัน โดยเฉพาะในวัยรุ่น เชื่อว่าเป็นลักษณะของการใช้พลังจิตแบบที่เคลื่อนย้ายสิ่งของ ที่เรียกว่าไซโคคิเนซิส (Psychokinesis) นั่นเอง โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว ขณะที่นักวิชาการชาวญี่ปุ่น โอทสึ โยะชิฮิโกะ แห่งมหาวิทยาลัยวะเซะดะ ที่ศึกษาเรื่องเหนือธรรมชาติต่าง ๆ เห็นว่า โพลเทอร์ไกสท์เป็นปรากฏการณ์ของพลาสมา คือ ไฟฟ้าสถิตที่ไหลวนอยู่ในอากาศ ซึ่งปรากฏการณ์แบบนี้เป็นปรากฏการณ์เดียวกับการเกิด "ลูกไฟวิญญาณ" หรือ "ฮิโตะดะมะ" (ญี่ปุ่น: 人魂) ตามความเชื่อของชาวจีนและชาวญี่ปุ่นนั่นเอง

และด้านล่างนี่คือหนึ่งในวีดีโอโพลเทอร์ไกสท์ที่โด่งดัง

<a href="http://www.yakbok.com/Store/File/141.mp4" target="_blank" class="new_win">http://www.yakbok.com/Store/File/141.mp4</a>

เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น เมื่อลูกค้าได้ยินเสียง บางอย่าง เมื่อเธอหันไปรอบๆ ไม่มีใครนั่งอยู่หรือเรียกเธอ ทันทีที่เธอเดินออกจากโต๊ะไป จะพบว่า มีด เก้าอี้ เมนู ผ้าเช็ดปาก เคลื่อนไหว ทำให้เป็นที่สนใจแก่พนักงงานร้านอาหาร และลูกค้าที่กำลังใช้บริการ จะเห็นได้จากปฏิกิริยาที่ลูกค้าตกใจเมื่อมีจานร่วงจากโต๊ะ




78  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ / รถมรณะดูดวิญญาน อาถรรพ์เครื่องจักรสี่ล้อที่สูบชีวิตคนมามากมาย เมื่อ: 01 กันยายน 2557 13:06:04
รถมรณะดูดวิญญาน



- 28 มิถุนายน 1914 อาร์คดยุคเฟอร์ดินานด์ เจ้าชายแห่งออสเตรียเจ้าของรถคันแรกถูกยิงจนสิ้นพระชนม์พร้อมพระชายา เป็นชนวนเกิดสงครามโลกกครั้งที่1
- ผู้ว่าการรัฐยูโกสลาเวียประสบอุบัติเหตุจนเสียแขนขวาจากการเป็นเจ้าของรถมรณะต่อจากเจ้าชาย
- นายแพทย์คนสนิทผู้ว่า เสียชีวิตอนาถจากอุบัติเหตุจนโดนเจ้ารถคนนี้ทับบี้อยู่ใต้ท้องรถ
- นักแข่งชาวสิสผู้ครอบครองคนต่อมาใช้รถมรณะเป็นรถแข่งคู่ใจ ก็สิ้นชีพดับสยองคาสนามจากอุบัติเหตุในสนาม
- ถูกนำไปโชว์ในพิพิธพันฑ์แห่งชาติเกี่ยวกับความลี้ลับและน่ากลัวของรถคันนี้ ก่อนโดนถล่มด้วยระเบิดจากสรงครามโลกครั้งที่ 2 และไม่มีใครพบเห็นมันอีกเลย….



79  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี / ตำนานลึกลับ ผีจ้างหนัง เมื่อ: 25 สิงหาคม 2557 11:42:44
ตำนานลึกลับ ผีจ้างหนัง




คำชะโนด คือป่าที่เต็มไปด้วยเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เรื่องลี้ลับ เรื่องอาถรรพ์ และมันคือป่าที่มีตำนาน ที่ชาวไทยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และชาวลาวให้ความนับถือ เพราะเชื่อกันว่าเป็นที่ตั้งของเมืองนาคินทร์ และวังพญานาค ต้นตำนานแม่น้ำโขง เป็นป่าที่มีความน่าสนใจในแง่พฤกษศาสตร์ ที่โลกต้องทึ่ง!!! กับต้นคำชะโนดที่มีอายุนับหลายร้อยปี และมีอยู่ที่เดียว ณ ป่าคำชะโนด แห่งนี้แห่งเดียวเท่านั้น

ป่าคำชะโนด แห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ราว 20 ไร่ ณ ต.วังทอง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ป่าคำชะโนด ที่ตั้งตามลักษณะภูมิประเทศ เนื่องจากบริเวณนั้นมีต้นชะโนด (อยู่ในตระกูลเดียวกับปาล์ม คล้ายๆ ต้นตาล ต้นหมาก หรือไม่ก็ต้นมะพร้าว แต่สูงกว่า) ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น มองไปทางไหนก็เห็นแต่ทิวชะโนดสูงเด่นเป็นสง่า ปี 2520 เป็นครั้งแรกที่ชาวบ้านได้ทำการสำรวจจำนวนต้นชะโนดในป่าแห่งนี้ มีอยู่ราว 2,000 กว่าต้น จนมาถึงปี 2544 ชาวบ้านสำรวจอีกครั้งพบว่าต้นชะโนดลดลงเหลือเพียง 1,865 ต้น ถึงกระนั้นที่นี่ยังคงความเย็นชื้นและให้บรรยากาศวังเวงเหมือนเดิม แต่ที่น่าแปลกใจคือ หากพ้นจากดงชะโนดแห่งนี้ไป ห่างกันแค่ไม่ถึง 300 เมตร ก็ไม่มีต้นชะโนดปรากฏให้เห็นแม้แต่ต้นเดียว นี่เองจึงทำให้ผืนดินราว 20 ไร่ ถูกตั้งฉายาให้เป็นป่าแห่งชะโนดขนานแท้ และมีเรื่องเล่าต่างๆ นามาแต่โบราณ

ตำนานลึกลับ – ผีจ้างหนัง
“เคยมีคนคิดเอาต้นชะโนดไปปลูกที่อื่นนะ แต่ไม่นานก็ต้องเอากลับมาคืนที่เดิม เพราะชีวิตการงานไม่ก้าวหน้า ชีวิตครอบครัวมีแต่ความเดือดร้อน ขนาดว่าแค่เอาเมล็ด หรือส่วนใดส่วนหนึ่ง อาจจะเป็นใบแห้งๆ ออกจากป่า สุดท้ายต้องเอามาคืนกันหมด” ทองอินทร์ ปักเสติ ชาวบ้านโนนเมือง ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้ๆ กับป่าคำชะโนด กล่าว นี่ก็เป็นเรื่องเล่าของป่าอาถรรพ์แห่งนี้

ป่าอาถรรพ์แห่งนี้ได้กลายเป็นสถานที่เลื่องชื่อเรื่องของความน่ากลัวชั่วข้ามคืน เพราะเรื่องเล่า “ผีจ้างหนังที่คำชะโนด” (คนอีสานเรียก ผีบังบด หรือเมืองลับแล ไม่สามารถมองเห็นได้ทั่วไป นอกเสียจากว่าจะมีอะไรดลใจให้เห็น) มีเรื่องเล่าว่าโดยเมื่อปี พ.ศ.2532 ธงชัย แสงชัย เจ้าของบริษัทหนังเร่ดังกล่าว ได้เล่าว่า ตนเองถูกว่าจ้างจากใครคนหนึ่งให้ไปฉายหนังกลางแปลงที่งานวัด ที่หมู่บ้านวังทอง แถวป่าคำชะโนด ด้วยจำนวนเงิน 4,000 บาท แต่มีข้อแม้คือ ต้องฉายจบแค่ตี 4 ของวันใหม่ และให้ออกจากหมู่บ้านก่อนฟ้าสาง โดยห้ามหันหลังกลับมามอง…

หลังจากที่วางเงินมัดจำเสร็จ เจ้าของหนังก็จัดแจงเตรียมของอุปกรณ์สัมภาระ ฟิล์มหนังที่จะนำไปฉาย ไปกับลูกน้องอีก 4 รวมเป็น 5 คน โดยขึ้นรถบรรทุก 6 ล้อมีหลังคา ออกจากตัวจังหวัดบ่ายแก่ ๆ ขับรถเข้าไปแถวป่าคำชะโนดก็เริ่มมืด ยิ่งขับไปทางเส้นทางตามที่ผู้ว่าจ้างบอกก็ไม่เห็นว่าจะเจอหมู่บ้านหรือคนที่จะมารับ จึงนึกว่าหลงกัน ระหว่างจอดรถว่าจะย้อนกลับไปดีหรือไม่ ก็มีผู้หญิง 2 คนใส่ชุดดำมาร้องเรียกว่าจะนำไปที่วัด คนขับที่เป็นเจ้าของหนังก็รับขึ้นรถ แต่แกก็สงสัยว่า 2 คนนี้โผล่มาจากไหนในที่มืดๆ อย่างนี้ พาหนะอะไรก็ไม่มี

เมื่อขับเข้าไปในหมู่บ้านก็ยิ่งให้ชวนสงสัยใหญ่ว่า ทำไมไม่มีเสียงลำโพงออกมาจากงานวัด ไม่มีเสียง หมอลำ หรือการละเล่นอะไรเลย พอไปถึงหมู่บ้านก็มีคนมารับ แต่แปลกว่าทุกคนจะใส่เสื้อสีขาวกับดำ ถ้าเป็นผู้ชายใส่ชุดขาว ผู้หญิงใส่ชุดดำแยกให้เห็นชัดเจนแม้แต่เด็ก แต่ที่แปลกทุกคนจะทาหน้าขาวหมดเหมือนใช้ครีมพอกหน้าเป็นที่หน้าสงสัยว่าพวกเขานั้นทำไมแต่งชุดอย่างนั้นเพราะไม่มีใครใส่เสื้ออย่างอื่นเลยนอกจากชุดขาวและดำ

เมื่อถึงที่แล้วทุกคนก็เริ่มตั้งจอภาพยนตร์ เดินสายไฟ และเปิดเครื่องปั่นไฟ ระหว่างที่กำลังกุลีกุจอติดตั้งก็เริ่มเห็นผู้คนทยอยมานั่งดูหนัง แต่จะแยกชายหญิงชัดเจน ไม่นั่งรวมกัน และปกติของงานวัดจะต้องมีแม่ค้าแม่ขายมาขายน้ำ ขายถั่ว ขายปลาหมึกย่าง แต่ที่นี่กลับไม่มีแม่ค้าสักคน พอติดตั้งเสร็จก็เริ่มฉายหนัง หนังที่เอาไปฉายมี 4 เรื่อง เรื่องแรกเป็นหนังสงคราม เรื่องที่ 2 เป็นหนังตลกแอ็คชั่น เรื่องที่ 3 กับ 4 เป็นหนังผี ระหว่างฉายคนพากย์ก็พยายามพากย์ยิงมุกตลกๆ แต่ไม่มีใครหัวเราะหรือแสดงอารมณ์อย่างใดเลย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไปฉายที่ไหน คนก็จะหัวเราะตลอด

จนเริ่มฉายเรื่องที่ 3 ที่เป็นหนังผี สังเกตท่าทางคนที่มาดูเริ่มตั้งใจดู ทั้งที่บรรยากาศตอนนั้นก็เที่ยงคืนดูน่ากลัวมากๆ ระหว่างนั้นทางเจ้าภาพก็จัดข้าวต้มถ้วยเล็กมาให้ทีมงานฉายหนังกินกัน ทางทีมงานเห็นแล้วก็ละเหี่ยใจ มีแต่ข้าวต้มซีดๆ กะเนื้อชิ้นเล็กๆ แต่เพื่อไม่ให้เป็นการเสียน้ำใจ ทางทีมงานก็เลยกินกัน ปรากฎว่าเป็นข้าวต้มที่อร่อยที่สุดที่เคยกินกันมา หลังจากฉายหนังจบถึงตี 2 ผู้คนก็แยกย้ายกันกลับ แป๊บเดียวก็สลายไปหมด ไม่มีใครเหลืออยู่เลย ทางทีมงานก็เก็บอุปกรณ์ขึ้นรถ โดยมีผู้หญิงสองคนนั่งรถออกมาส่ง ก่อนจะร่ำลาก็จ่ายค่าจ้างที่เหลือซึ่งเป็นเงินเหรียญทั้งหมด พอออกมาส่งถึงปากซอยผู้หญิงสองคนนั้นลงจากรถ พอรถออกตัวคนขับที่เป็นเจ้าของหนังกลางแปลงหันกลับมาดูก็ไม่เห็นผู้หญิง 2 คนนั้นแล้ว

หลังจากกลับมาถึงบริษัท ธงชัย ก็เกิดความสงสัย จึงเช็คประวัติกับผู้ว่าจ้างที่ถ่ายเอกสารให้ตอนวางมัดจำ ก็พบตัวว่ามีชื่อนี้จริง แต่เจ้าตัวบอกว่าไม่เคยไปว่าจ้างใครไปฉายหนังตามวันและเวลาที่บอก เมื่อสงสัยจัดก็เลยสอบถามไปยังเจ้าอาวาสวัดที่เอาหนังไปฉาย ทางเจ้าอาวาสก็บอกว่าในวันนั้นที่วัดไม่ได้มีการจัดงานแต่อย่างใด แต่เจ้าอาวาสเล่าว่า ในคืนวันที่เจ้าของหนังมาบอกว่ามีการฉายหนัง ที่ป่าคำชะโนดจะมีเสียงซู่ๆ เหมือนกับมีพายุพัดเข้ามา ทั้งๆ ที่คืนนั้นไม่มีลมใหญ่พัดมาจากไหนเลย ทำให้เจ้าของหนังนั้นแปลกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยากมาก และยังหาคำตอบว่าใครที่จ้างหนังไปฉายที่ป่าคำชะโนดไม่ได้

นอกจากจะมีเรื่องเล่าผีจ้างหนังที่ป่าคำชะโนดแล้ว ผืนป่าแห่งนี้ยังมีเรื่องน่าประหลาดอีกเรื่องคือ เวลาน้ำแล้งก็จะเห็นว่าดินเชื่อมต่อกันไม่มีอะไร แต่เวลาน้ำท่วม ที่ดินรอบๆ จะท่วมหมด แต่ปรากฏว่าป่านี้น้ำไม่ท่วม น้ำขึ้นสูงอย่างไรก็ไม่ท่วม ชาวบ้านจึงเชื่อว่า เกาะนี้ลอยน้ำได้ และเชื่อว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะเจ้าที่เป็นคนทำไม่ให้ผืนป่าแห่งนี้จมน้ำ

ขณะที่ ทองอินทร์ ปักเสติ ชาวบ้านโนนเมือง ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้ๆ กับป่าคำชะโนด ได้ย้อนถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในป่าคำชะโนดอีกหนึ่งเรื่องเล่าของป่าแห่งนี้ ซึ่งคนภายนอกฟังดูอาจคิดว่าเป็นเรื่องอุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อหลอกให้คนกลัวกันเล่นๆ สำหรับชาวบ้านที่อยู่มานานนมกลับเชื่อสนิทใจ ไม่ใช่นิทานปรัมปรา หรือนิยายประโลมโลก แต่นั่นคือแรงศรัทธาที่ชาวบ้านมีต่อป่าอันลี้ลับและเต็มไปด้วยเรื่องเล่ามากมาย

เดิมทีคนท้องถิ่นจะเรียกที่นี่ว่า “วังนาคินทร์คำชะโนด” ที่มาก็คือมีบ่อน้ำอยู่กลางดงชะโนด เป็นบ่อน้ำขนาดเล็กๆ แต่กลับมีน้ำซึมออกมาตามธรรมชาติตลอดเวลา ทำให้ชาวบ้านเชื่อกันว่าบ่อน้ำประทานมาให้โดยพญานาคที่อาศัยอยู่ในบริเวณผืนป่า สำหรับบ่อน้ำในป่าคำชะโนด ว่ากันว่าเป็นบ่อน้ำที่ความศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก ชาวบ้านเชื่อกันอย่างนั้น มีหลายคนเคยลองอธิษฐานตรงหน้าบ่อน้ำก็ได้ตามประสงค์ บางคนเจ็บป่วยไปดื่มหรืออาบโรคร้ายก็หายเป็นปลิดทิ้ง สร้างความอัศจรรย์ใจยิ่งนัก แต่นั่นไม่ใช่ทุกคน อยู่ที่ความเชื่อมีมากน้อยแค่ไหน หลายคนไม่เชื่อแถมยังลบหลู่ ตักน้ำจากบ่อแล้วนำมาล้างเท้าแทนที่จะหายป่วยไข้กลับทุกข์ทรมานซ้ำหนักกว่าเดิม

เช่นเดียวกับใครที่อยากจะเข้าไปสัมผัสป่าลี้ลับคำชะโนดก็ต้องสำรวมและปฏิบัติตามข้อห้ามอื่นๆ เป็นต้นว่า ห้ามใส่รองเท้าทั่วทั้งบริเวณป่า หมวก แว่นตา ร่ม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ ห้ามเด็ดขาด เพราะสิ่งเหล่านี้คือการดูถูกดูหมิ่นต่อผู้ปกปักรักษาผืนดิน

“แต่ก่อนห้ามใส่เสื้อสีแดงด้วย ไม่ได้เลยนะ ใครใส่เข้ามานี่เป็นเรื่อง อยู่ไม่ได้นานหรอก ต้องรีบออกไป ไม่รู้เพราะอะไร เหมือนท่านไม่ชอบ แต่พอหลวงปู่ (หลวงตาคำ สิริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดศรีสุทโธ วัดละแวกป่าคำชะโนด) ได้ทำพิธีขอยกเว้นตอนหลังก็ใส่ได้” ทองหล่อ ตลิ่งชัน กำนันตำบลวังทอง กล่าว


80  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ จิบกาแฟ / Re: ชาวบ้านแห่พิสูจน์ข้อเท็จจริง สุนัขพูดได้ที่ชัยภูมิ เมื่อ: 25 สิงหาคม 2557 11:38:27


ชาวบ้านชัยภูมิแห่พิสูจน์ พบ "หมาพูดได้"




หน้า:  1 2 3 [4] 5 6 ... 26
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.231 วินาที กับ 27 คำสั่ง

Google visited last this page 25 กันยายน 2566 18:31:12