[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 19 มิถุนายน 2561 12:42:37



หัวข้อ: หลวงปู่ไข่ อินทสโร วัดบพิตรพิมุขวรวิหาร (วัดเชิงเลน) กรุงเทพฯ
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 19 มิถุนายน 2561 12:42:37
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/87389674327439_4.jpg)
หลวงปู่ไข่ อินทสโร
วัดบพิตรพิมุขวรวิหาร (วัดเชิงเลน) แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ

"หลวงปู่ไข่ อินทสโร" วัดบพิตรพิมุขวรวิหาร (วัดเชิงเลน) แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ อดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง มีพลังจิตที่เข้มขลัง นามของท่านจึงขจรขจายไปไกล

เป็นชาวแปดริ้ว เกิดเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2400 ที่ ต.ท่าไข่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา บิดา-มารดา ชื่อ นายกล่อม และนางบัว จันทร์สัมฤทธิ์

อายุ 6 ขวบ บิดานำไปฝากกับหลวงพ่อปาน วัดโสธรฯ เพื่อให้เรียนหนังสือ ต่อมาจึงได้บวชเป็นสามเณร ได้ฝึกหัดเทศน์จนมีชื่อเสียงในทางเทศน์มหาชาติ เมื่อหลวงพ่อปาน มรณภาพจึงเดินทางไปอยู่กับพระอาจารย์จวง วัดน้อย อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี

อายุ 15 ปี พระอาจารย์จวงมรณภาพ จึงเดินทางมาจำพรรษาอยู่ที่วัดหงษ์รัตนาราม เขตบางกอกใหญ่ เรียนพระปริยัติธรรมอยู่ 3 ปี แล้วจึงย้ายไปอยู่กับพระอาจารย์เอี่ยม วัดลัดด่าน จ.สมุทรสงคราม

ศึกษาพระธรรมวินัยและพระปริยัติธรรม จนอายุครบบวช เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดลัดด่าน โดยมีพระอาจารย์เนตร วัดบ้านแหลม สมุทรสงคราม เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์เอี่ยม วัดลัดด่าน เมืองสมุทรสงคราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์ภู่ วัดบางกะพ้อม เมืองสมุทรสงคราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์

หลังจากนั้น เรียนวิปัสสนากัมมัฏฐานกับพระอาจารย์รูปหนึ่งที่เมืองกาญจนบุรี แล้วจึงกลับมาอยู่ที่วัดลัดด่านอีกครั้งหนึ่ง

ออกธุดงค์เป็นประจำทุกปีรวมระยะ 15 ปี เวลาท่านธุดงค์ผ่านไปทางใด ถ้ามีผู้คนทุกข์ยากหรือเจ็บไข้ได้ป่วย ท่านก็ช่วยรักษาให้หายโดยตลอด เกียรติคุณของท่านเป็นที่รู้จัก จนมาถึงกรุงเทพฯ จึงมีผู้มานิมนต์ให้จำพรรษาอยู่ที่วัดบางยี่เรือ 1 พรรษา แล้วก็ออกธุดงค์ไปในป่าอีก

ต่อมา เดินทางเข้ากรุงเทพฯ และเห็นว่าวัดบพิตรพิมุข (วัดเชิงเลน) เป็นวัดที่เงียบสงบดี จึงได้เข้ามาจำพรรษาอยู่ที่วัดพบิตรพิมุขตลอดมา

ระหว่างจำพรรษาอยู่วัดบพิตรพิมุข ได้ปฏิบัติทางธรรมและสร้างการกุศลหลายประการ อาทิ สอนพระกัมมัฏฐานแก่บรรพชิตและฆราวาส ช่วยอนุเคราะห์แก่ ผู้เจ็บไข้ได้ทุกข์ บริจาคทรัพย์ส่วนตัวและชักชวนบรรดาศิษย์และผู้ที่คุ้นเคยให้มาร่วมทำบุญ เช่น สร้างพระพุทธปฏิมา ซ่อมพระพุทธรูปของเก่าที่ชำรุดหักพังให้ดีขึ้น สร้าง พระไตรปิฎก โดยหลวงปู่ไข่ลงมือจารใบลานด้วยตนเองบ้าง ให้ช่างจารขึ้นบ้าง ซ่อมแซมกุฏิที่ชำรุดทรุดโทรมให้ดีขึ้น สร้างกุฏิเป็นห้องแถวไม้ขึ้นอีกหลายกุฏิ ทั้งได้สร้างถนน สระน้ำ ถังรับน้ำฝน ขึ้นภายในบริเวณวัด สร้างแท่นสำหรับนั่งพักภายในคณะกุฏิให้เป็นที่สะดวกแก่พระภิกษุสามเณรที่อาศัยอยู่ในคณะนั้น เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังปรากฏว่าเมื่อครั้งจำพรรษาอยู่ตามหัวเมือง ก็ได้สร้างและปฏิสังขรณ์วัดต่างๆ มาแล้วหลายแห่ง

ด้านวัตถุมงคล สร้างพระเครื่อง พระปิดตา และเหรียญรูปเหมือนไว้ให้แก่ศิษย์ ซึ่งปัจจุบันเป็นพระที่หายากมาก นอกจากนี้ ยังมีพระกลีบบัวอรหัง ซึ่งสร้างไว้ประมาณปี พ.ศ.2470 จำนวนมาก

เป็นพระที่สมถะใฝ่สันโดษไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร ท่านยังมีชื่อเสียงด้านการเทศน์มหาชาติ อีกทั้งยังมีความสามารถทางแพทย์แผนโบราณ ศิษย์ของท่านมีทั้งไทย จีน และแขกซิกข์ เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยมักจะมาหาท่านให้ช่วยรักษา ซึ่งท่านก็จะช่วยรักษาทุกครั้ง ไม่เคยแบ่งแยกชาติ ศาสนา เชื้อตระกูล จิตใจของท่านใสบริสุทธิ์

ราวปี พ.ศ.2470 หลวงปู่ไข่ เตรียมบาตร กลด และย่าม เพื่อจะออกธุดงค์ แต่บรรดาศิษย์ทั้งหลาย ปรึกษาหารือกันว่า หลวงปู่ไข่ชราภาพมากแล้ว จึงได้นิมนต์ยับยั้งไว้ โดยขอให้หลวงปู่ไข่อยู่วิปัสสนากัมมัฏฐานแก่บรรดาศิษย์ต่อไป

หลวงปู่ไข่ เริ่มอาพาธด้วยโรคชรา ครั้นวันที่ 16 ม.ค.2475 เวลา 13.25 น. ถึงแก่มรณภาพอย่างสงบ
   

อริยะโลกที่ 6 ข่าวสดออนไลน์