[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ห้องสมุด => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 15 ตุลาคม 2566 15:21:12



หัวข้อ: อิสราเอล ประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 15 ตุลาคม 2566 15:21:12
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/89555760183268_Jerusalem_Dome_of_the_rock_BW_.JPG)
กรุงเยรูซาเลม เมืองที่ใหญ่ที่สุดและมีประชากรมากที่สุดของประเทศอิสราเอล
ตั้งอยู่บนที่ราบของภูเขายูดาห์ ระหว่างทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกับทะเลเดดซี

(ภาพจาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)

อิสราเอล ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน

ประเทศอิสราเอล มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า รัฐอิสราเอล เป็นประเทศในตะวันออกกลางและเอเชียตะวันตกเฉียงใต้บนชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและชายฝั่งเหนือของทะเลแดง มีเขตแดนทางบกติดต่อกับประเทศเลบานอนทางทิศเหนือ ประเทศซีเรียทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ประเทศจอร์แดนทางทิศตะวันออก ดินแดนเวสต์แบงก์และฉนวนกาซาของปาเลสไตน์ทางทิศตะวันออกและตะวันตกตามลำดับ และประเทศอียิปต์ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้

ประเทศอิสราเอล คือ ดินแดนที่เป็นแหล่งกำเนิดชนชาติยิว ซึ่งมีชื่อเรียกว่า เอเรตซ์อิสราเอล อันเป็นที่เกิดของประวัติศาสตร์ยาวนานของชาติ โดยที่ช่วง ๑,๐๐๐ ปีแรกได้มีจารึกไว้ในคัมภีร์ไบเบิลว่าที่นั่นเป็นจุดเริ่มของเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ศาสนา และเชื้อชาติ รวมถึงการตั้งถิ่นฐานของชาวยิวดำเนินติดต่อกันมานานนับศตวรรษมีภูมิลักษณ์หลากหลายแม้มีพื้นที่ค่อนข้างเล็ก เทลอาวีฟเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของประเทศ ส่วนที่ตั้งรัฐบาลและเมืองหลวงตามประกาศคือ เยรูซาเลม แม้อำนาจอธิปไตยของรัฐเหนือเยรูซาเลมแต่ยังไม่มีการรับรองในระดับนานาประเทศ

แม้ว่าในภายหลังชาวยิวส่วนใหญ่จะถูกเนรเทศออกจากดินแดนแห่งนี้ก็ตาม แต่ชาวยิวที่กระจัดกระจายไปตามที่ต่างๆ ก็ไม่เคยลืมความผูกพันที่มีต่อดินแดนแห่งนี้ และเมื่อมีการสถาปนาประเทศอิสราเอลขึ้นมาในปีพุทธศักราช ๒๔๙๑ อิสรภาพของชาวยิวที่สูญหายไปกว่า ๒,๐๐๐ ปีก็ได้กลับคืนมา


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/39440275438957_245350286_351152356788942_8811.jpg)
อิสราเอลพบนิคมผลิตไวน์เก่าแก่นับพันปี ใหญ่สุด ยุคอาณาจักรไบแซนไทน์
(ภาพจาก เว็บไซต์ ข่าวสดออนไลน์)

ประเทศอิสราเอลเป็นประเทศที่มีการขุดค้นทางประวัติศาสตร์มากที่สุดในโลก ประมาณ ๓๐๐ แห่งในแต่ละปี ทุกปีจะพบโบราณวัตถุประมาณ ๔๐,๐๐๐ ชิ้น และ ๑ ใน ๓ ของที่พบนั้นมีหลักฐานของคริสเตียนโบราณแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์เมื่อ ๒,๐๐๐ ปีก่อนรวมอยู่ด้วย   โบราณคดีในอิสราเอลเป็นสิ่งสำคัญที่เชื่อมโยงเรื่องราวในอดีตและปัจจุบันของประเทศนี้ โดยได้มีการขุดพบโบราณสถานกว่า ๓,๕๐๐ แห่ง ที่มีอายุย้อนไปหลายพันปี สิ่งต่างๆ ที่ค้นพบยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างชนชาติยิวและดินแดนอิสราเอลที่มีมายาวนาน ซึ่งนั่นรวมถึงคอกสัตว์ของพระเจ้าโซโลมอนในเมกิดโด (ณ หุบเขาเจสริล) บ้านเรือนของยิวในเมืองของกษัตริย์เดวิด (กรุงเยรูซาเล็ม) สถานที่อาบน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มาซาดา โบสถ์ยิวจำนวนมาก และม้วนอักขระโบราณจากทะเลสาบเดดซี ซึ่งบันทึกบทอิสไซอาห์จากพระคัมภีร์ไบเบิลด้วยภาษาฮิบรูที่ยังคงอ่านได้ในปัจจุบัน

การขุดค้นโบราณสถานยังได้แสดงให้เห็นถึงร่องรอยของอารยธรรมอื่นๆ ที่เข้ามาในดินแดนแห่งนี้เป็นเวลานับร้อยๆ ปี สิ่งที่ค้นพบได้รับการจดบันทึกไว้ ส่วนโบราณสถานได้รับการอนุรักษ์และทำเครื่องหมายไว้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อนักวิชาการและผู้มาเยี่ยมชม

ประเทศอิสราเอลจึงมีวัฒนธรรมทั้งเก่าและใหม่ผสมผสานกัน กล่าวคือ วัฒนธรรมโบราณของยิวที่เก่าแก่กว่า ๔,๐๐๐ ปี และวัฒนธรรมใหม่ที่เกิดจากการหลั่งไหลของชาวยิวจากทั่วโลกที่กลับเข้าไปตั้งถิ่นฐานในอิสราเอลภายหลังการก่อตั้งรัฐอิสราเอล เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๔๙๑


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/50107085580627_392932926_1718662298649443_145.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/34331196339593_392939667_1718662328649440_229.jpg)

ข้อมูลน่ารู้ของอิสราเอล
ประเทศอิสราเอลมีเมืองหลวงชื่อเทลอาวีฟ นอกจากนี้ยังมีเมืองสำคัญอย่าง เยรูซาเล็ม ไฮฟา เอลัท และเบียร์เชวา มีจำนวนประชากรประมาณ ๙.๔ ล้านคน (สถานะ ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔) ร้อยละ ๙๐ อาศัยอยู่ในเขตเมืองที่ทันสมัย แต่ก็มีบางส่วนที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองเก่า ส่วนประชากรอีกร้อยละ ๖ อยู่ในชนบท โดยเป็นสมาชิกสหกรณ์ ๒ ลักษณะคือ คิบบุตซ์ และโมชาฟ

ปัจจุบันชาวอิสราเอลมีหลายชาติพันธุ์ ทั้งชาวยิว และชนอาหรับพื้นเมือง รวมทั้งชาวยิวที่อพยพมาจากยุโรป แอฟริกา เอเชีย และประเทศตะวันออกกลางอื่นๆ ประชากรส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ๆ อาทิ เทลอาวีฟ เยรูซาเล็ม และไฮฟา ที่เหลือกระจัดกระจายตามพื้นที่การเกษตรทั่วประเทศ ชาวอิสราเอล ร้อยละ ๖๙.๘ นับถือศาสนายูดาย (Judaism) ที่เหลือนับถือศาสนาอิสลาม (๑๔%) คริสต์ (๒%)

ชาวอิสเราเอลใช้ภาษาฮิบรู (Hebrew)  และ Arabic เป็นภาษาราชการ ทั้งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี

อิสราเอลมีพื้นที่ ๒๗,๘๐๐ ตารางกิโลเมตร (รวมพื้นที่ของฝ่ายปาเลสไตน์) จากเหนือถึงใต้มีความยาว ๔๗๐ กิโลเมตร สามารถเดินทางด้วยรถยนต์จากเหนือสุดถึงใต้สุดใช้เวลา ๙ ชั่วโมง จากตะวันตกไปตะวันออก มีความกว้างสุด ๑๓๕ กิโลเมตร ใช้เวลา ๙๐ นาที  ในกฎหมายหลักพื้นฐาน อิสราเอลนิยามตนเองว่าเป็นรัฐยิว และมีการปกครองระบอบสาธารณรัฐประชาธิปไตย มีผู้แทน มีระบบรัฐสภา ประชาชนมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งทั่วไป โดยใช้การลงคะแนนระบบสัดส่วนแบบบัญชีรายชื่อ ประกอบด้วยฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ  มีประธานาธิบดีเป็นประมุขของประเทศ ได้รับการเลือกตั้งจากสภาผู้แทนราษฎรทุก ๕ ปี โดยการลงคะแนนเสียงข้างมากจากผู้ที่รับการเสนอชื่อ โดยต้องเป็นผู้ที่มีเกียรติภูมิ และทำคุณประโยชน์แก่ประเทศ โดยดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน ๒ สมัย  มีนายกรัฐมนตรี  เป็นผู้นำรัฐบาล ซึ่งมาจากการเลือกตั้งทุก ๔ ปี  

อิสราเอลเป็นประเทศพัฒนาแล้ว เศรษฐกิจของอิสราเอลใหญ่เป็นอันดับที่ ๔๑ ของโลก ตามผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศราคาตลาดใน พ.ศ.๒๕๕๔ อิสราเอลมีมาตรฐานการครองชีพสูงสุดในตะวันออกกลางและสูงสุดเป็นอันดับสามในทวีปเอเชีย  และยังมีความคาดหมายการครองชีพให้สูงสุดประเทศหนึ่งในโลก

ภูมิอากาศของประเทศอิสราเอล มีลักษณะแบบเมดิเตอร์เรเนียน คือ ร้อนแห้งในฤดูร้อน เย็นปานกลาง และมีฝนตกเล็กน้อยในฤดูหนาว มีอุณหภูมิเฉลี่ย ระหว่าง ๘-๓๖ องศา ฝนตกประมาณปีละ ๖๔ วัน ปริมาณ ๕๓๙ มิลลิเมตร  ภูมิประเทศมีหลายลักษณะ ทั้งแบบที่ราบชายฝั่งทะเล (ภาคตะวันตก) หุบเขาเทือกเขา (ภาคตะวันออก) และทะเลทราย (ภาคใต้) ทะเลสาบ Deadsea บริเวณภาคใต้ถือว่าเป็นจุดที่อยู่ต่ำสุดของโลก

ในด้านการศึกษาภาคบังคับของอิสราเอล อยู่ระหว่างอายุ ๕-๑๘ ปี ส่วนเด็กอายุประมาณ ๓-๔ ปี จะอยู่ในโครงการศึกษาก่อนวัยเรียน เฉลี่ยการเข้ารับการศึกษาของประชาชน คือ ๑๒.๑ ปี   มหาวิทยาในอิสราเอลมีหลายแห่งที่ให้การศึกษาแขนงต่างๆ ทางวิทยาศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ทั้งยังเป็นสถาบันวิจัยซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลก วิทยาลัยต่างๆ เปิดสอนทั้งด้านวิชาการและอาชีวะ การวิจัยและการพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์และสาขาอื่นๆ ที่กระทำกันอย่างจริงจังและก้าวหน้าเป็นอย่างยิ่งเป็นการชดเชยให้กับการขาดแคลนทรัพยากรทางธรรมชาติของอิสราเอล



แหล่งท่องเที่ยวของอิสราเอล
แม้อิสราเอลจะมีขนาดเล็ก แต่ก็เป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีวัฒนธรรมและผู้คนหลากหลาย ทั้งยังมีภูมิประเทศที่สวยงามและประสบการณ์ที่รอให้ผู้คนไปค้นหา ถึงจะยังเป็นประเทศใหม่ ด้วยอายุเพียง ๗๕ ปี แต่ประวัติศาสตร์ของอิสราเอลนั้นเริ่มต้นขึ้นกว่าพันปีก่อน นักท่องเที่ยวจึงสามารถเยี่ยมชมโบราณสถาน ป้อมปราการ และซากปรักหักพังได้ทั่วประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ที่ต่างกันในแต่ละยุคสมัยของอิสราเอล

สถานที่ท่องเที่ยวของอิสราเอลจึงมีทั้งแหล่งเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ รวมทั้งมีภูมิประเทศที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็น


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/47188227292564_Great_Synagogue_things_to_do_i.jpg)
                    ธรรมศาลาแห่งเทลอาวีฟ ศาสนสถานงามสง่า ณ ใจกลางเมือง

๑. ธรรมศาลาแห่งเทลอาวีฟ (Great Synagogue of Tel Aviv)
เป็นสัญลักษณ์ของประวัติศาสตร์เมืองเทลอาวีฟ แม้โบสถ์ยิวแห่งนี้จะไม่ได้ใช้ประกอบพิธีทางศาสนายิวอีกแล้ว แต่ก็ยังคงเปิดต้อนรับผู้มาเยือนให้เข้ามาเยี่ยมชมหน้าต่างกระจกสีกับเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่ใช้ตกแต่งธรรมศาลา นักท่องเที่ยวสามารถศึกษาประวัติศาสตร์ของอาคารและชมความงามในอดีตสมัยที่สถานที่นี้ยังเป็นที่ประกอบศาสนกิจของผู้คนมากมาย



(http://www.sookjaipic.com/images_upload/34761727725466_392931886_1718662291982777_466.jpg)
                    หาดฟริชแมน (Frishman Beach)

๒. หาดฟริชแมน (Frishman Beach)
เป็นชายหาดชื่อดังของอิสราเอล ตั้งอยู่ในเมืองเทลอาวีฟ สิ่งที่ทำให้ชายหาดแห่งนี้เป็นที่สนใจคือกลุ่มอาคารสีรุ้งสดใส เครื่องเล่นเด็ก และเขื่อนป้องกันแนวตลิ่งที่เพิ่มความแปลกตาให้หาดนี้เข้าไปอีก นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นชมวิวบนทางเดินริมทะเลระหว่างเลือกซื้อของจากร้านบูติก หรือรับประทานอาหารตามร้านหน้าหาดได้



(http://www.sookjaipic.com/images_upload/20193734392523_393126758_1718662278649445_322.jpg)
                    ทะเลสาบเดดซี (ทะเลมรณะ) เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่ลึกที่สุดในโลก ด้วยความเค็มของน้ำอยู่ที่ ๓๔๒ กรัม/กิโลกรัม
                    ความเค็มนี้ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตรต่อพืชและสัตว์ จึงเป็นที่มาของชื่อนี้

๓. ทะเลเดดซี (Dead Sea)
ตั้งอยู่ที่จุดต่ำสุดของโลกมีความเข้มข้นของเกลือสูง ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถลอยตัวได้อย่างง่ายดาย และสามารถดื่มด่ำกับการพอกโคลนที่อุดมด้วยแร่ธาตุซึ่งเชื่อกันว่ามีคุณสมบัติในการบำบัด



(http://www.sookjaipic.com/images_upload/85449658665392_shutterstock_1821813749_1_Copy.jpg)
                    กำแพงร้องไห้ (Wailling Wall) - สถานที่ระบายความทุกข์และร้องไห้ ประชาชนจะมาสวดภาวนา
                    ระบายความทุกข์ใจและร้องไห้ที่กำแพง ตามซอกกำแพงจะเต็มไปด้วยกระดาษ ที่เขียนคำอธิษฐานถึงพระเจ้า                    
                    (ภาพจาก yingpook.com)

๔. กำแพงร้องไห้ (Wailing Wall)
ในเมืองเยรูซาเล็ม เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญของชาวยิว เพราะเป็นสัญลักษณ์ของการได้กลับมาสู่อิสราเอล โดยเพื่อรำลึกถึงบรรพบุรุษ และเป็นส่วนที่เหลือของวิหารยิวโบราณ เป็นสถานที่สวดมนต์ เป็นส่วนที่สำคัญของมรดกของชาวยิว ปัจจุบันคือ สถานที่ท่องเที่เที่ยว สถานที่สวดมนต์ และอธิษฐานที่สำคัญของมรดกของชาวยิว



(http://www.sookjaipic.com/images_upload/56024607188171_392931558_1718662248649448_599.jpg)
                    โบสถ์แห่งสุสานศักดิ์สิทธิ์ (Church of the Holy Sepulchre)

๕. โบสถ์แห่งสุสานศักดิ์สิทธิ์ (Church of the Holy Sepulchre)
ตั้งอยู่ในย่านคริสเตียน (Christian Quarter) ของเมืองเยรูซาเล็ม โดยโบสถ์แห่งนี้เป็นสถานที่ตรึงกางเขน การฝังศพ และการคืนพระชนม์ของพระเยซู เป็นสถานที่แสวงบุญที่สำคัญสำหรับชาวคริสต์ทั่วโลก



(http://www.sookjaipic.com/images_upload/39747289692362_392932155_1718662141982792_967.jpg)
                    มัสยิดอัลอักซอ

๖. Dome of the Rock
หรือ มัสยิดอัลอักซอโดมสีทองอันเป็นสัญลักษณ์แห่งนี้ตั้งอยู่บน Temple Mount/Noble Sanctuary และเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญ เพราะหินด้านบนนั้นเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ที่ศาสดามูฮัมหมัดเสด็จขึ้นสู่สวรรค์เพื่อเผชิญหน้ากับพระเจ้า



(http://www.sookjaipic.com/images_upload/16497353298796_2013_Aerial_Mount_of_Olives_1_.jpg)
                    Mount of Olives
                    (ภาพจาก en.wikipedia.org)

๗. Mount of Olives
เนินเขาที่โดดเด่นทางตะวันออกของเมืองเก่า สูง ๒,๙๐๐ ฟุต ซึ่งสามารถเห็นวิวของกรุงเยรูซาเล็มที่สวยงามได้ Mount of Olives นั้นเป็นที่ฝังศพหลักของกรุงเยรูซาเร็ม นอกจากนี้บนหุบเขายังมีสถานที่ทางศาสนาที่มีชื่อเสียง เช่น Dome of the Ascension เป็นรอยเท้าสุดท้ายของพระเยซูก่อนที่จะขึ้นสวรรค์ และ Garden of Gethsemane สถานที่สวดมนต์ของพระเยซูก่อนการตรึงกางเขน

นี่เป็นเพียงบางส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญและน่าสนใจของประเทศอิสราเอล ยังมีอีกหลายแห่งที่น่าไปตามรอยท่องเที่ยว ซึ่งเราคงได้แต่ภาวนาว่าจะไม่ถูกทำลายจากภัยสงครามที่เกิดขึ้นในตอนนี้


ข้อมูลอ้างอิง : - สถานเอกอัคราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย, (เผยแพร่ในเว็บไซต์ ไทยรัฐออนไลน์)
                  - israel.mol.go.th
                  - วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี