Thanks: ฝากรูป จดโดเมน อมร สีสุภเนตร หรือที่ชาวบ้านในอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย รู้กันในนามของ
“ตาลอบ” ส่วนภรรยาของตาลอบ เรียกกันว่า “ยายทอง”
ปัจจุบันสองตายายอาศัยอยู่ที่บ้านหลังเล็กๆ สภาพเก่าๆ
หลังหนึ่งตามลำพังสองคนคนโดยมีลูกๆ คอยดูแลอยู่ห่างๆ เมื่อมองเข้าไปในบ้านจะสังเกต
เห็นว่าบ้านของตาเสมือนเป็นโรงพยาบาลขนานย่อมๆ เพราะอุปกรณ์ข้าวของ
เครื่องใช้ต่างๆ ที่ดูแลยายนั้น ตาได้ดัดแปลงให้เหมือนกับทางโรงพยาบาล ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะดูแลยายได้อย่างเต็มที่
ย้อนไปเมื่อ 50 ปีที่แล้วตาลอบซึ่งเคยเป็นช่างตัดผมหนุ่มฐานะยากจนได้พบรัก
กับยายทองแม่ค้าขายอาหารที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวงามประจำหมู่บ้าน
ในงานรำวงสร้างโบสถ์ที่วัดป่ากลาง อำเภอเชียงคาน หลังจากทั้งคู่คบหาจนมั่นใจในความรักที่มีให้กัน
ชายหนุ่มจึงเอ่ยปากขอหญิงสาวที่เขารักแต่งงาน แม้ไม่มีสินสอดทอง
หมั้นมากมาย หากมีเพียงแต่คำมั่นสัญญาที่ชายหนุ่มมอบไว้ให้กับหญิง
สาวที่เขารักว่า จะครองรักและดูแลกันตลอดไป
ทั้งในยามทุกข์และยามสุขจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิตจะเดินทางมาถึง
เวลาผ่านมมา 50 ปี ทั้งคู่ครองรักกันจนกระทั่งแก่เฒ่า ชีวิตรักของทั้งคู่กลายเป็นตำนานรักแท้ที่น่าจดจำ
ในปี 2538 ยายทองได้ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ทางด้านซ้าย ซึ่งพอจะช่วยตัวเอง
ได้บ้าง แต่เมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา อาการของยายทองทรุดหนักกลาย
เป็นอัมพาต ไม่สามารถพูดคุยกับตาลอบได้อีกเลย
“ยายเขาร้องไห้ เพราะว่าเขาอยากจะพูดกับเรา แต่เขาพูดไม่ได้
เขาจึงบอกเราด้วยการร้องไห้ออกมา
พอตาเห็นหรือได้ยินเสียงมาว่าจะทำอะไรอยู่ตาก็จะจะเดินไปพูดกับเขาหรือส่ง
เสียงตอบกลับไป ตามักจะบอกกับเขาว่า อย่าร้องเลย เราอยู่ตรงนี้แล้ว”
“ตาอยากจะใช้ชีวิตอยู่กับยายจนวินาทีสุดท้าย เราจะต้องไม่ทอดทิ้งกัน เราต้องมั่นคงต่อกัน ตาสัญญาว่าจะดูแล
ยายให้ดีที่สุดจนวินาทีสุดท้าย ตาตั้งใจรักษายายให้ดีที่สุด ตาทุ่มเทกับชีวิตให้ยายทั้งหมดเลยเพราะว่ายายมีความหมาย
กับตามากที่สุดในชีวิตทุกวันนี้ตามีความหวังอยู่ว่ายายจะอาการดีขึ้นและ
กลับมาพูดกับตาได้เหมือนเคยเราต้องอยู่แบบมีหวังเพราความหวังนี่
แหละทำให้เรามีกำลังใจดูแลยายต่อไปจนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง” ถึงปั้นปลายชีวิตอันแสนสุขจะถูกพรากไปแต่คำมั่นสัญญา ทุกคำที่ตาลอบเคยมอบไว้ให้กับยายทองก็ยังไม่มีคำใดหรือ
ตัวอักษรตัวใดเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อยตลอดเวลา 12 ปีที่ยายทองล้มป่วยแทบจะทุกวินาทีของชีวิตตาลอบได้มอบให้กับการ
เฝ้าดูแลประคบประหงมยายทองอย่างใกล้ชิด ไม่เว้นแต่ยามหลับหรือยามตื่น
“ตาดูแลยายไม่เคยห่าง ตาต้องดูแลทุกอย่างไม่ว่าจะเรื่องอาบน้ำ
เช็ดตัว ไปจนถึงเรื่องการเช็ดอึ เช็ดฉี่ อาหารการกิน
อาการเจ็บป่วยต่างๆ เราต้องคอยสังเกตตลอดเวลา เวลาทำอะไรตาก็จะนึกถึงยายก่อนเสมอ ถ้ายายยังไม่นอนตาก็ยังไม่นอนหรือถ้ายายยัง
ไม่ได้กินข้าวตาก็ยังไม่กิน เพราะต้องป้อนยายก่อน”
“ทุกวันนี้ตากลัวว่ายายจะทิ้งตาไป ไม่อยากให้ยายตายเลย
อยากให้อยู่เป็นเพื่อกัน อยู่เป็นคู่กันตลอดไป ตาไม่เคยคิดอย่างคนอื่นเลยว่าตาย
ไปแล้วภาระจะหมดลง”ภาพที่ชาวเชียงคานเห็นจนชินตาคือภาพชายชราวัย 73 ปี
ปั่นรถจักรยานที่มีเตียงพยาบาลพ่วงติดด้านหน้า
โดนมียายนอนลืมตาแน่นิ่งอยู่บนเตียงที่เคลื่อนไปตามถนนหนทางต่างๆ
รถคันนี้เป็นรถที่ตาลอบประดิษฐ์ขึ้นเองกับมือเพราะถ้าจะซื้อเตียงแบบโรงพยาบาลก็
็เกิดกำลังที่ตาจะมีได้ ด้วยความที่ตาเคยมีความรู้
ทางช่างจึงต่อเตียงพยาบาลขึ้นมาและดัดแปลงต่อเติมให้เตียงนั้นเคลื่อนที่ได้
้และมีหลังคาคอยคุ้มแดดคุ้มฝนและมีมุ้งคอยกันยุงและแมลงต่างๆ ที่ตาทำเช่นนี้เพื่อหวังให้ยายอยู่กับตาตลอด
เพราะเกิดอะไรฉุกเฉินมาตาจะได้ช่วยเหลือยายได้ทัน
นอกจากนี้ ตายังรู้ใจยายดีว่ายายชอบให้ตาพาไปเที่ยวตามที่ต่างๆ
ตาจึงมักปั่นเตียงเคลื่อนที่คู่ใจคันนี้พายายไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ที่มีความสำคัญ
ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นสถานที่พบรักกัน สถานที่ๆ ทำมาหากินด้วยกัน
บ่อยครั้งเวลายายมีอาการป่วยมาก ตาต้องพายาย
ไปรักษาที่โรงพยาบาลเชียงคาน โดยมากตาจะปั่นเตียงพยาบาลไปที่โรงพยาบาล
ตาลอบจะเป็นคนดูแลยายเองทุกอย่างโดยที่ไม่ต้องให้พยาบาลเข้ามา
ยุ่ง เพราะตาคิดว่าเจ้าหน้าที่คงจะดูแลยายไม่ดีเท่ากับตัวเอง
เพราะตาทำด้วยใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก
ตลอดเวลาที่ผ่านมาตาลอบได้พิสูจน์ให้เห็นว่าสัญญาที่ชายหนุ่มมอบ
ให้ไว้กับหญิงสาวอันเป็นที่รัก เมื่อ 50 กว่าปีที่แล้วนั้น ไม่ใช่แค่ลมปาก หากแต่เป็นถ้อยคำที่ออกมาจากความรู้สึกข้างในหัวใจ
ที่มีที่ว่างให้เพียงหญิงสาวที่เขารักเพียงคนเดียว คำมั่นสัญญาที่ตาลอบมอบให้จึงเป็นพันธะสัญญาที่ถูกจารึกลงบนหิน
ผา ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร ก็ไม่มีวันลบเลือนและยังทำอย่างซื่อตรง
สม่ำเสมอ ไม่ต่างอะไรกับการขึ้นลงของดวงตะวันที่จะเป็นอยู่เช่นนั้นชั่วนิรันดร์