[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
05 พฤษภาคม 2567 17:22:46 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ค้าช้างส่งไปอินเดีย  (อ่าน 165 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5471


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 24 มกราคม 2566 19:41:31 »


มิสเตอร์ริดซันมาซื้อช้าง
ภาพ : ครูเหม เวชกร


ค้าช้างส่งไปอินเดีย

ในสยามประเทศมีช้างชุมตั้งแต่เหนือจดใต้มาตั้งแต่สมัยโบราณ ดั้งเดิมทีเดียวช้างเป็นสัตว์ป่าอย่างเดียวกับเสือ แต่ว่ามีประโยชน์กว่าเสือที่เอามาหัดใช้งานได้ ช้างจึงถือเหมือนของหลวง คือ หลวงจับมาใช้ในราชการ เช่น เข้ากองทัพ ส่วนราษฎรจะจับต้องขออนุญาต ผิดกับเสือ ซึ่งใครอยากจับก็จับได้ไม่ต้องขออนุญาต เมื่อราษฎรได้รับอนุญาตแล้ว ก็จับช้างมาใช้งานหรือขายเป็นสินค้าก็ได้ ในสมัยสุโขทัยมีปรากฏในศิลาจารึกว่า "ใครใคร่ค้าช้างค้า" แสดงว่าจับช้างขายได้ แต่จะต้องขออนุญาตหรือไม่ ไม่บอก

ในสมัยอยุธยาตอนต้น จะค้าช้างกันอย่างไร ขายส่งไปที่ไหนไม่ปรากฏ มารู้แน่ชัดเอาในสมัยแผ่นดินพระนารายณ์ ว่าส่งช้างไปขายที่อินเดียมาก วิธีส่ง ส่งออกทางเมืองมะริด คือ มีกำปั่นซึ่งว่าเป็นของพระนารายณ์บรรทุกช้างไป อังกฤษคนหนึ่งชื่อ ยอร์ชไวท์ ที่พาคอนสแตนติน ฟอลคอน มาจนได้เป็นเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ เป็นนายกำปั่น บรรทุกไปคราวละประมาณ ๑๔ ถึง ๒๖ เชือก นายคนนี้มีความสามารถในเรื่องบรรทุกช้างมาก เพราะช้างมักจะอาละวาด คอยแทงข้างเรือกำปั่นจนทะลุก็มี อินเดียต้องการช้างไปเข้ากองทัพเสมอ และซื้อช้างไทยมากที่สุด

ต่อจากสมัยพระนารายณ์ถึงแผ่นดินขุนหลวงท้ายสระ ก็โปรดฯ ให้ต่อกำปั่นใหญ่ในกรุง แล้วส่งไปเมืองมะริด ไปบรรทุกช้างที่นั่น ๓๐ ตัว ส่งไปขายที่อินเดีย ต่อมาก็คงจะส่งไปเรื่อยๆ เพราะลงทุนถึงกับต่อกำปั่นใหญ่อย่างนั้นแล้ว จะส่งไปคราวเดียวก็ดูจะไม่คุ้มกัน การค้าช้างน่าจะทำมาจนสิ้นสมัยอยุธยา

ขึ้นสมัยรัตนโกสินทร์ก็ค้าช้างอีก คราวนี้ปรากฏว่าส่งออกทางเมืองตรัง ไปขายที่อินเดียเมื่อสมัยรัชกาลที่ ๒ ความจริงอินเดียก็มีช้างมาก แต่คงจะไม่ได้จับกัน หรือว่าซื้อจากเมืองไทยถูกกว่าก็ไม่ทราบ จะซื้อช้างไทยไปใช้เสมอ

ถึงสมัยรัชกาลที่ ๓ ปี พ.ศ.๒๓๘๑ มิสเตอร์ริดซัน (ไทยเรียก ฤทธิ์สชอน) ถืออักษรสาส์น หลอดแอมเฮอร์สต์ สำเร็จราชการเมืองบังกล่า มาขอทำสัญญาซื้อช้าง นายริดซันเดินทางบกมา เจ้าเมืองเมาะตำเลิม (คือ เมาะลำเลิง หรือ มะละแหม่ง) ให้เจ้าเมืองตระกราน คุมมอญพม่าเป็นพาหนะเข้ามาด้วย ๑๐๐ คน เข้ามาทางเมืองกาญจนบุรี มาหาพระยาราชบุรี แล้วมาเมืองนครไชยศรี จะข้ามแม่น้ำนครไชยศรีเข้ามากรุงเทพฯ เจ้าเมืองนครไชยศรีบอกว่าทางช้างเดินไม่ได้ เพราะเป็นพลุเป็นหลุมร่องสวน นายริดซันว่า พวกมอญบอกว่าไปได้ เจ้าเมืองนครไชยศรีว่า ไปได้แต่คนเดินเท้า ถ้าจะเอาช้างไปก็ต้องเดินอ้อมขึ้นทางกรุงเก่า ขืนไปทางนครไชยศรีช้างติดหล่มไม่รู้ด้วย ถ้าไปเรือจะจัดส่งให้นายริดซันเลยลงเรือมา

นายริดซันมาพักกับนายห้างหันแตร ที่ตึกหน้าวัดประยูรวงศ์ ได้พบกับเจ้าพระยาพระคลัง แจ้งเรื่องที่เข้ามา เจ้าพระยาพระคลังตอบว่าแผ่นดินสยาม ช้าง ม้า โค กระบือ เป็นกำลังราชการแผ่นดิน และศึกสงครามมีมาได้อาศัย จะปล่อยให้ลูกค้าซื้อออกไปแล้วบ้านเมืองก็จะร่วงโรยเสียถอยกำลังไป ก็เป็นอันว่าไม่ได้ทำสัญญากัน และการส่งช้างออกอย่างที่เคยทำมาก็คงจะเลิกมาตั้งแต่ครั้งนั้น

ส่วนการรับรองนายริดซันจัดทำอย่างรับทูต ซึ่งเป็นการให้เกียรติยศอย่างสูง นายริดซันได้เข้าเฝ้าออกใหญ่ ณ พระที่นั่งอมรินทร์วินิจฉัย ถวายเครื่องราชบรรณาการ มีถ้ำมองทำด้วยกระดาษเขียนเป็นแผนที่เมืองลอนดอน หีบเพลง ขวดปักดอกไม้ ขวดกระเบื้อง ขวดแก้วเจียระไนต่างๆ พรมวิลาศต่างๆ กับมีของถวายเจ้านายและให้ขุนนางผู้ใหญ่ ของหลวงพระราชทานตอบแทน มีช้างพลายสูง ๕ ศอก เครื่องพร้อมสัปคับถักลวดเขียนลายรดน้ำ ของ้าว ฯลฯ กรมหลวงรักษ์รณเรศ เจ้าพระยาบดินทร์ เจ้าพระยาพระคลัง ตอบแทนช้างพลายสูง ๔ ศอกเศษ ท่านละ ๑ ตัวเหมือนกัน รวมเป็นช้างพลาย ๔ ตัว

นายริดซันกับบริวารพม่ามอญ เดินตัดไปทางเมืองสุพรรณบุรี ไปออกด่านอุทัยธานี


-------------------------------------------
หมายเหตุ...ได้คงคำสะกดไว้ตามคำบรรยายของขุนวิจิตรมาต

มูลนิธิ เหม เวชกร (ที่มาเรื่อง/ภาพ)


Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.266 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 16 เมษายน 2567 07:15:44