[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ => ข้อความที่เริ่มโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 20 พฤษภาคม 2553 09:54:22



หัวข้อ: “เป็นอะไรก็ไม่สู้เป็นกูเอง”
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 20 พฤษภาคม 2553 09:54:22
(http://apichoke.com/index.php?action=dlattach;topic=7113.0;attach=25655;image)

“เป็นอะไรก็ไม่สู้เป็นกูเอง”

กบ ตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในสระใกล้กุฏิของพระในวัดแห่งหนึ่ง
ทุกเช้ามันจะโดดออกจากสระขึ้นไปหมอบอยู่ริมทางเดิน
มันเห็นพระเดินออกไปบิณฑบาตและเห็นโลกกว้างทุกวัน

อยู่มาวันหนึ่ง
มันเห็นพระออกไปบิณฑบาต ไม่นานก็กลับวัดพร้อมกับมีข้าวเต็ม
บาตรมีกับข้าวและขนมเต็มย่าม
มันจึงคิดว่า “เออ เป็นพระนี่ก็ดีเหมือนกันนะ ดีกว่าเราเป็นไหนๆ
แค่เดินเข้าบ้านไปชั่วโมงเดียวก็ได้อาหารมากมาย” >>

หลักจากพระฉันอาหารเสร็จแล้ว
ท่านก็นำเศษข้าวมาโปรยให้ฝูงไก่กิน กบเห็นเข้าก็คิดอยากเป็นไก่ขึ้นมา >>
“อ๊ะ เป็นไก่นี่ดีกว่าเป็นพระอีก ไม่ต้องเดินไปหากินไกล ๆ
ถึงเวลาพระก็มาโปรยข้าวให้กิน สบายดีจริงๆ” >>

ทันใดนั้น
มีหมาวัดตัวหนึ่งเห็นไก่กำลังจิกอาหารกินอย่างเพลิดเพลิน
จึงวิ่งมาไล่ไก่จนแตกกระเจิงไป กบเห็นเข้าก็อยากจะเป็นหมาขึ้นมาอีก >>

“เป็นหมานี่ก็ไม่เบา เป็นฮีโร่ไล่ไก่เล่นสนุกดี ทำอย่างไรเราจึงได้เป็นหมาได้หนอ” >>

ขณะกำลังคิดเพลิน ๆ อยู่
เด็กวัดคนหนึ่งเห็นหมาไล่ไก่เข้าก็คว้าไม้ไล่ตีหมาร้องลั่นวัดไป

กบเห็นเข้าถึงกับสะดุ้งโหยง คิดว่า “โธ่เรานึกว่าเป็นหมาจะเก่ง
ที่แท้ก็สู้เด็กไม่ได้ ขนาดเป็นเด็กหมายังกลัวถ้าเป็นผู้ใหญ่คงปราบอะไรได้ทั้งหมด
เราน่าจะเป็นคนดีกว่า” กบคิดเตลิดไปอีก >>

หลักจากเด็กวัดไล่ตีหมาแล้วก็มานั่งหอบอยู่บนม้านั่งใต้ร่มไม้
ขณะนั้นมีแมลงวันหลายตัวมาตอมแข้งตอมขา เด็กวัดจึงปัดแมลงวันให้วุ่นไป
เมื่อสู้ไม่ไหวทนรำคาญไม่ได้ก็ลุกหนีไปพลางบ่นว่า >>
“รำคาญจริง ตอมได้ตอมดีไอ้พวกแมลงวันนี่” >>

กบได้ยินเสียงบ่นก็เลิกคิดเป็นคนทันที สู้เป็นแมลงวันไม่ได้ “หนอยเป็นคนนึกว่าจะเก่ง
ที่แท้ก็แพ้แมลงวันตัวเล็กนิดเดียว เป็นแมลงวันท่าจะดีเป็นแน่” >>

กำลังคิดเพลินอยู่นั้น
แมลงวันตัวหนึ่งบินผ่านหน้ามันไปพอดีมันจึงใช้ลิ้นตวัดแมลงวันตัวนั้นเข้า
ปากไปด้วยสัญชาตญาณ พอได้สัมผัสแมลงวันเท่านั้น
ตัณหาของกบก็สะดุดกึก มันได้ดวงตาเห็นข้อสัจธรรม ถึงกับรำพึงว่า >>
“เป็นอะไรก็ไม่สู้เป็นกูเอง”

เรื่องนี้สื่อความให้เห็นว่า
อันความอยาก เช่นอยากได้ อยากมี อยากเป็น ที่ภาษาพระเรียกว่าตัณหานั้นไม่มีขอบเขต
ไม่มีจุดจบ หาฝั่งไม่เจอ เพราะเป็นเรื่องของใจ ใจจึงคิดอยากเรื่อยไป นี่เป็นธรรมดา
ถ้า หากรู้ทันไม่หลงละเมอไปกับตัณหาที่เกิดขึ้นก็จะไม่เดือดร้อนอะไรมาก
หากปล่อยให้มันมีอำนาจเหนือใจเหนือความรู้สึกก็จะยุ่งวุ่นวายไม่เลิก
อันที่จริงความอยากนั้นเกิดจากความหิวและความไม่รู้จริง
คิดแต่เพียงว่าที่ตัวเองเป็นหรือที่ตัวมีนั้นไม่ดี
ยังไม่สมบูรณ์แบบ สู้เป็นอย่างนั้นไม่ได้ สู้มีอย่างนี้ไม่ได้

แต่ถ้ารู้ความจริงว่าไม่ว่าจะอะไรล้วนมีดีและมีเสีย
ล้วน มีข้อดีข้อด้อยอยู่ในตัวทั้งสิ้น ไม่มีอะไรดีอย่างเดียวหรือเสียอย่างเดียว
ก็จะผ่อนเพลาความอยากลงได้

และหากยอมรับภาวะที่ตัวเองเป็นอยู่ และพยายามพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ
ก็ย่อมประจักษ์ว่าเป็นอะไรก็สู้เป็นตัวเรา และเป็นตัวของตัวเองไม่ได้เลย

(http://solno07.exteen.com/images/978288oqcn1u2pv9.gif)


หัวข้อ: Re: “เป็นอะไรก็ไม่สู้เป็นกูเอง”
เริ่มหัวข้อโดย: 【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪ ที่ 20 พฤษภาคม 2553 15:41:56
เพราะแมลงวันตัวเดียวแท้ ๆ

จึงคิดได้

ไม่ต้องมองไกล มองให้ใกล้แล้วจะเข้าใจเอง


หัวข้อ: Re: “เป็นอะไรก็ไม่สู้เป็นกูเอง”
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 21 พฤษภาคม 2553 17:22:46
 (:88:) (:88:)