พระพุทธศาสนาสอนให้เข้าใจเรื่อง
สอนให้เข้าใจเรื่องของสภาพธรรมที่สามารถรู้ได้ด้วยตัวเองพระพุทธศาสนา
ไม่ได้สอนบทบัญญัติที่ให้เราต้องเชื่อแต่สอนให้อบรมความเข้าใจสภาพธรรมทุกอย่าง
ทั้งภายในตัวเราและรอบตัวเราซึ่งทำให้เราสามารถเข้าใจสภาพธรรมตามความจริงได้
พระพุทธศาสนาสอนให้เข้าใจ เหตุที่แท้จริงเช่น........การได้ลาภ และ การเสื่อมลาภ
สรรเสริญ และ นินทา มียศ และ เสื่อมยศ ทุกข์ และ สุข ฯลฯ
การประสบกับอารมณ์ที่ดี และ ไม่ดี
ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย นั้น
เป็นผลของ - บุญและ - บาป.......ที่เราได้กระทำแล้วในอดีต
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา.......เกิดจากเหตุปัจจัย
.................พระพุทธศาสนาสอนให้เราเข้าใจเรื่อง เหตุ และ ผล..................
เมื่อเราเข้าใจเรื่องของ ปัจจัยต่าง ๆ มากขึ้น เราก็สามารถเผชิญกับความทุกข์ยากในชีวิตได้
และอบรมจิตใจให้เป็นกุศลมากขึ้นเราไม่ต้องเชื่อพระพุทธศาสนา อย่างงมงาย
เราศึกษาพระธรรม และ ไตร่ตรองพระธรรมเพื่อให้ เข้าใจสัจจธรรม ด้วยตัวของเราเอง.........!
เราควรพิจารณาพระธรรมอย่างรอบคอบและเมื่อเรา อบรมเจริญปัญญา
เราก็จะเข้าใจว่าพระธรรมที่ทรงแสดงนั้นเป็นความจริงเมื่อเข้าใจความจริงของสภาพธรรมทั้งหลายในชีวิต
ก็จะคลายความเศร้าโศก.............เมื่อเข้าใจว่าความทุกข์ยากของชีวิต
เกิดขึ้น และเป็นไป เพราะปัจจัยต่าง ๆ และสามารถที่จะเผชิญปัญหานั้น ๆ ได้
พระพุทธศาสนาสอนให้เข้าใจว่า ชีวิตจริง ๆ นั้นคืออะไร.............!ชีวิตคือ ชั่วขณะหนึ่ง ๆ ที่มีการรู้อารมณ์
แต่ละขณะ ๆ ที่จิตเกิดขึ้น และ รู้ในสิ่งที่จิตรู้ได้เช่นการเห็นเกิดขึ้นชั่วขณะ..................
แล้วเกิดการคิดถึงเรื่องของสิ่งที่เห็นการได้ยินเกิดขึ้นชั่วขณะ......................
แล้วก็เกิดการคิดถึงเรื่องของสิ่งที่ได้ยินการได้กลิ่น การลิ้มรส และ การกระทบสัมผัสทางกาย
ก็โดยนัยเดียวกันคือ มีการคิดนึกถึงสิ่งนั้น ๆ ต่อไปอีกหลาย ๆ ขณะ
เมื่อเข้าใจสภาพธรรมที่เกิด - ปรากฏในชีวิตประจำวันมากขึ้น
ก็จะเห็น กิเลส ความไม่ดีที่เกิดขึ้นในจิตใจองเราเองการรู้อารมณ์ทางทวารต่าง ๆ นั้น
ทำให้ กิเลส มากมายหลายอย่าง เกิดขึ้น..................!
ธรรมเป็นสิ่งที่มีจริงสามารถพิสูจน์ได้ทุกขณะว่าเป็นสิ่งที่มีจริงไม่ว่าจะได้เห็นได้ยิน
ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึก ดีใจ เสียใจ ติดข้องยินดีพอใจ หงุดหงิด
โกรธขุ่นเคือง ไม่พอใจ เป็นต้น ล้วนเป็นธรรมทั้งหมด ธรรมไม่ได้หมายถึงเพียงสภาพ
ธรรมฝ่ายดีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่หมายรวมถึงสิ่งที่มีจริงทั้งหมดชีวิตประจำวัน
ที่ดำเนินไปนั้นไม่พ้นไปจากธรรมเลย เมื่อไม่ได้ศึกษาย่อมไม่สามารถจะรู้ได้ว่าเป็น
ธรรมเพราะแท้ที่จริงแล้วทุกขณะเป็นธรรมมีจิต เจตสิก รูป เกิดขึ้นเป็นไปอยู่ตลอด
เวลาจิต เจตสิก รูปนั้น เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไปไม่เที่ยงไม่ยั่งยืน
ที่ไม่เที่ยงนั้นเพราะเกิดแล้วดับไปสภาพธรรมที่เกิดแล้วดับไปนั้นเป็นทุกข์
เพราะเหตุว่าตั้งอยู่ไม่ได้มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดาเมื่อไม่เที่ยงเป็นทุกข์
จึงเป็นอนัตตาคือไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา
ของใครลักษณะทั้ง 3 ประการนี้เป็นลักษณะที่ทั่วไปแก่สภาพธรรมที่เป็นสังขารธรรม
ทั้งหมดแต่เมื่อกล่าวถึงอนัตตาแล้วไม่มีเว้นธรรมอะไรเลยหมายรวมถึงพระนิพพาน
ด้วยเพราะพระนิพพานก็เป็นอนัตตา....................................
ธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดยากที่จะเข้าใจแต่ก็สามารถที่จะเข้าใจได้การศึกษา
ธรรมเป็นการศึกษาถึงสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่บุคคลไม่ใช่ตัวตนเพื่อเข้าใ