รู้จัก “หม่าล่า” มันคืออะไรกันแน่!?
หมาล่า มาจากภาษาจีนว่า 麻辣 /má là/ อ่านเป็นเสียงภาษาไทยว่า หมา-ล่า ซึ่งคำว่า “หมา” หมายถึง อาการชาที่จะรู้สึกได้ที่ปลายลิ้น และ “ล่า” หมายถึง รสชาติเผ็ด เมื่อรวมกันแล้วจึงหมายความว่ารสชาติแบบเผ็ด ๆ ชา ๆ ที่ปลายลิ้น โดยรสชาติแบบนี้มาจากเครื่องเทศอย่างหนึ่งที่มีต้นกำเนิดจากมณฑลเสฉวน ประเทศจีน เรียกว่า ฮวาเจียว (花椒 /huā jiāo/) รูปร่างหน้าตาคล้ายเม็ดพริกไทยดำ ในภาษาอังกฤษจึงเรียกว่า Sichuan pepper (พริกไทยเสฉวน)
รู้จัก “หม่าล่า” มันคืออะไรกันแน่!?
รสหมาล่าเครื่องเทสฮวาเจียว
เขาจะใช้เครื่องเทศที่เรียกว่า “ฮวาเจียว” เป็นส่วนผสม ซึ่งเจ้าเครื่องเทศชนิดนี้เองที่ทำให้เกิดอาการชาในปากของเรา สำหรับชาวจีนแล้ว หม่าล่าสามารถนำไปกินกับทุกอย่างได้ ตั้งแต่ต้ม ผัด ย่าง โดยพวกเขานิยมรับประทานกับเนื้อแกะ เพราะหม่าล่าสามารถดับกลิ่นสาบของเนื้อแกะได้อย่างดีเยี่ยมด้วยรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์นี้เอง ทำให้ภายหลังได้มีการนำหม่าล่าเข้ามาขายในประเทศไทย โดยเริ่มจากจังหวัดเชียงราย ก่อนจะค่อยๆ ฮิตมายังจังหวัดเชียงใหม่
ซึ่งในประเทศไทยนั้น ค่อนข้างจะแตกต่างจากจีนตรงนี้ว่า เราเน้นปิ้งย่างอย่างเดียวเท่านั้น และมีการนำเนื้อชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหมู ไก่ เนื้อวัว เครื่องใน หมึก มาย่างแล้วปรุงด้วยเครื่องหม่าล่า ซึ่งแต่ละร้านก็จะมีเอกลักษณ์และสูตรการหมักเนื้อที่แตกต่างกันออกไป
ทำไมถึงเป็นที่นิยม!?
ถามว่าทำไมหม่าล่าจึงเป็นที่นิยมในหมู่ชาวเชียงใหม่ คงต้องบอกว่าเชียงใหม่เป็นเมืองแห่งอาหารปิ้งย่าง ที่เราสามารถเห็นร้านหมูกระทะได้แทบทุกมุมเมือง และยิ่งหม่าล่าเป็นอาหารรสชาติที่ค่อนข้างแปลกใหม่ แถมยังสามารถกินแกล้มกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้เป็นอย่างดี จึงไม่แปลกอะไรที่หม่าล่าจึงฮิตระเบิดขนาดนี้
ประเทศไทยจะหารสชาติหมาล่าได้หรือไม่? สำหรับในบ้านเราอาจจะหากินอาหารที่มีรสหมาล่าได้ยาก แต่เครื่องเทศอย่างฮวาเจียวนั้น สามารถหาได้ในประเทศไทยค่ะ ในประเทศไทยเรียกว่า “มะแขว่น” มีชื่อทางวิทยาศาสตร์อยู่ในตระกูลเดียวกัน คือ Zanthoxylum ว่ากันว่าพบได้ในภาคเหนือ ในอาหารล้านนาอาจพบเห็นอาหารรสหมาล่าก็เป็นได้ แต่สำหรับคนที่เคยกินทั้งฮวาเจียวและมะแขว่นกลับบอกว่าทั้ง 2 อย่างนี้แม้ว่าจะกินแล้วให้อาการแบบชาลิ้น แต่ก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียว
สรรพคุณจากฮวาเจียวฮวาเจียวหรือมะแขว่นมีสรรพคุณขับลมในลำไส้ แก้หวัด แก้วิงเวียนศีรษะ สามารถดับกลิ่นคาวในเนื้อสัตว์ได้ บ้างก็นำมาต้มดื่มเป็นยาแก้ไข้ แถมยังช่วยขับระดูในสตรีได้ ด้วยความที่มีสรรพคุณมากมายฮวาเจียวจึงถูกนำมาปรุงอาหารและใช้เป็นยามานานแล้ว และในปัจจุบันมีการนำฮวาเจียวมาทำเป็นยาบำรุงหัวใจและบำรุงเลือดอีกด้วย
รู้จัก “หม่าล่า” มันคืออะไรกันแน่!?
รู้จัก “หม่าล่า” มันคืออะไรกันแน่!?
ก๋วยเตี๋ยวชนิดหนึ่งของจีนเสิร์ฟในซุปรสหมาล่า เผ็ด ชา อร่อย