[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
14 พฤษภาคม 2567 06:21:11 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สารแทนน้ำตาลไม่อันตราย แต่ไม่ช่วยลดน้ำหนัก  (อ่าน 147 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2332


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2566 14:29:51 »


เครื่องดื่มน้ำตาล 0% ไม่มีประโยชน์ต่อการลดน้ำหนัก รวมทั้งการลดน้ำตาลในเลือดในระยะยาว

สารแทนน้ำตาลไม่อันตราย แต่ไม่ช่วยลดน้ำหนัก

เมื่อวันที่ 16 พ.ค. ที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกคำแนะนำใหม่ว่าด้วยการใช้สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาล (artificial sweeteners) โดยไม่แนะนำให้คนทั่วไปใช้สารดังกล่าวเพื่อควบคุมน้ำหนัก หรือเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคเรื้อรังที่ไม่ติดต่อ (NCDs) เช่นโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคมะเร็งที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต

สาเหตุที่องค์การอนามัยโลกให้คำแนะนำดังกล่าว มาจากผลการวิจัยล่าสุดที่ชี้ว่าสารแทนน้ำตาลไม่มีประโยชน์ต่อการช่วยลดน้ำหนักหรือลดระดับน้ำตาลในเลือดในระยะยาว ผู้ที่บริโภคสารแทนน้ำตาลจึงยังคงมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคกลุ่ม NCDs ได้เหมือนกับคนที่เสพความหวานจากน้ำตาลแท้

อย่างไรก็ตาม ถ้อยแถลงข้างต้นจากองค์การอนามัยโลก ได้สร้างความสับสนให้กับผู้คนจำนวนไม่น้อย โดยบางรายเข้าใจไปว่าสารแทนน้ำตาลเป็นอันตรายหรือให้โทษไม่ต่างจากน้ำตาลแท้ บางคนถึงกับคิดว่าควรจะกลับไปบริโภคน้ำตาลชนิดธรรมดาตามเดิมเสียยังดีกว่า

ดร. อีแวนเจลีน แมนต์ซีออริส นักโภชนาการจากมหาวิทยาลัยเซาท์ออสเตรเลีย ได้ชี้แจงถึงคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดต่อประเด็นดังกล่าว ในบทความของเธอที่ลงตีพิมพ์บนเว็บไซต์วิชาการ The Conversation ดังต่อไปนี้

อันดับแรก ดร. แมนต์ซีออริสกล่าวเน้นย้ำว่า ถ้อยแถลงขององค์การอนามัยโลกไม่ได้ระบุว่าสารแทนน้ำตาลนั้นให้โทษ หรือก่อให้เกิดอันตรายจนต้องสั่งห้ามบริโภค เนื่องจากผลวิจัยซึ่งเป็นที่มาของคำแนะนำล่าสุดนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์สารเคมีหรือเรื่องความปลอดภัยแต่อย่างใด

ดร. แมนต์ซีออริสระบุว่า สารแทนน้ำตาลทุกชนิดยังคงมีประโยชน์ในแง่ที่มันไม่ให้พลังงาน หรือมีแคลอรีที่ต่ำมากจนเหมือนกับไม่มี แต่สามารถให้ความหวานได้สูงกว่าน้ำตาลธรรมดาถึง 400 เท่า ในขณะที่น้ำตาลแท้จะให้พลังงานราว 4 กิโลแคลอรีต่อ 1 กรัม จึงสามารถนำสารแทนน้ำตาลมาเติมในอาหารหรือเครื่องดื่มของผู้ป่วยเบาหวานเพื่อเพิ่มรสชาติได้

นับตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา มีการโฆษณาส่งเสริมให้ใช้สารแทนน้ำตาลในอาหารแปรรูปเพื่อช่วยควบคุมน้ำหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในน้ำอัดลมซึ่งให้พลังงานตกราวกระป๋องละ 120 กิโลแคลอรี มีการคำนวณว่าหากคนที่ดื่มน้ำอัดลมชนิดนี้วันละกระป๋อง เปลี่ยนมาดื่มแบบที่เติมสารแทนน้ำตาล จะช่วยให้ลดน้ำหนักได้เดือนละ 1 กิโลกรัมเลยทีเดียว

ทว่าผลการศึกษาในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา กลับชี้ว่าการลดน้ำหนักด้วยสารแทนน้ำตาลนั้นไม่ประสบผลสำเร็จอย่างที่คิด โดยล่าสุดองค์การอนามัยโลกได้ทำการวิเคราะห์ทบทวนงานวิจัยจำนวนมาก ซึ่งว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างการใช้สารแทนน้ำตาลกับความอ้วน, การเกิดโรค NCDs, และอัตราการเสียชีวิต

ผลปรากฏว่างานวิจัยที่ติดตามศึกษาคนกลุ่มใหญ่ในระยะยาว 13 ปี พบว่าสารแทนน้ำตาลมีความเกี่ยวข้องกับดัชนีมวลกาย (BMI) ที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งมีแนวโน้มที่จะเกิดโรคอ้วนสูงขึ้นได้ถึง 76% นอกจากนี้ ผู้ที่บริโภคสารแทนน้ำตาลเป็นประจำยังมีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้น 34% ทั้งมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งอัตราการตายก็เพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ไม่พบความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องระหว่างการบริโภคสารแทนน้ำตาลกับโรคมะเร็งและการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ส่วนผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานอยู่แล้ว การบริโภคสารแทนน้ำตาลไม่ได้ส่งผลบวกหรือลบต่อระดับน้ำตาลในเลือดและระดับอินซูลินแต่อย่างใด

แม้ผลการวิเคราะห์ทบทวนงานวิจัยขององค์การอนามัยโลก จะถูกโจมตีอย่างมากว่าเป็นมุมมองที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากมีงานวิจัยจำนวนไม่น้อยที่ชี้ว่ากลุ่มทดลองสามารถลดน้ำหนักได้ด้วยการใช้สารแทนน้ำตาล แต่ทางองค์การอนามัยโลกชี้แจงว่า งานวิจัยดังกล่าวเป็นการศึกษาในกลุ่มทดลองขนาดเล็กและมีคุณภาพต่ำ ทั้งยังชี้ว่าน้ำหนักที่ลดลงจากการใช้สารแทนน้ำตาลในการทดลองข้างต้นคิดเป็นปริมาณเพียงเล็กน้อย โดยลดได้ราว 0.7 กิโลกรัมในระยะยาว

ดร. แมนต์ซีออริส กล่าวสรุปว่า แม้คำแนะนำขององค์การอนามัยโลกจะชี้ว่าสารแทนน้ำตาลไม่มีประโยชน์ต่อการดูแลสุขภาพของคนทั่วไปในระยะยาว แต่ยังอนุญาตให้ผู้ป่วยเบาหวานใช้สารแทนน้ำตาลเพื่อเพิ่มรสชาติของอาหารและเครื่องดื่มต่อไปได้

อย่างไรก็ตาม คำแนะนำนี้ไม่ได้หมายความว่าเราควรจะกลับไปบริโภคน้ำตาลชนิดธรรมดาเหมือนเดิม เพราะน้ำตาลยังคงเป็นสาเหตุหลักของความอ้วนและโรคภัยต่างๆ แพทย์จึงแนะนำให้คนทั่วไปบริโภคน้ำตาลไม่เกิน 10% ของพลังงานที่ต้องได้รับในแต่ละวัน ซึ่งอยู่ที่ราว 50 กรัม (10 ช้อนชา) สำหรับผู้ที่ต้องการพลังงานวันละ 2,000 กิโลแคลอรี



ถ้อยแถลงทางทวิตเตอร์เรื่องสารให้ความหวานแทนน้ำตาล จากผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก



ผู้ป่วยเบาหวานยังสามารถใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลได้ตามปกติ

ที่มา บีบีซีไทย - BBC Thai

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.377 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 29 กรกฎาคม 2566 23:10:18