[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
08 พฤษภาคม 2567 11:32:00 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: believe in the belief ritual with a religion and loyalty  (อ่าน 7797 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sometime
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 08 เมษายน 2553 14:54:10 »



......................โดย วชิราวรรณ...........................


................................-> >พิธีสตี <<-............................

http://www.shelovesreading.com

(พิธีสตี)หรือสัตตีเป็นปฏิบัติการที่หญิม่ายฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงไปในกองฟืน สำหรับเผาศพสามีผู้เพิ่งเสียชีวิตได้ไม่นาน เจ้าหน้าที่อังกฤษทำงานอย่างแข็งขันเพื่อจะกำจัดประเพณีทางศาสนานี้ โดยพิจารณาว่ามันป่าเถื่อนและปราศจากคุณค่าในการไถ่ถอนหรือปลดเปลื้องบาป
(พิธีสตี)เป็นการกระทำที่น่า กลัวที่สุด โดยการที่หญิงม่ายฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงไปในกองฟืนสำหรับเผาศพสามี บางครั้งด้วยความเต็มใจ แต่บางครั้งก็ถูกคนอื่นบังคับ เชื่อหรือไม่ว่าพิธีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาฮินดูเลย พิธีนี้ไม่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์พระเวทหรืออุปนิษัท
พิธีสตีมีที่มาจากประเทศกรีซ พิธีบูชายัญด้วยไฟที่คล้ายคลึงกับพิธีสตีนี้ได้ปฏิบัติกันอย่างแพร่หลายใน หมู่ชาวเยอรมัน สลาฟ และชนเชื้อชาติอื่นๆ นอกเหนือจากพวกกรีก พิธีนี้มาสู่ประเทศอินเดียโดยพวก Kushas ในศตวรรษที่ 1 พวกชนเผ่านักรบที่ชื่อ Rajputs ซึ่งเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจาก Kushans และเป็นชาวฮินดูที่บ้าคลั่งยิ่ง อีกทั้งยังยึดหลักการผัวเดียวเมียเดียวอย่างเคร่งครัดที่สุด พวกเขาถือปฏิบัติตามประเพณีสตีนี้
พวก Rajputs ทำสงครามกับพวกเดียวกันเองอยู่เสมอ และยังทำสงครามกับพวกมุสลิมด้วย ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุให้เกิดม่ายสาวหลายพันคน พวกเขากลัวว่าเป็นการไม่ปลอดภัยถ้าจะปล่อยให้ม่ายสาวแสนสวยหลายพันคนเหล่า นี้ไปมีเพศสัมพันธ์กับชายอื่น พวกเขาจึงคิดหามาตรการขั้นรุนแรงเด็ดขาดมากำจัดพวกเธอ มุสลิมก็ประสบปัญหาอย่างเดียวกัน แต่พวกเขาแก้ปัญหานี้ด้วยการอนุญาตให้ผู้ชายมีภรรยาได้ 4 คน
ในปี ค . ศ . 1829  รัฐบาลอังกฤษในประเทศอินเดียได้ประกาศว่าการประกอบพิธีสตีเป็นความผิดทาง อาญาพิธีนี้ไม่เคยมีการปฏิบัติกันในอินเดียตอนใต้เลย แต่บางครั้งบางคราวก็มีผู้ลอกเลียนแบบไปปฏิบัติ แต่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพิธีนี้ ถ้าพิธีนี้เป็นส่วนหนึ่งของศาสนาฮินดู สตรีม่ายหลายพันคนก็ต้องถูกฆ่าตายทั่วประเทศอินเดียแล้ว แต่ความจริงแล้วมิได้เป็นเช่นนั้น.............................................

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 เมษายน 2553 15:36:10 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 08 เมษายน 2553 14:57:16 »



ภาษาสันสกฤตของคำว่า สตี นั้นหมายถึงว่า การเป็นสตรีผู้ทรงคุณความดีนั้นต้องสัตย์ซื่อต่อสามีอย่างสูง และต้องเมตตากรุณาต่อญาติพี่น้อง แต่ในด้านขนบประเพณีแล้ว คำว่า สตี หมายถึงพิธีที่บังคับให้ภรรยาต้องตายไปพร้อมกับสามีที่เสียชีวิต ด้วยการกระโดดลงไปในกองฟืนท่ามกลางเสียงโห่ร้องของฝูงชนในพิธี พิธีนี้พัฒนาขึ้นจนกลายเป็นระบบหนึ่งของศาสนา นักประพันธ์ชาวกรีกที่ชื่อ ดิโอดอรัส (ประมาณ 300 ปีก่อนคริสตศักราช) ได้บรรยายการจัดพิธีสตีไว้อย่างละเอียดละออ  ซึ่งยังคงถือปฏิบัติต่อๆ กันมาอย่างแทบไม่เปลี่ยนแปลงจนถึงศตวรรษที่สิบแปด นักมานุษยวิทยาและนักประวัติศาสตร์เห็นพ้องต้องกันเกี่ยวกับการดำรง
อยู่ของพิธีบูชายัญมนุษย์ ซึ่งเกิดขึ้นในอดีตในหลากหลายสังคมทั่วโลกแต่พวก Rajput ได้ถือปฏิบัติพิธีนี้อย่างเด่นชัดที่สุด พิธีนี้ยังคงถือปฏิบัติกันในทุกจังหวัด โดยชาวฮินดูบางวรรณะ แต่แตกต่างกันในระดับความหนักเบาในยุคของ Turko-Mughal มีการพยายามบางอย่างที่จะยับยั้งการประกอบพิธีสตี แต่ก็มิมีมาตรการใดประสบผลสำเร็จ
เนื่องจากยึดถือความเป็นกลางทาง ศาสนา รัฐบาลของบริษัทอีสท์อินเดียในตอนแรกมิได้สมัครใจจะใช้มาตรการใดๆ เพื่อต่อต้านพิธีสตี แต่ด้วยการจัดตั้งรัฐบาลเสรีในประเทศอังกฤษ และด้วยความต้องการจะทำให้รัฐประเทศอินเดียซึ่งเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษเข้ม เข็ง ดังนั้น ในช่วงทศวรรษ 1820 รัฐบาลจึงแข็งขันที่จะคิดหาเงื่อนไขหรือข้อเรียกร้องในการออกพระราชบัญญัติ ด้านมนุษยธรรม บรรดามิสชันนารี นักหนังสือพิมพ์ชาวอังกฤษที่ตั้งรกรากหรือเกิดในอินเดีย และนักปฏิรูปที่เป็นชนพื้นเมืองจำนวนหนึ่ง (ซึ่งรวมถึง Rammohun Roy ด้วย) ได้สนับสนุนการปฏิรูปทางมนุษยธรรม  เนื่อง จากได้รับการหนุนหลังจากรัฐบาลที่ประเทศอังกฤษ ข้าหลวงใหญ่อังกฤษประจำอินเดียที่ชื่อ นายพล ลอร์ดวิลเลียม เบนทิงค์ (ช่วงปี 1828-1835) ซึ่งตัวเขาเองก็เป็นนักปฏิรูปด้านมนุษยธรรม จึงได้ตรากฎข้อบังคับหมายเลขที่ 16 ประจำปี 1829 ขึ้น ซึ่งประกาศว่า การประกอบ(พิธีสตี)หรือการเผา - ฝังสตรีม่ายชาวฮินดูทั้งเป็นนั้นเป็นสิ่งผิดกฏหมาย...........................................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 เมษายน 2553 15:18:20 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: 08 เมษายน 2553 15:00:28 »



แต่ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะเชื่อ ได้ว่าพิธีนี้หมดสิ้นหรืออันตรธานไปได้ในทันใด อาจจะมีการออกกฎหมายประกาศว่าพิธีนี้เป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่กระนั้นการปฏิบัติจริงก็ยังคงดำเนินอยู่ต่อไป พิธีสตีถือว่าเป็นสถาบันโบราณที่ฝังแน่นอยู่ในจิตใจของพวกฮินดูที่ถือ ปฏิบัติพิธีนี้ และพิธีนี้ก็ไม่สามารถถูกยกเลิกหรือขจัดไปเพียงเพราะคำสั่งห้ามของรัฐบาล ความเห็นของสาธารณชนชาวฮินดูนั้นประณามมาตรการห้ามนี้ว่าเป็นการเข้าแทรกแซง การถือปฏิบัติทางศาสนาของผู้คนมากเกินไป มีบันทึกช่วยจำที่ลงนามโดยชาวฮินดูหลายร้อยคนที่รู้สึกไม่พอใจกับสิ่งนี้ และบันทึกนี้ก็ถูกส่งต่อไปยังรัฐสภาเพื่อแก้ไขคำสั่งห้ามนั้น แต่รัฐสภาของรัฐบาลเสรีก็หนุนหลังรัฐบาลที่อินเดียของลอร์ดเบนทิงค์ และทั้งๆ ที่มีการออกกฎหมายห้ามการประกอบพิธีนี้ การถือปฏิบัติก็ยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าจะน้อยลงกว่าเมื่อก่อนก็ตาม จนกระทั่งมีความเห็นของสาธารณชนออกมาต่อต้านพิธีนี้เมื่อตอนช่วงศตวรรษที่ สิบเก้า พิธีสตีนี้จึงสูญหายไปในตอนท้ายของศตวรรษที่สิบเก้าเนื่องจากเป็นปฏิบัติการ ที่โหดร้าทารุณ และเนื่องจากปัจจัยสำคัญอื่นๆ อีกมากมาย เช่นการเผยแพร่ความรู้จากทางตะวันตก การถือกำเนิดของชนชั้นกลางที่มีการศึกษา และการเกิดกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อการปฏิรูปชาวฮินดูขึ้น ฯลฯ


..................................ความในใจของผู้พบเห็น(พิธีสตี)มากับตา...................................


เป็นวันแรกที่มาถึงแล้วก็ออกเดินเที่ยวไปในหมู่บ้าน เพื่อตะลึงกับพิธีศพนั่น!!
เคยเห็นในหนังสือมาเหมือนกันที่ว่า(พิธีสตี)หรือหญิงที่สามีตายนั้นจะกระโดดลงไปให้ไฟเผาตัวเองตามสามีผู้ล่วงลับ แต่คราวนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ บนแท่นศพนั้นมีโลงพอดูเป็นโลงอยู่โลงหนึ่ง หน้าโลงไปซักห้าเมตรมีศาลา บนศาลามีผู้หญิงสองคนกับผู้ชายกำยำหลายคน หนึ่งในสองหญิงนั้นยังไม่แก่นักและกำลังร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจอยู่ที่พื้น กับอีกคนอุ้มเด็กชายตัวดำปี๋นั่งอยู่บนตั่งหน้าตาหมองคล้ำ ฟืนกองใหญ่ที่ไหม้ไฟในวันแดดจ้าส่งเสียงลั่นป่าช้า และ...
พระเจ้าทรงโปรด................................................................
เมื่อเขาผลักโลงลงไปในเมรุได้ซักครู่ เขาก็จับผู้หญิงคนที่นั่งพื้นนั้นโยนลงไปด้วย................เสียงร้องโหยหวนของคนที่โดนเผาทั้งเป็นดังเสียยิ่ง กว่าเสียงไฟที่ไหม้ฟืนนั่นหลายเท่า ลอรี่เป็นลมทั้งยืน และเหลิงกับเดฟก็ต้องรีบกลับมาตั้งหลักกันที่บ้านพักก่อนเพื่อทำใจ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 เมษายน 2553 15:19:32 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: 08 เมษายน 2553 15:02:08 »



เจ้าของบ้านพัก มิสเตอร์ปุระณีเล่าให้ฟังว่าที่นี่ยังยึดถืออะไรเดิม ๆ อยู่มากถ้าเราอยู่ไปเรื่อย ๆ จะมีประเพณีแปลก ๆให้ดูอยู่เสมอ
เช่นพิธีศพนั่นเป็นต้น เราไม่เห็นว่ามันแปลกเลย แต่มันเป็นความโหดร้ายต่างหาก คนจากเมืองพุทธอย่างเรามาเห็นยังแทบลมใส่ คนจากเมืองคริสต์เห็นเข้าก็ลมใส่เลย เย็นนั้นกินข้าวไม่ลง ได้แค่ออกไปซื้อนมแพะมาดื่มเท่านั้นเอง....คาวใช้ได้เลยว่ะ เด็กรับใช้ที่ทำงานอยู่ที่นี่อาสาเอาไปต้มให้เพื่อให้หายคาวไปบ้าง ก็พยักหน้าไปหงึก ๆ เพราะสมองไม่รับรู้อะไรมากนัก ขอเรียกอาการนี้ของตัวเองว่าช็อค ภาพบ้านั่นยังติดตา เสียงโหยหวนนั่นยังติดหู....ซวยจริง ๆ ที่วันแรกก็มาเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นซะแล้ว เอานมไปแบ่งลอลดื่ม ท่าทางอีก็ยังไม่หายช็อคเหมือนกัน เดฟก็พูดอะไรไม่ออกด้วยคืนนั้น
อาบน้ำและอพยพตัวเองไปนอนที่ห้องเดฟกับลอลไม่อยากนอนคนเดียว...................................................



Tujhko Payal Naam Diya
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 เมษายน 2553 15:28:16 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.582 วินาที กับ 29 คำสั่ง

Google visited last this page 26 กุมภาพันธ์ 2567 08:44:30