[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
09 พฤษภาคม 2567 02:28:13 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: คิดถึงปู่เย็นผู้เฒ่าทรนง ตอนที่ 2  (อ่าน 3103 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sometime
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 24 เมษายน 2553 21:17:01 »



<table class="maeva" cellpadding="0" cellspacing="0" border="0" style="width: 800px" id="sae1"> <tr><td style="width: 800px; height: 576px" colspan="2" id="saeva1"><script type="text/javascript"><!-- // --><![CDATA[ var oldLoad = window.onload; window.onload = function() { if (typeof(oldLoad) == "function") oldLoad(); if (typeof(aevacopy) == "function") aevacopy(); } // ]]></script><embed type="application/x-mplayer2" src="http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/03.%20Track%203.wma" width="800px" height="576px" wmode="transparent" quality="high" allowFullScreen="true" allowScriptAccess="never" ShowControls="True" autostart="false" autoplay="false" /></td></tr> <tr><td class="aeva_t"><a href="http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/03.%20Track%203.wma" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/03.%20Track%203.wma</a></td><td class="aeva_q" id="aqc1"></td></tr></table>



ซึ่งทุกวันนี้ ยังคงมีผู้มีน้ำใจทั้งภายในจังหวัดเพชรบุรีและจังหวัดใกล้เคียงเดินทางมาที่ สะพานลำใย อ.เมืองเพชรบุรีอย่างไม่ขาดสาย เพื่อเยี่ยมปู่เย็นด้วยความเป็นห่วง โดยในช่วงเย็นปู่ได้ขึ้นมานั่งรับผู้ที่มาเยี่ยมเยียนบนบันไดสะพาน ปู่เย็น ได้เล่าถึงเหตุผลที่ขึ้นจากเรือมานั่งบนบันไดสะพานว่า หลายวันมานี้มีผู้มานั่งพูดคุยและเยี่ยมเยียนที่เรือทุกวัน ตนจึงไม่ได้ออกเรือและตนก็รู้สึกเกรงใจผู้ที่มาเยี่ยมซึ่งต้องเดินทางลงไป ใต้สะพานซึ่งไม่สะดวก เมื่อวันก่อนฝนตกหนักทำให้ใกล้ๆ ที่จอดเรือมีสภาพชื้นแฉะแต่คนก็มาเยี่ยมอย่างไม่ขาดสาย เมื่อห้ามคนมาเยี่ยมไม่ได้ จึงขึ้นมารอที่บันไดดีกว่า คนที่มีเยี่ยมจะได้ไม่ต้องลำบากเดินลงไป ปู่เย็นได้กล่าวว่าตอนนี้ตนไม่ได้ออกเรือเพราะตาข่ายหายไปประกอบกับคนที่มา เยี่ยมนำของมาให้มากมายหากผู้ที่มาเยี่ยมน้อยลงตนก็จะออกหาปลาตามปกตินอกจาก นี้ปู่เย็นยังบอกกันทีมข่าว พีชีทีวีว่า เจ้าของบ้านที่ตนพักอยู่ได้เดินทางมาตามและรับกลับไปพักผ่อนที่บ้านที่ อำเภอท่ายาง แต่ตนได้ปฏิเสธไป เพราะได้ลั่นวาจาเอาไว้แล้วว่าจะกลับขึ้นไปพักบนบกในราวเดือนหกตอนนี้ยังไม่ ถึงเวลาก็ต้องรักษาคำพูด จึงต้องอาศัยอยู่ในเรืออย่างที่เคยพูดไว้.................................
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระราชเสาวนีให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เยี่ยมเยียนและสอบถามถึงชีวิตความเป็นอยู่ของปู่เย็น เฒ่าทระนง แห่งลุ่มน้ำเพชรบุรี หลังจากทรงทอดพระเนตรรายการคนค้นคน ภายหลังจากที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทรงทอดพระเนตร รายการคนค้นคนที่ได้นำเสนอเรื่องราวการดำเนินชีวิตของ ปู่เย็น แก้วมะณี เฒ่าทระนง แห่งแม่น้ำเพชรบุรี ซึ่งออกอากาศทาง ช่อง 9
อสมท.เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา และทำให้พระองค์ทรงห่วงใย จึงมีพระราชเสาวนีให้ นายประสงค์ พิทูรกิจจา ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี
เดินทางไปเยี่ยมเยียนโดยให้สอบถามถึงชีวิตความเป็นอยู่และความต้องการต่างๆ ของ ปู่เย็น พร้อมกับนำสิ่งของพระราชทานให้แก่ปู่เย็น
จากนั้นเมื่อช่วงเย็นวันที่ 2 มีนาคม 2548 ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี นายประสงค์ พิทูรกิจจา และคุณหญิงสงวนศรี พิทูรกิจจา นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเพชรบุรี พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ สื่อมวลชนจำนวนหนึ่ง เดินทางไปเยี่ยม ปู่เย็น แก้วมะณี ณ บริเวณท่าน้ำศาลากลางบ้านคามวาสี อ.เมืองเพชรบุรี โดยนายประสงค์ พิทูรกิจา ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ได้กล่าวว่า จะจัดหาเรือลำใหม่ที่มีหลังคาป้องกันแดดและฝนได้ เบื้องต้นผู้ว่าราชการจังหวัดได้มอบหมายให้ นายเกียรติศักดิ์ หรือกบ กล่อมสกุล คนสนิทของปู่เย็น ไปจัดหาเรือที่มีความเหมาะสมดังกล่าวเพื่อมอบให้กับปู่เย็น
สำหรับประวัติ ปู่เย็น เป็นชาวจังหวัดเพชรบุรีมาโดยกำเนิด มีอาชีพรับจ้างเลี้ยงวัว อาศัยอยู่บ้านเลขที่ตามทะเบียนราษฎร์ 274/4 ถ.มาตยาวงศ์ ต. ท่าราบ อ. เมืองเพชรบุรี อายุ ๘๖ ปี แต่เจ้าตัวเล่าให้ฟังว่า เกิดปีฉลู ขณะนี้อายุ 106 ปีแล้ว มีบิดาชื่อนายสุข แก้วมะณี มารดาชื่อนางชม แก้วมะณี ภรรยาชื่อนางเอิบ ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2536 ปี หลังจากภรรยาเสียชีวิตปู่เย็นจึงใช้ชีวิตอยู่ในเรือมาโดยตลอดนับว่ากว่า ๑๐ ปีแล้ว โดยประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองด้วยการหาปลาแบบการขึงตาข่ายบริเวณแม่น้ำเพชรบุรี ปัจจุบันขายปลาได้วันละ 30 - 70บาท

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 เมษายน 2553 21:58:58 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 24 เมษายน 2553 21:20:41 »



สำหรับการใช้ชีวิตประจำวันของปู่เย็น จะอยู่แบบเรียบง่าย ใช้เรือเป็นที่อาศัยหลับนอน ปู่เย็นจะขึ้นฝั่งไปพักอยู่กับหลานที่อำเภอท่ายางก็ต่อเมื่อช่วงฤดูน้ำหลาก เท่านั้น จากการสังเกตระหว่างการพูดคุยของปู่เย็นพบว่าปู่เย็น มีแนวทางการดำเนินชีวิตวางไว้อย่างมีกฎเกณฑ์ โดยพึ่งพาธรรมชาติ ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย นิสัยส่วนตัวเป็นคนขี้เกรงใจ ยึดถือคำพูดเป็นหลัก
ชีวิตปู่เย็น เฒ่าทระนง กับแม่น้ำเพชรบุรี กำลังจะได้รับการพัฒนา เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเริ่มที่จะให้ความสนใจและให้ความสำคัญต่อแม่ น้ำเพชรแล้ว ปู่เย็น เฒ่าทระนงแห่งแม่น้ำเพชรบุรี ก็ยังคงใช้ชีวิตอยู่ภายในเรือใต้ถุนสะพานลำไยตามปกติ ซึ่งภายหลังจากรายการคนค้นคน ได้เผยแพร่เรื่องราวของปู่เย็นตามที่ทีมข่าวพีซีทีวีได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น ขณะนี้ชีวิตความเป็นอยู่ของปู่เย็นเริ่มจะดีขึ้น ทุกวันนี้ปู่เย็นไม่ต้องหุงข้าวกิน ไม่ต้องลงเรือหาปลา
เนื่องจากมีประชาชนทั้งในและต่างจังหวัดเดินทางมาเยี่ยมเยียนอย่างไม่ขาดสาย บ้างก็ซื้ออาหาร ขนม ผลไม้ และผ้าห่ม มาให้ปู่เย็น บางวันปู่เย็นไม่มีเวลาแม้แต่พักผ่อนเพราะต้องรับแขก ทำให้เสียงแหบร่างกายมีอาการอ่อนล้า ส่วนขนมหรือผลไม้นั้น ปู่เย็นก็จะแบ่งปันให้กับเด็กๆ ที่มาลงเล่นน้ำและเที่ยวเล่นอยู่บริเวณใกล้เคียง กินกันซึ่งปู่เย็น ได้เล่าให้ว่า ทุกๆวันจะมีผู้คนเดินทางมาเยี่ยมตนไม่ขาดสาย ทำให้ตนต้องพูดมากจนทำให้มีอาการเจ็บคอและเสียงแหบ และเมื่อวันที่๑๔ มีนาคม ที่ผ่านมา ได้มีผู้คนเดินทางมาเยี่ยมกันเป็นจำนวนมาก พร้อมบอกกับปู่ว่าจะเอาปู่ไปอยู่ด้วย และพร้อมจะปลูกบ้านให้อยู่ แต่ปู่เย็นได้ปฏิเสธและพูดติดตลกว่า ตนอยู่บ้านไม่ได้มันร้อนใจอยากจะออกไปไหนต่อไหน ถ้าจะปลูกบ้านให้เดี่ยวตนก็ขาย แล้วจะว่าไม่ดี ไม่เอาดีกว่ามันลำบากใจขออยู่ในเรือแบบเดิมจะดีกว่า ไม่ต้องไปรบกวนใครและไม่ให้ใครต้องมาเดือดร้อนด้วย
อย่างไรก็ตามแม้ว่าปู่เย็นจะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง แต่สังขารของร่างกายปู่เย็นก็ยังคงเป็นผู้สูงอายุทั่วไปที่ต้องการพักผ่อน มากกว่าปกติ สำหรับเรื่องราวของ ปู่เย็น เฒ่าทระนงแห่งแม่น้ำเพชรบุรีนั้นขณะนี้ก็ได้รับความสนใจจากประชาชนจากทั่ว สารทิศเป็นจำนวนมาก เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วจะเห็นว่าการดำเนินชีวิตของปู่เย็นนั้นจะเป็นคนที่ สมถะโดยอาศัยกินและหรับนอนอยู่ในเรือเหล็กบริเวณใต้สะพานลำไย อีกทั้งปู่เย็นแกเป็นคนที่รู้ถึงการดำรงชีพจึงถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดที่ทำ ให้ทุกคนที่ได้ฟัง สามารถนำกลับไปคิดและปฏิบัติตามในการอยู่ร่วมกับสังคมส่วนรวมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถเป็นบุคคลตัวอย่างให้กับเยาวชนรุ่นหลังได้เป็นอย่างดีเลยที เดียว
หลังจากที่รายการคนค้นคน ได้นำเสนอเรื่องราวการต่อสู้ชีวิตของปู่เย็นออกอากาศทางโมเดิร์นไนน์ทีวี และภายหลังที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงทอดพระเนตร ทำให้พระองค์ทรงห่วงใย จึงมีพระราชเสาวนี ให้นายประสงค์ พิทูรกิจจา ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เดินทางไปเยี่ยมเยียนโดยให้สอบถามถึงชีวิตความเป็นอยู่และความต้องการต่างๆ ของปู่เย็น และทรงมีกระแสรับสั่งให้วิทยาลัยเทคโนโลยี่และอุตสาหกรรมการต่อเรือพระ นครศรีอยุธยา จัดสร้างเรือลำใหม่ที่มีหลังคาเพื่อกันแดดกันฝนและติดตั้งมุ้งลวดกันยุงมอบ ให้กับปู่เย็น และเมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2548 ที่ผ่านมา ปู่เย็นได้เข้ารับพระราชทานเรือต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมในพิธีหลายร้อยคน ซึ่งปู่เย็นกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่าดีใจ ตื้นตันใจและเกรงใจ จากนั้นปู่เย็นได้ลงเรือพระราชทานพายทวนน้ำไปเทียบที่ใต้สะพานลำใยตามปกติ



.....................................ประวัติเรือหาปลาของปู่เย็น...............................


โดยเรือลำเก่านั้นทีมข่าวได้ทราบข้อมูลจาก อาจารย์ นิคม คุปตะวินทุ ว่าเมื่อปลายปี พ.ศ. 2535 หรือประมาณ 14 ปีก่อนเคยบันทึกภาพขณะปู่เย็นใช้เรือไม้หรือที่เรียกกันว่าเรือมาด ออกดักปลาที่บริเวณหลังโรงเรียนสุวรรณรังสฤษ ซึ่งสังเกตเห็นคุณปู่แก่ ๆ กับเรือเก่า ๆกำลังตั้งหน้าตั้งตาดักตาข่ายเพื่อหาปลาไปขาย โดยปู่จะอาศัยแหล่งน้ำแห่งนี้เป็นที่หาปลา โดยสภาพแม่น้ำในสมัยนั้นมีความใสสะอาดซึ่งผิดกับปัจจุบันมาก
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2540 ปู่เย็นได้เปลี่ยนเรือลำใหม่ และได้ซื้อเครื่องมาติด เนื่องจากสภาพร่างกายเริ่มโรยราแต่ต่อมาได้มีคนขโมยเครื่องของปู่ไป และเวลาผ่านไปอีกระยะหนึ่งปู่เย็นได้ให้เรือกับข้าราชการนายหนึ่งไปเนื่อง จากมีสภาพผุพัง และปัจจุบันก็ยังไม่ทราบเหมือนกันว่าเรือไม้ลำนั้น
ไปอยู่ที่ใด หรือไม่ก็อาจจะพุพังไปแล้วก็ได้
ส่วนเรือเหล็กที่ปู่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้ นายเกียรติศักดิ์ กล่อมสกุล ผู้ที่เรียกได้ว่ามีความใกล้ชิดกับปู่เย็นมากที่สุดในเวลานี้ได้ให้ข้อมูลว่า เรือเหล็กที่ปู่เย็นใช้หาปลาอยู่ในปัจจุบันนี้ ปู่เย็นได้ซื้อมาจากเพื่อนที่อยู่ในอำเภอแก่งกระจานในราคา 8,000 โดยนายผิน เข็มเมือง หลานชายได้ช่วยออกเงินให้จำนวนสี่พันบาทพร้อมค่าขนส่ง โดยอดีตนั้นเรือลำนี้ก็ได้มีการติดเครื่องด้วย ต่อมาเครื่องยนต์พังจึงต้องใช้ไม้ถ่อ และเมื่อปีที่แล้วเรือลำดังกล่าวก็เกิดรอยรั่ว จึงได้นำขึ้นมาเพื่อทำการซ่อมแซม และถึงแม้ว่าเดือน๖ ที่จะถึงนี้ปู่เย็นจะกลับขึ้ฝั่งเเละกลับที่อำเภอท่ายางปู่ก็จะต้องนำเรือ ขึ้นไปด้วยและจะใช้เรือลำนี้หาปลาตลอดไป....................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 เมษายน 2553 21:59:40 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: 24 เมษายน 2553 21:25:49 »



และเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2548 ที่ผ่านมา จังหวัดเพชรบุรีก็ได้จัดพิธีการมอบเรือให้กับปู่เย็น ที่บริเวณริมแม่น้ำข้างจวนผู้ว่าราชการจังหวัด เพชรบุรี สำหรับเรือพระราชทานดังกล่าวนี้ อาจารย์ วรเทพ บุญยัง อาจารย์ประจำแผนกช่างต่อเรือโลหะวิทยาลัยเทคโนโลยี่และอุตสาหกรรมพระนครศรี อยุธยา ก็ได้ให้ข้อมูลว่าเรือพระราชทานลำนี้ทำด้วยไฟเบอร์กลาสทั้งลำ ไม่มีเครื่องยนต์ ลักษณะยาวเรียว หัวท้ายแหลม น้ำหนักเบามาก กว้าง ๑ เมตร
ยาว 6 เมตร ใต้ท้องเรือและใต้หัวเรือจะมีกล่องเอนกประสงค์สำหรับใส่สิ่งของ ท้องเรือลาดชันเพื่อให้น้ำไหลสะดวก
พร้อมมีบ่อดักน้ำสำหรับวิดน้ำออกจากเรือ หรือสำหรับใช้ขังปลา ส่วนหลังคาทำด้วยผ้าใบอย่างดีตลอดทั้งลำ โครงหลังคาเป็นอลูมิเนี่ยม สามารถถอดพับได้ นอกจากนี้ยังมีหน้าต่างพร้อมติดมุ้งลวดพลาสติกอย่างดีสำหรับกันยุงและตัว แมลงได้อีกด้วย จากอดีตถึงปัจจุบันแม้ว่ากาลเวลาจะหมุนเปลี่ยนไหลเวียนดังสายน้ำแห่งแม่น้ำ เพชรบุรีแต่วันนี้ ปู่เย็น ก็ยังคงยึดถือแม่น้ำสายนี้เปรียบเหมือนบ้านและยังคงใช้แม่น้ำแห่งนี้หาปลา
เพื่อเลี้ยงชีพ และจะยังใช้แม่น้ำสายนี้หาปลาตลอดไป
ปู่เย็น อายุ 106 ปี วัย 106 ปี ของชายชราคนหนึ่งน่าจะพูดได้ว่า เลยภาวะไม้ใกล้ฝั่งไปแล้วหลายขุม ปู่อยู่ตัวคนเดียว เคยมีเมียแต่ไม่มีลูก เพราะปู่เป็นหมัน ถ้าปู่มีลูกไม่แน่ว่าป่านนี้ลูก ๆ ของปู่จะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่แต่ สำหรับปู่ ยังไงปู่ก็ยังไม่ตายแน่ ๆ นอกจากยังไม่ตาย ปู่ยังแข็งแรงใช้ได้ ไม่ว่าร่างกายหรือหัวใจ
ปู่เป็นมุสลิมเมืองเพชร แต่เมียปู่เป็นไทยพุทธแถวประจวบ ทั้งสองครองรักกันยืนยาวโดยไม่มีฝ่ายใดได้ เปลี่ยนรีตเปลี่ยนรอยศาสนา รวมทั้งในชีวิตไม่เคยมีพิธีกรรมออกหน้าออกตาอันใด ใช้หัวใจหรือหัว อะไรบ้างก็ไม่รู้ล่ะ รู้แต่ว่าอยู่กันมายืนยาวกว่าไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร ย่าขี้เกียจอยู่ดูโลก จากปู่ไปก่อน ตอนอายุ 92 ปี ปู่ถึงตอนนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะจากโลกนี้ไปไหน แต่ตอนย่าจากไปปู่ร้องไห้ อยู่ 3 เดือน ชายชราคนหนึ่ง ร้องไห้กับการจากไปของหญิงชราคนหนึ่งนาน 3 เดือน คงไม่ใช่เพราะความขี้แย นับแต่วันที่ย่าจากไป ปู่ก็ออกจากบ้านเช่าราคาเดือนละแปดร้อยบาท ขนทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ไม่กี่ชิ้นในชีวิต มาอยู่บ้านหลังใหม่ ไม่มีเสา ไม่มีหลังคา ยาวราวๆ 2 วา กว้างแค่ 2 ศอก บ้านของปู่เป็นเพียง เรือลำเล็กๆ ลอยอยู่ในลำน้ำเพชร นับถึงปัจจุบัน ปู่กิน อยู่ หลับนอน อยู่ในเรือมานานนับสิบปี โดยมี การงานแห่งชีวิตเพียงอย่างเดียว คือ การดักอวนหาปลา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 เมษายน 2553 22:00:28 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: 24 เมษายน 2553 21:28:27 »




ทุกวันปู่จะจอดเรือนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ใต้สะพานลำใย ซึ่งทอดเชื่อมระหว่างบ้านหม้อ กับตลาดวัดท่อ พอเย็น ๆ ก็จะเริ่มพายเรือออกไปหาที่วางอวน ปู่จะกู้อวนคืนละ 2 ครั้ง ดึก ๆ ครั้งหนึ่ง รุ่งเช้าอีกครั้ง หนึ่ง ได้ปลา ปู่ก็จะเอาใส่กะละมังหิ้วขึ้นมาขายที่ตลาดวัดท่อในตอนเช้า
ก่อนเดินกลับลงไปพักผ่อนชมเวลาเลือนผ่านชีวิตไปโดยไม่วิตกทุกข์ร้อน หรือไม่ก็ซ่อมอวนอยู่ในเรือนเรือ ปู่ไม่ชอบให้ใครสงสารปู่ แต่ปู่ชอบสงสารคนอื่น ปู่มักจะขายปลาที่นับวันยิ่งหายากในราคาถูก ๆ คนที่มาซื้อเห็นปู่ขายถูก ยิ่งขอซื้อให้ถูกเข้าไปอีก แต่ปู่ก็ไม่ว่าอะไร นานปีทีหนจึงจะมีคนใจดี
ซื้อปลาไม่กี่ตัว ให้ เงินเกินมา ไม่เอาเงินที่ปู่ทอนกลับไป แบบนี้ปู่ไม่ว่าอะไร แต่ถ้าใครให้ปู่ฟรี ๆ มีปัญหาทันที
มีคนเคยถามว่า ทำไมปู่ไม่ไปขอความเมตตาจากใครๆ เขา คนแก่ๆ ยังไง ๆ ใคร ๆ ก็สงสาร ปู่บอกว่า ไม่เอา ไม่ชอบที่สุด ดูแต่หอยซิ ไม่มีมือมีตีน มันยังหากินได้เอง (รู้จักมั้ยหอยน่ะ…ปู่ย้ำ) ประสาอะไร กับคนมีมือมีเท้า หากินเองไม่ได้ก็อายหอย
ปู่คิดและเชื่อแบบนี้ แต่มีคนมากมายที่ไม่ได้คิดและเชื่อแบบปู่ ปู่อาจดูโง่และน่าหมิ่นแคลนในสายตาของคนเหล่านั้น แต่ปู่ไม่มีวันหมิ่นแคลนตัวเอง ขณะปู่อยู่ในเรือ คนเหล่านั้นอาจกำลังนั่งถือขันอยู่ตามสะพานลอย หรือไม่ก็กำลังข่มขู่ทุบตีเพศแม่ที่เป็นเมียตอนที่ตัวเองกำลังเมา กำลังขูดรีด โก่งราคา จี้ปล้น ฉ้อโกง ฮั้วสัมปทาน เล่นแร่แปรหุ้นในตลาดเงิน
ไม่ว่าความฉลาด ความโง่ ความดี ความชั่ว ความนับถือ และการให้ค่าในการมีชีวิต แน่นอนว่า คน พวกนั้นต่างกับปู่ ขณะที่ปู่คิดว่าคนเราไม่ว่าเฒ่าชะแร แก่ชราแค่ไหน หากยังมีลมหายใจ ก็ต้องพยายาม อยู่ให้ได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง โดยไม่เอารัดเอาเปรียบ และเบียดเบียนใคร พูดง่ายๆ ว่ารับผิดชอบดู แลตัวเอง หาอยู่หากินเองว่างั้นเหอะ
ปู่อาจไม่รู้จักคำว่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ในหัวสมองปู่อาจไม่ มีคำว่าชีวิตที่สง่างาม ความหยิ่งทะนง แต่ปู่มีสิ่งเหล่านี้อยู่ในชีวิต ซึ่งบางทีคนที่ใช้คำเหล่านี้หากินบ่อยๆ เสียอีกที่ชีวิตไม่มีสิ่งเหล่านี้ ปู่เบียดบังชีวิตตัวเองได้ แต่ไม่เคยเอาเปรียบเบียดบังชีวิตคนอื่น ปีนี้ปู่กะว่าจะอยู่ในเรือเป็นปีสุดท้าย ปู่กะว่าจะรีไทร์ตอนอายุ 106 ปี หน่วยกิตสุดท้ายที่ปู่ตั้งใจว่าจะทำให้ได้ คือ หาเงินอีก 3 พันบาท เพื่อไปรวมกับที่มีอยู่แล้ว 7 พันบาท จากการเก็บสะสมมาชั่วชีวิตเพื่อให้ได้หมื่น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 เมษายน 2553 22:01:45 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: 24 เมษายน 2553 21:34:47 »



ปู่คิดว่าถ้ามีเงินถึงหมื่น กินแบบเขียมๆ คงจะพอกินไปจนตาย ไม่รู้ปู่คิดในใจไว้แล้วรึยังว่า จะตายตอน อายุเท่าไหร่เพื่อให้ได้เงิน 3 พัน ปู่ต้องพายเรือจากอำเภอท่ายาง มายังเมืองเพชร เป็นระยะทางเกือบ 30 กิโลเมตร ซึ่งต้องแวะค้างอ้างแรมริมฝั่งหนึ่งคืน ปู่บอกแบบไม่อนาทร
ว่าไปเรื่อยๆ อยากนอนตรงไหนก็ จอดนอนตรงนั้น ไม่ร้อนใจ จอดนอนตรงไหนก็ลงอวนตรงนั้น ได้ก็ช่าง ไม่ได้ก็ช่าง
ที่ปู่ต้องพายเรือมา เพราะปีที่แล้วหน้าน้ำหลาก ปู่จ้าง พวกกัน ลากเรือขึ้นบก มาไว้บ้านญาติรุ่นหลานที่อำเภอท่ายางเพราะว่าเรือของปู่ซึ่งเป็นเรือเหล็กสนิมกินจนรั่ว ปู่เอาเรือขึ้นไปปะ กะว่าหมดหน้าน้ำหลาก หลังออกพรรษาจะลงมาหาปลาในลำน้ำเพชร เป็นเที่ยวสุดท้ายยั่ว พวกกัน จะไม่เอาค่าลากเรือ ปู่บอกไม่ได้ ไม่งั้นไม่ต้องเป็นพวกกัน พวกกัน บอกว่าถ้างั้นเอา สองร้อย ปู่หายไปพักใหญ่ ก่อนกลับมาบอกไม่ได้ต้องสี่ร้อย สองร้อยถูกไป ไปถามราคาคนอื่นมาแล้ว พวกกัน บอกว่า ถ้างั้นสามร้อยแล้วกัน ปู่บอกว่าแหม..มันเกรงใจพวกกัน บอกไม่เป็นไร ถ้าใครถามจะบอกห้าร้อย ปู่เลยยอม
ปู่ลงมาปลายเดือนธันวา สองเดือนผ่านไป ขณะที่สุขภาพปู่แย่ลง ปู่เพิ่งพบว่าปีนี้ ปลาในแม่น้ำเพชร ไม่ได้หาง่ายเหมือนปีก่อนๆ อีกแล้ว บางวันปู่ไม่ได้ปลาแม้แต่ตัวเดียว ส่วนใหญ่ได้วันละไม่กี่ตัว พอยาไส้ แต่ไม่พอขายให้ได้เงิน 3 พันเงิน 3 พันสำหรับบางคนต้องเดิมพันด้วยชีวิต เงิน 3 พันล้านสำหรับบางคนแค่กระดิกนิ้วเซ็นไม่กี่แกร็กก็ได้



.................................................ชีวิตในปัจจุบันของปู่เย็น.............................................


หลังจากที่มีสื่อมวลชนหลาย ๆแขนงโดยเฉพาะรายการ คนค้นคนได้นำเสนอเรื่องราวชีวิตของนายเย็น แก้วมะณี หรือปู่เย็น เฒ่าทระนงแห่งแม่น้ำเพชรบุรี ที่ใช้ชีวิตอยู่ในเรือโดยประกอบอาชีพดักปลาในแม่น้ำเพชรบุรีขายมานานกว่า 10 ปี จนเป็นที่มาของการได้รับเรือพระราชทานจากสมเด็จพระราชินีนาถ อีกทั้งยังทำให้ประชาชนทั้งประเทศให้ความสนใจการดำรงชีพของปู่เย็น ตลอดมา โดยเฉพาะที่จังหวัดเพชรบุรี ขณะนั้นปู่เย็นนั้นถือได้ว่าเป็นผู้จุดประกายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือ ประชาชนได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของแม่น้ำเพชรบุรีกันมากขึ้น ซึ่งขณะนั้นผู้คนจากต่างและในจังหวัดก็ได้เดินทางมาเยี่ยมเยียนปู่เย็นกัน อย่างไม่ขาดสาย จนทำให้ปู่เย็นเกิดความสะดวกสบายไปชั่วขณะ และ ว่างเว้นจากการหาปลาไปชั่วคราว มีวิถีชีวิตที่ผู้คนส่วนใหญ่เรียกว่า ปู่เย็น เปลี่ยนไป เลยทีเดียว
จวบจนปัจจุบันหลังจากกระแสของ ปู่เย็น เฒ่าทระนงแห่งแม่น้ำเพชร เงียบหายไป ผู้คนที่เคยเดินทางมาพบปู่เย็นก็พลอยขาดหายไปด้วย ซึ่งทุกวันนี้ปู่เย็นก็กลับมาใช้วิถีชีวิต เหมือนแต่ก่อนเก่าแล้ว ตกเย็นทุกวันปู่เย็นจะออกหาปลาขาย ซึ่งถ้าขายไม่หมดปู่เย็นก็จะนำกลับมาทำอาหารกินเองที่ใต้ถุนสะพานลำไย อย่างเช่นวันนี้ ปู่เย็น ก็ยังคงดำรงชีพด้วยการหุงหาอาหารกินเอง ปลาที่หามาได้ก็จะนำมาแร่ใส่เกลือตากแดดไว้ย่างกิน ซึ่งก็สะท้อนให้เห็นว่า ชีวิตคนเรามีขึ้นลง เหมือนกับบันได ที่ปู่เย็นเคยพูดไว้เมื่อหลายเดือนก่อน และทุกวันนี้ ชีวิตของปู่เย็น ก็ไม่ผิดอะไรไปจากคำพูดที่เคยพูดเอาไว้




...............................................จบภาค 1 ........................................


....................ข้อมูลอ้างอิง.........คลังปัญญาไทย......................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 เมษายน 2553 22:02:54 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.631 วินาที กับ 30 คำสั่ง

Google visited last this page 25 กุมภาพันธ์ 2567 08:22:01