ปู่คิดว่าถ้ามีเงินถึงหมื่น กินแบบเขียมๆ คงจะพอกินไปจนตาย ไม่รู้ปู่คิดในใจไว้แล้วรึยังว่า จะตายตอน อายุเท่าไหร่เพื่อให้ได้เงิน 3 พัน ปู่ต้องพายเรือจากอำเภอท่ายาง มายังเมืองเพชร เป็นระยะทางเกือบ 30 กิโลเมตร ซึ่งต้องแวะค้างอ้างแรมริมฝั่งหนึ่งคืน ปู่บอกแบบไม่อนาทร
ว่าไปเรื่อยๆ อยากนอนตรงไหนก็ จอดนอนตรงนั้น ไม่ร้อนใจ จอดนอนตรงไหนก็ลงอวนตรงนั้น ได้ก็ช่าง ไม่ได้ก็ช่าง
ที่ปู่ต้องพายเรือมา เพราะปีที่แล้วหน้าน้ำหลาก ปู่จ้าง พวกกัน ลากเรือขึ้นบก มาไว้บ้านญาติรุ่นหลานที่อำเภอท่ายางเพราะว่าเรือของปู่ซึ่งเป็นเรือเหล็กสนิมกินจนรั่ว ปู่เอาเรือขึ้นไปปะ กะว่าหมดหน้าน้ำหลาก หลังออกพรรษาจะลงมาหาปลาในลำน้ำเพชร เป็นเที่ยวสุดท้ายยั่ว พวกกัน จะไม่เอาค่าลากเรือ ปู่บอกไม่ได้ ไม่งั้นไม่ต้องเป็นพวกกัน พวกกัน บอกว่าถ้างั้นเอา สองร้อย ปู่หายไปพักใหญ่ ก่อนกลับมาบอกไม่ได้ต้องสี่ร้อย สองร้อยถูกไป ไปถามราคาคนอื่นมาแล้ว พวกกัน บอกว่า ถ้างั้นสามร้อยแล้วกัน ปู่บอกว่าแหม..มันเกรงใจพวกกัน บอกไม่เป็นไร ถ้าใครถามจะบอกห้าร้อย ปู่เลยยอม
ปู่ลงมาปลายเดือนธันวา สองเดือนผ่านไป ขณะที่สุขภาพปู่แย่ลง ปู่เพิ่งพบว่าปีนี้ ปลาในแม่น้ำเพชร ไม่ได้หาง่ายเหมือนปีก่อนๆ อีกแล้ว บางวันปู่ไม่ได้ปลาแม้แต่ตัวเดียว ส่วนใหญ่ได้วันละไม่กี่ตัว พอยาไส้ แต่ไม่พอขายให้ได้เงิน 3 พันเงิน 3 พันสำหรับบางคนต้องเดิมพันด้วยชีวิต เงิน 3 พันล้านสำหรับบางคนแค่กระดิกนิ้วเซ็นไม่กี่แกร็กก็ได้.................................................ชีวิตในปัจจุบันของปู่เย็น.............................................
หลังจากที่มีสื่อมวลชนหลาย ๆแขนงโดยเฉพาะรายการ คนค้นคนได้นำเสนอเรื่องราวชีวิตของนายเย็น แก้วมะณี หรือปู่เย็น เฒ่าทระนงแห่งแม่น้ำเพชรบุรี ที่ใช้ชีวิตอยู่ในเรือโดยประกอบอาชีพดักปลาในแม่น้ำเพชรบุรีขายมานานกว่า 10 ปี จนเป็นที่มาของการได้รับเรือพระราชทานจากสมเด็จพระราชินีนาถ อีกทั้งยังทำให้ประชาชนทั้งประเทศให้ความสนใจการดำรงชีพของปู่เย็น ตลอดมา โดยเฉพาะที่จังหวัดเพชรบุรี ขณะนั้นปู่เย็นนั้นถือได้ว่าเป็นผู้จุดประกายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือ ประชาชนได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของแม่น้ำเพชรบุรีกันมากขึ้น ซึ่งขณะนั้นผู้คนจากต่างและในจังหวัดก็ได้เดินทางมาเยี่ยมเยียนปู่เย็นกัน อย่างไม่ขาดสาย จนทำให้ปู่เย็นเกิดความสะดวกสบายไปชั่วขณะ และ ว่างเว้นจากการหาปลาไปชั่วคราว มีวิถีชีวิตที่ผู้คนส่วนใหญ่เรียกว่า ปู่เย็น เปลี่ยนไป เลยทีเดียว
จวบจนปัจจุบันหลังจากกระแสของ ปู่เย็น เฒ่าทระนงแห่งแม่น้ำเพชร เงียบหายไป ผู้คนที่เคยเดินทางมาพบปู่เย็นก็พลอยขาดหายไปด้วย ซึ่งทุกวันนี้ปู่เย็นก็กลับมาใช้วิถีชีวิต เหมือนแต่ก่อนเก่าแล้ว ตกเย็นทุกวันปู่เย็นจะออกหาปลาขาย ซึ่งถ้าขายไม่หมดปู่เย็นก็จะนำกลับมาทำอาหารกินเองที่ใต้ถุนสะพานลำไย อย่างเช่นวันนี้ ปู่เย็น ก็ยังคงดำรงชีพด้วยการหุงหาอาหารกินเอง ปลาที่หามาได้ก็จะนำมาแร่ใส่เกลือตากแดดไว้ย่างกิน ซึ่งก็สะท้อนให้เห็นว่า ชีวิตคนเรามีขึ้นลง เหมือนกับบันได ที่ปู่เย็นเคยพูดไว้เมื่อหลายเดือนก่อน และทุกวันนี้ ชีวิตของปู่เย็น ก็ไม่ผิดอะไรไปจากคำพูดที่เคยพูดเอาไว้...............................................จบภาค 1 ........................................
....................ข้อมูลอ้างอิง.........คลังปัญญาไทย......................