03 พฤษภาคม 2567 06:12:40
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
สุขใจในธรรม
ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
ธรรมะจากพระอาจารย์
.:::
พุทธาจาโรลิขิต (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: พุทธาจาโรลิขิต (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร) (อ่าน 2344 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 4.0.1
พุทธาจาโรลิขิต (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)
«
เมื่อ:
02 มิถุนายน 2554 16:23:37 »
Tweet
พุทธาจาโรลิขิต
(
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
)
นะโม
คือความนอบน้อม ขอนอบน้อมแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอนอบน้อมแต่พระบรมครูปราชญ์ พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ที่นอบน้อมต่อพระพุทธองค์ได้แก่ ผู้พิจารณาตน ผู้มีสติ ผู้ละทิฐิ ผู้เข้าถึงอริยสัจธรรม ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ได้แก่ ผู้ไม่ยึด
ในขันธ์ เช่น ผู้เห็นทุกข์
ในทุกข์ เห็นธรรมในธรรม
ตามความเป็นจริง
ตกอยู่ในโมหะ คือความหลง
เหตุว่า
ตนของตนไม่พิจารณาตน
มัวไปดูอื่นนอกตน
นำสายตาออกไปเที่ยวดูนอกใจตน ก็ออกติดตาม
ขาดการ
สังวร ไม่
สำรวม
ตน จึงตกอยู่ในความมืดหรือเรือนอวิชชาตัณหามืดมนเมา
(๑) ผู้ใดแบกขันธ์นั้นแบกความโง่
(๒) ผู้ใดยึดในขันธ์ผู้นั้นยึดเอาความทุกข์
(๓) ผู้ที่ยังแบกเอาทั้งความโง่และความฉลาดผู้นั้นยิ่งหนัก
(๔) ผู้ใด
ยังสำคัญว่า
ตนรู้แล้ว ตนเป็นผู้ที่ฉลาดแล้ว ผู้นั้น
แบก
ความโง่ ก็ได้แก่งมโง่ของตนนั่นเอง มิใช่อื่น
อย่าสำคัญตนว่า เป็นโง่ เป็นรู้ เป็นฉลาดใดๆ
หากมีคือความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา มิใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล ตัวตนเราเขาไม่มี ละทิฐิ ราคะ โทสะ โมหะ ที่เป็นกิเลส ตัณหา อวิชชา อุปาทาน
ละด้วยตนไม่หลง
ปฏิบัติตนให้แจ้ง ละ ปล่อยวาง
(๕) หากยัง
แสดงตนอวดว่า
เป็นคนเฉยๆ ไม่โง่ ไม่ฉลาด ก็คือผู้
แสดงทิฐิ
ในตน
๑) ถือว่าตนโง่ก็เป็นทิฐิ
๒) ถือว่าตนฉลาดก็เป็นทิฐิ
๓) ถือว่าตนไม่โง่ไม่ฉลาดก็เป็นทิฐิ
หากผู้ใดเมตตาตน สงสารตน อย่านำตนไปสู่ทางที่เสื่อม อย่าประพฤติตนไปในทางที่เสื่อม คำว่าเสื่อม
คือจิตไหลลงสู่
ทิฐิ อวิชชา ลามก ตกต่ำ ดำมึด คือธรรมอันลามก
ด้วยเหตุแห่งอวิชชา
ปกปิดใจ จึงไม่แจ้งมีแต่ความหลง ความไม่ปล่อยวาง คือ ตัวทิฐิภายในใจตน
ที่
ยึดใน
อุปาทาน
เหตุที่ผู้ปฏิบัติ
ไม่ละ
ราคะ
ตัวสำคัญ
ในโลก จึงทำให้เกิดโทสะ โมหะ เกิดทิฐิมานะ ถือตน ถือตัว ถือเรา ถือเขาว่ามีจริง มีจังในโลกต่างๆ แห่งความหลงอันมึนเมาแห่งจิตใจที่ไม่ได้ชำระขัดเกลากองกิเลสอนุสัยภายในกมล สันดานตน หลง จม งมงาย อยู่ใน
ธรรม
อัน
ลามก
ฝ่ายดำ
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 4.0.1
Re: พุทธาจาโรลิขิต (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)
«
ตอบ #1 เมื่อ:
02 มิถุนายน 2554 17:00:31 »
ธรรมขั้นปฏิบัติ ขัดใจ ชำระจิตให้
บริสุทธิ์ ผ่องใส ได้แก่ ผู้มีความพยายามละ ราคะ โทสะ โมหะ ให้เบาบางหมดไปสิ้นไป เป็นหน้าที่ของผู้ปฏิบัติในสมณะธรรมตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สิ่งใดที่พระพุทธองค์ไม่ทรงสรรเสริญ เราอย่าประพฤติไปในทางผิด พระองค์มีพระประสงค์ให้เรา
ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง
คือ
ผู้ปฏิบัติไม่หลง
ตรงตัดขัด
จิต ละ
กิเลส
ปล่อยวาง ไม่ยึด ไม่หลง
ละแล้วเบา
ปล่อยแล้วบาง
จากกิเลส วางแล้วไม่หนัก
ภาระที่หนักผ่านไป เหมือนเราอมน้ำไว้ในปากเสียนานชาตินานภพเท่าไร ภพก็ยังนับไม่ถ้วน เพียงว่าอเนกภพ อเนกชาติ นับภพ นับชาติไม่ถ้วน
น้ำอยู่ในปากก็
บ้วนทิ้งไป
ในแผ่นดินไม่ก้มลงเก็บมาอีก
ไม่เก็บเอามา
หลง
ละ ปล่อยวาง ไม่หลงเป็นธรรมดา
หากไม่สำรวมตน เรียกว่าไม่มีสติ ขาด
การพิจารณาตน จึงทำให้หลง หากหลงทางเปรียบเสมือนผู้หลงเนื้อก้อนเดียว เช่น สุนัขตัวหนึ่งคาบเอาเนื้อมาหมายจะกินเนื้อให้สมใจ กำลังจะกินยังไม่อิ่ม มีสุนัขอีกหลายๆตัวมาพบเห็นก้อนเนื้อก็พากันแย่งชิงกัน ตัวไหนมีกำลังมากก็คาบเอาก้อนเนื้อไปได้ ไม่รู้ว่าของใคร
แย่งได้
เป็นเอา
ด้วยความหลง
กรรมของสัตว์ที่ไม่อยู่ในศีล
มี
ความโลภ
เป็นธรรมดา
เราเกิดมาตั้งแต่ยังนอนแบเบาะมาเป็นหนุ่มเป็นสาวย่างเข้ากลางคนจนถึงวัย ชราก็มีอยู่แค่เก่า ของเก่าในโลก
คือความ
หลง
ดี
หลงไม่ดี มีอยู่
แค่นี้ จนตายใหม่อย่างเก่า เกิดมาอีกก็
สมบัติโลกอันเก่าแก่โบราณอันนี้เองคือคนจน คนมี คนดี คนชั่ว คนมียศถาบรรดาศักดิ์ คนไม่มียศถาบรรดาศักดิ์ คนสูงต่ำ ดำ ขาว เจ๊ก มอญ แขก ฝรั่ง อะไรเหล่านี้ ล้วนมีอยู่ในโลกหรือจะมีดีอะไรยิ่งไปกว่านี้อีก
คำว่าโลกๆมี
โลกนอก โลกใน
คำว่า “
โลกภายนอก
หมายถึง คน สัตว์ วัตถุต่างๆเช่นสัตว์อื่น บุคคลอื่น ยืนยัดเยียดอัดแอกันอยู่ในโลก เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ก็เสื่อมไป เป็นอาการของโลกไม่ว่ากาลใด สมัยใด เป็นอยู่อย่างนี้เป็นเครื่องประจำโลก
คำว่า “
โลกภายใน
” หมายถึง ตน คำว่า ตน ก็ได้แก่ กาย วาจา ใจ ของตน เรียกว่า ตน ที่มา เกิด แก่ เจ็บ ตาย เปลี่ยนแปลง แปรปรวน ยักย้าย ผันแปร อยู่ทุกกระบวนการ ทุกลมหายใจเข้า หายใจออก เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ก็เสื่อมไปเป็นธรรมดาทุกกาลเวลาไม่ว่าสมัยโบราณ หรือสมัยปัจจุบัน ลมหายใจเข้าออกเวลานี้
คำว่า “สมัย” หมายถึง
อาการของ
ความเปลี่ยนแปลงทั้งเก่าและใหม่ คำว่า “เก่า” อดีต โบราณกาลก่อน เรียกว่า สมัยเก่าโบราณกาลอดีตพวกเราทุกคนก็มาจากโบราณๆ อันเก่าไม่รู้ว่ากี่โบราณมาแล้วนับไม่ถ้วน มาเกิดอย่างเก่า แก่อย่างเก่า เจ็บอย่างเก่า
คนเราเกิดมา มีดี มีไม่ดี คนเราตายไป มีดี มีไม่ดี คนดีก็ตาย คนไม่ดีก็ตาย
ตายเหมือนกัน แต่ตาย
ไป
ไม่
เหมือนกัน
เช่นคนทำกรรม
ดี ก็ไป
รับผลดี ทำกรรมไม่ดีก็ไปรับผลไม่ดี นอกจากนี้ไม่มีเรื่องของคน
มีอยู่แค่
ทุกข์ๆ สุขๆ ดีๆ ชั่วๆ เป็นเรื่องของคนสำหรับ
โลกธรรมดา
มีมาอย่างนี้
ก็ตนเบียดเบียนผู้อื่น ก็คือ เบียดเบียนตนเอง ข่มผู้อื่นก็ข่มตนนั่นแล อิจฉาผู้อื่น ก็อิจฉาตนนั่นแหละ
แล้วจะไปเหนือเขาด้วย
ความชั่วนั่นหรือ จะไปเหนือเขาด้วย
อำนาจ
ความชั่วนั่นหรือ เป็นแบบอย่างของเทวทัต
มิใช่ทางพ้นทุกข์
เหยียบย่ำผู้อื่นก็คือเหยียบย่ำตัวเอง เหยียดหยามผู้อื่นคือเหยียดหยามตัวเอง ทำลายผู้อื่นคือทำลายตนเอง หาทางเจริญได้ยาก มิใช่ทางเจริญ จงรักษาใจ
สังวรระวังใจตน ใจนั่นแล
ตัวสำคัญ
จะ
จูงเราไปตกนรกก็ใจนั่นแล จะทำความชั่วก็ใจนั่นแล
ให้รักษาใจตน
อย่าปล่อย
ตาม
ใจชอบ
หรือ
ไม่ชอบ
อย่า
เชื่อ
ความหลง ไม่หลง ตามใจตน มีขันติอดทน ยับยั้ง ไม่เอนเอียงไปกับสิ่งธรรมดาใดๆ ทุกอารมณ์ ด้วยความบริสุทธิ์โดยทุกประการ
ต้นคดปลายตรง
อย่งหลงธรรม คลำหางอึ่ง เพราะหลงงางาม หลงงาว่าของงาม พระสัพพัญญูได้ทรงพิจารณา
เห็นอุปนิสัย
ขององคุลีมาล
เป็นผู้สอนได้
เชื่อฟัง หากเราตถาคตไม่ช่วยเหลือองคุลีมาลในครั้งนี้ องคุลีมาลก็จะประหารชีวิตมารดาตนเอง
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 มิถุนายน 2554 19:21:02 โดย เงาฝัน, เหตุผลที่แก้ไข: ตัวสกดค่ะ
»
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 4.0.1
Re: พุทธาจาโรลิขิต (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)
«
ตอบ #2 เมื่อ:
02 มิถุนายน 2554 18:48:58 »
ผู้ปฏิบัติในสมณะธรรม เพื่อ
ความสงบ เพื่อความบริสุทธิ์
กิจที่พึงกระทำ
คือเป็นผู้มีสติ
เป็นผู้ไม่
ประมาท
คือไม่อยู่ด้วยความประมาท มีสติอยู่เนืองๆ เสมอๆ ทุกลมหายใจเข้าออก
หาอุบายที่จะทำให้จิตสงบจากกิเลส
เพื่อ
ความบริสุทธิ์ มิใช่เราจะทำเอาความบริสุทธิ์ เราทำเพื่อบริสุทธิ์
คำว่าเพื่อ ก็เนื่องมาจาก
การละกิเลสภายในสันดานตนให้เบาบางหมดไปสิ้นไป ปราศจาก
การเอาการยึด ปฏิบัติเพื่อบริสุทธิ์หลุดพ้น ได้แก่
การละกิเลส คือปล่อยวาง มิใช่เอาทำละ เพื่อบริสุทธิ์ ปล่อยวางกิเลสให้เบาบางหมดไปสิ้นไป
ปฏิบัติสงบ
(ศีล สมาธิ ปัญญา)
ปฏิบัติบริสุทธิ์
สมาธิจะตั้งมั่น ก็เนื่องจาก
ความบริสุทธิ์ด้วยศีล ศีลเป็นบทบาทเบื้องต้นของสมาธิ สมาธิจะตั้งมั่นไม่หวั่นไหวก็เนื่องมาจากการละกิเลส ปล่อยวางเพื่อความบริสุทธิ์อยู่เนืองๆ “
ไม่ยึด ไม่หลง
” เบื้องต้นของการปฏิบัติขัดเกลากิเลส สมาธิจะตั้งมั่นขึ่นอยู่ที่การ
ปฏิบัติ
ศีลกรรมฐาน คือ
การละกิเลสปล่อยวาง ไม่
ยึด ไม่หลง ปัญญาอันบริสุทธิ์ หยั่งรู้ หยั่งเห็น เรียกว่า
ปัญญาญาณ
สำเร็จแล้วด้วยใจ เกิดจากการละกิเลส ปล่อยวาง คำว่า
มรรคผลนี้ไม่ใช่สำเร็จ
ได้
ด้วย
การอยาก
หากเป็นผู้ละกิเลสปล่อยวางให้เบาบางหมดไปสิ้นไป “
ปัจจัตตัง
” ผู้ปฏิบัติละกิเลสจะรู้เองจำเพาะตน
จงพิจารณาธรรมในธรรม เห็นธรรมในธรรม (พิจารณาธรรมในธรรมเห็นทุกข์ในทุกข์) (
ทุกข์อยู่ตรงไหน = ผู้ใดเป็นทุกข์
) คำว่า
ทุกข์สัจจ์
พิจารณาเห็นใน
อริยสัจธรรม ๔
คำว่าทุกข์ ทุกข์ที่เห็นกันเป็นประจำโลกธรรมดาๆ ได้แก่ทุกข์กาย ทุกข์ใจ ทุกข์ภายนอก ภายใน หากว่าทุกข์ยังไม่พอ ทุกข์ยังไม่เบื่อ จึงไม่ค้นคว้าหาเมืองพอ จึงเป็นแค่ความโลภ ความโกรธ ความหลง เรียกว่าเห็นผิดจากคลองธรรม ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เห็นทุกข์เป็นสุขเห็นผิดเป็นชอบ
คำว่า กิเลสหนา กิเลสหนาปัญญาหยาบ ทำให้เศร้าหมองไม่ผ่องใส เนื่องมาจากการปล่อยตนให้รั่วไหล ลงสู่กระแสต่ำ เป็นหนทางที่นำไปสู่ทุคติ ได้แก่ อบายภูมิ ๔ ทั้ง ๔ ได้แก่ สัตว์โลกที่ยังมองไม่เห็นแสงสว่าง คือสัตว์นรก 7 อสุรกาย ใบ้บ้า บอดหนวก เสียจริต ผิดมนุษย์ธรรมดา เดรัจฉาน เป็นต้น
ที่เรียกว่าผู้ปฏิบัติ
ผู้
ปฏิบัติ
ก็คือผู้
ละกิเลส
น้อยใหญ่
ภายใน
สันดานตน
ให้
เบาบางหมดไป สิ้นไป ละราคะ โทสะ โมหะ ไม่
หวั่นไหว
ไปตามอารมณ์ที่ผ่านเข้ามากระทบ
มีสติรู้ทันกับเหตุการณ์
เกิดตรงไหน
ดับตรงนั้น
กิเลสเกิดที่ใจก็ดับที่ใจ ไม่ปล่อยใจออกไปกังวลกับสิ่งที่เป็นอารมณ์ที่ไร้สาระ มีอารมณ์ทุกข์ อารมณ์สุขเป็นต้น ที่ผ่านมากระทบ จงปล่อยวาง
ละที่ใจ
อารมณ์เหล่านี้ดี ชั่ว อยู่ใน
โลกธรรม ๘
ทุกข์ๆ สุขๆ ธรรมดาๆ โลก มีอยู่ประจำโลก ตั้งอยู่คู่โลกมาแต่ดึกดำบรรพ์ ผู้ปฏิบ้ติละกิเลสคือปล่อยวาง
ไม่มีอุปาทาน หรือ
อาการยึด (ผู้ละ ผู้ลุ่มหลง)
พระธรรมตรัสว่า
อนิจจา ธรรมมา อนัตตาติ
ธรรมทั้งปวงเป็นอนิจจัง เป็นของไม่เที่ยง ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตาไม่ใช่ตัวตน
ธรรมสมมติ
บัญญัติที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติตรัสสั่งสอนไว้ ให้พุทธบริษัทน้อมนำมาประพฤติปฏิบัติขัดเกลากิเลสให้หมดไปสิ้นไป
ไม่ยึดใน
อุปาทาน
ทุกสิ่งอย่าง ไม่ว่าโลกใด
เป็นเพียงสมมติ
เพียงอาศัยเป็นอาการอย่างนั้น อาการอย่างนี้ เป็นเพียงอาการของธรรมน้อมนำมาประพฤติตนให้บริสุทธิ์
หลุดพ้นห่างไกลจากกิเลส
ให้พวกเราพากันปฏิบัติด้วยความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ พากันมีความพากเพียร พยายาม ละกิเลสภายในสันดานตนให้หมดสิ้นไป
ละราคะ โทสะ โมหะ ละทิฐิ มานะ ถือตน ถือตัว ถือเรา ถือเขา
ไม่ยึดถือใน
สิ่งที่ไร้สาระไม่มี
แก่นสารทั้งหมดเหล่านี้ หากผู้ใดยึดอยู่แค่นี้ ไม่ยกจิตข้าม ก็ยังหลงตามใจตนปล่อยใจให้ตกต่ำ มีจิตอันคับแคบวนเวียนอยู่ในกองทุกข์ที่เคยชินมา ไม่มีความอดความทน
ไม่มีอำนาจเหนือจากใจกิเลส
ปล่อยให้จิตใจรั่วไหลไปตามอารมณ์ที่ไร้สาระ บั่นทอนคุณงามความดี ที่
พึงจะได้ควรจะถึง
ทางแห่งการปฏิบัติอันเป็นบาทเบื้องต้นของ
พระสัมมา
อริย
มรรค
Credit by
:
http://agaligohome.fx.gs/index.php?topic=2226.0
นำมาแบ่งปันโดย :
mi
ra
cle
of
love
P
ic
s b
y
:
G
o
o
gle
อกาลิโกโฮม
*
สุขใจดอทคอม
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 มิถุนายน 2554 19:04:35 โดย เงาฝัน
»
บันทึกการเข้า
คำค้น:
พระสัมมา อริยมรรค
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ
เริ่มโดย
ตอบ
อ่าน
กระทู้ล่าสุด
จิตมนุษย์เหมือนคนบ้าหาบหิน (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)
สมถภาวนา - อภิญญาจิต
หมีงงในพงหญ้า
1
3162
04 มกราคม 2553 15:46:14
โดย sometime
ธรรมโอวาท หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
เงาฝัน
2
3055
05 มิถุนายน 2553 05:45:21
โดย
เงาฝัน
ประวัติถ้ำผาปล่อง จ.เชียงใหม่ ในพระธรรมเทศนาของ หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
สุขใจ ไปเที่ยว
Kimleng
0
11189
26 พฤษภาคม 2556 16:38:02
โดย
Kimleng
กายเป็นเพียงธาตุสี่ โดย หลวงปู่สิม พุทธาจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง จ.เชียงใหม่
เสียงธรรมเทศนา
ใบบุญ
0
4462
25 พฤศจิกายน 2556 16:12:33
โดย
ใบบุญ
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
ใบบุญ
0
1088
22 ธันวาคม 2562 19:21:36
โดย
ใบบุญ
กำลังโหลด...