[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ => ข้อความที่เริ่มโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 19 กรกฎาคม 2565 18:26:36



หัวข้อ: "เด็กกรุงเก่า" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากบารมีหลวงพ่อปาน "หลวงพ่อปานเลี้ยงเปรต"
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 19 กรกฎาคม 2565 18:26:36


หลวงพ่อปานเลี้ยงเปรต

   (https://palungjit.org/attachments/629cd31ed69ae7bf1dbfc4f066451d3f-jpg.5983002/)


"เด็กกรุงเก่า" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากบารมีหลวงพ่อปาน


สมัยเด็กผมอยู่บางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรี อยุธยา มีพระเกจิอาจารย์ชื่อเสียงโด่งดังตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันคือ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโคนั่นเอง

พวกผู้ใหญ่เล่าว่า หลวงพ่อปานมีบารมีแก่กล้ายิ่งนัก มีลูกศิษย์ลูกหามากมายนับไม่ถ้วน ทั้งชาวบ้านร้านช่องทั่วไปไม่ว่าใกล้ไกล ทั้งพระภิกษุอีกหลายรูป
เช่น พระมหาวีระ ถาวโร หรือที่รู้จักกันแพร่หลายในนาม "หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ" แห่งวัดท่าซุง อุทัยธานี เป็นต้น

แม้ว่าท่านจะล่วงลับดับขันธ์ไปแล้ว แต่ชื่อเสียงก็ยังเป็นที่กล่าวขวัญ มีลูกศิษย์ลูกหามากมายมาถึงทุกวันนี้

ขนาดลูกศิษย์ยังเพียงนี้ แล้วตัวพระอาจารย์เล่าจะเรืองเดชขนาดไหน?

หลวงพ่อปานเรืองวิทยาคมและเมตตาจิตสูงส่ง แผ่เมตตาให้สัตว์โลกทั่วไป ไม่ว่ามนุษย์หรือภูตผีปีศาจทั้งหลาย จนมีเรื่องเล่าขานต่างๆ นานา
สืบต่อกันมาถึงบารมีของหลวงพ่อปานไม่สิ้นสุด

ขอเล่าถึงกิตติศัพท์โด่งดังของพระเกจิอาจารย์สู่กันฟังสักเรื่องสองเรื่อง เพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงเดชบารมีของท่านว่าเกรียงไกรเพียงใด มองทะลุถึงเหตุการณ์ร้ายดี
ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเร็ววันได้แม่นยำประหนึ่งมีตาทิพย์ก็ปานกัน



เรื่องแรกคือ สายสิญจน์หลวงพ่อปาน!

วันหนึ่ง ท่านให้ชาวบ้านนำสายสิญจน์ไปล้อมบ้านเรือนไว้ทุกหลัง กำชับว่าในยามค่ำคืน หากได้เห็นหรือได้ยินสิ่งใดผิดปกติก็ให้นิ่งเฉยเสีย
อย่าส่งเสียงเอะอะโวยวายเป็นอันขาด

บรรดาชาวบ้านทั้งปวงต่างก็รับคำ

คืนนั้นเอง ปรากฏว่ามีโจรก๊กหนึ่งเข้ามาด้อมๆ มองๆ หมายใจจะเข้าปล้นสะดมเอาทรัพย์สินตามสันดานโจรของพวกมัน

ฝ่ายชาวบ้านทั้งนั้นก็แอบมองทางหน้าต่าง แม้ว่าจะสะดุ้งกลัว แต่ก็ยังเชื่อมั่นในวาจาสิทธิ์ของหลวงพ่อปานอันเป็นที่เคารพบูชา ระงับสติเอาไว้ได้
โดยนิ่งเงียบและคอยจ้องมองว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป?

เหตุอัศจรรย์บังเกิดแล้ว

นั่นคือเหล่าโจรร้ายใจฉกรรจ์ผู้มีอาวุธปืนและมีดครบมือ ต่างเดินเลยหมู่บ้านไป ก่อนจะย้อนกลับมาวนเวียนอยู่ตามเดิม ประหนึ่งพลัดหลงเข้าไปในเขาวงกต
หรือคล้ายจะมีสิ่งใดกำบังตาจนมองไม่เห็นบ้านเรือนที่พวกตนจะเข้าปล้นสะดม

ไม่ช้าโจรก๊กนั้นก็ล่าถอยไปเองโดยไม่ย้อนกลับมาอีกเลย

ชาวบ้านทั้งหลายรอดพ้นภัยโจร ไม่ต้องสูญเสียทรัพย์สิน หรือแม้แต่เลือดเนื้อ และชีวิต ก็เพราะบารมีของหลวงพ่อปานโดยแท้



อีกเรื่องหนึ่งคือ หลวงพ่อสั่งชาวบ้านให้ทำขนมจีนน้ำยาเลี้ยงเปรต เห็นประจักษ์ตาทั่วกันในเวลากลางวันแสกๆ น่าขนหัวลุก!

ชาวบ้านแถวนั้นแม้จะพากันฉงนสนเท่ห์ ว่าหลวงพ่อปานท่านจะสั่งให้ทำขนมจีนเลี้ยงเปรตได้ยังไง? แต่ด้วยความเคารพบูชาอริยสงฆ์ผู้มากเมตตาบารมี
นอกจากจะไม่มีใครซักถามแล้วยังทำตามคำสั่งโดยเคร่งครัด

ณ ทางสามแพร่งใกล้วัด ต่างคนต่างคอยจ้องมองเหตุการณ์ที่กำลังจะอุบัติขึ้นด้วยใจระทึกไปตามๆ กัน

บัดดลนั้นเอง!

หลวงพ่อท่านแผ่เมตตาให้ภูตผีปีศาจ สัมภเวสีและเปรตทั้งหลาย ผู้กำลังตกทุกข์ได้ยากด้วยความหิวโหยอดโซ จงมากินขนมจีนน้ำยาโอชะ
ให้อิ่มหนำสำราญโดยทั่วถึงกัน ณ บัดนี้เถิด

ท่ามกลางความเงียบสงัด ฟ้าร่มครึ้ม แสงแดดจางหายไปด้วยเมฆก้อนใหญ่ลอยเลื่อนเคลื่อนคล้อยเข้ามาบดบัง ...จู่ๆ ก็เกิดพายุพัดคึ่กๆ
โหมกระหน่ำรุนแรงจนไม้ไร่เอนลู่แทบหักโค่นด้วยแรงลมในบัดดล

ท่ามกลางสายตาชาวบ้านหลายสิบคู่ที่จ้องมองตื่นตะลึง

นัยน์ตาทุกคู่ล้วนแต่เห็นประจักษ์ชัดแจ้งเต็มตา ร่างดำมืดน้อยใหญ่ของเหล่าอมนุษย์ปรากฏขึ้นมาจากทุกทิศทุกทาง ต่างถาโถมเข้าใส่ถาดขนมจีน
และหม้อน้ำยาอย่างตะกรุมตะกราม จนคนขวัญอ่อนแทบเป็นลมเป็นแล้งไปตามๆ กัน

เมื่อเหล่าภูตวิญญาณอิ่มหนำสำราญแล้วก็กลับไปยังแดนตน หลายๆ คนยิ่งเข้าไปดูให้รู้แน่ ปรากฏว่าขนมจีนน้ำยาหลายหาบหลายหม้อ
ไม่เหลือหลอเลยแม้แต่นิดเดียว!




ขนหัวลุก : ใบหนาด