สัจธรรมนอกคัมภีร์

(1/1)

เงาฝัน:
Tweet



         

           สัจธรรมนอกคัมภีร์


เขียนโดย ทวี คุ้มเมือง     
   สนทนากับพระเจ้า : การพูดคุยที่ไม่ธรรมดา  เล่ม ๑
               
               นีล โดนัลด์ วอลซ์  เขียน  รวิวาร  โฉมเฉลา  แปล   สำนักพิมพ์  โอ้  พระเจ้า  พับลิชชิ่ง,  กันยายน  ๒๕๔๙

               คำถามแรกเมื่อเห็นชื่อหนังสือเล่มนี้ก็คือ  นี่เป็นเรื่องจริงหรือโกหกกันแน่ ?  ใครหนอที่สามารถสื่อสารกับพระผู้สร้างได้ยืดยาวอย่างนี้ ?    อาจจะมีผู้คนเคยบอกเล่าถึงประสบการณ์ทางจิตวิญญาณผ่านนิมิตนานัปการเมื่อยามวิกฤติของชีวิต  แต่การมาปุจฉาวิสัชนาโต้ตอบปัญหากันแบบตัวต่อตัว  จนสามารถบันทึกเป็นข้อเขียนออกมาเสียละเอียดลออ  ย่อมต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลังให้สืบค้นเป็นแน่แท้...
หลังจากที่เข้าออกงานในแวดวงสถานีวิทยุมานับครั้งไม่ถ้วน พอ ๆ กับการต้องแยกทางกับคนรักหลายหน  และด้วยสุขภาพซึ่งเริ่มเสื่อมถอยลงเป็นระยะ  นีล  โดนัลด์  วอลช์  ยังคงพยายามดิ้นรนไปสู่เส้นทางชีวิตสายใหม่อยู่เสมอ  กระทั่งเกิดเคราะห์ร้ายถูกรถชนคอเกือบหัก  ทำให้ต้องใช้เวลารักษาตัวเนิ่นนานจนถึงคราวซวยอย่างสมบูรณ์แบบคือ  ตกงาน  ไร้บ้าน  หมดเงิน  ต้องกลายเป็นคนเก็บขยะข้างถนน  อาศัยนอนตามสวนสาธารณะ โดยสิ่งสุดท้ายซึ่งเขากำลังจะสูญเสียไปอีกคือ  เริ่มหมดหวังต่อความเป็นมนุษย์ของตัวเอง

ก่อนตัดสินใจฆ่าตัวตาย  วอลช์ขอใช้โอกาสอันเหลืออยู่น้อยนิด  จดหมายทิ้งทวนด่า "พระเจ้า" ให้หายแค้นในฐานะต้นเรื่องของความผิดพลาดทั้งปวง   แต่ข้อเขียนเหล่านั้นกลับนำพาให้เขาพร้อมกับผู้คนอีกจำนวนหนึ่ง  เริ่มรู้จักและเข้าใจ "พระเจ้า" ในความหมายที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

ภาพพจน์ดั้งเดิมของพระเจ้าตลอดช่วงประวัติศาสตร์หลายพันปีมีลักษณะเป็นผู้ชายสูงวัยไว้หนวดเครายาวสลวย  ก่อนปรากฏกายต้องมีทูตสวรรค์คอยเป่าแตรเบิกฤกษ์  แล้วด้วยฐานะผู้ดลบันดาลพิภพบาดาลจรดอวกาศไพศาล  พระองค์จึงต้องคอยเฝ้าตัดสินลงโทษหรือให้รางวัลมวลมนุษย์ตลอดเวลา  จนถึงวาระ "พิพากษาครั้งสุดท้าย" เพื่อชำระล้างแผ่นดินโลกให้บริสุทธิ์สะอาดดุจแรกสร้างอีกครั้งหนึ่ง

นั่นเป็นลักษณะซึ่งมนุษย์รับรู้ถึงภาวะดำรงอยู่ของพระเจ้าจนฝังใจ  เสมือนบิดาผู้เข้มงวดกวดขันต่อบุตรดื้อด้าน  ยิ่งเมื่อศาสนจักรเพิ่มเติมความยิ่งใหญ่อลังการราวจักพรรดิแห่งสรวงสวรรค์   ผนวกกับความซับซ้อนเพื่อ "เข้าถึง" ผ่านตรรกะเทววิทยาโดยเหล่าสังฆราชาทั้งหลาย   การสนทนากับพระเจ้าจึงต้องอาศัยตัวกลางภายใต้อาภรณ์นักบวชเฉพาะนิกาย   กระทั่งสี่ร้อยกว่าปีก่อนเกิดแตกแยกศรัทธาจนถึงวิถีปฏิบัติในยุโรป  เมื่อมีผู้ไม่ยอมรับสถานะอำนาจของสันตะปาปาอีกต่อไป


เงาฝัน:



นีล โดนัลด์ วอลช์ (เกิดในปี ๑๙๔๓)


แก่นแกนของ สนทนากับพระเจ้า  นอกจากการใช้รูปแบบถามตอบตามที่วอลช์บอกว่า  เขาไม่ได้พูดกับพระเจ้าเหมือนคนคุยกันตามปกติ  แต่กำลัง "สื่อสาร" ผ่าน "ความรู้สึก" โดยอาศัยถ้อยภาษาอันคับแคบส่งต่ออีกทอดหนึ่ง   ซึ่งตรงนี้สำหรับผู้ที่ยังไม่เชื่อว่ามีใครเคยติดต่อกับพระเจ้าแบบเป็นเรื่องเป็นราว  ย่อมติงให้เห็นถึงเส้นแบ่งก้ำกึ่งของตัวผู้เขียน  ระหว่างสามัญสำนึกซึ่งกำลังเจ็บปวดต่อชีวิตกับภาวะจินตนาการเพ้อเจ้อ  แต่พระเจ้าในบทสนทนาได้บอกไว้ชัดเจนถึงช่องทางสื่อสารหลักของพระองค์มาจาก "ประสบการณ์" ของปุถุชนทั่วไป  เพียงแต่ใครจะสามารถเลือกจำแนกรายละเอียดชัดเจนมากน้อยแตกต่างกันไปเท่านั้นเอง

เมื่อคลุมความของการติดต่อที่เกิดขึ้นเอาไว้กว้างขวางอย่างนี้แล้ว  ประเด็นของ สนทนาฯ ย่อมมิใช่ปัญหาเรื่องเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ ?  แต่กลับเป็นสิ่งที่ผู้อ่านต้องแกะเอาความเข้าใจต่อแก่นสารหลักของ การพูดคุยที่ไม่ธรรมดา ก็คือ  เราทุกคนล้วนสามารถรับรู้ภาวะดำรงอยู่ของพระเจ้าโดยเท่าเทียมกัน  อันอาจเริ่มต้นอย่างง่ายจากการพยายามเข้าใจหนังสือเล่มนี้ไปทีละเล็กละน้อย

วอลช์มีคำถามสำคัญ  ๑๓  ข้อให้พระเจ้าช่วยชี้แนะ 

๕  ข้อแรกเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกับการใช้ชีวิตอย่างเหมาะสมท่ามกลางปัญหาสารพันในสังคมร่วมสมัย   นับแต่เรื่องเอาตัวรอดจากวงจรล้มเหลว  การหาปัจจัยให้พอยังชีพ   ไปจนถึงภาวะทนทุกข์ต่อโรคภัยตลอดเวลา

ส่วนอีก ๗ ข้อที่เหลือ  ล้วนเกี่ยวเนื่องกับความสงสัยทั้งใกล้หรือไกลตัวมากมายอย่างเรื่องเพศสัมพันธ์กับความรัก   พลังจิตกับซาตาน  มนุษย์ต่างดาวกับพระเจ้า  ฯลฯ 

โดยประเด็นทั้งหมดผูกโยงเจาะเข้าสู่ความเข้าใจสภาพภายในห้วงอารมณ์รู้สึกนึกคิด  เพื่อเริ่มต้นขจัดอาการลังเลสงสัยต่อศักยภาพจริงแท้  ซึ่งพร้อมบังเกิดขึ้นได้สำหรับทุกคนผ่านความคิด  ถ้อยคำ  และการกระทำ  ด้วยการ "ทำสิ่งที่สอดคล้องกับความคิดใหม่ที่เธอต้องการมี  จากนั้นให้พูดถ้อยคำที่สอดคล้องกับความคิดใหม่ที่เธอต้องการมี" (น. ๒๔๕)

นอกจากนี้  พระเจ้ายังหักล้างหลักเทววิทยาที่กำบังมนุษย์ออกจากหนทางพบกับจิตวิญญาณของตน  เริ่มตั้งแต่ความเชื่อที่ว่าผองชนล้วนมี  บาปกำเนิด (Original Sin)  เริ่มจากครั้งอดัมกับอีฟถูกขับไล่จากสวนสวรรค์อีเด็นเพราะลักลอบกินผลของต้นไม้แห่งชีวิต  ในเมื่อมนุษย์ถูกกำหนดให้ "รู้สึกผิด" แต่แรกเสียแล้ว  โมงยามที่เหลือบนโลกจึงหมดเปลืองไปกับการเฝ้าไถ่ถอนโทษทัณฑ์ซึ่งอาจไม่มีอยู่จริงนั้น  แต่พระเจ้าบอกวอลช์ว่า  แท้จริงมนุษย์ล้วนบริสุทธิ์  เต็มเปี่ยมด้วยพลังด้านดีงามจำนวนมหาศาล  ขอเพียงแต่เลือกยอมรับตัวตนเดิมแท้อันสงบสันติ   นี่อาจเหมือนง่ายกลับยากเข็ญยามลงมือขุดรากถอนโคนความเชื่อเดิม  ที่ยึดกุมกายใจให้ผูกติดทำร้ายวิญญาณมาแสนนานอย่างหมดจดรวดเร็วตามต้องการ  แต่ก็มิใช่สิ่งเป็นไปไม่ได้หากเลือกเริ่มต้นเสียแต่เดี๋ยวนี้

ส่วนพระตรีเอกานุภาพ (Trinity) หรือองค์สามอันศักดิ์สิทธิ์  ประกอบด้วย  พระบิดา  พระบุตร (เยซู)  และพระจิต  ซึ่งถือเป็นสิ่งสูงสุดเหนืออื่นใด  ก็ถูกพระเจ้าอธิบายกับวอลช์ว่า  พระบิดาคือแหล่งกำเนิดปวงประสบการณ์ในทุกสรรพสิ่ง  พระบุตรคือผลแห่งประสบการณ์ที่เป็นรูปธรรมทั้งหลาย  พระจิตคือการล่วงรู้ถึงแรงบันดาลใจของการสร้างสรรค์เหล่านั้น  ขั้นสุดท้ายแล้ว  จิตวิญญาณของมนุษย์นั่นเองที่ต้องออกเสาะหาช่วงขณะอันสมบูรณ์เป็นหนึ่งเดียวให้กับชีวิต 

พระเจ้าองค์นี้ปราศจากบุคลิกเคร่งเครียดขรึมขลัง  หากมีเรื่องเล่าสนุก ๆ มาแทรกผ่อนคลายระหว่างบทสนทนาเข้มข้นเป็นระยะ  นี่อาจทำให้คนช่างสงสัยหยิบยกย้ำถึงข้อเท็จจริงของหนังสือขึ้นมาอีก  แล้วทำไมพระเจ้าถึงจะมีอารมณ์ขันไม่ได้ล่ะ  ก็ในเมื่อพระองค์เป็นผู้ประดิษฐ์มันขึ้นมาเอง !


       

เงาฝัน:

สนทนากับพระเจ้า  เป็นหนังสือไตรภาค  โดยเล่มแรกตีพิมพ์ออกมาเมื่อปี ๑๙๙๕  ประเด็นเรื่องหลักเกี่ยวกับความจริงพื้นฐานของปัจเจกบุคคล  เล่มที่สองตามมาในปี ๑๙๙๗  ขยายเนื้อหาออกไปเป็นประเด็นว่าด้วยสภาพการณ์ระดับโลกด้านสังคมการเมือง  เล่มที่สามเน้นอธิบายสัจธรรมสูงสุดระดับจักรวาล  ตีพิมพ์เมื่อปี  ๑๙๙๘  หลังจบชุดไตรภาคนี้แล้ว  วอลช์ยังมีผลงานออกมาอีกยี่สิบกว่าเล่มในประเด็นว่าด้วยพระเจ้ากับชีวิตตลอดช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา 

ต่อมาในปี ๒๐๐๑  วอลช์เริ่มก่อตั้งกลุ่ม Humanity's Team หรือขบวนการพลเมืองเพื่อจิตวิญญาณ  มีภาคีสมาชิกหมื่นกว่าคนใน ๙๐ ประเทศทั่วโลก  แล้วขยายสร้างองค์กร Group of 1000  ระดมอาสาสมัครออกส่งเสริมให้ผู้คนตามเมืองใหญ่หรือชุมชนต่าง ๆ ค้นพบ "ความจริงใหม่" เพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคตตามเจตจำนงอิสระ  เปิดโอกาสให้แต่ละบุคคลได้เข้าสู่วิถีสำนึกแบบมนุษยนิยมแนวใหม่อีกด้วย


ใบปิดภาพยนตร์ Conversations with God (๒๐๐๖)

นอกเหนือจากหนังสือแล้ว  วอลช์ยังเคยเขียนบทและร่วมแสดงในภาพยนตร์ Indigo (๒๐๐๓) โดยรับบทเป็นคุณตาของหลานสาวผู้มีพลังพิเศษสามารถอ่านจิตใจคนอื่นได้  และเดือนตุลาคม  ๒๐๐๖  Conversations With God  ในรูปแบบภาพยนตร์ชีวประวัติของวอลช์ก็ออกมาให้ชมกัน  ที่กล่าวมาทั้งหมดคือความเคลื่อนไหวอันสืบเนื่องมาจาก สนทนากับพระเจ้า ท่ามกลางสังคมตะวันตกยุคปัจจุบัน

แท้จริงแล้วองค์ความรู้ของวอลช์ไม่ได้ผุดขึ้นแบบปุบปับเมื่อเริ่มต้นสื่อสารกับพระเจ้า  นอกเหนือจากศึกษาคัมภีร์ ไบเบิล แล้ว  ด้วยวัย ๑๕ ปี  เขายังหัดอ่านคัมภีร์อินเดียโบราณ  อุปนิษัท,  ฤคเวท  กระทั่งงานปรัชญาฮินดูของศรีรามากฤษณะ ทำให้หนังสือของเขามีลักษณะผสมผสานปรัชญาตะวันออกกับตะวันตกอย่างหลากหลาย  นับแต่เรื่องการจุติหลอมรวมกับพระเจ้าตาม ภควัทคีตา  หรือความคิดว่ามนุษย์มิได้ดำรงอยู่เพื่อเรียนรู้อะไรใหม่แต่คือหวนทรงจำต่อสิ่งที่ตนเองรู้อยู่แล้วในปรัชญาของเพลโต  ฉะนั้น  ด้วยความเป็นหนังสือโด่งดังของขบวนการนิวเอจซึ่งปฏิเสธศาสนาตามรูปแบบสถาบันแล้ว  สนทนากับพระเจ้า  จะคลี่คลายขยายผลสืบเนื่องออกไปสู่ทิศทางใดนั้น  คงเป็นเรื่องให้ต้องตามพิจารณาระยะยาวกันต่อไป

แต่เนื้อหาสาระจากหนังสือเล่มนี้คงไม่เหมาะสำหรับถูกบรรจุให้ "ประจำชาติ" อย่างแน่นอน

-----------------------------------------------------

ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร  สานแสงอรุณ
ปีที่ ๑๑  ฉบับที่ ๔ กรกฏาคม-สิงหาคม  ๒๕๕๐



     (:88:) : http://www.semsikkha.org/review/content/view/401/145/

sometime:
(:LOVE:) (:LOVE:) (:LOVE:)ขอบคุณเจ้าค่ะ (:LOVE:) (:LOVE:) (:LOVE:)

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ