ศาลรับคดี ปชช.ฟ้องโครงการผันน้ำยวมไม่ชอบด้วย กม. ขอให้มีคำสั่งยุติโครงการ ถอน EIA
<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2024-01-28 19:26</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภาพปก: แฟ้มภาพ</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ศาลปกครองเชียงใหม่รับฟ้องคดี เครือข่ายประชาชนฯ ฟ้องโครงการผันน้ำยวม-อีไอเอร้านลาบ กรณีทำโครงการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทับซ้อนพื้นที่อุทยาน-ที่ดินทำกินของประชาชน และขอมีคำสั่งยุติโครงการดังกล่าว ด้านประชาชนในพื้นที่ยินดี ความพยายามไม่สูญเปล่า คดีมีความคืบหน้า</p>
<p> </p>
<p>27 ม.ค. 2567 สำนักข่าวชายขอบ รายงานวันนี้ (27 ม.ค.) เฉลิมศรี ประเสริฐศรี ทนายความจากมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน ในฐานะทีมกฎหมายของเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำยวม เงา เมย สาละวิน เปิดเผยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา (21-27 ม.ค.) ได้รับใบแจ้งคำสั่งศาลปกครองเชียงใหม่ ว่าศาลปกครองเชียงใหม่ได้มีคำสั่งรับคำฟ้องไว้พิจารณา ในคดีที่เครือข่ายฯ ได้ฟ้องกรมชลประทาน กรณีโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล (แนวผันน้ำยวม) หรือโครงการผันน้ำยวม ซึ่งได้มีการฟ้องต่อศาลปกครองเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2566</p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53348964310_b568457c8a_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">ที่มา: แฟ้มภาพ</span></p>
<p>เฉลิมศรี กล่าวว่า คดีดังกล่าวเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำยวม-เงา-เมย-สาละวิน และประชาชนที่มีภูมิลำเนาและที่ทำกินใน จ.เชียงใหม่ จ.ตาก และ จ.แม่ฮ่องสอน รวม 66 คน ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลเพื่อขอให้พิพากษาว่า โครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม-อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล เป็นโครงการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมีผู้ถูกฟ้อง 5 ราย ประกอบด้วย กรมชลประทาน คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรี</p>
<p>สำหรับเหตุผลในการฟ้องระบุว่า โครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม-อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล และอีไอเอที่รู้จักในชื่อ 'อีไอเอร้านลาบ' ซึ่งระบุว่ามีองค์ประกอบของโครงการ 7 องค์ประกอบ คือ เขื่อนผันน้ำยวม ถนนเข้าเขื่อน อ่างเก็บน้ำยวม สถานีสูบน้ำบ้านสบเงา ระบบอุโมงค์ส่งน้ำ พื้นที่เก็บกองวัสดุจากการขุดเจาะอุโมงค์และถนนเข้าหัวงานต่างๆ ทางออกอุโมงค์ส่งน้ำและการปรับปรุงลำห้วยงูด เป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ (โซน ซี (C)) มีพื้นที่ซ้อนทับกับพื้นที่เตรียมประกาศอุทยานแห่งชาติแม่เงา และเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 โดยหมู่บ้านและรายชื่อผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากโครงการตามที่อ้างในอีไอเอ ครอบคลุมพื้นที่ 36 หมู่บ้าน โดยมีครัวเรือนที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการ 29 ราย</p>
<p>ผู้ฟ้องคดีขอศาลได้โปรดพิจารณาพิพากษา ดังนี้ 1. ขอให้พิพากษาว่า โครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม-อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล เป็นโครงการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการดำเนินการต่างๆ ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งห้าเกี่ยวกับโครงการเป็นการดำเนินการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขอให้เพิกถอน/ยกเลิกโครงการดังกล่าวเสีย 2. ขอให้พิพากษาว่า การจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ของ โครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม-อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล เป็นรายงานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขอให้เพิกถอนรายงานและการให้ความเห็นชอบดังกล่าวเสีย 3. ขอให้พิพากษาว่า การจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนของโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม-อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล เป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขอให้เพิกถอนการดำเนินการดังกล่าวเสีย </p>
<p>4. ขอให้พิพากษาว่า ให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งห้า ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง การแจ้งข้อมูลและการเผยแพร่ข้อมูลอย่างเหมาะสมและจริงจัง จัดให้มีกระบวนการมีส่วนร่วม และรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ก่อนที่จะดำเนินการและระหว่างดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการดูแล ปกป้อง รักษาแม่น้ำยวม แม่น้ำเงา แม่น้ำเมย และแม่น้ำสาละวิน และ 5. ขอให้พิพากษาว่า ให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งห้า ดำเนินการออกกฎหมาย หรือกฎ หรือระเบียบ เพื่อดำเนินการการคุ้มครอง อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในลุ่มแม่น้ำแม่น้ำยวม แม่น้ำเงา แม่น้ำเมย และแม่น้ำสาละวิน</p>
<p>ดาวพระศุกร์ มึปอย ประชาชนจากแม่เงา อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน หนึ่งในผู้ฟ้องคดี กล่าวว่า เธอรู้สึกดีใจและภูมิใจว่า สิ่งที่ชาวบ้านเราทำไปไม่ได้สูญเปล่า คดีมีความคืบหน้า การทำงานที่ผ่านมามีทั้งเก็บข้อมูลทำงานวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่ออธิบายถึงความสำคัญของทรัพยากรดิน น้ำ ป่า เดือนที่แล้ว (ธ.ค. 2566) ชาวบ้านได้เดินทางไป กทม. เพื่อนำเสนอข้อมูลให้แก่ผู้ใหญ่ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองอธิบดีกรมชลประทาน รู้สึกกลัวที่จะนำเสนอในที่ประชุม แต่ก็มีความดีใจ ตื่นเต้นจนพูดไม่ค่อยออก มีเรื่องอยากนำเสนอเล่าให้ผู้หลักผู้ใหญ่และศาลฟังว่าที่บ้านเราทำนั้นมาหากินและอนุรักษ์แม่น้ำ รักษาผืนป่ามาหลายชั่วอายุคน หากถูกทำลายไปชาวบ้านจะเดือดร้อนกันอย่างมาก</p>
<p>"หวังว่าเขาจะรับฟังและเข้าใจพวกเรา จริงๆ ยังมีอีกหลายหมู่บ้านที่ใช้ทรัพยากรด้วยกัน ทั้งแม่น้ำเงา เมย ยวม อยากได้ชาวบ้านได้ความยุติธรรม" ดาวพระศุกร์ กล่าว
</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2024/01/107827