บุญสืบชะตาน้ำซับคำป่าหลาย #4 เปิดกรณีสูญเสียที่ดินเพราะถูก "ทวงคืนผืนป่า" [คลิป]
<span class="submitted-by">Submitted on Thu, 2024-01-11 16:08</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ไฮไลต์งานบุญสืบชะตาน้ำซับคำป่าหลาย ครั้งที่ 4 ที่ป่าต้นน้ำซับคำป่าหลาย บ้านแก้ง-โนนคำ จ.มุกดาหาร พร้อมเปิดตัวงานวิจัยสำรวจผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่า "ป่าดงหมูแปลง 2" ประเมิน 300 ครอบครัวสูญเสียที่ดินเกือบ 2,000 ไร่ เสียศักยภาพในการบริหารจัดการครัวเรือนและสูญเสียความสัมพันธ์ภายในชุมชน</p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="
https://www.youtube.com/embed/WgqdUL1gVxc?si=b1042kvZCHYzvsfw" title="YouTube video player" width="560"></iframe></p>
<p>ย้อนชมไฮไลต์งานบุญสืบชะตาน้ำซับคำป่าหลาย ครั้งที่ 4 ทบทวนการต่อสู้เพื่อสิทธิชุมชนในการบริหารจัดการทรัพยากร โดยมีการเปิดตัวงานวิจัย “การแย่งยึดที่ดินจากนโยบายป่าไม้ในยุคทหารคสช. กับการผลิตซ้ำความจนเรื้อรัง กรณีป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงหมูแปลง 2” และวงเสวนา "พลังงานสะอาดแบบไหนที่จะไม่ซ้ำเติมประชาชน (ความยากจน)"</p>
<p>ทั้งนี้บุญสืบชะตาน้ำซับคำป่าหลาย ครั้งที่ 4 จัดขึ้นบริเวณป่าต้นน้ำซับคำป่าหลาย บ้านแก้ง-โนนคำ ตำบลคำป่าหลาย อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 66</p>
<p>โดนตอนหนึ่งมีเสวนาเปิดงานวิจัย “การแย่งยึดที่ดินจากนโยบายป่าไม้ในยุคทหารคสช. กับการผลิตซ้ำความจนเรื้อรัง: กรณีป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงหมูแปลง 2” ของกิติมา ขุนทอง อาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฎสกลนคร ภายใต้สนับสนุนของ Protection International มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม และ Greenpeace Thailand โดยการนำเสนอในครั้งนี้ตัวแทนกลุ่มฯ ได้ร่วมบอกเล่าถึงรายละเอียดข้อมูลของตนเองที่ใช้ประกอบในงานวิจัยด้วย</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53401055679_151bcf584b_o_d.jpg" /></p>
<p><span style="color:#e67e22;">ไทม์ไลน์การแย่งยึดที่ดินป่าดงหมูแปลง 2 (ที่มา: งานวิจัยการแย่งยึดที่ดินจากนโยบายป่าไม้ในยุคทหารคสช. กับการผลิตซ้ำความจนเรื้อรัง: กรณีป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงหมูแปลง 2)</span></p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53401055669_3bb83b2497_o_d.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">6 รูปแบบปฏิบัติการแย่งยึดที่ดินของเจ้าหน้าที่ (ที่มา: งานวิจัยการแย่งยึดที่ดินจากนโยบายป่าไม้ในยุคทหารคสช. กับการผลิตซ้ำความจนเรื้อรัง: กรณีป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงหมูแปลง 2)</span></p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53401161140_04806f37ab_o_d.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><font color="#e67e22">ส่วนหนึ่งของผลกระทบที่เกิดขึ้นสำรวจจาก 50 ครัวเรือน (ที่มา: งานวิจัยการแย่งยึดที่ดินจากนโยบายป่าไม้ในยุคทหารคสช. กับการผลิตซ้ำความจนเรื้อรัง: กรณีป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงหมูแปลง 2)</font></p>
<p>โดย กิติมา ขุนทอง นักวิจัย กล่าวว่าจากการศึกษาข้อมูลในงานวิจัยพบว่าชาวบ้านที่ต่อสู้มาในรอบ 1 ปี มีการทำกิจกรรมกว่า 100 ครั้ง ถ้าเอาค่าแรงขั้นต่ำของ 300 บาทไปคูณ ปีหนึ่งจะต้องเสียค่าใช้จ่ายกว่า 3-4 หมื่นบาท ดังนั้นนโยบายทวงคืนผืนป่าจึงเป็นกับดักความยากจนหลุมแรก และหลุมที่สองก็คือการที่ต้องต่อสู้ภายใต้นโยบายทวงคืนผืนป่าที่มีราคาที่ต้องจ่าย หากนโยบายทวงคืนผืนป่าบอกว่าเป้าหมายหลักคือการทวงคืนเพื่อแก้ไขปัญหาป่าไม้และลดความยากจน แต่การศึกษาจากงานวิจัย นโยบายทวงคืนผืนป่าได้เป็นกับดักความจนของคนที่นี่ ซึ่งจากงานวิจัยคำป่าหลายจาก 50 ครัวเรือนในพื้นที่คำป่าหลายได้รับผลกระทบจากการแย่งยึดที่ดิน ผ่านนโยบายป่าไม้ในยุคทหาร คสช. โดยถูกแย่งยึดที่ดินไป 507ไร่ 26 งาน 30 ตารางวา และมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยประมาณการ คือการเสียที่ดิน เสียสิทธิในที่ดิน เสียโอกาสในการทำธุรกรรมทางการเงิน สูญเลียศักยภาพในการบริหารจัดการเงินครัวเรือนและหนี้สิน เสียโอกาสในการทำธุรกิจ สูญเสียรายได้ 7,000 - 250,000 ต่อรอบการผลิต และยังสูญเสียความสัมพันธ์ในครอบครัวด้วย</p>
<p>นอกจากนี้รูปแบบปฏิบัติการแย่งยึดที่ดินของเจ้าหน้าที่ยังสร้างความสูญเสีย และความเจ็บปวดให้กับชาวบ้านคำป่าหลาย เช่น บังคับให้รื้อถอน ยึดทำลายทรัพย์สิน และพืชผล ทำลายพืชผลและติดป้ายห้ามเข้าพื้นที่ทำกิน ยึดพื้นที่หรือถูกให้ออกจากพื้นที่ และปิดป้ายปลูกป่าทับ รวมทั้งปักแนวเสา ข่มขู่ด้วยวาจา หรือกำลังอาวุธให้ออกจากพื้นที่ รวมทั้งบังคับให้ลงลายมือชื่อยินยอมออกจากพื้นที่ทำกิน ถ่ายรูปยืนแปลง จับกุมดำเนินคดีและกักขังหน่วงเหนี่ยว รวมถึงยึดสิทธิในที่ดินแต่ไม่ดำเนินคดี</p>
<p>พันมหา พันธโคตร นักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลายบอกเล่าข้อมูลว่า ตนอยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็ก บรรพบุรุษได้มีการอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานจับจองพื้นที่ทำกินไว้ ซึ่งตนก็ได้สิทธิในที่ดินทำกินจากการจับจองของพ่อแม่ โดยมีการมาจับจองตั้งถิ่นฐานทำสวน ปลูกข้าว ล่าสัตว์ ซึ่งที่ดินแถวนี้แต่ก่อนอุดมสมบูรณ์มาก หลังจากที่พวกเราทำกินกันมานานแล้ว รัฐบาลก็เริ่มเข้ามาประกาศให้พื้นที่ที่พวกเราทำกินตั้งแต่บรรพบุรุษเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งในขณะที่รัฐประกาศเราก็ทำตามหมดทุกอย่าง ทั้งปลูกมัน ปลูกยาง แต่พอช่วงรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา เป็นรัฐมนตรี ได้มีการใช้นโยบายแย่งยึดที่ดิน ทำให้พวกเราเดือดร้อนและได้รับผลกระทบมาก</p>
<p>เราต้องสู้ทวงที่ดินของเรากลับคืนมาเพราะเป็นที่ดินที่เป็นมรดกของบรรพบุรุษ เราอยู่กันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ การเข้ามาของการประกาศนโยบายป่าสงวนทับพื้นที่ของเราทำให้พวกเราจึงจำเป็นที่จะต้องทวงคืนพื้นที่ของบรรพบุรุษเรากลับคืนมา เราสู้เพื่อมูลพ่อแม่ สู้เพื่อสิทธิทำกิน หากไม่สู้ก็จะไม่มีพื้นที่ทำกิน</p>
<p>ขณะที่จิราวรรณ ชัยยิ่ง ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลาย กล่าวว่า เมื่อปี 2559 เราถูกยึดที่ดินจำนวน 12 ไร่ ซึ่งที่ดินดังกล่าวได้รับมรดกมาจากบรรพบุรุษของสามี ตอนนั้นเราถูกข่มขู่จากผู้นำชุมชนด้วย หลังจากที่เจ้าหน้าที่รัฐได้ยึดพื้นที่ของเราไป รัฐได้นำป้ายห้ามทำกินมาปัก หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำกล้าไม้เข้ามาปลูกทับพื้นที่ ทำให้เราไม่สามารถเข้าไปทำกินในพื้นที่ของเราได้ แต่เราก็ไม่ยอมแพ้ ลุกขึ้นสู้โดยการรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ เพื่อยื่นหนังสือต่อหน่วยงานราชการต่างๆ ที่เราต้องสู้เพราะที่ดินตรงนั้นเป็นที่ดินของเรา เราต้องทวงคืน รัฐจะมาแย่งยึดไปจากเราไม่ได้</p>
<p>ด้านปราณี เพียงดี ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลาย กล่าวว่า พื้นที่ที่ตนโดนยึดไปนั้นเป็นที่ที่มีเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. จากที่มี 19 ไร่ เหลือเพียง 1 ไร่ โดยเจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่าเป็นที่ทับป่าสงวนฯ ที่ตรงนั้นเป็นที่ที่ตนได้รับมาจากบรรพบุรุษเช่นเดียวกัน “การสูญเสียที่ดินจึงหมายถึงการสูญเสียโอกาสที่จะประคับประครองชีวิตได้”</p>
<div class="more-story">
<p>
เปิดตัวงานวิจัย 'การแย่งยึดที่ดินจากนโยบายป่าไม้ในยุคทหาร คสช. กับการผลิตซ้ำความจนเรื้อรัง'</p>
</div>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53455920652_48ace6e39b_b.jpg" /></p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2024/01/107590