หัวข้อ: หลวงปู่สินธุ์ เขมิโย เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562 13:07:39 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/57099591982033_view_resizing_images_7_320x200.jpg) หลวงปู่สินธุ์ เขมิโย พระเทพวุฒาจารย์ หรือ หลวงปู่สินธุ์ เขมิโย อดีตพระเถระชั้นผู้ใหญ่รูปหนึ่งที่มีวัตรปฏิบัติดีงาม ครองตนอยู่ในเพศสมณะเสมอต้นเสมอปลาย จึงเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนชาวมหาสารคามอย่างยาวนาน มีนามเดิมว่า สินธุ์ คำปลิว เกิดเมื่อ วันที่ 19 เม.ย.2456 ณ บ้านเขียบ ต.ขามเรียง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม หลังจากจบการศึกษาชั้น ป.4 จากโรงเรียนบ้านขามเรียง แล้วก็ออกมาช่วยงานครอบครัวทำไร่ทำนาอยู่ปีเศษ ด้วยความที่ท่านมีนิสัยเป็นคนใฝ่เรียนใฝ่รู้ เอนเอียงเข้าหาพระธรรม เมื่ออายุ 12 ปี พ.ศ.2469 จึงขอให้บิดามารดาอุปสมบทให้ ณ วัดเจริญผล ต.ท่าขอนยาง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม ด้วยความที่ท่านมุ่งมั่นอยากศึกษาพระธรรมวินัยอย่างลึกซึ้ง จึงเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ไปเรียนที่สำนักวัดสระเกศ เป็นสำนักเรียนที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในสมัยนั้น จนถึงปีพ.ศ.2478 เมื่ออายุครบบวชท่านจึงอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร โดยมี "สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก" (อยู่ ญาโณทยมหาเถร ป.ธ.9) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายา "เขมิโย" หลังจากนั้นท่านได้มุมานะเล่าเรียนอย่างหนัก จนถึงปีพ.ศ.2478 ก็สอบได้นักธรรมเอก และสอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค จากสำนักเรียนวัดสระเกศ ด้วยความที่ท่านเป็นคนเรียนเก่ง ในปี 2483 ก็สอบเทียบได้ชั้น ม.3 ปี พ.ศ.2485 ก็สอบได้ประกาศนียบัตรประโยคครู พ.ม.หลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ ด้วยความที่ท่านต้องการกลับมาพัฒนาสร้างสรรค์ความเจริญอีสานบ้านเกิด จึงเดินทางกลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดพุทธไชยาราม บ้านเขียบ ต.ขามเรียง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม จนถึงปี 2489 ก็ได้รับความไว้วางใจจากคณะสงฆ์เป็นเจ้าอาวาสวัดพุทธไชยาราม เป็นพระที่มีผลงานปรากฏมากมาย เช่น บูรณปฏิสังขรณ์ศาสนวัตถุศาสนสถาน อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและโบราณสถาน ในปี 2512 ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองเจ้าอาวาสวัดนาควิชัย ต.ตลาด อ.เมือง และเป็นพระอุปัชฌาย์ จนถึงปีพ.ศ.2518 เป็นรองเจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม และได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นพิเศษที่ "พระครูวิจัยปริยัติกิจ" พ.ศ.2523 ได้รับแต่งตั้งขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดนาควิชัย ต.ตลาด อ.เมือง ปี พ.ศ.2524 ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนามเดิม จนกระทั่งปี พ.ศ.2526 ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม พ.ศ.2531 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามที่ "พระราชสารคามมุนี" ต่อมา ไปรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดมหาชัย (พระอารามหลวง) ปี พ.ศ.2540 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ในราชทินนามที่ พระเทพวุฒาจารย์ พ.ศ.2542 เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม และเป็นประธานที่ปรึกษาพุทธสมาคม ยุวพุทธิกสมาคมจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานมูลนิธิสงฆ์อาพาธจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานที่ปรึกษามูลนิธิพระธาตุนาดูน และเป็นผู้จัดการโรงเรียนบาลีสาธิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วัดอภิสิทธิ์ ตั้งแต่พ.ศ.2525-2548 หลังจากตรากตรำสังขารรับใช้พระพุทธศาสนามายาวนานจนล่วงเข้าสู่ปัจฉิมวัย ช่วงบั้นปลายชีวิตกลับไปจำพรรษาที่วัดพุทธไชยารามบ้านเกิด ด้วยความไม่เที่ยงของสังขาร เริ่มอาพาธบ่อยครั้ง จนถึงเช้าของวันที่ 28 ก.ค.2548 ท่านเกิดอาการอ่อนเพลียช็อกหมดสติ ญาติโยมรีบนำส่งโรงพยาบาลจังหวัดมหาสารคาม ท้ายที่สุด มรณภาพด้วยอาการสงบ สิริอายุ 93 ปี พรรษา 72 และในวันอาทิตย์ที่ 2 เม.ย.2549 พิธีพระราชทานเพลิง ณ เมรุชั่วคราววัดมหาชัย สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ในขณะนั้น เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ อริยะโลกที่ 6 ข่าวสดออนไลน์ |