‘ห้ามนักการเมืองถือหุ้นสื่อ’ ความล้นเกินทางกฎหมายที่ไม่แก้ปัญหาอะไร
<span>‘ห้ามนักการเมืองถือหุ้นสื่อ’ ความล้นเกินทางกฎหมายที่ไม่แก้ปัญหาอะไร</span>
<span><span>user007</span></span>
<span><time datetime="2024-05-31T21:30:17+07:00" title="Friday, May 31, 2024 - 21:30">Fri, 2024-05-31 - 21:30</time>
</span>
<div class="field field--name-body field--type-text-with-summary field--label-hidden field-item"><p>นับจากกรณีพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ถึงการรับสมัคร สว. ที่เพิ่งจบลงไป ประเด็นการถือหุ้นสื่อยังเป็นคำถามที่อยู่ในใจว่าการถือหุ้นสื่อผิดหรือไม่ จำนวนหุ้นที่ไม่มีนัยต่อการกำกับทิศทางสื่อผิดหรือไม่ ฯลฯ สิ่งนี้สะท้อนภาพที่เข็มทอง ต้นสกุลรุ่งเรืองเรียกว่า นิติศาสตร์นิยมล้นเกิน วิธีคิดที่เชื่อว่ากฎหมายสามารถแก้ได้ทุกปัญหาโดยไม่ดูสภาพความเป็นจริง ทำให้แทนที่จะแก้ปัญหากลับเป็นการสร้างปัญหาเพิ่มและตัดสิทธิบุคคลโดยใช่เหตุ</p><p>แม้ว่ากรณีพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกลถือหุ้นไอทีวีจะจบไปตั้งแต่ต้นปี โดยศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าไอทีวีไม่ได้ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน ทำให้พิธาไม่สิ้นสุดการเป็น ส.ส. แต่คดีนี้ก็ได้สร้างมาตรฐานอันน่าคลางแคลงเกี่ยวกับการถือหุ้นสื่อของนักการเมืองว่าควรต้องมีกฎเกณฑ์ใดๆ กำกับเพิ่มเติมหรือไม่ ทั้งในแง่จำนวนหุ้นหรือนิยามความเป็นสื่อ</p><p>กับการรับสมัคร สว. ที่เพิ่งผ่านไป ‘การถือหุ้นสื่อ’ ยังเป็นเรื่องต้องห้ามของผู้สมัคร เรื่องต้องห้ามที่ดูคลุมเครือ อันสะท้อนลักษณะนิติศาสตร์นิยมล้นเกินหรือ hyper legalism ของสังคมไทยที่เชื่อว่าปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้ด้วยการออกกฎหมาย ซึ่งเข็มทอง ต้นสกุลรุ่งเรือง จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์วิทยาลัย มองว่า นิติศาสตร์นิยมล้นเกินนอกจากไม่แก้ปัญหาแล้ว ยังทำให้การแก้ปัญหาผิดฝาผิดตัว</p><img src="
https://live.staticflickr.com/65535/53745894278_4dd374bd41_o.jpg" width="800" height="533" loading="lazy"><p class="picture-with-caption">เข็มทอง ต้นสกุลรุ่งเรือง จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์วิทยาลัย</p><h2><strong>นิติศาสตร์นิยมล้นเกิน</strong></h2><p>นิติศาสตร์นิยมล้นเกินเป็นวิธีการมองโลกและสังคมว่าปัญหาต่างๆ สามารถแก้ด้วยกฎหมาย แม้ว่าปัญหาหลายประการแก้ได้ด้วยกฎหมาย แต่การออกกฎหมายต้องคํานึงถึงปัจจัยหลายอย่าง เช่น สภาพสังคมเป็นอย่างไร พร้อมรับกฎหมายนั้นหรือไม่ สามารถทําตามกฎหมายที่ออกได้จริงหรือไม่ อะไรคือสาเหตุของปัญหา การมีวิธีการมองแคบๆ ว่ามีปัญหาก็เขียนกฎหมายเพิ่ม ออกกฎหมายเพิ่มเท่ากับปัญหาจบย่อมแก้ปัญหานั้นไม่ได้จริง</p><p>สุดท้ายมีกฎหมายจำนวนมาก แต่บังคับใช้ไม่ได้ เป็นเพราะกฎหมายมีเนื้อหาขัดแย้งกับความเป็นจริงในสังคม ขัดแย้งกับสภาวะพื้นฐานของสังคมจนคนในสังคมไม่สามารถปฏิบัติตามได้เลย หรือรัฐไม่มีความสามารถบังคับใช้กฎหมาย ท้ายที่สุดกฎหมายก็เสื่อมความน่าเชื่อถือ</p><p>“แล้วการบังคับใช้กฎหมายในสภาวะที่มีกฎยิบย่อยเต็มไปหมด อะไรก็ผิด แต่ว่ารัฐไม่สามารถจัดการทุกอย่างได้ ผลก็คือรัฐเลือกจัดการเฉพาะบางอย่าง บางกรณี มันก็ยิ่งทําให้เกิดปัญหา double standard”</p><h2><strong>กฎหมายไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง</strong></h2><p>มาตรา 98 (3) ในรัฐธรรมนูญปี 2560 ระบุว่า บุคคลที่เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ ต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวอย่างหนึ่งของอาการนิติศาสตร์ล้นเกิน เข็มทองกล่าวว่า</p><p>“เรื่องนักการเมืองกับสื่อมีปัญหาไหม มี เราต้องยอมรับว่าการคุมสื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพอเราพูดถึงเสรีภาพการเข้ามาของสื่อ โลกสื่อสารมวลชนแบบใหม่ โซเชียลมีเดีย ตอนแรกๆ เราคิดว่าโลกที่มีข้อมูลมากขึ้นน่าจะทําให้โลกมีเสรีมากขึ้นเพราะไม่ถูกจํากัดด้วยสื่อของรัฐอย่างเดียว แต่ตอนหลังเรารู้ว่าเสรีนี้มาพร้อมกับเฟคนิวส์ มิสอินฟอร์เมชั่น ดิสอินฟอร์เมชั่นใช่มั้ย</p><p>“เรารู้แล้วการเมืองมีปัญหาถ้าคุณไม่ควบคุมสื่อ แต่คําถามคือวิธีการที่เราพยายามจะจัดการกับสื่อไทย หมายถึงในภูมิทัศน์ของการเมืองไทยเราจัดการกับสื่อด้วยการออก 98 วงเล็บ 3 นักการเมืองห้ามถือหุ้นสื่อ มันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา ในแง่หนึ่งคนเขียนรัฐธรรมนูญอาจจะบอกว่าได้พยายามแก้ปัญหาแล้ว จบ แต่ปัญหาแก้ได้ไหม ก็ไม่ได้แก้ เพราะกฎหมายที่ออกมาไม่สอดคล้องกับสภาพปัญหาจริงๆ ที่เกิดขึ้นในภูมิทัศน์การเมืองไทย”</p><p>กล่าวได้ว่า มาตรา 98 (3) เป็นมรดกจากความหวาดกลัวทักษิณ ชินวัตร ที่ตกทอดมาจากรัฐธรรมนูญปี 2550</p><h2><strong>98 (3) มรดกจากผีทักษิณ</strong></h2><p>เข็มทองแสดงความเห็นว่าประเด็นนักการเมืองกับหุ้นสื่อสามารถมองได้ 2 แง่ หนึ่ง ในต่างประเทศก็มีความพยายามป้องกันไม่ให้นักการเมืองเข้ามาครอบครองกิจการสื่อ แต่มันอยู่ในกฎหมายระดับพระราชบัญญัติว่าห้ามให้ใบอนุญาตกับพรรคการเมือง แต่ประเทศไทย approach มาจากทางกฎหมายรัฐธรรมนูญเรื่องคุณสมบัติ ส.ส. โดยห้ามนักการเมืองถือหุ้นสื่อ ถ้าถือหุ้นสื่อต้องถูกตัดสิทธิ์ แต่สุดท้ายกลับละเลยว่าจริงๆ ภูมิทัศน์สื่อถูกครอบงําโดยกลุ่มการเมืองหรือพรรคการเมืองหรือไม่ แล้วคิดแต่การมุ่งลงโทษ</p><p>“98 วงเล็บ 3 มันมาจากเรื่องกลัวคุณทักษิณและรัฐธรรมนูญปี 50 เลยเขียนว่าห้ามถือหุ้นสื่อ เพราะเราคิดเจาะจงมากคือเรื่องเจ้าของกิจการสื่อขนาดใหญ่ ทั้งที่จริงๆ ตั้งแต่ตอนที่เริ่มเขียนขึ้นมาวิธีคิดนี้ก็ล้าสมัยแล้วเพราะตอนนั้นเราเริ่มมีสื่อแบบใหม่ที่ไม่เคยเห็น คือไม่ได้เป็นนักการเมืองเองแต่เป็นกลุ่มการเมืองซึ่งสนับสนุนพรรคบางพรรคหรืออุดมการณ์บางอุดมการณ์ แต่ตัวเขาไม่ลงเอง อย่างพันธมิตรก็ไม่ได้ลงการเมืองเองตอนแรก แต่ทุกคนรู้ว่าพันธมิตรหนุนอุดมการณ์แบบไหน เขาก็ทําสื่อ ทําสื่อโฆษณาไปเยอะแยะ ออกแคมเปญต่างๆ”</p><p>แต่มาตรา 98 (3) ละเลยเมื่อมองจากมุมของกฎหมายสื่อกล่าวคือในสนใจประเด็นการกระจายสื่อในมือของกลุ่มการเมือง อุดมการณ์ทางการเมืองต่างๆ ว่าเป็นอย่างไร มีการครอบงําหรือไม่ มีเนื้อหาที่เป็น fake news misinformation หรือ disinformation หรือไม่ เข็มทองยังตั้งข้อสังเกตอีกว่าตอนที่รัฐธรรมนูญปี 2550 บังคับใช้ คำถามว่าอะไรคือสื่อก็เริ่มขึ้นแล้วจากการเกิดขึ้นของเฟสบุ๊คและเว็บไซต์ข่าวต่างๆ อีกทั้งปัจจุบันเทคโนโลยีทำให้ใครๆ ก็เป็นสื่อได้ ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ยิ่งทำให้การตอบว่าใครเป็นสื่อยิ่งยาก</p><h2><strong>ภาครัฐเป็นกลุ่มการเมืองทื่มีสื่อจำนวนมาก</strong></h2><p>นอกจากนี้ หากมองว่าสื่อมี 3 แบบคือสื่อที่เอกชนเป็นเจ้าของ สื่อที่อยู่ในมือพรรคการเมือง และสื่อที่อยู่ในมือของรัฐ...</p><p>“เราพูดว่านักการเมืองห้ามถือหุ้นสื่อ แต่พอนักการเมืองคนนั้นได้อํานาจรัฐเขาได้กรมประชาสัมพันธ์ไป สุดท้ายภาครัฐเป็นกลุ่มอํานาจการเมืองที่ถือสื่อจํานวนมากเกือบๆ จะที่สุดในประเทศแล้วมั้ง ยิ่งถ้าคุณคุมสื่อกองทัพได้ แต่เราไม่กลัวเรื่องนี้เลย เรากลัวแค่นักการเมืองถือหุ้นสื่อ 700 หุ้น 300 หุ้น เสียเวลาเอาเป็นเอาตายอยู่ครึ่งปีปีหนึ่ง แต่เรื่องใหญ่ๆ พวกนี้เราไม่ค่อยพูด”</p><p>เข็มทองกล่าวว่าในไทยไม่ค่อยมีพรรคการเมืองถือหุ้นสื่อ มีแต่ภาครัฐถือหุ้นสื่อหรือบุคคลธรรมดาที่เป็นนักการเมืองถือหุ้น การดูแค่เรื่องหุ้นหรือเจ้าของกิจการมันเป็นเรื่องเล็กมากๆ แต่คนที่อยู่ในภาคการเมืองแต่ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสามีภรรยากัน เป็นแฟน เป็นคนรู้จัก ซึ่งกฎหมายอย่างมาตรา 98 (3) กลับดูเฉพาะความสัมพันธ์แบบที่เป็นทางการที่กำหนดโดยกฎหมายเท่านั้น เช่น สามี-ภรรยาจดทะเบียนสมรสกันจึงห้ามสามีหรือภรรยาถือ ทว่า ในความเป็นจริงยังมีความสัมพันธ์ที่ไม่อยู่ในรูปกฎหมาย เช่น เพื่อน เพื่อนสาวคนสนิท เหล่านี้เป็นความสัมพันธ์ที่มีอยู่จริงที่กฎหมายไปไม่ถึง</p><p>“การระมัดระวังนักการเมืองมีอิทธิพลเหนือสื่อเป็นเรื่องที่ถูกต้องมั้ย ถูกต้อง แต่มาตรา 98 วงเล็บ 3 คือทางแก้ไขที่ถูกต้องมั้ย ผมคิดว่าไม่ใช่ มันผิดฝาผิดตัว” เข็มทองกล่าวต่อว่า</p><p>“เราหมกมุ่นกับกําหนดคุณสมบัติเยอะ แล้วของเล็กๆ น้อยๆ ก็เอามาใส่หมด จริงๆ ในหลายๆ ที่เขาจะบอกว่าในการกําหนดคุณสมบัติจําเป็นต้องมี แต่ว่ามันจําเป็นต้องกําหนดอย่างระมัดระวังและรัดกุมที่สุด เพราะว่าการกําหนดคุณสมบัติแต่ละข้อที่คุณใส่เข้าไปมันคือการตัดสิทธิ์ในการมีส่วนร่วมของประชาชน แต่ที่ผมคิดว่าจะมีปัญหาเยอะคือเรื่องคุณสมบัติเรื่องทางกฎหมายที่แบบไม่เคยติดคุก 98 อนุ 8 อนุ 9 อนุ 10 โดยเฉพาะอนุ 10 จะเห็นว่ามันเพิ่มฐานความผิดเข้ามาอย่ามาก ซึ่งความผิดเกี่ยวกับทรัพย์เอามาทั้งหมด ทั้งที่ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์มีตั้งแต่เรื่องใหญ่เรื่องเล็กเยอะแยะเต็มไปหมด อย่างที่เราจะเห็นเคสที่มี ส.ส. ท่านหนึ่งถูกค้นว่าเคยมีความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ซึ่งมูลค่าทรัพย์นิดเดียวแล้วเขาก็บอกว่าตอนนั้นเป็นวัยรุ่น ไม่รู้เรื่อง ถูกตํารวจกล่อมให้รับสารภาพจะได้จบ”</p><h2><strong>หยุดนิติศาสตร์นิยมล้นเกิน</strong></h2><p>เข็มทองยังยกตัวอย่างอีกว่าถ้านักการเมืองถือหุ้นซีพีซึ่งเป็นเจ้าของทรู ในภูมิทัศน์ธุรกิจเมืองไทยที่ทุนใหญ่เกือบทุกทุนเป็นเจ้าของทีวีดิจิตอลหรือสื่ออะไรบางอย่าง การมาไล่ดูว่าใครถือหุ้นอะไรบ้างย่อมเป็นเรื่องยาก เช่นจะแยกซีพีกับทรูออกจากกันอย่างไร</p><p>เขาเสนอว่าแทนที่จะหมกมุ่นกับเรื่องการถือหุ้น ควรให้ความสนใจในการคุมเนื้อหามากกว่า เช่น fake news hate speech misinformation หรือ disinformation เป็นต้น</p><p>เมื่อถามว่าถ้าเปลี่ยนกติกาเป็นการห้ามถือหุ้นสื่อในจำนวนที่มีอิทธิพลต่อสื่อได้หรือไม่ เข็มทองกล่าวว่าสามารถทำได้ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมืองก็วินิจฉัยไว้ทำนองนี้ อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้ยังต้องเผชิญปัญหาอันยาวนานที่ฝังอยู่ในโครงสร้างรัฐธรรมนูญนั่นก็คือฝ่ายตุลาการต่างๆ ถือเป็นคนละหน่วยงานกัน จึงไม่จำเป็นต้องยึดถือบรรทัดฐานซึ่งกันและกัน</p><p>“คุณอาจจะผิดในศาลรัฐธรรมนูญและถูกปล่อยในศาลฎีกาก็ได้ เราเห็นคดีพวกนี้เยอะแยะเต็มไปหมด คดียุบพรรคจํานวนมากศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบ ศาลฎีกาปล่อยเพราะว่าหลักฐานไม่พอ แปลว่าอะไร แปลว่าคนละมาตรฐานการพิสูจน์และคนละมาตรฐานในการตีความกฎหมายข้อเดียวกัน</p><p>“เราพูดถึงคดีคุณพิธาที่ผ่านมาก็จะเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญยก แต่ปัญหาอีกอย่างของศาลรัฐธรรมนูญคือคําวินิจฉัยมันสวิงได้เยอะ มีประวัติอยู่แล้วก็สวิงไปสวิงมา เพราะฉะนั้นเราก็ไม่รู้ว่าถ้าเกิดเคสคุณพิธารอด เคสคนอื่นรอดหรือไม่รอด เราไม่รู้ ศาลบางทีก็อธิบายเหตุผลไม่ได้กระจ่าง”</p><p>เข็มทองเห็นว่าการจะลดความเป็นนิติศาสตร์นิยมล้นเกินควรนำเนื้อหาลักษณะนี้ไปไว้ในกฎหมายลูก ไม่ใช่กฎหมายรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะเรื่องการถือหุ้นสื่อควรเอาออกไปเลย แล้วนำไปไว้ในกฎหมายสื่อสารมวลชนที่ดูแลเกี่ยวกับเนื้อหา ไม่ใช่มาดูว่านักการเมืองถือหุ้นสื่อหรือไม่</p><p> </p></div>
<div class="node-taxonomy-container">
<ul class="taxonomy-terms">
<li class="taxonomy-term"><a href="
http://prachatai.com/category/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%93%E0%B9%8C" hreflang="th">สัมภาษณ
http://prachatai.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87" hreflang="th">การเมือ
http://prachatai.com/category/%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%87%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87" hreflang="th">เข็มทอง ต้นสกุลรุ่งเรือ
http://prachatai.com/category/%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99" hreflang="th">นิติศาสตร์นิยมล้นเกิ
http://prachatai.com/category/%C2%A0hyper-legalism" hreflang="th"> hyper legalism[/url]</li>
<li class="taxonomy-term"><a href="
http://prachatai.com/category/%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD" hreflang="th">หุ้นสื่
http://prachatai.com/category/%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%8D%E0%B8%9B%E0%B8%B5%C2%A02560" hreflang="th">รัฐธรรมนูญปี 2560[/url]</li>
</ul>
</div> <!--/.node-taxonomy-container -->
<div class="field field--name-field-promote-end field--type-string field--label-hidden field-item">ติดตาม "ประชาไท Prachatai.com" ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้า
https://prachataistore.net</div>
http://prachatai.com/journal/2024/05/109422