[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ร้านน้ำชา => ข้อความที่เริ่มโดย: สุขใจ ข่าวสด ที่ 06 มกราคม 2567 15:06:54



หัวข้อ: [ข่าวมาแรง] - ‘ชลน่าน’ ยอมรับยาจิตเวชมีปัญหาจริง เร่งดันเข้าบัญชียาหลัก
เริ่มหัวข้อโดย: สุขใจ ข่าวสด ที่ 06 มกราคม 2567 15:06:54
‘ชลน่าน’ ยอมรับยาจิตเวชมีปัญหาจริง เร่งดันเข้าบัญชียาหลัก
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2024-01-06 14:42</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>‘ชลน่าน’ ยอมรับยาจิตเวชมีปัญหาจริง หลังก้าวไกลอภิปรายปัญหาผู้ป่วยจิตเวช - เร่งดันเข้าบัญชียาหลัก เข็มละ 5 พันบาทก็ยอม เพื่อให้ผู้ป่วยไม่มีอาการเป็นอันตรายต่อสังคม</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/5050/5242760927_27c33264c4_k_d.jpg" />
<span style="color:#f39c12;">ที่มาภาพประกอบ: Firesam! (CC BY-ND 2.0)</span> (https://www.flickr.com/photos/firesam/5242760927)</p>
<p>ทีมสื่อพรรคก้าวไกลรายงานว่าในการประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาร่างงบประมาณ 2567 เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2567 สิริลภัส กองตระการ สส.กรุงเทพฯ เขต 14 พรรคก้าวไกล อภิปรายเกี่ยวกับงบสาธารณสุข โดยระบุว่า รมว.สาธารณสุข จากพรรคเพื่อไทยได้ยกประเด็นเรื่องสุขภาพจิตและยาเสพติด เป็นนโยบายสำคัญ 1 ใน 13 นโยบาย แต่ดูเหมือนรัฐบาลเน้นให้ความสำคัญกับปัญหาผู้ป่วยจิตเวชจากยาเสพติด แต่ยังให้น้ำหนักกับปัญหาสุขภาพจิตน้อยเกินไป</p>
<p>เมื่อดูข้อมูลจะเห็นว่า ผู้ป่วยสุขภาพจิตที่เกิดจากสารเสพติดมีจำนวน 2 แสนกว่าคน ขณะที่ผู้ป่วยทางสุขภาพจิตอื่นๆ มีจำนวนกว่า 1 ล้านคน แตกต่างกันถึง 5 เท่า เฉพาะจำนวนผู้ป่วยโรคซึมเศร้านั้นเพิ่มขึ้นทุกปี สถิติปีล่าสุดมีจำนวนมากถึง 360,000 คน ตนจึงต้องตั้งคำถามว่ารัฐบาลนี้ ให้ความสำคัญกับปัญหาสุขภาพจิตของประชาชนหรือไม่</p>
<p>สิริลภัส กล่าวต่อว่า แนวนโยบายของรัฐบาล ทั้งมินิธัญญารักษ์ หอผู้ป่วยจิตเวชหรือศูนย์บำบัดในชุมชน มีแนวปฏิบัติที่เน้นอาการจิตเวชที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่กลับไม่ได้สะท้อนถึงเรื่องปัญหาสุขภาพจิต ซึ่งเป็นวิกฤตที่ใหญ่และหนักขึ้นทุกปี</p>
<p>จากข้อมูล อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จในประเทศไทยปี 2565 อยู่ที่ 7.97 คนต่อประชากรแสนคน มีจำนวนคนที่ฆ่าตัวตายสำเร็จถึง 5,260 คน หรือทุกๆ วันจะมีคนไทยฆ่าตัวตายสำเร็จ 14 คน โดยพบว่าผู้ฆ่าตัวตายสําเร็จประมาณ 9 ใน 10 คน มีความเจ็บป่วยทางจิตเวชอย่างใดอย่างหนึ่งขณะทําการฆ่าตัวตาย</p>
<p>เหตุการณ์รุนแรงที่สร้างความสูญเสีย สาเหตุหนึ่งมาจากผู้ป่วยจิตเวชที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ถึงแม้จะได้รับการรักษากลับออกมาแล้วแต่ไม่มีคนคอยดูแล กำชับเรื่องการรับประทานยา อาการก็อาจกลับมากำเริบอีก อาจกลับไปก่อเหตุความรุนแรงได้อีก ทั้งที่ปัญหารุนแรงขึ้น แต่ประชาชนกลับเข้าถึงบริการสาธารณสุขอย่างค่อนข้างจำกัด นักจิตวิทยาคลินิกขาดแคลน เช่น ในภาคอีสาน มีจิตแพทย์และนักจิตวิทยาคลินิกต่ำกว่าค่าเฉลี่ยมาก</p>
<p>นี่คือวิกฤตสุขภาพจิตของประชาชน แต่เมื่อดูการจัดสรรงบประมาณปี 2567 กรมสุขภาพจิตได้รับเพียง 1.80% ของงบกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น ทั้งที่กรมฯ ขอไปประมาณ 4,300 ล้านบาท แต่ได้จัดสรรงบมาเพียง 2,999 ล้านบาท โดนตัดออกไปกว่า 69.4%</p>
<p>หากตัดงบแผนงานบุคลากรภาครัฐออกไป จะเห็นว่างบที่จัดสรรให้โครงการที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพจิตปี 67 อยู่ที่ 693 ล้านบาท และเมื่อเจาะดูรายโครงการที่ดูแลสุขภาพจิตวัยรุ่นและวัยทำงานที่มีตัวเลขการพยายามฆ่าตัวตายสูง พบว่ามีเพียงโครงการเสริมสร้างศักยภาพวัยเรียนและวัยรุ่น 3.6 ล้านบาท และโครงการเสริมสร้างสุขภาพจิตวัยทำงาน 2.8 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มผู้สูงอายุ ที่มีสถิติการฆ่าตัวตายสำเร็จสูงถึง 9.47 ต่อประชากรแสนคน แต่โครงการเสริมสร้างสุขภาพจิตวัยสูงอายุ ให้งบเพียง 7.6 ล้านบาทเท่านั้น รัฐบาลจะสร้างเกราะด้านสุขภาพจิตให้วัยรุ่น วัยทำงาน และผู้สูงอายุได้อย่างไร ในการจัดสรรงบประมาณเท่านี้</p>
<p>ส่วนที่เป็นงบประมาณจัดสรรใหม่และดูจะเป็นความหวังของประชาชน คืองบประมาณของสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ที่ปีนี้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 21 ล้านบาท และงบสนับสนุนจาก สปสช. อีก 5 ล้านบาท ทำให้จะสามารถรองรับได้ 520,000 กว่าสาย จากเดิมที่ให้บริการได้ไม่เกิน 1 แสนสายต่อปี</p>
<p>แต่เมื่อมาดูค่าบริการให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ที่จ่ายแบบเหมาจ่ายให้กับบุคลากรด่านหน้าที่ต้องให้คำปรึกษาต่อประชาชนกลุ่มเสี่ยง อยู่ที่เพียง 50 บาทต่อครั้ง โดยจ่ายเฉพาะรายที่สามารถพิสูจน์ตัวตนได้ ส่วนกรณีที่ผู้รับบริการไม่สะดวกใจที่จะบอกชื่อนามสกุลจริง แบบนี้ก็อาจไม่ได้รับค่าตอบแทนหรือไม่</p>
<p>“ในค่าตอบแทนเท่านี้ กับภาระงานของบุคลากรด่านหน้าที่ต้องรับผิดชอบกับชีวิตและความรู้สึกของคน ท่านควรกลับไปทบทวนถึงค่าตอบแทนที่คุ้มค่าและสร้างแรงจูงใจให้กับคนที่ทำงานบริการสายด่วนสุขภาพจิตใหม่ ถ้าท่านมีงบเพื่อขยายคู่สายแต่ไม่มีคนทำงาน สุดท้ายแล้วการขยายคู่สายนั้นก็เปล่าประโยชน์” สิริลภัสกล่าว</p>
<p>ดังนั้น สิ่งที่เราต้องการจริงๆ จากรัฐบาล คือการจัดสรรงบประมาณที่แก้ปัญหาให้ตรงจุด สิ่งที่รัฐบาลต้องใส่ใจ คือคำนึงถึงปัญหาจริงที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ใช้บริการ รวมถึงแก้ไขปัญหาภาระงานบุคลากรทางแพทย์</p>
<p>รัฐควรจัดสรรงบเพื่อเพิ่มบุคลากรด่านหน้าและสร้างแรงจูงใจด้านค่าตอบแทน เช่น การอุดหนุน อัตราค่าบริการสายด่วนสุขภาพจิต หรือผลิตนักบำบัดที่เป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อสร้างด่านกลั่นกรองให้กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงได้เข้าถึงการบำบัดรักษาฟื้นฟูสภาพจิตใจในระยะเบื้องต้นได้ก่อน หรือ โดยที่ไม่ต้องส่งต่อไปถึงจิตแพทย์ด้วยซ้ำ</p>
<p>รัฐควรจัดสรรงบเพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ในการรักษา เช่น สิทธิการพบนักจิตวิทยา ควรมีสิทธิการรักษาครอบคลุมเหมือนกับการพบจิตแพทย์ ประชาชนไม่ต้องจ่ายส่วนต่าง</p>
<p>รัฐควรจัดสรรงบเพื่อเพิ่มบัญชียาหลักให้กับผู้ป่วยที่ใช้สิทธิการรักษาพยาบาล เพราะปัจจุบันผู้ป่วยบางคนไม่สามารถใช้ยาที่อยู่ในบัญชียาหลักได้ เนื่องจากผลข้างเคียงของยามีผลในการใช้ชีวิต ทำให้ต้องออกค่าใช้จ่ายในการซื้อยาตัวอื่นที่ไม่มีผลข้างเคียงแทน ถ้าเพิ่มบัญชียาหลักได้ ผู้ป่วยก็มีทางเลือกมากขึ้น ไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายเอง</p>
<p>“อยากให้รัฐบาลชุดนี้ ให้ความสำคัญกับทุกปัญหาเท่าๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยาเสพติดและผู้ป่วยจิตเวช หรือปัญหาด้านสุขภาพจิต เพราะจำนวนผู้ป่วย ไม่ใช่แค่สถิติตัวเลข แต่คือชีวิต คือพ่อแม่ของใครสักคน คือลูกที่เป็นที่รักของครอบครัว คือเพื่อนที่เป็นที่รักของคนรอบข้าง เป็นบุคลากรที่ขับเคลื่อนประเทศในอนาคต” สิริลภัสกล่าว</p>
<h2><span style="color:#3498db;">‘ชลน่าน’ ยอมรับยาจิตเวชมีปัญหาจริง </span></h2>
<p>เว็บไซต์ข่าวสด (https://www.khaosod.co.th/politics/news_8039638) รายงานเมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2567 ว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ลุกขึ้นชี้แจงถึงงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข 3 แสนกว่าล้านบาทว่า มี 16 หน่วยรับงบประมาณ มีเม็ดเงินเพิ่มขึ้น 2 หมื่นกว่าล้านบาท เม็ดเงินที่เพิ่มขึ้นในส่วนของค่าป่วยการของ อสม.จากเดิมที่ได้เดือนละ 1 พันบาทเป็น 2 พันบาท ซึ่งการจัดสรรงบสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในมิติการดูแลสุขภาพ เพื่อสุขภาวะที่ดีของประชาชน งบที่เพิ่มขึ้นในปีงบประมาณ 67 สอดรับกับนโยบายใหม่ 13 ประเด็น 10 ควิกวิน เราจัดสรรงบรองรับ 6,200 กว่าล้านบาท บางนโยบายเราสามารถใช้เม็ดเงินไปพลางก่อนจากแผนงานเดิมของงบประมาณปี 66</p>
<p>นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ส่วนที่เพื่อนสมาชิกไม่เห็นด้วย มีการตั้งข้อสังเกตก็ถือเป็นความสวยงามในระบอบประชาธิปไตย เรายังมีโอกาสในวาระสอง ที่จะช่วยกันเติมเต็มเพื่อประโยชน์ของประชาชน ยอมรับว่ากระทรวงสาธารณสุขได้เม็ดเงินลงทุนลดลงและลดลงทุกปี ซึ่งสัดส่วนที่ลดลงก็กระทบกับการจัดการบริการดูแลประชาชนพอสมควร แต่กระทรวงสาธารณสุขโชคดีที่สามารถใช้เงินนอกงบประมาณได้บางส่วน</p>
<p>นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า เรื่องการแก้ไขยาเสพติดและจิตเวชนั้น ต้องขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่ให้ข้อมูลซึ่งเป็นประโยชน์ยิ่ง เพราะเราเห็นว่าเป็นงานสำคัญระดับชาติ เป็นแนวโน้มใหม่ที่เยาวชนได้รับผลกระทบ อย่างเช่นเหตุการณ์กราดยิงในห้างสรรพสินค้า เราจึงถือเป็นควิกวินที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 100 วัน ส่วนเรื่องยาเสพติด ท่านนายกฯ ให้ความสำคัญเป็นวาระแห่งชาติ เร่งรัดให้ดำเนินการแก้ปัญหาให้เห็นผลภายใน 1 ปี</p>
<p>“ส่วนข้อกังวลเกี่ยวกับเรื่องยาของกลุ่มจิตเวชนั้นมีปัญหาจริงๆ ผมยอมรับ ได้รับเรื่องและจะเริ่มดำเนินการให้ โดยยาที่จำเป็นเราจะผลักดันเข้าสู่กรรมการยาแห่งชาติ เพื่อให้กรรมการฯ พิจารณาเป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ เพื่อให้เป็นสิทธิประโยชน์ในการเบิกจ่าย แต่ช่วงที่ต้องรอ ผมได้กำชับให้ผู้เกี่ยวข้องใช้กลไกบริหารจัดการ แม้เข็มละ 5 พันบาทเราก็ยอมที่จะใช้กลไกการบริหารจัดการเพื่อให้ยากับผู้ที่ปฏิเสธกินยา เพื่อให้เขาไม่มีอาการที่เป็นอันตรายต่อสังคม ซึ่งเราให้ความสำคัญเช่นกัน” นพ.ชลน่าน ระบุ</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข่าว[/url]</div></div></div><div class="field field-name-field-category field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">การเมือง[/url]</div><div class="field-item odd"><a href="/category/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">สังคม[/url]</div><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">คุณภาพชีวิต[/url]</div></div></div><div class="field field-name-field-tags field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">สุขภาพจิต[/url]</div><div class="field-item odd"><a href="/category/%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%8A" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ยาจิตเวช[/url]</div></div></div><div class="field field-name-field-promote-end field-type-text field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even">ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่เฟซบุ๊ก https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/01/107527