.ฃ และ ฅ ยังมีอยู่ในแบบอักษรไทยThe Presence and Use
of ‘’Kho Khuat and ‘Kho Khon’, Letters of Thai Alphabet
ผู้สนใจอักษรไทยถามว่า ปัจจุบันอักษร ฃ และ ฅ หายไปไหน ยังคงมีอยู่ในกลุ่มอักษรไทยหรือไม่
ก่อนตอบคำถามนี้ ขอย้อนหลังไปถึงสมัยแรกที่ปรากฏมีอักษรไทยขึ้นในโลก
เมื่อประมาณ ๗๐๐ ปีเศษล่วงมาแล้ว ดินแดนอันเป็นที่ตั้งประเทศไทยปัจจุบันแถบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และเลยขึ้นไปถึงบริเวณลุ่มน้ำ ปิง วัง ยม น่าน มีกลุ่มชนคนไทยตั้งหลักแหล่งเป็นชนกลุ่มย่อยแผ่กระจายอยู่ทั่วไปตามบริเวณลุ่มน้ำเหล่านั้น ในปลายพุทธศตวรรษที่ ๑๘ ถึงต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๙ จึงได้รวมตัวกันสร้างความเป็นชาติอิสระขึ้น ก่อตั้งอาณาจักรล้านนาที่ลุ่มน้ำแม่ปิง อาณาจักรสุโขทัยที่ลุ่มแม่น้ำยม และอาณาจักรศรีอยุธยาที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ความเป็นชาติไทยของคนไทยได้ปรากฏขึ้นในโลกนับแต่นั้นเป็นลำดับสืบมาจนถึงปัจจุบัน
หลักฐานที่ได้จากจารึกสุโขทัยทำให้ทราบชัดว่า พ่อขุนรามคำแหงมหาราชกษัตริย์พระองค์ที่ ๓ แห่งอาณาจักรสุโขทัยทรงสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่บ้านเมืองนานัปการ โดยที่พระองค์น่าจะทรงเล็งเห็นว่า ความเป็นอิสรภาพของชาติจะแผ่ไพศาลได้ ต้องมีอารยธรรมที่บ่งบอกความเป็นไทยได้ชัดเจนโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และทรงมีพระราชประสงค์ที่จะให้พี่น้องไทยทุกกลุ่มได้รับรู้กันทั่วไปว่า บัดนี้ไทยมีประเทศเป็นของตนเองแล้ว สิ่งหนึ่งที่พระองค์ทรงกระทำให้เห็นเด่นชัดก็คือ ทรงคิดประดิษฐ์ลายสือไทยขึ้นในพุทธศักราช ๑๘๒๖ ดังปรากฏในจารึกพ่อขุนรามคำแหง ด้านที่ ๔ บรรทัดที่ ๘ - ๑๑ ความว่า
“...เมื่อก่อนลายสือไทยนี้บ่มี ๑๒๐๕ ศก ปีมะแม พ่อขุนรามคำแหงหาใคร่ใจในใจ แลใส่ลายสือไทยนี้ ลายสือไทยนี้ จึ่งมีเพื่อขุนผู้นั้นใส่ไว้...”
ลายสือไทยที่พ่อขุนรามคำแหงประดิษฐ์ขึ้นนั้นได้เปลี่ยนแปลงพัฒนารูปแบบและแพร่ขยายอิทธิพลไปอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียงครึ่งศตวรรษ ก็เปลี่ยนเป็นรูปอักษรไทยสุโขทัยและเผยแพร่ไปสู่อาณาจักรใกล้เคียง ที่อาณาจักรล้านนาซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของอาณาจักรสุโขทัย และอาณาจักรศรีอยุธยาซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของอาณาจักรสุโขทัย
รูปอักษรที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาดังกล่าวข้างต้นเป็นการเปลี่ยนไปเฉพาะลักษณะรูปสัณฐานแห่งเส้นอักษรเท่านั้น ส่วนจำนวนตัวอักษรยังคงมีอยู่ครบถ้วนเท่าเดิม ถึงแม้ว่าในเอกสารโบราณบางชิ้น รูปตัวอักษรบางตัวจะไม่ปรากฏให้เห็น ก็มิใช่ว่าจะเลิกใช้ โดยเฉพาะรูปอักษร ฃ และ ฅ ยังคงมีใช้อยู่ตลอดมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา จนถึงปัจจุบัน ดังตัวอย่างภาพที่ ๑ – ๕ ดังนี้ภาพที่ ๑ รูปอักษรไทยสุโขทัย ภาษาไทย พุทธศักราช ๑๙๓๕
จารึกปู่ขุนจิด ขุนจอด ด้านที่ ๓ บรรที่ ๕ ความว่า...กินเมืองนอก
ฃอกแ
ฅม...
ภาพที่ ๒ รูปอักษรฝักขาม ภาษาไทย พุทธศักราช ๒๐๒๗
จารึกพระพุทธรูปในถ้ำ (เชียงราย) ด้านที่ ๒ บรรทัดที่ ๓ ความว่า...คูไวเป็น
ฃองบูชา...
ภาพที่ ๓ รูปอักษรไทยที่ซิมอน เดอ ลาลูแบร์
บันทึกไว้ในหนังสือ
Du royaume de Siam ประมาณต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๓
ภาพที่ ๔ รูปอักษรไทย จากหนังสือชั้นประถม กข ก กา
เข้าใจว่าเป็นหนังสือที่หมอบรัดเลย์พิมพ์ขึ้นเป็นครั้งแรก
ประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๔
ภาพที่ ๕ รูปอักษรไทย ในสมัยรัชกาลที่ ๕ พุทธศตวรรษที่ ๒๕
ในระหว่างปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๔ ความเจริญด้านการพิมพ์หนังสือไทยด้วยเครื่องพิมพ์ ได้เข้ามาสู่ประเทศไทย มีการสร้างแท่นพิมพ์พร้อมตัวพิมพ์ขึ้น พิมพ์หนังสือออกเผยแพร่ ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเป็นลำดับ การพิมพ์หนังสือของไทยเรานั้น นอกจากจะพิมพ์จากแท่นพิมพ์และตัวพิมพ์แล้ว ยังใช้เครื่องพิมพ์ดีดพิมพ์ตัวอักษรด้วย แต่เนื่องจากแป้นพิมพ์ดีดที่สร้างขึ้นในครั้งนั้นมีจำนวนแป้นอักษรน้อยกว่าจำนวนรูปอักษร ผู้สร้างจึงตัดอักษร ฃ และ ฅ ออก ทำให้อักษร ๒ ตัวนี้หายไปจากแป้นพิมพ์ดีด เป็นเหตุให้เกิดความเข้าใจผิดว่าอักษร ๒ ตัวนี้เลิกใช้แล้ว แต่ปัจจุบันเครื่องพิมพ์สมัยใหม่มีความเจริญพัฒนาขึ้น อักษร ฃ และ ฅ ได้กลับเข้าสู่ระบบการพิมพ์ สามารถใช้รูปอักษรไทยได้ครบทั้ง ๔๔ ตัวเช่นเดิม
ฉะนั้น จึงขอยืนยันว่ารูปอักษรไทยยังคงมีจำนวนเท่ากับเมื่อสร้างโดยเฉพาะ อักษร ฃ และ ฅ ยังคงมีอยู่ และใช้ได้เหมือนเดิมจนถึงปัจจุบันถามมา-ตอบไป เรื่อง อักษร ฃ และ ฅ ยังมีอยู่ในแบบอักษรไทย โดย ก่องแก้ว วีระประจักษ์ (ข้าราชการบำนาญ) กรมศิลปากร