[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ => ร้อยภูติ พันวิญญาณ => ข้อความที่เริ่มโดย: -NWO- ที่ 17 กันยายน 2556 10:06:53



หัวข้อ: ท่านพ่อลีปราบผี คัดลอกจากหนังสือ พระอริยเจ้าผู้มีพลังจิตกล้าแข็ง
เริ่มหัวข้อโดย: -NWO- ที่ 17 กันยายน 2556 10:06:53
ท่านพ่อลีปราบผี

(http://www.suntiworrayan.com/0lee2.jpg)

ออกพรรษาแล้ว ได้รู้ธรรมะก็นึกอยากจะไปโปรดโยมพ่อบ้าง จึงเดินธุดงค์ผ่านไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งเรียกว่าบ้านโนนแดง ไปพักอยู่ใกล้ศาลเจ้าดอนปู่ตา พักอยู่คนเดียวในป่านั้น ญาติในหมู่บ้านทราบเรื่อง จึงได้ส่งข่าวไปถึงโยมพ่อ รุ่งเช้าโยมพ่อรีบเดินทางมาหา พ่อเห็นเราเข้าเท่านั้น ท่านแสดงอาการดีใจเป็นอย่างมาก ด้วยความรักที่ท่านมีต่อเรา ท่านจึงรีบให้คนไปฆ่าไก่ ๒ ตัว ทำภัตตาหารมาถวาย เราเสียใจเหลือเกินที่ไม่ได้ฉันให้ท่านสักคำ เพราะถือว่าเป็น อุทิสสมังสะ คือเนื้อสัตว์ที่เขาฆ่าเจาะจงเพื่อถวายพระภิกษุ พระพุทธเจ้าท่านห้ามไม่ให้พระภิกษุฉัน หากภิกษุฉันทั้งได้เห็น ได้ยิน หรือสงสัยว่าเขาฆ่าเพื่อถวายตน ต้องอาบัติทุกกฏ โยมพ่อจึงต้องนั่งก้มหน้ากินคนเดียว

เราได้กล่าวสอนโยมพ่อและญาติพี่น้องว่า
“พระพุทธเจ้าทรงห้ามไม่ให้ฆ่ากินสัตว์ ๒ ชนิด คือสัตว์ใหญ่ที่มีคุณอย่างหนึ่งได้แก่ ช้าง ม้า วัว ควาย เป็นต้น เราเบียดเบียนใช้งานเขาแล้วก็ยังไม่พอยังจะกินเลือดเนื้อของเขาอีกไม่บังควรอีกอย่างหนึ่ง สัตว์ที่แปลกประหลาด เช่น ช้างเผือก โคเผือก กาเผือก ฯลฯเป็นต้น เพราะสัตว์เหล่านี้อาจเป็นพระหรือผู้มีบุญ (แต่ยังมีบาปกรรมอยู่) มาเกิดก็ได้พรุ่งนี้ให้พวกเราพากันมาทำบุญตักบาตรพระ แต่อาตมาของเตือนญาติโยมอย่างหนึ่งว่า ไม่ให้ใครฆ่าเป็ดฆ่าไก่มาทำบุญเป็นอันขาด ใครมีผักหญ้าปลาเค็มอะไรก็ให้ทำมาตามที่มี”

หลังจากเสร็จเรื่องภัตกิจแล้ว โยมบิดานิมนต์ให้มาพักอยู่ที่ป่าช้าบ้านเกิด
ซึ่งเป็นป่าช้าที่มี “ผีดุ” ตามความเชื่อของชาวบ้าน แต่เราก็มิได้หวาดกลัวอะไรคงพักอยู่เป็นเวลาหลายวันระหว่างพักอยู่ที่ป่าช้าอันแสนน่ากลัวแห่งนั้น มีญาติโยมจากที่ต่างๆ ที่ทราบกิตติศัพท์จึงพากันเดินทางมาฟังเทศน์ เราพยายามชี้แนะให้พวกเขาเลิกการเชื่อถือผิดๆ ในประเพณีเซ่นสรวงอันไร้เหตุผล เช่น บูชาพวกผีปอบ ผีกระสือ ผีไท้ ผีแถนตลอดจนผีปู่ตาในดงเนินบ้านเก่าและในที่พักให้พวกเขาหันมายึดมั่นในพระไตรสรณคมน์ไม่ไปเซ่นสรวจบูชาพวกผีเหล่านั้นอีกอีกทั้งยังได้สวดมนต์แผ่เตตาขจัดปัดเป่า เอาคุณพระเข้าช่วยเป็นกำลังใจให้แก่ชาวบ้านทั้งหลายนอกจากนั้นเรายังได้บอกประกาศแก่พวกผีว่า ถ้าผีมีจริง ต้องเป็นผู้ไม่กินของเซ่นอย่างนี้ ให้รับส่วนบุญกุศลดีกว่า มิฉะนั้นจะต้องบังคับให้หนีโดยเด็ดขาด ต้องใช้
อำนาจทางธรรมเข้าช่วย

สุดท้าย เราก็พาชาวบ้านเผาศาลผีปู่ตาจนเกลี้ยง สอนให้พวกเขาเลิกละการเชื่อถือผิดๆ มนต์กลที่เป็นเดียรัจฉานวิชาต่างๆ วันๆ มีแต่กลุ่มควันเผาเครื่องเซ่นสังเวยต่างๆ ซึ่งมีอยู่เกลื่อนกลาดดาษดื่นทำเอาชาวบ้านบางคนถึงกับเสียขวัญ… ขวัญกระเจิงทั้งคนทั้งผี กลัวว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัยแต่ตน
เราจึงได้เขียนบทแผ่เมตตาแจกจ่ายให้ทุกคน แล้วให้ท่องจำติดบ้านไว้บูชา รับรองว่าจะไม่เป็นอะไร จากนั้นมาชาวบ้านทั้งหลายก็อยู่กันอย่างสงบสุขร่มเย็น โดยไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น ป่าดงดอนปู่ตาที่ว่ามีผีดุนั้น ก็ได้กลายเป็นเรือกสวนไร่นาไปเป็นชุมชนหมู่บ้านไปหมดแล้วการที่เรานำพาพี่น้องละการเชื่อถือในสิ่งที่ผิดมาตั้งแต่โบราณนั้น เป็นข่าวที่อื้อฉาวโด่งดังไปโดยทั่วเมืองอุบลฯ จึงเกิดมีคนอิจฉาริษยา พยายามหาวิธีขับไล่ใส่ร้ายโดยวิธีการสกปรกต่างๆ เช่นมีพระบางรูปไปฟ้องนายอำเภอ ด้วยกล่าวหาว่า “เราเป็นพระจรจัด”

ถึงเหตุการณ์จะเป็นเช่นไรก็ตาม เราก็ไม่หวั่นกลัวในโลกธรรมเหล่านั้น เพราะถือว่าการที่เรามาอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ไม่ได้มาสร้างความชั่ว แต่มาทำความดี มาอบรมชาวบ้านให้เกิดปัญญาหูตาสว่างในทางธรรมวันหนึ่งท่านนายอำเภอได้ออกมาตรวจราชการและได้พักค้างอยู่ในหมู่บ้านนี้ด้วยท่านนายอำเภอได้สอดส่องพฤติกรรมความประพฤติของเราท่านได้กล่าวว่า “พระที่กล้าสามารถอบรมสั่งสอนญาติโยม ให้เข้าใจพระธรรมอย่างนี้หาได้ยาก จึงขอนิมนต์ให้ท่านอยู่ไปตามสบาย”

ผลที่สุดทางอำเภอก็เห็นความดีความงามที่เราหมั่นเพียรทำ และเลื่อมใสศรัทธาตามไปด้วยตั้งแต่บัดนั้นมา เราได้พักอยู่ในหมู่บ้านนั้นอย่างสงบ ไม่มีเรื่องอะไรกวนใจให้เสียอารมณ์ธรรม


คัดลอกจากหนังสือ พระอริยเจ้าผู้มีพลังจิตกล้าแข็ง (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร)