[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
14 พฤษภาคม 2567 16:05:00 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เอกพุทธยาน การตรัสรู้อันสมบูรณ์ที่มีอยู่ในสรรพสัตว์ ตอนพระมัญชุศรีโพธิสัตว์  (อ่าน 1726 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5081


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 15 มิถุนายน 2553 20:41:46 »

เอกพุทธยาน การตรัสรู้อันสมบูรณ์ที่มีอยู่ในสรรพสัตว์ ตอนพระมัญชุศรีโพธิสัตว์
ข้าขออภิวาทวันทนาการ องค์สมเด็จพระบรมโลกุตราจารย์ อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ ผู้ทรางปลดเปลื้องอวิชชา เป็นผุ้พร้อมด้วยวิชชาและจรณะ พาหมู่สัตว์ผู้ทุกข์ยากข้ามพ้นมหาสาครห้วงมหรรณพสู่พระนิพพานอันพระเสริฐ ฯ

ข้าขอบูชาพระปัญญาคุณแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระปัญญาญาณอันวิเศษที่บังเกิดขึ้น คือ องค์พระมัญชุศรีมหาโพธิสัตว์ พระองค์นั้น ผู้เป็นคุรุแห่งสรรพสัตว์ขอความสิ้นไปแห่งทุกข์ทั้งปวงพึงมีแก่สรรพชีวิต


พระมัญชุศรีโพธิสัตว์มหาสัตว์ ทรงเป็นโพธิสัตว์ผู้เป็นตัวแทนแห่งพระปัญญาธิคุณแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ คือ ปัญญาที่สามารถทำให้พ้นไปจากมายาทั้งปวง ข้ามพ้นโอฆะสงสารอันได้แก่ภพชาติได้ ก็สรรพกิเลสอันใดจองจำสรรพสัตว์ให้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพภูมิต่าง ๆ เป็นเครื่องครอบงำกำบังพุทธภาวะ พระมัญชุศรีมหาสัตว์ทรงกำจัดเสียซึ่งพันธนาการทั้งปวง ธรรมจักรมุทราแสงดให้เห็นว่า สรรพสิ่งล้วนเคลื่อนไปไม่อาจดำรงอยู่อย่างเดิม กอปรด้วยเห็ตุปัจจัยจึงไม่ควรยึดมั่นถือมั้นว่านั่นเป็นเรา เป็นของเรา นันเป็นเขา นั่นเป็นของเขา ท่ามกลางการหมุนเวียนก็แสดงนัยยะแห่งศูนยตา เพราะสรรพสิ่งล้วนเคลื่อนไปไม่อาจดำรงอยู่เองโดยปราศจากเหตุปัจจัยจึงเป็นศูนยตา พระขรรค์ที่ลุกโชติช่วงหมายถึงปัญญาที่จะสะบั้นสิ่งลวงตาทั้งมวล รวมถึง อายตนะทั้งหลาย สิ่งที่ตาเห็นคือรูป สิ่งที่หูได้ยินคือเสียง สิ่งที่จมูกได้สูดดมคือกลิ่น สิ่งที่ลิ้นลิ้มรสสัมผัสคือ รส สิ่งที่ถูกต้องกาย คือ สัมผัส สิ่งที่ใจรับรู้คืออารมณ์ปรุงแต่ง รูปก็ไม่เที่ยงมิอาจยึดถือ ไม่อาจกำหนดสาระได้ เพราะรูปย่อมแปรเปลี่ยนไปตามเหตุและปัจจัยมากมาย

รูปไม่ใช่ตัวตน รูปที่เห็นเป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นและดับไปเท่านั้น เสียงกลิ่นรส สัมผัน ก็เช่นเดียวกัน ตาที่ใช้มองก็เหมือนกัน ไม่เที่ยง ไม่อาจยึดถือ ไม่อาจครอบครองหรือบังคับบัญชาแก่เฒ่า ตาก้อฝ้าฟาง ไม่แจ่มใส ตายแล้วก็กลับคืนสู่ธาตุทั้งปวง จมูก ลิ้นกาย ก็เป็นดังนี้ด้วย ส่วนใจนั้นเล่า ยิ่งไม่เที่ยงแท้แปรเปลี่ยนตลอดเวลา ไม่อาจบังคับบัญชาให้เป็นสุขอยู่ตลอดไปได้ เดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยวรัก เดี๋ยวชัง เดี๋ยวพอ เดี๋ยวโกรธ เปรียบดังมายากล สิ่งทั้งปวงจึงไม่ควรเข้าไปยึดถือปรุงแต่ง และนี่ก็คือ ธรรมาวุธ อันโชติช่วงที่จะสะบั้นอุปาทานขันธ์ คือความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนให้สิ้นไป เป็น ศาตราวิเศษสุดในมหาตรีสหัสสโลกอนันตจักรวาล เป็นศาสตราวุธแห่ง ปัญญาธิคุณ ที่สะบันภพชาติและทุกข์ทั้งปวง ผู้ใดเข้าถึงธรรมาวุธอันศักดิ์สิทธิ์ ผู้นั้นย่อมลุถึงนิพพาน ได้ อันพระขรรค์นี้ต่างจากเทพอาวุธทั้งหลาย เทพศาสตราใด ๆ นั้นย่อมมีไว้ประหัตประหารผู้อื่น และมักประหารด้วยโทสะ มีไว้ทำลายชีวิต แต่ธรรมาวุธแห่งองค์พระมัญชุศรีใช้ประหัสประหารอัตตา อหังการ (ความเชื่อว่ามีตัวตน) มมังการ (ความยึดมั่นในของตน) และมายาภาพลวงตาทั้งหลาย เพื่อเข้าถึงการุณยธรรมอันบริสุทธิ์ เป็นสาตราวุธที่ให้ชีวิตอย่างแท้จริง ผู้ใดที่บูชาองค์พระมหาสัตว์ด้วยปัญญาย่อมเข้าถึงปัญญา ผู้ใดบูชาองค์พระมหาสัตว์ด้วยมาหากรุณา ย่อมเข้าถึงกรุณา ผู้ใดบูชาองค์มหาสัตว์ด้วยธรรมย่อมเข้าถึงธรรม บุคคลผู้นั้นแม้อยุ่ท่ามกลางมหาโจร ก็จักไม่เป็นอัตตราย อันมหาโจรคือ โจรทางตา โจรทางหู โจรทางจมูก โจรทางลิ้น โจรทางกาย โจรทางใจ ทึ่คอยปรุงแต่ง ให้รรัก ให้โกรธ ให้หลง ให้ยึดติด เมื่อเข้าถึงแล้วว่าสภาพทั้งปวงเป็นศูนยตา ลักษณะทั้งปวงเป็นมายา รูปแม้ปรากฏ เสียงแม้ไพเราะ จะทำอันตรายอย่างใดได้

และผู้นั้นจะไม่จมลงสุ่ห้วงน้ำ คือ สงสารวัฏจักแห่งชาติภพ สถิตอยู่ท่ามกลางนภากาศ ดุจดวงศศิธร คือความมั่นคงไม่ไหวหวั่นไปตามโลกธรรม อันได้แก่มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ สุข ทุกข์ สรรเสริญ นินทา ผุ้นั้นย่อมเป็นอิสระจากมายาทั้งปวง ดำรงอยุ่ในสภาวะอันสมบูรณ์ที่ไม่มีอื่นใดมาเปรียบเทียบเคียงได้ นี่คือ ธารณีแห่งพระมาหาสัตว์มัญชุศรี ผู้ทรงผลานุภาพด้วยปัญญา



โอม หมายถึง การกำเนิดแห่งสรรพสิ่งเพื่อเข้าสู่ธรรม
อา หมายถึง ธรรมดาแห่งศูนยตา
รา หมายถึง ความบริสุทธิ์จากการเกิดดับโดยสมบูรณ์
ปา หมายถึง บริบูรณ์ภาพแห่งการตรัสรู้
จา หมายถึง ในการลุถึงศูนยตาภาวะอันไม่มีการปฏิบัติเพื่อเข้าถึง
ณา หมายถึง ศูนยตาเป็นภาวะอันสมบูรณ์ยิ่งด้วยตัวเอง
ตี หมายถึง ปัญญาญาณ พาหนะ คือปัญญา อันลุแก่พรนฤพาน ฯ

ครั้งหนึ่ง คหบดีจีนท่านหนึ่ง ต้องการเลี้ยงพระทั้งวัดบนภูเขาอู่ไถ่ พระจึงชักชวนคนยากจนมารับทานด้วย เพราะพระโพธิสัตต์มัญชุศรีมักจะสอนเน้นให้คนทั้งหลายมีความเสมอกัน ไม่แบ่งแยกระหว่างคนรวยกับคนจน ไม่แบ่งแยกระหว่างพระกับฆราวาส ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงใคร่อยากรู้ใจมนุษย์ จึงจำแลงร่างเป็นหญิงขอทานที่กำลังตั้งครรภ์ คหบดีรำคาญใจมากที่เห็นชาวบ้านพวกนี้

เพราะตั้งใจมาทำบุญเลี้ยงพระเพียงอย่างเดียว ครั้นมาถึงคิวหญิงขอทาน นางบอกว่า ต้องการข้าว 2 จาน จานหนึ่งสำหรับตนเอง อีกจานหนึ่งสำหรับลูกในท้อง เจ้าของงานไม่ยอม นางจึงไม่ยอมกินอาหารนั้นและเดินออกจากวิหารไป กลายเป็นพระมัญชุศรีโพธิสัตต์เหาะขึ้นท้องฟ้าด้วยเทพบริวารตระการตา เป็นเหตุให้เจ้าของงานและทุกคนที่อยู่สถานที่นั้นก้มกราบขมาลาโทษต่อพระโพธิสัตต์กันถ้วนหน้า ตั้งแต่นั้นมา ถือเป็นนโยบายของเขาอู่ไถ่ว่า หากต้องการเลี้ยงพระก็ต้องทำทานต่อผู้ยากไร้ด้วย

พระโพธิสัตว์เปรียบดั่งดวงจันทร์ ที่ส่องส่างไม่เลือกชั้นวรรณะ จนหรือรวย เป็นคนหรือเป็นสัตว์ ดีหรือชั่ว ขอให้สรรพชีวิตจงมีกรุณาแก่กัน
ขอพระสัทธรรมอันเปรียบประดุจดวงภานุมาศจงเจิดจ้าเหนือห้วงมหรรณพเป็นนิรันดร์เทอญฯ

[ท่านสามารถขอภาพปริศนาธรรมแห่งพระมัญชูศรีโพธิสัตว์ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้นเพียงแต่ส่งจดหมายแสดงความจำนงค์มาที่

ชมรมศึกษาและอนุรักษ์พุทธศาสน์เชิงปัญญา
ตู้ปณ.8 ปณ.ฝ.บางแค กรุงเทพฯ 10161

"ใครใคร่พิมพ์แจก ก็แจก ใครใคร่ขอ ก็ให้
ใครใคร่เยผแพร่ก็อนุญาต ชื่อว่า ธรรมนุภาพ
แผ่ซ่านไปไกลเท่าใด ยิ่งประเสริฐเท่านั้น"

ภาพภายนอก ก่อเกิดธรรมรสภายใน
พระโพธิสัตว์ภายนอกก่อเกิดดวงปัญญา
ธรรมดาก่อเกิดการตรัสรู้
บัวอุบัติแต่โคลนตม
นิพพานหาได้ที่นี่

พระตถาคตมิอาจเป็นได้ด้วยรูปลักษณ์ภายนอก
ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นแหละเห็นเราตถาคต
เมื่อแจ้งในลักษณะอันเป็นมายา
เมื่อนั้นแหละท่านอาจมองเห็นพระตถาคต


*****ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก ชมรมศึกษาและอนุรักษ์พุทธศาสน์เชิงปัญญา
*****ขอบคุณเสี่ยจิ้งซือเฮีย วัดโพธิ์แมน ที่มอบเอกสารนี้มาเพื่อการเผยแผ่ธรรมะ
[

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.633 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 21 เมษายน 2567 20:31:58