เปิดวงคุย ‘6 ตุลา ในความทรงจำที่ไม่ลางเลือน’ กับสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมประท้วง
<span class="submitted-by">Submitted on Thu, 2023-10-12 16:35</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>แอมเนสตี้ฯ จัดวงคุยในหัวข้อ ‘6 ตุลา 19 : ทบทวนความทรงจำที่ยังไม่ลางเลือน’ หวังสมาชิก ประชาชน ย้อนรอยความทรงจำ ฟังเรื่องเล่าจากอดีตนักโทษทางความคิด ผู้ถูกทำร้ายและรอดชีวิตจากเหตุการณ์ สะท้อนเรื่องสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกในยุคนั้นที่น่าสนใจหลายประเด็น</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53251596797_aa0a74b5dd_b.jpg" /></p>
<p>12 ต.ค.2566 ฝ่ายสื่อสารองค์กร แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย รายงานว่า เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ร่วมกับคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดกิจกรรม “Walk with Amnesty : ครบรอบ 47 ปี ชวนมาเรียนรู้ประวัติศาสตร์เหตุ<wbr></wbr>การณ์ 6 ตุลา 19” พร้อมจัดวงคุย ‘6 ตุลา 19 : ทบทวนความทรงจำที่ยังไม่ลางเลื<wbr></wbr>อน’ มีเป้าหมายให้สมาชิก ประชาชน ย้อนรอยความทรงจำ ฟังเรื่องเล่าจากอดีตนั<wbr></wbr>กโทษทางความคิด ผู้ถูกทำร้ายและรอดชีวิตจากเหตุ<wbr></wbr>การณ์ และสมาชิกกลุ่<wbr></wbr>มประสานงานศาสนาเพื่อสังคม ในวงคุยเต็มไปด้วยเรื่องเล่าที่<wbr></wbr>สะท้อนเรื่องสิทธิในเสรี<wbr></wbr>ภาพการแสดงออกในยุคนั้นที่น่<wbr></wbr>าสนใจหลายประเด็น โดยมีขวัญชาย ดำรงค์ขวัญ เจ้าของเพจมนุษย์กรุงเทพ เป็นผู้ดำเนินรายการ </p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53252835224_5d6c45ecab_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">ปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย</span></p>
<p>ปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวเปิดงานในครั้งนี้ว่า การจัดวงคุยในหัวข้อ ‘6 ตุลา 19 : ทบทวนความทรงจำที่ยังไม่ลางเลื<wbr></wbr>อน’ กับกิจกรรม Walk with Amnesty ครั้งนี้ มีเป้าหมายให้ผู้เข้าร่วมได้ฟั<wbr></wbr>งเรื่องเล่าจากประสบการณ์จริ<wbr></wbr>งของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ จากนั้นทุกคนจะได้เดิ<wbr></wbr>นตามรอยประวัติศาสตร์การชุมนุ<wbr></wbr>มในจุดที่เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ตั้งแต่ลานโพธิ์ หน้าคณะศิลปศาสตร์ ด้านหน้าอาคารโดมธรรมศาสตร์ สนามฟุตบอล และหน้าหอประชุมธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ แล้วมาจบที่ตึกนิติศาสตร์ ทุกพื้นที่มีความทรงจำที่เจ็<wbr></wbr>บปวดและบทเรียนอยู่ในนั้น ทุกคนจะได้เรียนรู้เรื่องการใช้<wbr></wbr>สิทธิในเสรี<wbr></wbr>ภาพการแสดงออกและการชุมนุมประท้<wbr></wbr>วง ควบคู่กับการร่วมกันถอดบทเรี<wbr></wbr>ยนว่าการชุมนุมในอดีตเหมือนหรื<wbr></wbr>อแตกต่างกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน<wbr></wbr> </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">แอมเนสตี้เกี่ยวข้องอะไรกั<wbr></wbr>บเหตุการณ์ 6 ตุลา 19? </span></h2>
<p>ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย อธิบายเพิ่มเติมว่า หากเกิดการตั้งคำถามว่า แอมเนสตี้เกี่ยวข้องอะไรกับเหตุ<wbr></wbr>การณ์ 6 ตุลา ถึงได้จัดงาน Walk with Amnesty ให้สมาชิก ผู้สนับสนุนและประชาชนเข้าร่วม เพราะหลังเกิดเหตุการณ์ แอมเนสตี้ได้ช่วยรณรงค์ให้ปล่<wbr></wbr>อยตัว ‘นักโทษทางความคิด’ ที่ใช้สิทธิในเสรี<wbr></wbr>ภาพการแสดงออกและการชุมนุมประท้<wbr></wbr>วง พร้อมทั้งรณรงค์ให้คนทั่วโลกเขี<wbr></wbr>ยนจดหมายส่งถึงรัฐบาลไทย เรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้เข้าร่<wbr></wbr>วมชุมนุมทุกคนที่ถูกจั<wbr></wbr>บจากการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุ<wbr></wbr>ษยชนในครั้งนั้นทุกคน ซึ่งทำให้ทั่วโลกได้รู้จักเหตุ<wbr></wbr>การณ์ 6 ตุลา ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และเป็นจุดเริ่มต้<wbr></wbr>นการทำงานของแอมเนสตี้<wbr></wbr>ในประเทศไทย </p>
<p>“ถ้าจิตวิญญาณคนที่อยู่ในเหตุ<wbr></wbr>การณ์นั้นมีจริง ไม่รู้ว่าเขาเห็นความเคลื่<wbr></wbr>อนไหวของพวกเราทุกวันนี้เป็นอย่<wbr></wbr>างไร แต่ว่าวันนี้เมื่อ 47 ปีที่แล้ว ไม่ว่าใครก็ตามที่จะพยายามกลบ หรือทำให้ความจริงที่เกิดขึ้นถู<wbr></wbr>กลบเลือน ไม่ว่าจะเป็นด้วยอคติ หรือการโฆษณาชวนเชื่อ แอมเนสตี้ยืนยันจะยั<wbr></wbr>งมองหาความจริงต่อสู้เพื่<wbr></wbr>อความยุติธรรม เราพยายามทำงานเพื่อไม่ให้เกิ<wbr></wbr>ดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำรอย คือการทำให้ทุกคนมีความเคารพศั<wbr></wbr>กดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ด้วยการให้ความรู้ความเข้าใจเรื่<wbr></wbr>องสิทธิมนุษยชนร่วมกัน ผ่านกิจกรรมรณรงค์ต่างๆ เช่น แคมเปญปล่อยเพื่อนเรา เขียนจดหมายถึงเพื่อนที่อยู่<wbr></wbr>ในเรือนจำ รวมทั้งการให้ความรู้ผ่านห้<wbr></wbr>องเรียนสิทธิมนุษยชน ทำข้อเสนอเชิงนโยบายถึงหน่<wbr></wbr>วยงานของรัฐ และส่งเสริมประเด็นการสื่อสารผ่<wbr></wbr>านสื่อออนไลน์ หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ เรายืนยันจะทำให้เรื่องสิทธิมนุ<wbr></wbr>ษยชนเป็นเรื่องของทุกคนต่อไป” ปิยนุช กล่าว</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">เปิดใจแกนนำ ‘นักโทษทางการเมือง’ กับ เหตุการณ์ 6 ตุลา ที่เหมือนหนังเรื่อง The Empire Strikes Back </span></h2>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53252770783_f99bb02a9f_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">สุรชาติ บำรุงสุข</span></p>
<p>สุรชาติ บำรุงสุข ศาสตราจารย์กิตติคุณ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตนักโทษทางความคิด 6 ตุลา กล่าวว่า เหตุการณ์เคลื่อนไหวชุมนุมเมื่<wbr></wbr>อวันที่ 6 ตุลา 19 เป็นผลพวงหนึ่งของปั<wbr></wbr>ญหาสงครามในประเทศไทยที่ใหญ่ที่<wbr></wbr>สุด เพราะมีข่าวไปถึงประเทศเพื่อนบ้<wbr></wbr>านในภูมิภาครวมถึงเวทีระดั<wbr></wbr>บโลกนานาชาติว่า มีนักเรียน นักศึกษา ประชาชน ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง จนมีผู้บาดเจ็บ ล้มตาย สูญหาย ถูกทรมาน และถูกกระทำย่ำยีศักดิ์ศรี<wbr></wbr>ความเป็นมนุษย์จำนวนมาก ในมุมมองของอาจารย์สุรชาติเปรี<wbr></wbr>ยบเหตุหารณ์วันที่ 6 ตุลา 19 เหมือนหนังเรื่อง The Empire Strikes Back ในเรื่องสตาร์ วอร์ส เพราะระหว่างการต่อสู้เพื่อให้<wbr></wbr>ได้สิ่งที่ต้องการมีหลายเรื่<wbr></wbr>องราว เช่น การต่อสู้ระหว่างคนรุ่นเก่ากั<wbr></wbr>บคนรุ่นใหม่ การต่อสู้ที่ชนชั้นเข้ามาเดิมพั<wbr></wbr>นชีวิตและความอยู่รอด </p>
<p>อาจารย์สุรชาติเล่าว่า ตอนนั้นเขามีสถานะเป็น ‘นักโทษทางการเมือง’ ที่ออกมาเป็นแกนนำเคลื่อนไหวชุ<wbr></wbr>มนุม เขายอมรับว่าสมัยนั้นผู้คนยั<wbr></wbr>งไม่คุ้นเคยกับคำว่า ‘นักโทษทางความคิด’ แต่เมื่อมีแอมเนสตี้เข้<wbr></wbr>ามารณรงค์ ปลุกกระแส หลังจากเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาคม ทำให้เขาและผู้ร่วมอุดมการณ์รู้<wbr></wbr>จักคำว่านี้มากขึ้น สำหรับอาจารย์สุรชาติ เขาเป็นนักโทษทางการเมืองยุคที่ 2 ที่ต้องเข้าไปอยู่ในเรื<wbr></wbr>อนจำบางขวาง เขาเป็นหนึ่งในคนที่แอมเนสตี้<wbr></wbr>เข้ามาร่วมปลุกกระแสสังคมรณรงค์<wbr></wbr>ให้มีการนิรโทษกรรม จนทำให้ผู้ต้องขังหลายคนในเหตุ<wbr></wbr>การณ์ 6 ตุลาเป็นที่รู้จักในระดับสากล จนทำให้รัฐบาลไทยถูกตั้งคำถามถึ<wbr></wbr>งการกระทำต่อเหตุการณ์สลายการชุ<wbr></wbr>มนุมว่าเหมาะสมหรือไม่ </p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53252777843_b0fe539cb0_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">ภาพ 19 ผู้ต้องหาคดี 6 ตุลา ภายหลังจากได้รับอิสรภาพ เมื่อ 17 กันยายน 2521 โดยมี พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ร่วมถ่ายด้วย</span></p>
<p>“ภาพ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ถ่ายภาพร่วมกับผู้ต้องหาคดี 6 ตุลา ทั้ง 19 ราย ภายหลังจากได้รับอิสรภาพ เมื่อ 17 กันยายน 2521 โดยนายกรัฐมนตรีชวนไปทานข้าว นายกทำอาหารพิเศษ ทำแกงไก่ใส่เขียวหวาน ชวนดื่มบรั่นดี ถามว่าอร่อยไหม ออกจากคุกกินอะไรก็อร่อย แต่จริงๆ แล้ว นี่คือสิ่งที่สะท้อนอีกมุมหนึ่<wbr></wbr>งของเหตุการณ์บ้านเมืองในสมัยนั้<wbr></wbr>น หากใครอยู่ในเหตุการณ์วันนั้<wbr></wbr>นจะเข้าใจดีว่า ภาพเหล่านี้ส่งสัญญาณใหญ่<wbr></wbr>ทางการเมือง สื่อถึงความสมานฉันท์ในสั<wbr></wbr>งคมไทยได้” </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ศิลปะการแสดง กับการต่อสู้เชิงวัฒนธรรมในเหตุ<wbr></wbr>การณ์ 6 ตุลา </span></h2>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53252976235_9532733a81_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">วิโรจน์ ตั้งวาณิชย์ </span></p>
<p>วิโรจน์ ตั้งวาณิชย์ อดีตนักโทษทางความคิด 6 ตุลา เล่าว่า ขบวนการนักศึกษาในตอนนั้น แบ่งสายตามสิ่งที่ถนัด คือ การเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ซึ่งเขาอยู่ในกลุ่มวัฒนธรรม ชอบเต้นกินรำกิน จึงใช้ความสามารถที่มีมาใช้ต่<wbr></wbr>อสู้ทางการเมืองด้วยการแต่<wbr></wbr>งกลอนเสียดสีเผด็จการ และแสดงละครล้อการเมือง สำหรับอาจารย์วิโรจน์มองว่<wbr></wbr>างานด้านวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่ส่<wbr></wbr>งเสริมทางการเมืองได้ มีหน้าที่รักษาเวทีไม่ให้เงียบ การใช้ศิลปะการแสดง แต่งกลอน ถูกนำมาใช้เพื่อดึงคนให้อยู่กั<wbr></wbr>บเราจนจบ เรียกว่าเราด่าการเมืองตอนนั้<wbr></wbr>นด้วยการแสดงละคร และคิดว่าสิ่งนี้มันจะอยู่นาน เพราะมีทั้งภาพและเสียงที่ถูกบั<wbr></wbr>นทึกไว้ </p>
<p>“ถ้ามีเดดแอร์ผู้ชุมนุมจะไม่อยู่<wbr></wbr> เราจึงต้องรักษาให้เวทีไม่<wbr></wbr>เดดแอร์ ต้องมีต่อเล่น 24 ชั่วโมง งานวัฒนธรรมต้องโอบอุ้มม็อบไม่<wbr></wbr>ให้ตกไป ต้องช่วยฝ่ายการเมืองอย่างแรง ไม่ให้อารมณ์แกนนำ อารมณ์คนเข้าร่วมตก เราเหมือนมีหน้าที่ทำให้พวกนั้<wbr></wbr>นจิบน้ำ มีแรงต่อ เราก็ไปแสดง ผลัดกันกับคนที่ปราศรัย” </p>
<p>อาจารย์วิโรจน์เล่าอีกว่า ช่วงเหตุการณ์ 14 ตุลา ถึง 6 ตุลา ยอมรับว่าไม่เคยได้ยินชื่ององค์<wbr></wbr>กรแอมเนสตี้ หรือคำว่า “สิทธิมนุษยชน” (Human Rights) มาก่อน มารู้ทั้ง 2 คำนี้หลังได้รับการปล่อยตั<wbr></wbr>วออกจากเรือนจำ สำหรับเขาตอนนั้นเป็นเรื่องใหม่<wbr></wbr>มากในสังคมไทย ยุคนั้นไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีเฟคนิวส์ อะไรที่เห็นภาพคือภาพจริง ไม่มีรีทัช ภาพที่คือการทำการรณรงค์ฟรีสุ<wbr></wbr>ธรรม ฟรีวิโรจน์ ที่เห็นบนศาลทหาร ล้วนเป็นของจริงทั้งสิ้นในเหตุ<wbr></wbr>การณ์ 6 ตุลา จดหมายที่เขียนด้วยลายมือก็ไม่<wbr></wbr>ใช่เรื่องโกหก </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ผู้ถูกทำร้าย และรอดชีวิตจากเหตุการณ์ 6 ตุลา </span></h2>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53252976230_8c617563f8_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">สมชาย หอมลออ</span></p>
<p>สมชาย หอมลออ ผู้ถูกทำร้ายและรอดชีวิตจากเหตุ<wbr></wbr>การณ์ 6 ตุลา เผยว่า เขาเป็นคนที่อยู่นอกธรรมศาสตร์ กำลังจะเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัย แต่เนื่องจากถูกปิดล้อมเลยเข้<wbr></wbr>าไปไม่ได้ ขณะที่กำลังหันกลับออกมาก็ถูกตี<wbr></wbr>หัวแตก แขนหัก หน้าแตก และเลือดอาบ แต่โชคดีที่มีผู้หวังดีช่<wbr></wbr>วยเขาส่งโรงพยาบาลรักษาตัวได้ทั<wbr></wbr>น ตอนนั้นเขาต้องเย็บแผลถึง 32 เข็ม สำหรับสมชายแม้เหตุการณ์จะผ่<wbr></wbr>านมา 47 ปี แต่เขาคิดว่าโครงสร้างทางการเมื<wbr></wbr>องไทยยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะแม้จะมีรัฐบาล มีผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลื<wbr></wbr>อกตั้ง แต่พบว่ามีอำนาจน้อย ไม่สามารถควบคุมอำนาจต่างๆ ได้จริง ทั้งกองทัพและศาสนายังมีเงามื<wbr></wbr>ดบางอย่างอยู่เบื้องหลัง </p>
<p>สมชายยังเล่าถึงเรื่องการส่<wbr></wbr>งจดหมายเรียกร้องสิทธิประกันตั<wbr></wbr>วให้ผู้ถูกจับกุมช่วงเหตุการณ์ 6 ตุลาว่า หลังเกิดเหตุการณ์ข่<wbr></wbr>าวในประเทศถูกปิดเป็นเวลานาน แต่ผู้สื่อข่าวต่างประเทศในไทย ส่งภาพและข่าวไปที่สำนักข่าวต่<wbr></wbr>างประเทศจำนวนมาก ทำให้คนทั่วโลกเห็นภาพเหตุการณ์ หลายคนตกใจและช็อกกับสิ่งที่เกิ<wbr></wbr>ดขึ้น ทำให้เริ่มมีการรณรงค์ตั้งกลุ่<wbr></wbr>มเรียกร้องในต่างประเทศ รวมทั้งมีคนไทยเรียกร้องให้ปล่<wbr></wbr>อยตัวนักโทษทางการเมือง และรัฐบาลไทยไม่สามารถอธิบายได้<wbr></wbr>เลยว่า คนที่เป็นเหยื่อในเหตุการณ์ชุ<wbr></wbr>มนุมรวมทั้งตัวเขา แทนที่จะได้เป็นโจทย์ยื่นฟ้องรั<wbr></wbr>ฐบาลไทย แต่ทำไมถึงกลายเป็นจำเลยที่ถู<wbr></wbr>กจับกุมคุมขังในเรือนจำ สำหรับเขามองว่าเป็นเรื่<wbr></wbr>องแปลกและตลก ซึ่งปัจจุบันเขายังต้องการให้พิ<wbr></wbr>สูจน์ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ </p>
<p>“ในตอนนั้นไม่มีออนไลน์ ไม่มีอินเทอร์เน็ต ใช้วิธีเขียนจดหมาย อาจารย์ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณเล่าให้ฟังว่า มีจดหมายต่างประเทศส่งและหลั่<wbr></wbr>งไหลไปถึงสำนักพระราชวังและสำนั<wbr></wbr>กนายกรัฐมนตรีหลายคันรถ จดหมายแต่ละฉบับเรียกร้องให้มี<wbr></wbr>การปล่อยตัว ไม่ได้เรียกร้องให้ดำเนินคดีเป็<wbr></wbr>นธรรม แต่ให้ปล่อยตัวผู้ชุมนุมทุกคน ในตอนนั้นถือเป็นแรงกดดันอย่<wbr></wbr>างมากต่อกระบวนการยุติธรรมไทย” </p>
<p>“แม้ในขณะนี้จะมีการส่งข้อมูลข่<wbr></wbr>าวสารทางออนไลน์แล้ว แต่ความเห็นของผมและแอมเนสตี้<wbr></wbr>พบว่า การเขียนจดหมายด้วยลายมือ ลายเซ็น ยังมีความสำคัญอยู่มาก โดยเฉพาะกับผู้รับที่เป็นผู้ต้<wbr></wbr>องขังในเรือนจำ เพราะว่าคนๆ หนึ่งกว่าจะเขียนจดหมายได้ ต้องใช้เวลาคิดและกลั่นกรอง การเขียนและเซ็นชื่อในจดหมาย มันแสดงเจตนารมณ์ที่แน่วแน่<wbr></wbr>ของคนๆ นั้นว่า ต้องการอะไร ถ้าจดหมายต้องการให้ปล่อยตัว แสดงว่าเขามีความแน่วแน่เรื่<wbr></wbr>องนี้ สำหรับผมคิดว่าการเขียนจดหมายส่<wbr></wbr>งทางไปรษณีย์นั้นยังมีความสำคั<wbr></wbr>ญมากสำหรับนักโทษทางความคิ<wbr></wbr>ดและนักโทษทางการเมืองในเรื<wbr></wbr>อนจำ” สมชาย กล่าว</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">เหตุการณ์ 6 ตุลาในประเทศไทยสู่สายตาคนทั่<wbr></wbr>วโลก </span></h2>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53252835229_88c680bdfa_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">วณี บางประภา</span></p>
<p>วณี บางประภา หนึ่งในสมาชิกกลุ่<wbr></wbr>มประสานงานศาสนาเพื่อสังคม เผยว่า เธอทำหน้าที่ไปเยี่ยมผู้ต้องขั<wbr></wbr>งหญิง แบ่งงานกันกับทีมงานไปฟังศาล ผลัดกันไปเยี่ยมนักโทษในเรือนจำ งานที่ทำแบ่งเป็น 2 รูปแบบคือ การเยียวยา ในการช่วยจัดหาทนาย หาเงินประกัน และสนับสนุนให้กำลังใจผู้ต้องขั<wbr></wbr>งด้วยการเข้าไปเยี่ยมที่เรือนจำ รวมถึงประสานงานเครือข่<wbr></wbr>ายทนายตามจังหวัดต่างๆ ฟังการพิจารณาคดี ไปเยี่ยมครอบครัวผู้ที่ถูกคุมขั<wbr></wbr>ง อีกอันคือการประสานงานกับสื่อต่<wbr></wbr>างประเทศ </p>
<p>ตอนนั้นมีคำสั่งคณะปฏิรูปที่ 42 ห้ามเผยแพร่หนังสือ 200 เล่ม โดยการทำให้หนังสือต้องห้าม มีการห้ามสื่อเผยแพร่ข่าว เซ็นเซอร์เกือบทุกช่องทาง ทำให้ไม่สามารถแสดงความเห็<wbr></wbr>นอะไรได้ งานสำคัญที่ทำตอน 6 ตุลา คือการทำสื่อภาษาไทยเพื่อสร้<wbr></wbr>างความสันติในสังคม และทำเป็นภาษาอังกฤษเน้นส่งไปต่<wbr></wbr>างประเทศ เก็บสถิติการละเมิดสิทธิมนุษยชน ความคืบหน้าคดี ทำสกู๊ป ไปตามจังหวัดต่างๆ เก็บข้อมูล เพื่อนำข้อมูลมาเรียบเรียงเขี<wbr></wbr>ยนเป็นภาษาไทยและอังกฤษ เพื่อทำให้ข่าวการชุมนุมและผู้<wbr></wbr>ที่ถูกคุมขังไม่ถูกลืม </p>
<p>“เรื่องงานต่างประเทศมีหลายคนช่<wbr></wbr>วยกันให้ข้อมูล มีการสนับสนุนช่วยเหลือกั<wbr></wbr>นจากหลายเครือข่าย มีการส่งข้อมูลให้กับแอมเนสตี้ เครือข่ายด้านศาสนา และองค์กรสันติวิธีที่สนใจด้<wbr></wbr>านสิทธิมนุษยชน ตอนนั้นยุคเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ได้ขอให้มีการทำนิรโทษกรรม เราทำจดหมายนิรโทษกรรมไปที่<wbr></wbr>นายกรัฐมนตรีสมัยนั้น มันเป็นกระแสที่ต่อเนื่องมา รวมทั้งอาจารย์ป๋วยก็ช่วยก็ให้<wbr></wbr>ข้อมูลต่างประเทศ ทำให้การรณรงค์ต่างๆ ส่งไปถึงทั่วโลก รูปนิสิตปี 1 ถูกแขวนคอ ถูกตี มันสะเทือนใจคนทั้งโลก เป็นรอยมลทินของประเทศไทย โดยเฉพาะรัฐบาลไทยในตอนนั้น ทำให้คนทั่วโลกยิ่<wbr></wbr>งสนใจประเทศไทย จนทำให้เกิดการรณรงค์นิรโทษกรรม และขอให้มีการปลดปล่อยนักโทษคดี<wbr></wbr>อื่นๆ ตามมา” </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">เหตุการณ์ 6 ตุลา กับ 'ความจริง ความยุติธรรม และการเยียวยา'</span></h2>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53251596812_c2a0df6d8b_b.jpg" /></p>
<p>สุรชาติ พูดถึงสิ่งที่เป็นความจริงในมุ<wbr></wbr>มของเขาในฐานะแกนนำคนหนึ่งว่า ต้องยอมรับว่าความจริงในเหตุ<wbr></wbr>การณ์ 6 ตุลาคม 2519 มีหลายมิติ มีหลายบริบท เพราะวันเวลาผ่านไปอาจไม่รู้ได้<wbr></wbr>ว่าคนอีกฝั่งเขาจะคิดอย่างไร หรือคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้<wbr></wbr>นเหมือนเดิมหรือไม่ แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ “ความรู้สึกของเขาทุกคนที่อยู่<wbr></wbr>ในเหตุการณ์<wbr></wbr>จางหายไปตามกาลเวลาแน่นอน” </p>
<p>และอีกเรื่องที่ต้องขอชี้แจงข้<wbr></wbr>อมูลในฐานะอดีตผู้ต้องขังคดี 6 ตุลาว่า ข้อมูลที่ถูกเขียนในนิทรรศการต่<wbr></wbr>างๆ เกี่ยวกับเขาและคนที่ถูกจับกุม 6 คน ในเช้าวันที่ 6 ตุลา ว่าทั้งหมดมอบตัวกับรัฐบาลไทย ไม่เป็นความจริง แต่เป็นการไปเจรจาและมีการนั<wbr></wbr>ดหมายล่วงหน้า แต่ท้ายที่สุดถูกจับกุม ส่วนการที่มีการตัดสินใจนิ<wbr></wbr>รโทษกรรมคดี 6 ตุลา เชื่อว่ามาจากแรงกดดันในระดั<wbr></wbr>บสากลที่มีส่วนช่วยขับเคลื่อนอี<wbr></wbr>กแรงกดดันที่ใหญ่ที่สุด ที่หลายคนไม่เชื่อก็คื<wbr></wbr>อมาจากในกองทัพในตอนนั้น เพราะถ้าทุกคนยังเดินต่อ บ้านเมืองจะไม่ต่างจากเวียดนาม </p>
<p style="text-align: center;"> </p>
<p>วิโรจน์ ตั้งวาณิชย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ในฐานะที่เรียนประวัติศาสตร์ มีคำๆ หนึ่ง คือ “ชำระประวัติศาสตร์” สำหรับเขามีข้อสรุปส่วนตัวว่<wbr></wbr>าเหตุการณ์ 14 ตุลา หรือ 6 ตุลา ยังไม่ได้รับการชำระทางประวัติ<wbr></wbr>ศาสตร์หรือทำให้ความจริ<wbr></wbr>งปรากฎเพื่อพิสูจน์ให้ผู้ร่<wbr></wbr>วมขบวนการหลายคนพ้นมลทิน เขายอมรับว่าการจะทำให้ประวัติ<wbr></wbr>ศาสตร์เจอความจริงเป็นสิ่งที่<wbr></wbr>ยาก โดยเปรียบเทียบกับแนวคิ<wbr></wbr>ดทางประเทศจีนว่า “คนที่ชนะเป็นอ๋อง คนแพ้เป็นโจร คนชนะจะเป็นคนเขียนประวัติ<wbr></wbr>ศาสตร์ การเปลี่ยนจากราชวงศ์หนึ่ง ไปถึงราชวงศ์หนึ่ง” ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้<wbr></wbr>สิ่งที่ต้องการเกิดขึ้นได้ในเร็<wbr></wbr>ววัน </p>
<p>“ไม่ว่าจะเหตุการณ์14 ตุลา 6 ตุลา ก็ดี ยังมีความเจ็บปวดอยู่ ยังมีอารมณ์อยู่ บางทีที่เราพูดมันไม่ใช่ข้อมูล มันเป็นอารมณ์ หลายเรื่องเป็นข้อมูล และข้อมูลยังต้องเก็<wbr></wbr>บตกมาเยอะมาก ผมคิดว่าคำว่าชำระประวัติศาสตร์ ต้องใช้กาลเวลาพิสูจน์” </p>
<p>ด้านสมชาย หอมลออ ย้ำถึงการเยียวยาผู้เสี<wbr></wbr>ยหายในเหตุการณ์ 6 ตุลา ว่า คนที่ได้รับผลกระทบหรือต้องเป็<wbr></wbr>นเหยื่อการละเมิดในเหตุการณ์<wbr></wbr>ความรุนแรงทุกคนต้องได้รั<wbr></wbr>บการเยียวยา เช่น ในเหตุการณ์ 6 ตุลา ต้องมีพื้นที่ที่มีการเยียวยา ช่วยเหลือ เพื่อกอบกู้สถานะศักดิ์ศรี<wbr></wbr>ความเป็นมนุษย์ให้ทุกคนยืนหยั<wbr></wbr>ดและมีชีวิตต่อได้โดยไร้มลทิน ส่วนตัวเขาเชื่อว่าตอนนี้มี<wbr></wbr>ครอบครัวผู้เสียชีวิตน้อยมาก ที่กล้าพูดความจริงหรือเปิ<wbr></wbr>ดเผยตัวตน ว่าลูกหลาน สามี ภรรยา เป็นผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ 6 ตุลา หรือเขาอาจจะได้รับบาดเจ็บ เพราะกลังถูกตราหน้าโดยประวัติ<wbr></wbr>ศาสตร์ของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งอยู่<wbr></wbr>ว่า เป็นผู้ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หรือถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมินิ<wbr></wbr>สต์ </p>
<p>“ผมคิดว่าการเยียวยาสำคัญมาก การช่วยเหลือด้านชีวิตความเป็<wbr></wbr>นอยู่ก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่การทำให้เขารู้สึกมีศักดิ์<wbr></wbr>ศรีความเป็นมนุษยย์เป็นเรื่องที่<wbr></wbr>สำคัญมาก อย่างไรเสียต้องมีการชี้ถูก ชี้ผิด แน่นอนการลอยนวลพ้นผิดยังมีอยู่ การนำคนผิดมาดำเนินคดีหรื<wbr></wbr>อลงโทษไม่ใช่เรื่องง่าย แต่อย่างน้อยสังคมต้องรู้ว่<wbr></wbr>าคนที่ทำแบบนี้ คือสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เป็นสิ่งที่สังคมยอมรับไม่ได้ ไม่ควรที่จะเกิดขึ้นอีกไม่ว่<wbr></wbr>าจะเหตุการณ์ไหนหรือกับใครก็<wbr></wbr>ตาม” สมชาย กล่าว</p>
<p>แอมเนสตี้ ประเทศไทยยังคงยืนหยัดช่วยเหลื<wbr></wbr>อนักโทษทางความคิดที่อยู่ในเรื<wbr></wbr>อนจำให้ได้รับการปล่อยตัวโดยทั<wbr></wbr>นทีและอย่างไม่มีเงื่อนไข พร้อมทั้งรณรงค์ให้ทุกคนเขี<wbr></wbr>ยนจดหมายถึงเพื่อนที่อยู่ในเรื<wbr></wbr>อนจำที่อยู่ระหว่างการต่อสู้คดี<wbr></wbr>และสิ้นสุดคดีแล้ว เพื่อเป็นกำลังใจให้พวกเขาที่<wbr></wbr>อยู่ในนั้น</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2023/10/106335