[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
05 พฤษภาคม 2567 21:59:53 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 ... 194 195 [196] 197 198 ... 1122
3901  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - กวีประชาไท: เจ้าลอย เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2566 05:13:10
กวีประชาไท: เจ้าลอย
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-11-13 23:13</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ตระกองขวัญ</p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><div class="poet-box">
<p> </p>
<p> </p>
<p><strong>1. วันโน้น</strong></p>
<p>ไอ้เแมวมันเป็นใหญ่
ทุกสิ่งตามใจได้ทั้งสิ้น
ใครรั้งไม่สนไม่ยลยิน
กร่างคับแผ่นดินลำพองตน</p>
<p>อาหารเต็มโต๊ะอวลโอชะ
ไอ้เแมวฟาดดะปลายกลางต้น
กินรวบหางหัวทั่วมณฑล
โลภล้นเกินงามความพอดี</p>
<p><strong>2. วันหนึ่ง</strong></p>
<p>บรรดานักเลงเก่าพวกเจ้าถิ่น
เห็นไอ้แมวพุงปลิ้นไปทุกที่
ริษยาอาฆาตก็เกิดมี
ร่วมกันบดบี้ขยี้แมว</p>
<p>รุกไล่ไอ้แมวไปพ้นโต๊ะ
ทุบโพละกระเด็นพังเป็นแถว
ยึดล่างจรดยอดตลอดแนว
จอดไม่ต้องแจวไอ้แมวครวญ</p>
<p><strong>3. วันนั้น</strong></p>
<p>ไอ้แมวขุ่นแค้นแสนอาฆาต
ประกาศเอาคืนเสียงขื่นห้วน
เรียกพวกรวมพลังตั้งขบวน
ชักธงโหยหวนประชาธิปไตย</p>
<p>ชาวบ้านหลงเชื่อไอ้แมวกล่อม
พรักพร้อมร่วมมือฮือเคลื่อนไหว
ขอคืนของที่ขโมยไป
นักเลงเก่าไม่ให้ได้เห็นดี</p>
<p>จึงรบราฆ่าฟันกันกลางเมือง
เลือดแดงเลือดเหลืองแตกแยกสี
สู้กันไปมาสิบกว่าปี
ต่อตีรุกรับกันยับเยิน</p>
<p><strong>4. วันนี้</strong></p>
<p>จู่ ๆ ไอ้แมวก็กลับลำ
หันทำแนวใหม่ไม่ขัดเขิน
ปูทางสร้างรั้วให้ตัวเดิน
มองเมินปวงชนบนเส้นทาง</p>
<p>ใครเจ็บใครตายแมวไม่รู้
เคยชวนใครสู้ศึกเคียงข้าง
ความฝันสัญญาแมวลาวาง
แมวลืมทุกอย่างไร้ยางอาย</p>
<p>หันเป็นกันเองนักเลงเก่า
เล่นบทน้ำเน่าเงาจันทร์ฉาย
เอาตัวรอดปลอดภัยได้สบาย
หมอบกอดทอดกายแมวไม่แคร์</p>
<p><strong>5. เจ้าลอย</strong></p>
<p>ไอ้เแมวไม่ต่างจากเจ้าลอย
ชีวิตแค่คอยกลบรอยแผล
ชั่วชื่นรื่นล่วงในดวงแด
เพียงแค่ได้สมอารมณ์ปอง</p>
<p>ทำได้ทุกอย่างเพื่อตัวตน
ทรยศผู้คนอย่างยิ้มย่อง
ถือตนคนควักเรื่องเงินทอง
ลืมเพื่อมทิ้งผองประคองมา</p>
<p>เป็นคนสิ้นค่าราคาคน
ทองปลอมไม่ทนไฟลนฝ่า
ประชาธิปไตยแค่อ้างพรางสัจจา
ปวงประชาแค่เหยื่อเพื่อตัวมัน
 </p>
</div>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">บทควhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106795
 
3902  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - รองเท้าออยไฟ คืออะไร? จากไวรัลซื้อรองเท้าโปร 11.11 สภาพมาถึงแทบไม่กล้าหายใจ เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2566 04:35:22
รองเท้าออยไฟ คืออะไร? จากไวรัลซื้อรองเท้าโปร 11.11 สภาพมาถึงแทบไม่กล้าหายใจ
         


รองเท้าออยไฟ คืออะไร? จากไวรัลซื้อรองเท้าโปร 11.11 สภาพมาถึงแทบไม่กล้าหายใจ" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;หนุ่มสั่งรองเท้าโปร 11.11 สภาพมาถึงบางเฉียบ แทบไม่กล้าหายใจ เจอแซวนี่มัน "รองเท้าออยไฟ" ทำคนสงสัยต่อคืออะไร?
         

https://www.sanook.com/news/9102226/
         
3903  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์: จดหมายถึงสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำปร เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2566 03:32:44
อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์: จดหมายถึงสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-11-13 23:18</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p> อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์</p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ผมได้อ่านแถลงการณ์ต่อสาธารณะและต่อสื่อของท่านเรื่องกรณีที่สื่อไทยได้สัมภาษณ์บุคคลที่ท่านเห็นว่ามีคำพูดที่เหลวไหลในการเสนอความคิดเกี่ยวกับการแยกตัวเป็นอิสระของไต้หวัน ผมอ่านแถลงการณ์แล้วมีความรุ้สึกไม่สบายใจจึงขอเขียนจดหมายมาถึงท่านเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น</p>
<p>แม้ว่าชนชั้นนำของไทยจะยอมรับความสำคัญของประเทศจีนอย่างมาก ไม่ว่าทางภูมิศาสตร์ การเมือง และทางเศรษฐกิจ แต่ประเทศไทยเป็นประเทศที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย และเป็นประเทศที่มีอำนาจอธิปไตยของตนเอง สื่อมวลชนของไทยก็ย่อมมีเสรีภาพในการเสนอข้อมูลข่าวสารให้แก่สังคมโดยเสรี  หากท่านไม่พอใจกับการเสนอข่าวใดๆ ของสื่อมวลชนที่ท่านรู้สึกว่ากระทบกระเทือนความรู้สึกของพี่น้องประชาชนจีน ท่านย่อมแสดงความคิดเห็นแย้งได้อย่างแน่นอน แต่ประเด็นที่สำคัญก็คือ ความคิดเห็นแย้งนั้นควรที่จะต้องมีความเคารพในอิสระในการทำงานของสื่อนั้นๆ ด้วย</p>
<p>ผมไม่ทราบว่าแถลงการณ์ของสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนนั้นถูกเขียนโดยผู้เชียวชาญภาษาไทยเพียงใด แต่ในฐานะคนไทยคนหนึ่งอ่านแล้วรู้สึกถึงนัยยะของการ “ข่มขู่กลายๆ”  ( ผมใช้คำว่า “ ขมขู่กลายๆ“ นะครับ ) โดยอ้างอิงถึง “ การทำร้ายความรู้สึกของประชาชนนจีน”และกล่าวถึงเสรีภาพของสื่อว่า “ การกระทำที่ทำร้ายประเทศอื่นๆ และประชาชนของประเทศอื่นๆ โดยใช้เสรีภาพของสื่อเป็นข้ออ้าง ไม่ว่าเป็นการกระทำใดๆก็ตาม ล้วนแล้วเป็นการใช้เสรีภาพอย่างพร่ำเพรื่อ” และเน้นในตอนท้ายว่า “ เราหวังว่าสื่อที่เกี่ยวข้องเคารพบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตยของจีน แก้ไขการกระทำที่ผิดพลาด และไม่ให้เรื่องที่ทำร้ายความรู้สึกของประชาชนจีนเกิดขึ้นอีก”</p>
<p>ผมไม่คิดว่าสื่อมวลชนไทยเสนอข่าวสารได้ถูกต้องทุกเรื่องทุกประเด็น แต่แนวทางในการทำให้สังคมไทยเข้าใจปัญหาหนึ่งได้มากกว่า ลึกกว่าที่นำเสนอ เป็นสิ่งที่ดีกว่าแน่ๆครับ การแสดงออกในลักษณะ “ ข่มขู่กลายๆ” นั้นไม่มีประโยชน์อันใดเลยครับ  ดังนั้นผมเขียนจดหมายถึงท่านเพื่อที่เราจะได้ช่วยถักสานความสัมพันธ์ฉันพี่น้องที่เรารับรู้กันมานานให้แน่นแฟ้นต่อไป แม้ว่าผมก็กังวลอยู่ว่าชนชั้นนำทางการเมืองจำนวนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างท่านจะออกมาว่าผมก็ตาม  (ดังเช่น ประธานรัฐสภาคนก่อนที่ออกมาว่าสื่อไทยตอนที่เสนอข่าววัคซีนต่อต้านไวรัสโควิดของจีนไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับวัคซีนอีกแบบหนึ่ง โดย “เตือน” ว่าอย่าด้อยค่าวัคซีนจีน) </p>
<p>ผมเชื่อว่าสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนมีวิธีการการแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนได้อีกร้อยแปดพันเก้าวิธี  โดยที่หลีกเลี่ยงการออกแถลงการณ์ลักษณะนี้  และที่น่าจะทำมากที่สุดก็ได้แก่การเปิดเวทีวิชาการสาธารณะ ซึ่งก็จะเป็นการแสดงความเคารพในอธิปไตยของประเทศไทยและเคารพในเสรีภาพของสังคมไทย และเป็นการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ท่านคิดว่าเป็นประโยขน์ต่อสังคมไทย </p>
<p style="text-align: center;">ขอแสดงความนับถือ
                                
อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์</p>
<p style="text-align: center;"> </p>
<p><strong>เรื่องที่เกี่ยวข้อง: </strong>สถานทูตจีน ออกแถลงการณ์ไม่พอใจ สื่อไทยนำเสนอปมไต้หวัน ทำร้ายความรู้สึกคนจีน https://www.matichon.co.th/foreign/news_4278514
    
    </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">บทคhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106796
 
3904  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - กวีประชาไท: สร้างโลก เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2566 01:57:56
กวีประชาไท: สร้างโลก
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-11-13 23:23</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>คนไทยเดิ้ง เซิ้งกวี</p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><div class="poet-box">
<p> </p>
<p> </p>
<p>คือเรื่องเล่า พระเจ้าสร้าง วางโลกนี้
โดยเหาะแบก ถุงสิ่งดี และสิ่งร้าย
สร้างทุกชาติ วางสิ่งดี อย่างแยบคาย
แต่ก็วาง สิ่งร้ายๆ ไว้คู่กัน</p>
<p>จีน ญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกา
พระเจ้าวาง ความก้าวหน้า เทียมสวรรค์
แต่ก็วาง ภัยพิบัติ ไว้คู่กัน
ธรรมชาติ ลงโทษทัณฑ์ สั่นโลกา</p>
<p>เหาะสร้างโลก จนเรี่ยวแรง เริ่มถอยหนี
เผลอปล่อยร่วง ถุงสิ่งดี หล่นจากฟ้า
สู่ดินแดน ด้ามขวานทอง แดนกะลา
จำควานหา สิ่งร้ายๆ หมายวางไป</p>
<p>ประเทศที่ มีสิ่งดี มหาศาล
พระเจ้าวาง “เผด็จการ” ทิ้งไว้ให้
แค่สิ่งเดียว ประเทศนี้ แทบบรรลัย
เหตุไฉน ใยพระเจ้า เฝ้าแกล้งกัน</p>
</div>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">บทควhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106797
 
3905  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ทริปหวาน "ปู แบล็คเฮด" ควง "แจนจัง" ทัวร์ยุโรป อวดโมเมนต์สวีตรัวๆ เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2566 01:57:55
ทริปหวาน "ปู แบล็คเฮด" ควง "แจนจัง" ทัวร์ยุโรป อวดโมเมนต์สวีตรัวๆ
         


ทริปหวาน &quot;ปู แบล็คเฮด&quot; ควง &quot;แจนจัง&quot; ทัวร์ยุโรป อวดโมเมนต์สวีตรัวๆ" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;ทริปหวาน "ปู แบล็คเฮด" ควง "แจนจัง เจตสุภา" ทัวร์ยุโรป อวดโมเมนต์สวีตรัวๆ
         

https://www.sanook.com/news/9102122/
         
3906  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - จุฬาราชมนตรีมีไว้ทำไม (2) เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2566 00:25:37
จุฬาราชมนตรีมีไว้ทำไม (2)
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-11-13 23:40</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>สามารถ ทองเฝือ</p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>หากพิจารณาดูในพระราชบัญญัติ หรือ พรบ.การบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ. 2540 ที่มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันประกาศคือเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2540 จนถึงปัจจุบัน ได้ระบุอำนาจหน้าที่ของจุฬาราชมนตรีเอาไว้ 4 ประการด้วยกัน ปรากฏอยู่ใน หมวด 1 มาตรา 8 ดังนี้ คือ </p>
<p>1. ให้คำปรึกษาและเสนอความเห็นต่อทางราชการเกี่ยวกับกิจการศาสนาอิสลาม 2. แต่งตั้งคณะผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อให้คำปรึกษาเกี่ยวกับบัญญัติแห่งศาสนาอิสลาม 3. ออกประกาศแจ้งผลการดูดวงจันทร์และแจ้งผลการดูดวงจันทร์ต่อคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด เพื่อกำหนดวันสำคัญทางศาสนา และ 4. ออกประกาศเกี่ยวกับข้อวินิจฉัยตามบัญญัติแห่งศาสนาอิสลาม นี่คืออำนาจหน้าที่ของจุฬาราชมนตรี 4 ประการนี้เท่านั้นที่ระบุเอาไว้ใน พรบ.ฉบับนี้ นอกเหนือจากนั้นไม่ได้เป็นอำนาจหน้าที่ของจุฬาราชมนตรี </p>
<p>การปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ของจุฬาราชมนตรีตาม พรบ.ฉบับนี้นั้น มีจุฬาราชมนตรีเพียงแค่ 2 ท่าน (ท่านจุฬาราชมนตรีคนที่ 17 และ 18 คือ นายสวาสดิ์ สมาลยศักดิ์ และ นายอาศิส พิทักษ์คุ้มพล) พวกเราหลายท่านคงจะรับทราบกันดีว่าที่ผ่านมาท่านจุฬาราชมนตรีได้ปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ได้มากน้อยเพียงใด ณ ที่นี่ไม่ขอกล่าวถึง </p>
<p>แต่สิ่งที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งที่จะชี้ชวนให้พิจารณากันก็คือ ใน พ.ร,บ.การบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ. 2540 ฉบับนี้ ได้ระบุเอาไว้ใน หมวด 3 มาตรา 16 เอาไว้ว่า ให้มีคณะกรรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย” (กอท.) ประกอบด้วยจุฬาราชมนตรีเป็นประธานและกรรมการ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งจาก กรรมการอิสลามประจำจังหวัด (กอจ.) ซึ่งเป็นผู้แทนคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด จังหวัดละ 1 คน และจากกรรมการอื่นซึ่งคัดเลือกโดยจุฬาราชมนตรี จำนวน 1 ใน 3 ของจำนวนผู้แทนคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด มีวาระการดำรงตำแหน่ง 6 ปี และอาจได้รับการแต่งตั้งอีกได้ (ระบุไว้ในมาตรา 19 ของ พรบ. การบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ. 2540) </p>
<p>ปัจจุบัน คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย หรือ กอท. ชุดปัจจุบัน ตำแหน่งประธานฯ นั้นได้ว่างลง (จุฬาราชมนตรี) มีคณะกรรมการที่เป็นตัวแทนจาก กอจ. อยู่จำนวน 36 คน และมาจากการคัดเลือกโดยจุฬาราชมนตรีจำนวน 13 คน รวมจำนวนทั้งสิ้น 49 คน </p>
<p>รองประธานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย (กอท.) มีจำนวน 9 ท่าน ตัวแทนจาก กอจ. 5 ท่าน จุฬาราชมนตรีคัดเลือก 4 ท่าน </p>
<p>มีเลขาธิการ กอท. จำนวน 1 ท่าน ซึ่งจุฬาราชมนตรีเป็นผู้คัดเลือก </p>
<p>มีรองเลขาธิการ กอท. จำนวน 9 ท่าน มาจากตัวแทน กอจ. จำนวน 7 ท่าน มาจากจุฬาราชมนตรีเป็นผู้คัดเลือก จำนวน 2 ท่าน ที่เหลืออีก 30 ท่าน คือ คณะ กอท. ที่มาจากตัวแทน กอจ. จำนวน 24 ท่าน และ 6 ท่าน มาจากจุฬาราชมนตรีเป็นผู้คัดเลือก (รายละเอียดดูได้จากลิงค์ https://www.cicot.or.th/th/about/board )  </p>
<p>ข้อสังเกตบางประการที่พอจะนึกได้ เมื่อเห็นหน้าตาของ กอท.ชุดปัจจุบันที่มีจุฬาราชมนตรีเป็นประธาน (ตอนนี้ตำแหน่งว่างลง) จากจำนวน 49 ท่าน ใน คณะ กอท. นี้นั้น 36 ท่านมาจากตัวแทนของ กอจ. และอีก 13 ท่าน เป็นโควต้าที่ท่านจุฬาราชมนตรีเป็นผู้คัดเลือก ในจำนวน 13 ท่าน ใครเป็นใคร ท่านผู้อ่านลองดูกันเอาเอง ตามลิงค์นี้ https://www.cicot.or.th/th/about/board </p>
<p>คำถามปิดท้ายในข้อเขียนนี้ คือ คุณสมบัติของประธาน กอท. ก็คือ คุณสมบัติผู้ที่เป็นจุฬาราชมนตรี คือผู้ทำหน้าที่ผู้นำองค์กรของคณะนี้ (กอท.) ด้วยเช่นกัน ระบุไว้ในหมวด 1 มาตรา 7 ที่มีอยู่ด้วยกัน 10 ข้อ ใน พรบ. การบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ. 2540 ข้อสุดท้าย คือ มาตรา 7 (10) ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง......แล้วด้วยเหตุใดเล่า คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย จึงไม่กำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็น กอท.ให้เหมือนกับคุณสมบัติผู้ที่จะเป็นจุฬาราชมนตรี ? </p>
<p><strong>ทำไมต้องเอาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเข้ามาเป็นคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ??</strong></p>
<p> </p>
<p> </p>
<p><strong>เรื่องที่เกี่ยวข้อง: </strong>จุฬาราชมนตรีมีไว้ทำไม? (1) https://prachatai.com/journal/2023/11/106673</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">บทคhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106798
 
3907  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - ดราม่าโครงการ "ตำรวจจีน" ลาดตระเวนในไทย โฆษกรัฐบาลแจงแล้ว บอกแค่ทำงานร่วมกัน เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2566 00:25:36
ดราม่าโครงการ "ตำรวจจีน" ลาดตระเวนในไทย โฆษกรัฐบาลแจงแล้ว บอกแค่ทำงานร่วมกัน
         


ดราม่าโครงการ &quot;ตำรวจจีน&quot; ลาดตระเวนในไทย โฆษกรัฐบาลแจงแล้ว บอกแค่ทำงานร่วมกัน" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;ผู้ว่าฯ ททท. เผยโครงการ "ตำรวจจีน" ลาดตระเวนในไทย โฆษกรัฐบาล ชี้แจงหลังเกิดดราม่า บอกแค่ทำงานร่วมกันในการให้ข้อมูลเบาะแส
         

https://www.sanook.com/news/9101846/
         
3908  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ไวรัล "เจ้าสาวทองคำ" เห็นของขวัญแต่งงานยิ่งตาแตก เฉลยที่บ้านทำงานอะไร? เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2566 23:27:42
ไวรัล "เจ้าสาวทองคำ" เห็นของขวัญแต่งงานยิ่งตาแตก เฉลยที่บ้านทำงานอะไร?
         


ไวรัล &quot;เจ้าสาวทองคำ&quot; เห็นของขวัญแต่งงานยิ่งตาแตก เฉลยที่บ้านทำงานอะไร?" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;เปิดใจ เจ้าสาวคนสวย จากไวรัล "เจ้าสาวทองคำ" เห็นของขวัญแต่งงานยิ่งตาแตก มูลค่ามหาศาล เฉลยครอบครัวทำงานอะไร
         

https://www.sanook.com/news/9102230/
         
3909  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ขูดรีดทุกฝีเข็ม : ต้นทุนที่มองไม่เห็น ภายใต้เสื้อผ้าแบรนด์ดัง และชีวิต 'แรงงา เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2566 22:55:14
ขูดรีดทุกฝีเข็ม : ต้นทุนที่มองไม่เห็น ภายใต้เสื้อผ้าแบรนด์ดัง  และชีวิต 'แรงงานข้ามชาติ'
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-11-13 21:32</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>วรรณา แต้มทอง : รายงาน / ภาพ</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p> </p>
<p>“คิดว่ามาทำงานในประเทศของคนอื่น จะดีกว่าประเทศตัวเอง…โดนถูกกดขี่อย่างเดียวเลย” มะมะเขิ่น อดีตแรงงานในโรงงานเย็บผ้าแห่งหนึ่ง กล่าว</p>

<h2><span style="color:#2980b9;">มีสิทธิต่อสู้ แต่ “ไม่มีสิทธิ” ได้รับค่าแรงขั้นต่ำ</span></h2>
<p>มะมะเขิ่นเป็นชื่อสมมติของแรงงานข้ามชาติหญิงที่ผ่านการลุกขึ้นมาต่อสู้กับนายจ้างเจ้าของโรงงาน เพื่อเรียกร้องค่าจ้างขั้นต่ำให้ตัวเอง เธอเคยเป็นแรงงานในโรงงานเย็บผ้าแห่งหนึ่งบริเวณชายแดนของประเทศไทย ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานเย็บผ้าและโรงงานอุสาหกรรมอีกเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ภาครัฐเข้ามาส่งเสริมการลงทุนชายแดน ทำให้มีแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านหลายคนข้ามฝั่งมาเป็นแรงงานราคาถูกให้นายจ้าง</p>
<p>โรงงานเย็บผ้าที่มะมะเขิ่นเคยทำงานเป็นโรงงานเย็บผ้าขนาดใหญ่ที่ผลิตเสื้อผ้าให้กับแบรนด์ค้าปลีกชื่อดังจากต่างประเทศ ถ้าเห็นโลโก้หรือพูดชื่อของแบรนด์ออกไปคนไทยแทบทุกคนน่าจะรู้จักดี มหากาพย์การต่อสู้ของมะมะเขิ่นและเพื่อนแรงงานข้ามชาติในโรงงานเดียวกันเริ่มต้นขึ้นในช่วงโควิด-19 ระบาด มะมะเขิ่นเล่าว่า ย้อนไปหลายปีเมื่อโควิด-19 มา หลายโรงงานมียอดออร์เดอร์ลดลง ตามมาด้วยรายได้ของแรงงานที่ลดตามเมื่อไม่มีงาน ในช่วงนั้นตัวมะมะเขิ่นเคยได้ค่าแรงจากการเย็บเสื้อผ้าทั้งเดือนรวมกันเพียง 2,000 บาท เนื่องจากค่าจ้างที่ได้รับตอบแทนจากการทำงานน้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อออร์เดอร์ตัดเย็บน้อยลง รายได้ในแต่ละเดือนจึงแทบไม่เหลือ เพราะค่าจ้างของมะมะเขิ่นและแรงงานข้ามชาติคนอื่นๆ ในโรงงานแห่งนี้ถูกคำนวณจากชิ้นงานที่แต่ละคนทำ</p>
<p>“นายจ้างไม่ให้ค่าจ้างตามที่กฎหมายกำหนด ชีวิตความเป็นอยู่ของแรงงานก็ย่ำแย่เกินกว่าปกติที่ควรจะเป็น จึงไปขอนายจ้างให้ปรับค่าแรงขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง เพราะอยู่ไม่ได้ นายจ้างก็ไม่ได้สนใจ ใครไม่ทำก็ออกไป แต่ถ้าออกจากงานที่นี่จะหางานที่ไหนได้ในช่วงโควิด-19 ไปเรียกร้องก็เหมือนเอาหัวไปชนกำแพง เสียเปล่า เพราะไม่ได้อะไร” มะมะเขิ่น กล่าว</p>

<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53329874840_390572cfde_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53329415581_e9a6b850a9_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">มะมะเขิ่น (ชื่อสมมติ) อดีตแรงงานข้ามชาติในโรงงานเย็บผ้า</span></p>
<p>นอกจากนี้มะมะเขิ่นเล่าถึงสภาพการทำงานโดยปกติของเธอขณะที่ทำงานเย็บภาพในโรงงานนี้ที่ค่อยข้างหนัก เธอมีเวลาเข้างาน 08.00 น. ส่วนเวลาเลิกงานไม่แน่นอน 22.00 น. หรือ 23.00 น. แต่ถ้าช่วงไหนมีออร์เดอร์เข้ามาเยอะคนงานก็ต้องทำงานข้ามไปถึงรุ่งเช้าของอีกวัน ก่อนหน้าโควิด-19 โรงงานยังคงมีออร็เดอร์จำนวนมากแรงงานแต่ละคนต้องเย็บเสื้อผ้าเป็นพันๆ ชิ้นต่อเดือน</p>
<p>“ลักษณะงานเป็นการเหมาเย็บเสื้อผ้า จะได้ค่าแรงเท่าที่ตัวเองทำ ถ้าถามว่าได้เท่าไหร่ วันที่ไม่ได้ค่าจ้างก็มี บางวันก็ได้ 50 บาท 100 บาท 150 บาท จนถึง 300 บาท จำไม่ได้ว่าในหนึ่งวันเย็บผ้าไปกี่ชิ้น แต่รู้แค่ว่าเวลาพักก็น้อยมาก ทำงานกลับมาแล้วรู้สึกเหนื่อยมาก จนกินข้าวไม่ลง ชีวิตการทำงานที่นี่ 1 ปี ช่วงปกติ (ก่อนโควิด-19) ได้เยอะสุด 9,000 บาท” มะมะเขิ่น กล่าว</p>
<p> </p>

<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53329088751_bfdaa37655_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53329088936_0ec883c315_b.jpg" /></p>
<p>แรงงานในโรงงานเย็บผ้าแห่งนี้จะมีวันหยุดเพียง 1 วันต่อเดือน ในหลังจากวันที่ได้รับเงินเดือน</p>
<p>“บางครั้งป่วยขอลาก็ไม่ได้ง่ายๆ ต้องป่วยใกล้ตายแล้ว นายจ้างถึงจะยอมปล่อยให้ไปโรงพยาบาล ตอนมาพักฟื้นตัวก็ได้ยาพารามาแค่เม็ดเดียว ชีวิตแรงงานเป็นเรื่องยาก ไม่เพียงแค่เราคนเดียว เพื่อนเราก็ประสบพบเจอปัญหานี้เช่นเดียวกัน” มะมะเขิ่น กล่าว</p>

<p>หลังจากที่มะมะเขิ่นและแรงงานข้ามชาติในโรงงานเดียวกันรวมนับร้อยคนลุกขึ้นเรียกร้องค่าจ้างที่เป็นธรรมกับชีวิตพวกเขา สิ่งที่ได้กลับมากลับไม่ใช่ค่าจ้างที่พวกเขาต้องการ นายจ้างปิดประตูโรงงานไม่ให้แรงงานที่รวมตัวกันเรียกร้องเข้าไปทำงานในโรงงาน ก่อนจะมีการเรียกให้แรงงานที่มีปากเสียงทั้งหมดไปเซ็นเอกสาร</p>
<p>“แต่เอกสารไม่มีข้อความระบุอะไรไว้ เป็นเพียงกระดาษเปล่า จึงเกิดข้อกังวลกลัวว่าเขาจะไปใส่ข้อสัญญาต่างๆ ที่ไม่เป็นธรรม เลยไม่มีใครยอมเซ็นเอกสาร ต่อมาก็มีเอกสารที่มีทั้งภาษาไทยและภาษาพม่าเขียนว่า ลูกจ้างยินยอมจะปฏิบัติตามระเบียบของโรงงานทั้ง 15 ข้อ แต่ก็ไม่มีรายละเอียดของกฎระเบียบทั้ง 15 ข้อระบุมา ลูกจ้างก็เลยไม่เซ็นอีก สุดท้ายวันที่ 22 ช่วงเช้าเข้าไปทำงานได้ แต่ช่วงเย็นมีการติดประกาศว่าคนที่จะทำงานต่อต้องเซ็นเอกสาร หากไม่เซ็นพรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงาน พวกเราจึงไปติดต่อกังองค์กรที่เขาให้ความช่วยเหลือแรงงานในพื้นที่ ซึ่งเขาแนะนำให้ไปทำงานต่อ พอไปทำงานฝนก็ตก โรงงานก็ปิดไม่ให้เข้าทำงาน” มะมะเขิ่น กล่าว</p>

<p>มะมะเขิ่นและแรงงานข้ามชาติคนอื่นๆ ได้รับแจ้งจากโรงงานว่า ใครที่ต้องการทำงานต้องเซ็นใบสมัครงานใหม่ ซึ่งครั้งนี้แรงงานในขบวนการต่อสู้บางคนก็ยอมเซ็นเอกสาร เพื่อให้ได้กลับเข้าทำงานอีกครั้ง ส่วนคนที่ยืนยันไม่เซ็นเอกสารก็ต้องออกจากงานไป</p>
<p>“เราไม่ได้ขอนายจ้างเกินสิ่งที่ควรจะได้ เราควรได้รับตามค่าแรงตามปกติที่แรงงานควรได้ หากขอ 300 บาทไม่ได้จริงๆ เราก็ขอ 250 บาทก็ได้” มะมะเขิ่น กล่าว</p>
<p> </p>

<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53329314863_94abfd1752_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53329432449_4e2e681c85_b.jpg" /></p>
<p>ความพยายามในการเรียกร้องค่าจ้างที่เป็นธรรมของมะมะเขิ่นจบลงที่เธอถูกไล่ออกจากงาน ที่สำคัญรายชื่อของแกนนำแรงงานในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ยังถูกนายจ้างนำไปขึ้นแบล็คลิสแจ้งต่อเจ้าของโรงงานคนอื่นไม่ให้รับแรงงานกลุ่มนี้เข้าทำงาน ทำให้มะมะเขิ่นยังตกงานอยู่จนทุกวันนี้</p>
<p>“เรื่องที่ผ่านมาพยายามลืม หากจะให้ตัดเย็บเสื้อผ้าหรือกางเกงก็สามารถเย็บขึ้นมาใหม่ได้ แต่ชีวิตเราเดินทางไปข้างหน้าไม่ได้แล้ว ไปสมัครงานเขาก็ไม่รับ เรายังมีครอบครัวที่ต้องดูแล เราเป็นแม่ มีลูกต้องเลี้ยง มีพ่อแม่ที่อายุมากต้องดูแล ในแต่ละวันเราจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร เกิดความกดดันเข้ามาที่ตัวเรา เราต้องพยายามอย่างมาก” มะมะเขิ่น กล่าว</p>

<p>อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ของมะมะเขิ่นยังไม่จบลง เธอและเพื่อนแรงงานข้ามชาติที่ถูกไล่ออกจากงานได้รวมตัวกันยื่นฟ้องบริษัทเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าต่อในต่างประเทศ โดยความช่วยเหลือขององค์กรด้านสิทธิในพื้นที่ ใน “ข้อหาปล่อยปละละเลยและได้รับประโยชน์โดยไม่เป็นธรรม” จากการที่โรงงานที่ทางแบรนด์จ้างผลิตสินค้ามีการบังคับใช้แรงงานและจ้างค่าจ้างที่ไม่เป็นธรรม</p>
<p>“เราเป็นแรงงาน เราไม่รู้อะไรเลย เรารู้แค่ว่าเราผลิตเสื้อผ้า ผลิตให้กับใคร ส่วนใหญ่เป็นแบรนด์เสื้อผ้าในประเทศอังกฤษ เราจึงไปหาองค์กรที่ช่วยเหลือ เขาแนะนำวิธีการฟ้องร้องมา พวกเราจึงตัดสินใจร้องเรียนไปยังศาลอังกฤษ” มะมะเขิ่น กล่าว</p>
<p> </p>

<p>สุดท้าย เมื่อถามมะมะเขิ่นว่า ความเจ็บปวดของการเป็นแรงงานในโรงงานเย็บผ้าสำหรับตัวเธอคืออะไร มะมะเขิ่นกล่าว่า “ชีวิตแรงแรงงานที่เย็บผ้าเจ็บปวดอย่างมาก ในความเป็นจริงเสื้อผ้าที่ต่างชาติใส่เป็นเสื้อผ้าผืนเดียวกับผืนที่แลกมาด้วยน้ำเหงื่อและมีน้ำตาของแรงงานที่ต้องอดทน”</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53328020487_ee237430ba_b.jpg" /></p>
<h2><span style="color:#2980b9;">“ค่าตำรวจ” - “บัญชีไส้ไก่” ปัญหาคอร์รัปชันที่ซ่อนอยู่ในโรงงานเย็บผ้า</span></h2>
<p>จากการสัมภาษณ์มะมะเขิ่นทำให้ทราบว่ายังมีปัญหาคอร์รัปชั่นอีกปัญหาหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในการขูดรีดและบังคับใช้แรงงานในโรงงานเย็บผ้า มะมะเขิ่นอธิบายถึงรายละเอียดในเอกสารการจ่ายเงินเดือนแรงงานที่ทำงานในโรงงานเย็บผ้า ซึ่งมีช่องหนึ่งที่แรงงานแต่ละคนจะถูกหักเงินจากยอดเงินเดือนที่ต้องได้รับ 3 เปอร์เซ็นต์ทุกเดือน โดยในเอกสารเขียนว่า “ประกันสังคม” แต่ในความเป็นจริงแรงงานข้ามชาติในโรงงานเย็บผ้าแห่งนี้ไม่ได้ถูกนายจ้างนำชื่อเข้าระบบประกันสังคม</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53329314913_8d0e3fab75_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53329088836_a64604d2b4_b.jpg" /></p>
<p>มะมะเขิ่นเล่าว่าแรงงานข้ามชาติทุกคนในโรงงานต่างทราบดีว่า ยอดเงินที่ถูกหักทุกเดือนนี้ในนาม “ประกันสังคม” เป็น “ค่าตำรวจ” ที่นายจ้างแจ้งว่าหักไว้เพื่อจ่ายให้แก่ตำรวจ โดยแรงงานเข้าใจคำว่า “ค่าตำรวจ” ตามที่ทางโรงงานแจ้งว่า  </p>
<p>“คนงานเคยรวมตัวกันไปถาม โดยทางผู้จัดการบอกว่าเป็นค่าตำรวจ เราเป็นคนอยู่ในชายแดน เอกสารมีแค่ Border Pass (ใบผ่านแดน) ก็ต้องจ่ายค่าตำรวจด้วย แต่เวลาที่ต้องไปต่อใบอนุญาตทำงานหรือตีวีซ่าขาเข้า ขาออก เราเป็นคนที่เสียเงินเอง ทางโรงงานก็เก็บเงินไปแต่ก็ไม่ได้เป็นคนออกให้” มะมะเขิ่น กล่าว</p>

<p>ทางผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยังสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ (ไม่ประสงค์ออกนาม) ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกรณี “ค่าตำรวจ” ว่า</p>
<p>“ค่าตำรวจเป็นคำพูดที่แปลมาจากแรงงานต่างด้าว ซึ่งเขาไม่เข้าใจคำว่า “ค่าคุ้มครอง” ก็คือ “ค่าตำรวจ” นั้นเอง ทุกคนที่เป็นแรงงานต่างด้าวรู้จักแต่ตำรวจ ทหารแต่งตัวยังไง เขาก็เรียกว่าตำรวจ ปกครองแต่งตัวยังไง เขาก็เรียกตำรวจ เพราะเขารู้จักแต่ตำรวจ แต่เขาไม่รู้จักทหารและปกครอง คำว่า “ค่าตำรวจ” ก็คือ ค่าคุ้มครอง ค่าดูแล ตามที่ผู้ต้องหาไปกล่าวอ้าง” เจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าว</p>

<p>ในคดีนี้เจ้าของโรงงานมีความผิดแบ่งทั้งหมดเป็น 3 คดี คดีที่ 1 กับตัวโรงงานในฐานะนิติบุคคลในความผิดฐานเป็นนายจ้างให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลาในวันทำงานโดยไม่ได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน คดีที่ 2 เป็นการดำเนินคดีกับตัวผู้จัดการโรงงานและพวกในความผิดฐานเอาไปเสียเอกสารของผู้อื่น ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่น และร่วมกันลักทรัพย์ สุดท้ายคดีที่ 3 ดำเนินคดีกับโรงงานในความผิดฐานเอาไปเสียเอกสารใบอนุญาตทำงานและเอกสารประจำตัวของลูกจ้างโดยไม่ได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง ทั้ง 3 คดีพนักงานตรวจแรงงานพิจารณาเห็นควรสั่งฟ้องไปยังพนักงานอัยการแล้ว และขณะนี้อัยการได้สั่งฟ้องทั้ง 3 คดีเป็นที่เรียบร้อย</p>
<p>เจ้าหน้าที่อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นเรื่อง “ค่าตำรวจ” ว่า ผู้จัดการสาขาของโรงงานเย็บผ้าได้ทำการคอร์รัปชั่น และเปลี่ยนแปลงเอกสาร</p>
<p>“เขาเรียกว่า “บัญชีไส้ไก่” ทั้ง 3 คนให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนว่าสมมติลูกจ้างทำงานได้วันละ 100 บาท ก็จะต้องถูกหัก โดยหักค่าคุ้มครองให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องเอาไปจ่ายทหาร ปกครอง และตำรวจ ก็เป็นการแบบอ้างไปให้ลูกจ้างฟัง เพื่อให้ลูกจ้างกลัวห้ามออกนอกพื้นที่ ทำงานต้องอยู่ในโรงงาน โอทีก็ทำไป ก็เป็นการแอบอ้าง เมื่อเอาลูกจ้างมาสอบปากคำเคยเห็นหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเรียกรับเงินไหม ลูกจ้างไม่มีใครยืนยัน และไม่มีใครเห็นตามคำกล่าวอ้างของผู้จัดการ…ต่อมาเราเลยมาสืบสวนสอบสวนเชิงลึก โดยเจ้าหน้าที่รัฐ 3 ฝ่าย คือ ทหาร ตำรวจ และปกครอง แล้วพบว่าไม่มีเจ้าหน้าที่รายใดเขาไปเกี่ยวข้องเรียกรับในการหาผลประโยชน์หรือเรียกค่าคุ้มครองตามที่ทางแรงงานพูดถึง โดยแรงงานเอาคำพูดมาจากผู้จัดการ เพื่อที่จะเอาเหตุนี้มาหักค่าแรงบัญชีไส้ไก่ โดย 100 บาท หนึ่งต้องมีการจ่ายค่าคุ้มครอง 3% หรือ 5% แล้วแต่ สองหักค่าที่พัก หักค่าทำงานไม่ตรงเป้า อันนี้ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพแล้ว ว่าเป็นการแอบอ้างเจ้าหน้าที่ของรัฐจริง” เจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าว</p>

<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53329550265_68d5bc2b00_b.jpg" /></p>
<p>เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ระบุว่า ผู้จัดการสาขาของโรงงานเย็บผ้ามีการหักเงินจากแรงงานโดยแอบอ้างว่าเป็น “ค่าตำรวจ” และทำ “บัญชีไส้ไก่” ขึ้นมาสอดแทรกเพื่อแจ้งแก่แรงงาน โดยผู้จัดการสาขาและพวกจะทำการยึดบัตร ATM ของแรงงานแต่ละคนไว้ และกดเงินที่จะหักจากแรงงานออกมาก่อนเมื่อถึงวันเงินเดือนออก</p>
<p>“โดยมีการแจ้งในบัญชีไส้ไก่ให้กับทางลูกจ้างได้ดูก่อน สมมุติทำงาน 100 บาท หักค่าตำรวจ หักค่าทำงานไม่ตรงเวลา ลาป่วย ก็จะถูกหักไป เหลือ 70 บาท ผมก็จะเอา 70 บาทมาให้คุณ แล้วผู้ต้องหาก็จะเอาส่วนเงินที่ได้จากการกดเองไป เป็นความผิดฐานลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย แล้วก็เอาบัตร ATM ไปด้วย จึงมีความผิดใช้บัตรอิเล็คทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ แล้วก็เอาไปเสียเอกสารของผู้อื่นโดยมิชอบ” เจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าว</p>

<p>ทั้งนี้ หลังจากที่ข่าวการบังคับใช้แรงงานในโรงงานเย็บผ้าได้ถูกสื่อต่างชาติเผยแพร่ออกไป พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” ได้ลงมาตรวจสอบเรื่องนี้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ทางกองบัญชาการตำรวจภูธรมีการตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนขึ้น “โดยนำตำรวจฝีมือดีที่สุดของภาค ซึ่งเป็นระดับผู้กำกับการลงมาทำการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ตามหลักกลไกการส่งต่อตามหลัก NRM : National Referral Mechanism การคัดแยกในเบื้องต้นไม่พบว่าเป็นผู้เสียหานจากการค้ามนุษย์ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ รวมไปถึงแรงงานบังคับตามมาตรา 6/1 หลังจากนั้นเราก็ทำเรื่องยุติไปในเบื้องต้น แต่ต่อมาทางกลุ่ม NGO ไม่เห็นด้วย จึงมาร้องขอความเป็นธรรมต่อท่านรองสุรเชษฐ์ใหม่ ก็เลยมีการคัดแยกใหม่ในรอบที่ 2”</p>
<p>ในการคัดแยกผู้เสียหายรอบที่ 2 มีการให้ NGO เข้าร่วมในการสัมภาษณ์แรงงานด้วย แม้จะได้ข้อมูลที่มากขึ้น แต่ก็ยังไม่พบผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์เช่นเดิม</p>
<p> </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">จะทำอย่างไรให้ “นักลงทุนข้ามชาติ” ไม่หลุดจากวงโคจร “ความรับผิด”</span></h2>
<p>“เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว มีคำพูดที่ว่า นักลงทุนเวลามาก็หิ้วกระเป๋ามาใบเดียว นั่นหมายถึงกระเป๋าเงิน เมื่อเข้ามาอยู่ในพื้นที่แล้ว อาจจะมีการต่อสู้โดยคนงานเรียกร้องสิทธิ มันไม่ไหวแล้ว นักลงทุนก็แค่หิ้วกระเป๋าซึ่งเต็มไปด้วยเงินเหมือนกัน กลับประเทศตัวเอง ปัจจุบันสถานการณ์แบบนี้ยังมีอยู่” สุชาติ ตระกูลหูทิพย์ กล่าว</p>

<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53329129026_f8e42c5fe7_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">สุชาติ ตระกูลหูทิพย์ จากมูลนิธิ MAP Foundation</span></p>
<p>เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าจากต่างชาติเป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ในการรับผิดชอบต่อการละเมิดสิทธิแรงงานข้ามาติที่เกิดขึ้นในโรงงานเย็บเสื้อผ้า สุชาติ ตระกูลหูทิพย์ จากมูลนิธิเพื่อสุขภาพและการเรียนรู้ของแรงงานกลุ่มชาติพันธุ์ (MAP Foundation) ที่ทำงานให้ความช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติมาอย่างยาวนานอธิบายว่า</p>
<p>“ภาพรวมของแรงงานข้ามชาติที่อยู่ในอุตสาหกรรมเย็บเสื้อผ้า ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพที่ไม่ได้รับสิทธิเหมือนที่กฎหมายไทยกำหนด โดยเฉพาะตามพื้นที่ที่อยู่ตามชายแดนประเทศไทยเองยิ่งหนักสาหัส ค่าจ้างขั้นต่ำแทบไม่ต้องพูดถึงเลยว่าแรงงานข้ามชาติจะได้รับ ในขณะที่ใช้สิทธิอื่นๆ ก็เช่นกัน ไม่สามารถใช้สิทธิในวันหยุด เช่น ลากิจโดยได้รับค้าจ้าง อันนี้เป็นปัญหาที่เราเจออยู่ตลอดเวลา แรงงานข้ามชาติมีปัญหาการถูกละเมิดสิทธิ์อยู่ตลอด” สุชาติ กล่าว</p>

<p>แรงงานข้ามชาติในโรงงานงานเย็บผ้าจมอยู่กับสภาพการจ้างงานที่ไม่เป็นธรรมทั้งที่ทำงานให้กับแบรนด์เสื้อผ้าที่มีราคา สุชาติมองว่าปัจจัยที่ทำให้แรงงานถูกขูดรีดส่วนหนึ่งมาจากการที่แรงงานข้ามชาติส่วนใหญ่ข้ามมาจากฝั่งพม่า ซึ่งมีสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดีนักเมื่อเทียบกับประเทศไทย และปัจจุบันยังมีปัญหาความไม่สงบภายในประเทศเพิ่มขึ้นมา</p>
<p>“สิ่งที่ทำให้คนงานจมอยู่กับการถูดกดขี่ ปัจจัยที่สำคัญเวลาที่เขาคิด เวลาที่เขาอดทน ไม่ใช่เป็นเรื่องของตัวเขาคนเดียว เวลาที่เขาทนคือเพื่อครอบครัวของเขา ถ้าเกิดเขาลุกขึ้นมาต่อสู้หรือเขาไม่ทน สิ่งที่เขาจะเจอคือถูกเลิกจ้าง หางานใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย ครอบครัวที่อยู่ประเทศต้นทางก็รอรายได้จากเขาเหมือนกัน สิ่งที่ทำให้คนงานคิดเยอะในกระบวนการเรียกร้องสิทธิของเขา คือเรื่องครอบครัว สภาพเศรษฐกิจครอบครัว ซึ่งคนอยู่เบื้องหลัง ไม่แค่คนสองคน บางครอบครัวมี 7-8 คน ที่รอความหวังจากเขา อันนี้เป็นส่วนที่ทำให้เขาต้องจมอยู่กับการถูกละเมิดสิทธิ นายจ้างเองก็อาศัยจังหวะตรงนี้ในการกด เขารู้อยู่แล้วว่าคนงานไม่มีทางไปไหน” สุชาติ กล่าว</p>

<p>ไม่เพียงเจ้าของโรงงานที่ได้ประโยชน์จากการขูดรีดแรงงาน เจ้าของแบรนด์ที่สั่งผลิตสินค้าจากทางโรงงานที่มีการขูดรีดแรงงานเองก็ได้รับประโยชน์โดยตรงจากการสั่งสินค้านั้น ดังนั้น เพื่อไม่ให้เจ้าของแบรนด์ซึ่งเป็นนักลงทุนจากต่างประเทศหลุดออกจากวงโคจรของความรับผิด สุชาติมีข้อเสนอว่า เจ้าของแบรนด์ต้องเข้ามาร่วมรับรู้สถานการณ์ปัญหาจากการผลิตสินค้าที่มีการละเมิดสิทธิอย่างตรงไปตรงมา “ไม่ใช่เมื่อรู้ว่าโรงงานละเมิดสิทธิ ก็ตัดออร์เดอร์ไปสั่งสินค้าที่อื่น”</p>
<p>“เป็นไปได้ไหมที่รัฐบาลจะตั้งกองทุนขึ้นมา เป็นกองทุนที่เรียกเก็บจากนักลงทุนต่างชาติเลย ใครจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยก็เรียกเก็บเงินไว้ก่อน เงินจะเข้ากองทุนนี้ แล้วถ้าเกิดนักลงทุนคนนี้มีการละเมิดสิทธิและหลบหนีไป รัฐก็จะใช้เงินจากกองทุนนี้ไปจ่ายให้กับคนงานเป็นการชดเชยตามสิทธิที่เขาควรจะได้รับ เราเคยเสนอไว้นานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนออกมาว่าจะเอาอย่างไรกับนักลงทุนเหล่านี้”</p>

<p>สุชาติระบุว่า ในต่างประเทศทางองค์กรรณรงค์สิทธิแรงงานระหว่างประเทศ Clean Clothes Campaign มีการทำแคมเปญ “Pay Your Workers” ที่ตัวแบรนด์ต้องจ่ายเงินเข้ามา ถ้าแบรนด์นี้มีการละเมิดสิทธิก็จะเอาเงินจากกองทุนนี้ที่แบรนด์เข้ามา ไปจ่ายให้แก่คนงาน สุชาติมองว่าเป็นแนวทางที่สามารถทำควบคู่ไปได้กับกองทุนเรียกเก็บเงินจากนักลงทุนที่เสนอให้มีการจัดตั้งในประเทศไทย</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53329387346_5bc097d893_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">ภาพจาก เฟซบุ๊ก Clean Clothes Campaign</span></p>
<p>การคุ้มครองสิทธิแรงงานยังคงเป็นโจทย์ใหญ่ที่ภาครัฐและธุรกิจจะต้องคำนึงถึง เพื่อทำให้แนวคิดธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (Business and Human Rights) ขยับไปสู่การปฏิบัติจริง เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ที่เข้ามาในลงทุนในประเทศไทยใช้วิธีการเช่า</p>
<p>“นักลงทุนส่วนใหญ่เช่า มีน้อยมากที่จะซื้อเป็นของตัว หรือถ้าซื้อเป็นของตัวเองก็จะจ้างคนอื่นมาบริหาร ซึ่งทรัพย์สินจะไม่เป็นของนายจ้างโดยตรงที่จะสามารถที่ไปยืดได้ หากมีการฟ้องร้องกัน ที่เราเจอก็คือเตรียมความพร้อมมาหมดแล้ว ก่อนที่จะหนีไป มีการจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์ไปที่อื่น คนงานก็ไม่ตามยืดทรัพย์หรือเรียกร้องอะไรได้จากนักลงทุน ผมมองว่าตัวรัฐบาลไทยต้องเข้มงวดกับตัวนโยบายที่จะจัดการกับนักลงทุนต่างชาติ” สุชาติ กล่าว</p>
<p> </p>

<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">/url]</div><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ค่าตำรวhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106794
 
3910  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - สส.ก้าวไกล อ้างมีขบวนการปล้นคนไทยจ่ายค่าไฟแพง 'ประยุทธ์' ทำ 'เศรษฐา' สานต เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2566 21:25:12
สส.ก้าวไกล อ้างมีขบวนการปล้นคนไทยจ่ายค่าไฟแพง 'ประยุทธ์' ทำ 'เศรษฐา' สานต่อ มีนายทุนสั่งข้างหลัง
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-11-13 18:34</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'ก้าวไกล' แถลงจับตานโยบายพลังงาน อ้างมีขบวนการปล้นคนไทยจ่ายค่าไฟแพง 'ประยุทธ์' ทำ 'เศรษฐา' สานต่อ มีนายทุน 'ไอ้โม่ง' สั่งข้างหลัง ยกเรื่องพลังงานสะอาดบังหน้าประกาศรับซื้อกว่า 5 พันเมกะวัตต์ สุดท้ายกระบวนการล็อกสเปก-ไร้ประมูล ประเคนเอกชนแค่สองเจ้าชนะกวาดเกินครึ่ง จี้รัฐบาลสั่งชะลอการรับซื้อ-ตรวจสอบเพื่อความโปร่งใส</p>
<p>13 พ.ย.2566 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล ที่อาคารอนาคตใหม่ ศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวจับตานโยบายรัฐบาล (Policy Watch) ในส่วนของกระทรวงพลังงาน คือนโยบายการรับซื้อพลังงานหมุนเวียนที่เต็มไปด้วยความไม่โปร่งใส</p>
<p>ศุภโชติ ระบุว่าสถานการณ์ปัจจุบันในภาคพลังงานล่าสุด จากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีการประกาศรับฟังความคิดเห็นกรณีค่าไฟที่เป็นไปได้ในช่วงเดือนมกราคม 2567 มีความเป็นไปได้ที่ค่าไฟอาจจะพุ่งขึ้นไปถึง 4.68 บาทต่อหน่วยในกรณีที่เลวร้ายน้อยที่สุด ส่วนในกรณีที่เลวร้ายที่สุดอาจขึ้นไปแตะถึง 6 บาทต่อหน่วย</p>
<p>สิ่งที่นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เพิ่งแถลงไปถึงการลดค่าไฟเหลือ 3.99 บาท ว่าเป็นผลงานรัฐบาล จึงเป็นเพียงการยืดหนี้โดยไม่มีมาตรการรองรับ เล่นกับความคาดหวังของประชาชนว่าเชื้อเพลิงจะมีราคาลดลง ทำให้ก้อนหนี้ที่หน่วยงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แบกอยู่จะลดลงไปด้วย แล้วรัฐบาลจะสามารถคงราคาค่าไฟอยู่ที่ 3.99 บาทต่อหน่วยได้ต่อไป แต่ในความเป็นจริงทุกอย่างสวนทาง ราคาเชื้อเพลิงโลกเพิ่มสูงขึ้น ก้อนหนี้ที่แบกอยู่ก็ขยายขึ้นไปด้วย เราจึงได้เห็นราคาค่าไฟที่อาจขึ้นไปแตะถึง 6 บาทต่อหน่วยในกรณีที่เลวร้ายที่สุด</p>
<p>ศุภโชติกล่าวต่อไป ว่าพรรคก้าวไกลย้ำมาเสมอว่ารัฐบาลจำเป็นต้องแก้ไขที่โครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ หยุดการนำของแพงมาให้ประชาชนแล้วนำของถูกให้เอกชน การแก้ไขสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเพื่อลดค่าความพร้อมจ่าย หยุดเอาเงินของประชาชนไปให้กลุ่มทุนฟรีๆ ไปสร้างโรงไฟฟ้าที่สร้างมาแล้วไม่ได้เดินเครื่อง แต่ที่ผ่านมารัฐบาลกลับไม่มีความพยายามแก้ไขอย่างจริงใจ ซ้ำยังสานต่อปัญหาเดิม สร้างปัญหาใหม่ ปล้นคนไทยให้จ่ายค่าไฟแพงขึ้น ประยุทธ์เป็นคนคิด เศรษฐามาสานต่อ โดยรับคำสั่งมาจากกลุ่มทุนไอ้โม่งกลุ่มหนึ่ง</p>
<p>ทั้งนี้ มีจิ๊กซอว์อยู่ 5 ชิ้น ที่กำลังนำพาประชาชนคนไทยให้ไปจ่ายค่าไฟที่แพงขึ้น กล่าวคือ</p>
<p>1) ย้อนกลับไปวันที่ 10 ต.ค. 2566 กรณีศาลปกครองมีคำสั่งทุเลาชั่วคราวการรับซื้อพลังงานหมุนเวียนพลังงานลม 1,500 เมกะวัตต์ เป็นการชั่วคราว เนื่องจากมีบริษัทเอกชนรายหนึ่งได้ยื่นร้องต่อศาลว่า กกพ. ได้ออกประกาศรับซื้อพลังงานหมุนเวียนอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย</p>
<p>2) พรรคก้าวไกลตรวจสอบข้อเท็จจริงนี้ และได้นำมาสู่การตั้งกระทู้สดของ ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในวันที่ 26 ต.ค. 2566 ที่นายกรัฐมนตรีปฏิเสธการตอบกระทู้สดด้วยตนเอง แต่หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีกลับขึ้นมาตอบกระทู้ของคนอื่นได้ นี่เป็นการที่นายกรัฐมนตรีเศรษฐา กำลังทำเป็นมองข้าม เหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในภาคพลังงานไทยใช่หรือไม่?</p>
<p>3) แต่หากจะโยนทุกอย่างไปที่รัฐบาลเศรษฐาก็อาจจะไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะโครงการรับซื้อพลังงานหมุนเวียนกว่า 5 พันเมกะวัตต์ เป็นผลงานทิ้งทวนของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ออกมติเมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2565 โดยมีวัตถุประสงค์เพิ่มการซื้อพลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซื้อพลังงานหมุนเวียนเพื่อขายให้กับเอกชนที่ต้องการใช้พลังงานสะอาด</p>
<p>4) ประกาศระเบียบการรับซื้อที่ออกโดย กกพ. เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2565 ถูกตั้งคำถามมากมายโดยทั้งนักวิชาการและผู้ร่วมประมูลเอง ทั้งการรับประกันรายได้ที่นานถึง 25 ปี และระเบียบการรับซื้อที่ไม่ใช่การประมูลราคา แต่เป็นการให้คะแนนเชิงเทคนิคเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้บอกหลักเกณฑ์ว่าจะมีการให้คะแนนอย่างไรด้วย ทำให้ผู้เข้าร่วมหลายคนสงสัยว่าอาจจะเป็นการใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจโดยปราศจากหลักเกณฑ์ในการตัดสินหรือไม่</p>
<p>5) ผลของการคัดเลือก ที่เกินกว่าครึ่งของทั้ง 5 พันเมกะวัตต์ที่จะรับซื้อ ถูกจัดสรรไปให้กลุ่มทุนเอกชนเพียงแค่ 2 รายเท่านั้น โครงการมูลค่าหลายแสนล้านบาท เหตุใดจึงมีการจัดสรรให้เอกชนเพียงไม่กี่รายเท่านั้น?</p>
<p>ศุภโชติกล่าวต่อไป ว่าหลังคำสั่งศาลออกมาเพียงไม่กี่วัน รัฐบาลยังมีการลงนามในสัญญารับซื้อพลังงานแสงอาทิตย์ระหว่างรัฐกับเอกชนรายหนึ่งเกือบ 700 เมกะวัตต์ ทั้งที่มาจากประกาศฉบับเดียวกันที่เป็นปัญหาอยู่ คำถามคือนี่เป็นการร่งรัดกระบวนการให้ประชาชนจ่ายค่าไฟแพงขึ้น จากคำสั่งของไอ้โม่งที่อยู่เบื้องหลังหรือไม่?</p>
<p>ด้วยเหตุนี้ เราจึงสามารถสรุปให้เห็นได้ถึงความผิดปกติ 3 ประการในกระบวนการดังกล่าว ประกอบด้วย</p>
<p>1) จากเหตุผลที่ศาลปกครองให้ไว้ในคำสั่งทุเลาชั่วคราวดังกล่าว ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าการที่ กกพ. ไม่มีการประกาศเกณฑ์การให้คะแนนที่ใช้ในการคัดเลือกผู้ชนะ เป็นการผิดต่อกฎหมาย พ.ร.บ.คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน 2550 ที่กำหนดว่า กกพ. จะต้องเป็นผู้ออกระเบียบ หลักเกณฑ์ และให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และต่อมาเมื่อมีผู้ร้องเรียน กกพ. จึงออกหลักเกณฑ์ตามหลังมา แต่หลักเกณฑ์ที่ออกมากลับออกหลังปิดรับสมัครไปแล้วถึง 4 วัน</p>
<p>เหตุผลของศาลปกครองยังระบุให้เห็นว่าเมื่อมีผู้อุทธรณ์ ก็ปรากฏว่า กกพ. กลับทำหน้าที่เป็นผู้พิจารณาคำอุทธรณ์เอง ซึ่งเป็นการขัดต่อหลักการอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองอย่างชัดเจน และสุดท้ายคือการที่ผู้เข้าร่วมการคัดเลือกไม่สามารถขอดูคะแนนการประเมินจากคณะอนุกรรมการการคัดเลือกได้ </p>
<p>ศุภโชติกล่าวว่า ทั้งหมดนี้ทำให้คิดได้ว่าเกิดการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือการให้คะแนนที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ และเป็นที่ชัดเจนว่าประกาศรับซื้อพลังงานหมุนเวียนของ กกพ. ครั้งนี้มีปัญหาและไม่โปร่งใส ดังนั้น จึงไม่ใช่แต่เพียงโครงการลมที่ควรจะถูกชะลอการลงนามสัญญา แต่โรงไฟฟ้าประเภทอื่นที่อยูในฉบับเดียวกัน ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมระบบกักเก็บ ฯลฯ ก็ควรจะถูกชะลอการลงนามสัญญาเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง หรือหากจำเป็นต้องมีกระบวนการคัดเลือกใหม่ ก็ควรทำอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา และตรวจสอบได้</p>
<p>2) กำลังมีการอ้างถึงพลังงานสะอาดเพื่อเปิดช่องให้เกิดการทุจริตเชิงนโยบายหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคารับซื้อที่สูงเกินไปโดย กกพ. เป็นผู้ตั้งราคารับซื้อ คำถามคือ กกพ. ทราบได้อย่างไรว่าราคาที่ตั้งมาเป็นราคาที่ถูกที่สุด เพราะโดยปกติที่ต่างประเทศทำกันคือการให้ผู้เข้าร่วมการคัดเลือกยื่นเสนอราคาแข่งขันกันเข้ามา แล้วให้ผู้เสนอราคาที่ถูกที่สุดเป็นผู้ชนะไป</p>
<p>นี่ทำให้ระเบียบที่ออกมาอาจไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของรัฐบาลที่ต้องการซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่มีราคาถูก และอาจเป็นการให้ประโยชน์เกินความจำเป็นกับเอกชนรายใดรายหนึ่ง เพราะเมื่อเปรียบเทียบโครงการที่รัฐให้เอกชนกับโครงการที่รัฐให้ประชาชน จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่านโยบายอย่างนี้ทำมาเพื่อใคร ไม่ว่าจะเป็นราคารับซื้อ ที่แม้ราคาจะใกล้เคียงกัน แต่ระยะเวลาการรับประกันรายได้ที่ให้เอกชนกลับยาวนานถึง 25 ปี ต่างจากที่รับประกันให้ประชาชนแค่ 10 ปี ขณะเดียวกัน กำลังการผลิตติดตั้งสูงสุด โครงการหนึ่งเอกชนติดตั้งได้ 90 เมกะวัตต์ แต่ประชาชนติดตั้งได้โครงการละแค่ 0.01 เมกะวัตต์ หรือต่างกัน 9 พันเท่า และสุดท้าย โควตาที่ให้ทั้งหมด เป็นการให้กับเอกชนกว่า 5 เมกะวัตต์ ให้ประชาชนแค่ 90 เมกะวัตต์</p>
<p>นี่ยังไม่รวมมติจากรัฐบาลล่าสุดที่อนุมัติให้มีการรับซื้อพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นอีก 3,600 เมกะวัตต์ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2566 ทำให้โครงการรับซื้อพลังงานหมุนเวียนนี้มีปริมาณรวมเป็นกว่า 8 พันเมกะวัตต์แล้ว ซ้ำร้ายยังมีข้อแม้เพิ่มขึ้นมาว่าห้ามผู้มีข้อพิพาทหรือฟ้องร้องรัฐอยู่เป็นผู้ยื่นข้อเสนอ ทำให้เป็นที่น่าสงสัยว่าจะเป็นการจงใจล็อกผลให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอีกแล้วหรือไม่?</p>
<p>3) ความจำเป็นในการรับซื้อพลังงานทดแทน ทั้งที่ประเทศไทยมีพลังงานไฟสำรองล้นเหลืออยู่แล้ว ตัวเลขล่าสุดคือ 55% และหากย้อนกลับไปดูในอดีต จะเห็นได้ว่าทุกครั้งที่มีการรับซื้อพลังงานจากเอกชน จะทำให้ประเทศมีกำลังการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้นเรื่อยๆ หมายความว่าประชาชนจะต้องจ่ายค่าไฟที่สูงขึ้นจากโรงไฟฟ้าที่ถูกสร้างขึ้นแล้วไม่ได้ใช้</p>
<p>ในอดีต ตั้งแต่รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีการเปิดอนุมัติให้มีการประมูลโรงไฟฟ้า IPP กว่า 5 พันเมกะวัตต์ และไม่กี่ปีถัดมา รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้ประเคนซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าอีก 1,400 เมกะวัตต์ โดยไม่มีการออกระเบียบการรับซื้อ ยังไม่นับรวมกับที่เรากำลังพูดถึงกันวันนี้ คือการรับซื้อเพิ่มอีกกว่า 8 พันเมกะวัตต์ คำถามคือโรงไฟฟ้าจำนวนมากขนาดนี้ เหตุใดจึงมีการรวบรัดนำมาประมูลในครั้งเดียว ทั้งที่สามารถซอยย่อยทีละ 1-2 พันเมกะวัตต์ จะสามารถกำหนดราคารับซื้อที่ถูกลงได้? </p>
<p>จากความผิดปกติทั้ง 3 ประการ หากยังปล่อยให้มีการออกระเบียบการรับซื้อพลังงานที่ไม่โปร่งใสเช่นนี้ ย่อมส่งผลต่อความเชื่อถือของนักลงทุนต่อกระบวนการคัดเลือกผู้ยื่นขอผลิตกระแสไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างแน่นอน</p>
<p>ศุภโชติกล่าวต่อไป ว่าทั้งหมดนี้ทำให้ตนต้องตั้งคำถามไปที่นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน กพช. ที่มีอำนาจในการออกมติให้ทบทวนการลงนามสัญญา หรือชะลอการลงนามสัญญาออกไปก่อน อย่างน้อยเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและคลายข้อครหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่ปัจจุบันเรากลับเห็นได้ว่าไม่มีการทำอะไรเลย ซ้ำยังปล่อยให้มีการลงนามสัญญาระหว่างรัฐกับเอกชนเกือบ 700 เมกะวัตต์ ทั้งที่ศาลได้มีคำสั่งระงับหรือชะลอการลงนามสัญญาออกไปก่อนแล้ว</p>
<p>“นี่คือการจงใจฮั้วประมูล ซื้อขายโรงไฟฟ้าที่มีมูลค่าหลายแสนล้านบาทอยู่หรือไม่ พรรคก้าวไกลไม่ได้มีความพยายามเตะถ่วงไม่ให้เพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนในประเทศ แต่หากจะเกิดขึ้นก็ต้องมีกระบวนการที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ เป็นโครงการที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง ขอถามถึงนายกรัฐมนตรีว่าในเมื่อกระบวนการรับซื้อพลังงานหมุนเวียนนี้มีปัญหา ส่อทุจริต และไม่โปร่งใสอย่างชัดเจนเช่นนี้ นายกรัฐมนตรีจะใช้อำนาจที่มีในการทบทวน ตรวจสอบ และชะลอ หรือกระทั่งยับยั้งการลงนามสัญญาหรือไม่?” ศุภโชติกล่าว</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106789
 
3911  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - สาวรีวิวเสื้อหมาของแทร่ แย่งจากหมา 100% เจอเจ้าของเสื้อมองแรง เปิดศึกแย่งชิง เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2566 20:54:20
สาวรีวิวเสื้อหมาของแทร่ แย่งจากหมา 100% เจอเจ้าของเสื้อมองแรง เปิดศึกแย่งชิง
         


สาวรีวิวเสื้อหมาของแทร่ แย่งจากหมา 100% เจอเจ้าของเสื้อมองแรง เปิดศึกแย่งชิง" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;สาวรีวิวสวมเสื้อหมาของแท้ 100 % แถมใส่ออกมาแล้วสวยเป๊ะ งานนี้ เจอเจ้าของเสื้อตัวจริงแอบมองแรง ก่อนเกิดศึกชิงเสื้อ
         

https://www.sanook.com/news/9102218/
         
3912  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'กิตติรัตน์' นำถกสภาวะตลาดหุ้น เผยยังไม่มีมาตรการพิเศษหยุดความผันหวน เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2566 19:55:07
'กิตติรัตน์' นำถกสภาวะตลาดหุ้น เผยยังไม่มีมาตรการพิเศษหยุดความผันหวน
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-11-13 18:38</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'กิตติรัตน์ ณ ระนอง' ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เผยภายหลังเป็นประธานประชุมหารือเรื่องสภาวะตลาดหุ้นกับ ปลัดคลัง-ก.ล.ต.-ตลท. ยังไม่ได้มีมาตรการพิเศษที่จะหยุดความผันหวนและอ่อนแรงลงอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฐานในปีก่อนสูง และอีกส่วนหนึ่งอาจจะเป็นข้อกังวลของผู้ลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ บางเรื่องเป็นปัจจัยพื้นฐานปกติ ผลประกอบการ ภาวะเศรษฐกิจประเทศ และมีข่าวลือในตลาดเรื่องการทำ Naked Short Sell</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/50644257381_068513791a_k_d.jpg" /></p>
<p>13 พ.ย. 2566 สำนักข่าวอินโฟเควสท์ รายงานตรงกันว่ากิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือ เรื่อง สภาวะตลาดหุ้น กับปลัดกระทรวงการคลัง เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในช่วงบ่ายวันนี้ โดยไม่ได้มีมาตรการพิเศษที่จะหยุดความผันหวนและอ่อนแรงลงอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฐานในปีก่อนสูง และอีกส่วนหนึ่งอาจจะเป็นข้อกังวลของผู้ลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ บางเรื่องเป็นปัจจัยพื้นฐานปกติ ผลประกอบการ ภาวะเศรษฐกิจประเทศ และมีข่าวลือในตลาดเรื่องการทำ Naked Short Sell</p>
<p>ในการหารือได้อธิบายกับผู้บริหารทั้งสามหน่วยงาน เห็นพ้องว่ามาตรการต่าง ๆ ที่ ก.ล.ต.และ ตลท.ปฏิบัติได้ดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะประเด็นที่อาจมีข้อกังวลว่ามีการทำ Naked Short Sell ทุบหุ้นไทย ซึ่งยืนยันได้ว่าไม่มี อย่างไรก็ตาม ก.ล.ต.และ ตลท.จะยกระดับมาตรการควบคุม Naked Short Sell ให้มีความเข้มงวดมากขึ้นอีก</p>
<p>กิตติรัตน์ กล่าวว่า รัฐบาลพยายามเน้นให้ข้อมูลเพื่อสร้างความเชื่อมั่นถึงการพยายามกระตุ้นเศรษกิจให้เติบโต โดยในวันพรุ่งนี้จะมีการแถลงมาตรการแก้หนี้ของภาคประชาชนครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งจะส่งผลต่อดีภาพรวมเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้นได้มากกว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้</p>
<p>ขณะที่กระทรวงการคลังจะหารือกับภาคเอกชนด้านตลาดทุนในวันพรุ่งนี้ (14 พ.ย.) ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปหลักเกณฑ์การจัดตั้ง ESG Fund ลักษณะการลงทุนระยะยาวคล้ายกับ LTF แต่จะเข้าลงทุนในหุ้น ESG เชื่อว่าจะช่วยหนุนตลาดทุนในระยะยาว แต่ไม่ใช่การจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นกองทุนพยุงหุ้น</p>
<p>นอกจากนี้ ประชาชาติธุรกิจ รายงานเพิ่มเติมว่าพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่าตามที่ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีได้เชิญให้ทางกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มาประชุมร่วมกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล เบื้องต้นพูดคุยกัน 3 ประเด็นหลักคือ</p>
<p>1. ได้มีการแชร์ข้อมูลของภาครัฐเกี่ยวกับการดำเนินการภายใต้นโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่น่าจะก่อให้เกิดการมองแนวโน้ม (outlook) เศรษฐกิจในปีหน้าในทิศทางที่ดีขึ้น จึงอยากจะให้ความมั่นใจในสิ่งที่ดูแลอยู่ นั่นคือการแก้หนี้ภาคครัวเรือน ซึ่งในวันนี้พรุ่งนี้ (14 พ.ย.) จะมีความชัดเจนเรื่องการแก้หนี้ ซึ่งมีมาตรการที่จะทำให้เกิดความมั่นใจได้</p>
<p>2. ได้มีการสอบถามข้อมูลจากสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ เกี่ยวกับข้อกังวลตลาดหุ้นตก เพราะเกิดจากการทำชอร์ตเซล หรือโปรแกรมเทรดดิ้ง ซึ่งทั้งสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แชร์ข้อมูลว่ามีการติดตามสถานการณ์ของตลาดหุ้นตกซึ่งเกิดจากหลากหลายปัจจัย แต่มีความมั่นใจว่าการทำชอร์ตเซลหรือโปรแกรมเทรดดิ้ง ไม่ได้เป็นตัวก่อให้เกิดการกระทำที่ไม่เป็นธรรม หรือการทำผิดกฎหมายอย่างการทำ Naked short sell</p>
<p>ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการสอบทานและตรวจสอบด้วยวิธีการของระบบที่มีอยู่ตลอดเวลา และหากเจอยืนยันว่าสามารถเอาผิดตามกฎหมายได้ โดยปกติการสอบทานเป็นไปตามความเสี่ยง ถ้าเสี่ยงมากการสอบทานจะมีความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งท่านก็มีความมั่นใจกับข้อมูลที่ได้นำเสนอไป และให้ความมั่นใจกับกระบวนการในการปรับรูปแบบในการตรวจสอบและสอบทานให้เป็นไปตามความเสี่ยงต่าง ๆ</p>
<p>3. ทางปลัดกระทรวงการคลัง ได้ให้ข้อมูลว่าสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) จะเข้าพบกระทรวงการคลัง เพื่อจะขอการสนับสนุนเรื่องการลดหย่อนภาษีต่าง ๆ ซึ่งพูดคุยถึงกองทุน ESG ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้การสนับสนุนแนวทางนี้ ขอให้อย่าไปมองว่าเป็นกองทุนเพื่อพยุงหุ้น เพราะไม่คิดว่าการพยุงหุ้นเป็นสิ่งที่เป็นเป้าหมาย แต่กองทุน ESG น่าจะเป็นการส่งเสริมการทำดี เพื่อให้ผู้ระดมทุนที่ทำดี</p>
<p>“กองทุน ESG มุ่งเน้นเรื่องการลงทุนระยะยาว แต่จะเน้นลงทุนในหุ้นไทย ตราสารหนี้ไทย ซึ่งจะดึงเม็ดเงินสภาพคล่องเข้ามาได้ ซึ่งส่งเสริมประเทศที่เปลี่ยนถ่ายไปหาสังคมสีเขียว จึงน่าจะตอบโจทย์ได้หลากหลาย” เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าว</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106790
 
3913  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ผู้ว่าฯ รฟท. เผย 'ซีพี' อาจไม่รับทำ ‘ไฮสปีดไทยจีน-3 สนามบิน’ คาดงบบานปลาย เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2566 18:24:46
ผู้ว่าฯ รฟท. เผย 'ซีพี' อาจไม่รับทำ ‘ไฮสปีดไทยจีน-3 สนามบิน’ คาดงบบานปลาย
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-11-13 17:00</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) อัปเดต 2 ไฮสปีดเทรน ‘ไทยจีน-3 สนามบิน’ เผยนัดคุย บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) นอกรอบ อาจจะไม่รับงานก่อสร้างโครงสร้างร่วม บางซื่อ-ดอนเมือง อ้างทำไม่ไหว หลังคำนวณตัวเลขก่อสร้างแล้วงบพุ่ง 2 หมื่นล้าน เล็งถกถอนวงเงินไฮสปีด 3 สนามบิน 1.1 หมื่นล้านออก เพื่อเซฟเงิน ส่วนสถานีอยุธยา จ่อปิดดีลใน พ.ย. 66 นี้ ตัดปัญหาค้าน จะสร้างทางวิ่งไปก่อน สถานีมาทีหลัง</p>
<p>13 พ.ย. 2566 สำนักข่าวไทย รายงานว่านายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูง 2 เส้นทาง ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กม. วงเงิน 179,413 ล้านบาท และโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ระยะทาง 220 กม. วงเงิน 224,544 ล้านบาท ว่าในส่วนของรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ขณะนี้ยังเหลืองานโยธาอีก 2 สัญญาที่ยังไม่ได้ก่อสร้าง ซึ่งต้องเร่งแก้ไขให้ได้ข้อสรุปภายในปีนี้ เพื่อให้สามารถเดินหน้าก่อสร้างได้เร็วที่สุด โดยประเด็นโครงสร้างร่วม สัญญา 4-1 ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ระยะทาง 15.2 กม. </p>
<p>ซึ่งเป็นช่วงที่ทับซ้อนกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ขณะนี้ยังเจรจากับ บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เอกชนคู่สัญญาอยู่ ซึ่งแนวทางล่าสุด ทางเอกชนส่งสัญญาณว่า อาจต้องให้รฟท.เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างส่วนโครงสร้างร่วมทั้งหมด</p>
<p>ซึ่งหากรฟท.รับก่อสร้างโครงสร้างร่วมทั้งรถไฟไทย- จีน และรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินเอง จะมีการเจรจาปรับลดค่าก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ในเนื้องานที่รฟท.จะเป็นผู้ก่อสร้างให้ ขณะเดียวกันในส่วนของรถไฟไทย-จีน สัญญา 4-1 จะมีค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น (เดิมมีแนวคิดให้ซี.พี.ก่อสร้างโครงสร้างร่วมโดยคำนวนค่าใช้จ่ายรถไฟไทย-จีน สัญญา 4-1 ที่เพิ่ม ไปปรับเงื่อนไขทางการเงินของสัญญาสัมปทาน 3 สนามบินแทน )</p>
<p>นายนิรุฒ กล่าวต่อว่า เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รฟท.ได้หารือนอกรอบกับทางซีพีในประเด็นโครงสร้างร่วม เพื่อพยายามเร่งหาข้อยุติร่วมกัน จากนั้นจะได้นำเข้าหารือในคณะกรรมการ 3 ฝ่าย คือ รฟท. ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และบจ. เอเชีย เอรา วัน และเสนอคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่ออนุมัติ ในการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนฯ กับทางซี.พี.และเพิ่มกรอบค่าก่อสร้างรถไฟไทย-จีน สัญญา 4-1 และเบื้องต้นได้รายงานความคืบหน้าการแก้ปัญหา ต่อนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม รับทราบแล้ว โดยรฟท.ขีดเส้นในปีนี้ต้องจบ ที่ผ่านมาหารือกันมาหลายรอบ และใช้เวลากันมานานแล้ว ซึ่งเอกชนได้ให้ความร่วมมือในการพิจารณาแนวทางต่างๆ เพื่อหาทางออกร่วมกัน เดิมทางเอกชนได้คำนวนตัวเลขกรณีที่ต้องเป็นผู้ก่อสร้างโครงสร้างร่วม และเอกชนส่งสัญญาณว่าอาจจะทำไม่ไหว รฟท.ก็ต้องหารือกันให้ตกผลึก เพราะพื้นที่ ช่วงโครงสร้างร่วม 2 โครงการมีจำกัด ทำให้ต่างคนต่างทำไม่ได้ ต้องให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรับทำ</p>
<p>สำหรับรถไฟความเร็วสูงไทย- จีน สัญญาที่ 4-5 ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว ระยะทาง 13.3 กม.ที่มีกรณีผลกระทบต่อแหล่งมรดกโลก บริเวณสถานีอยุธยานั้น นายนิรุฒ กล่าวว่า สำนักงานอัยการสูงสุดได้ตรวจร่างสัญญาส่งกลับมาแล้วขณะนี้อยู่ในขั้นตอนสุดท้าย ของการตรวจทานด้านเอกสาร เพื่อความเรียบร้อยครบถ้วน คาดว่าจะลงนามสัญญาจ้างกับ บจ. บุญชัยพาณิชย์ (1979) ผู้รับจ้าง วงเงิน 10,325 ล้านบาท ได้ในเดือน พ.ย. 2566 โดยช่วงผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รฟท.ยังคงใช้แนวเส้นทางเดิม ไม่มีการปรับย้ายแนวแต่อย่างใด โดยหลังลงนามสัญญา 4-5 จะก่อสร้างในส่วนของทางวิ่งไปก่อนและหากได้ข้อยุติเรื่องสถานีอยุธยาค่อยมาดำเนินการก่อสร้างในภายหลังต่อไป ซึ่งการก่อสร้างทางวิ่งก่อนได้ระบุไว้ในสัญญาที่จะเซ็นกับผู้รับเหมาไวัแล้ว</p>
<p>ส่วนกรณีมรดกโลก สถานีอยุธยา นั้น รายงานศึกษารายงาน HIA อยู่ในขั้นตอนสุดท้าย ขณะเดียวกันได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตัวสถานียังสามารถหารือปรับแบบให้เล็กลงหรือให้สอดคล้องกับพื้นที่โดยรอบได้</p>
<table border="1" cellpadding="1" cellspacing="1" style="width:100%;">
<tbody>
<tr>
<td>
<h2><span style="color:#3498db;">เกี่ยวกับบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด</span></h2>
<p>อนึ่งเมื่อปี 2565 THE STANDARD WEALTH รายงานว่าบริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน ของกลุ่มซีพี ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น ‘บริษัท เอเชีย เอรา วัน’ (Asia Era One) เพื่อเตรียมความพร้อมเดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ภายใต้แนวคิด ‘Reimagining Horizons’ เปิดขอบฟ้าใหม่แห่งโอกาส</p>
<p>สฤษดิ์ จิณสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด เปิดเผยว่า การเปลี่ยนชื่อองค์กรในครั้งนี้ถือเป็นการตอกย้ำความพร้อมเดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินอย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้ ซึ่งจะเป็นการพัฒนายกระดับการคมนาคมในประเทศไทย สู่การเป็นศูนย์กลางการเดินทางในภูมิภาคเอเชียและของโลกด้วยมาตรฐานการเดินรถและให้บริการในระดับสากล</p>
<p>“ชื่อบริษัท เอเชีย เอรา วัน มาจากคอนเซปต์ในภาษาอังกฤษ Asia Era One ซึ่งมีความหมายสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทในการเป็นศูนย์กลางของเอเชีย ที่เชื่อมผู้คน สังคม และประเทศเป็นหนึ่งเดียว เพื่อประเทศไทยสู่ยุคใหม่แห่งอนาคตของความเจริญรุ่งเรือง ในขณะเดียวกัน ชื่อในภาษาไทย เอเชีย เอรา วัน ยังสื่อความหมายพ้องเสียงกับช้างเอราวัณ พาหนะเทพบุตรของพระอินทร์ ที่มีพละกำลัง และเป็นสัญลักษณ์ของการกระทำดี และสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์อีกด้วย” สฤษดิ์กล่าว</p>
<p>สฤษดิ์ยังกล่าวถึงวิสัยทัศน์และพันธกิจ ของบริษัทเอเชีย เอรา วัน อีกว่ามีเป้าหมายในการเป็นศูนย์กลางการเดินทางแห่งเอเชีย ที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่ยุคใหม่แห่งโอกาสและความเจริญรุ่งเรือง ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีการเดินทางรถไฟความเร็วสูงระดับโลก ที่มุ่งมั่นเชื่อมประเทศไทยกับเอเชียให้เป็นหนึ่งเดียวด้วยการสร้างมาตรฐานใหม่เพื่อความภูมิใจของคนไทยทุกคน</p>
<p>ทั้งนี้ บริษัท เอเชีย เอรา วัน ถือเป็นบริษัทเอกชนผู้ร่วมลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือ สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา) รายแรก ที่ได้รับคัดเลือกจากรัฐบาลไทยให้พัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูงในรูปแบบสัญญาการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public Private Partnership: PPP) โดยมีระยะเวลาสัญญา 50 ปี มีมูลค่ากว่า 224,544 ล้านบาท</p>
<p>สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เป็นโครงการเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลักในการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) เมื่อโครงการเสร็จสมบูรณ์ คาดว่าจะสร้างรายได้ให้กับประชาชนในท้องถิ่น โดยมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจประมาณ 650,000 ล้านบาท รวมถึงการจ้างงานตลอดช่วงระยะเวลาการก่อสร้างสูงถึง 16,000 อัตรา และการจ้างงานในธุรกิจที่เกี่ยวข้องมากกว่า 100,000 อัตรา ใน 5 ปี</p>
</td>
</tr>
</tbody>
</table>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106786
 
3914  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - นางเอกสาว "พริม พริมา" ถูกแฟนหนุ่มคุกเข่าแต่งงานโรแมนติกมาก เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2566 18:23:39
นางเอกสาว "พริม พริมา" ถูกแฟนหนุ่มคุกเข่าแต่งงานโรแมนติกมาก
         


นางเอกสาว &quot;พริม พริมา&quot; ถูกแฟนหนุ่มคุกเข่าแต่งงานโรแมนติกมาก" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;นางเอกสาว "พริม พริมา" ถูกแฟนหนุ่มคุกเข่าแต่งงานโรแมนติกมาก หลังคบหาดูใจกันมา 6 ปีกว่า
         

https://www.sanook.com/news/9102198/
         
3915  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - ชาวเน็ตยก "ศิริกัญญายอดนักสู้" หลังปะทะคารมเพื่อไทย ปมกู้เงินแจกดิจิทัลวอลเ เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2566 18:21:57
ชาวเน็ตยก "ศิริกัญญายอดนักสู้" หลังปะทะคารมเพื่อไทย ปมกู้เงินแจกดิจิทัลวอลเล็ต
         


ชาวเน็ตยก &quot;ศิริกัญญายอดนักสู้&quot; หลังปะทะคารมเพื่อไทย ปมกู้เงินแจกดิจิทัลวอลเล็ต" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;หลัง “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี แถลงดิจิทัลวอลเล็ต “ไหม ศิริกัญญา” ก็ออกมาโต้ทันทีว่าเป็นนโยบายที่ไม่ได้คิดอย่างถี่ถ้วน อาจไม่มีใครสักคนได้เงิน 10,000 บาท

         

https://www.sanook.com/news/9102178/
         
3916  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - เผยพร้อมออก กม.พิเศษดึงนักลงทุน 'แลนด์บริดจ์' เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2566 16:54:39
เผยพร้อมออก กม.พิเศษดึงนักลงทุน 'แลนด์บริดจ์'
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-11-13 13:50</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ปลัด ก.คมนาคม เชื่อต่างชาติสนใจโครงการแลนด์บริดจ์ เผยพร้อมออกกฎหมายพิเศษเอื้อนักลงทุน ยืนยันไทยได้ประโยชน์ - 'เศรษฐา' หวังให้โครงการแลนด์บริดจ์ ช่วยให้คนรุ่นใหม่วางแผนอนาคต เกิดการลงทุน ยกระดับรายได้ เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น</p>
<p>12 พ.ย. 2566 เวลา 14.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ช้ากว่าประเทศไทย 15 ชั่วโมง ) นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวระหว่างร่วมคณะนายเศรษฐษ ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 (2023 APEC Economic Leaders’ Meeting) ที่นครซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ถึงการเตรียมโรดโชว์โครงการแลนด์บริดจ์ว่า ไม่ใช่โครงการที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นนานพอสมควรและพูดคุยตลอด 20-30 ปีที่ผ่านมา โดยรัฐบาลที่แล้วให้ศึกษาเรื่องแลนด์บริดจ์ ซึ่งประเทศไทยมีพื้นที่ที่ได้เปรียบ เนื่องจากพื้นที่ตั้งอยู่ระหว่าง 2 ฝั่งทะเล ได้แก่ ฝั่งทะเลจีนใต้ และฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งจะมีการขนส่งน้ำมันจากตะวันออกกลาง ไปยังโรงงานในผลิตใน จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน เมื่อผลิตเสร็จสินค้าส่วนหนึ่งจะข้ามไปทางมหาสมุทรแปซิฟิก</p>
<p>“ อีกส่วนจะวกกลับผ่านช่องแคบมะละกาไปทางยุโรป เอเชียกลาง และเอเชียใต้ ซึ่งประเทศไทยอยู่ตรงกลางจึงมีโลเคชั่นที่ได้เปรียบ อีกทั้งสินค้าที่ต้องผ่านช่องแคบมะละกามีจำนวนมากขึ้นและในอนาคตอาจจะมีปัญหาการส่งสินค้าได้ จึงเป็นจังหวะที่ประเทศไทยได้เปรียบ หากสามารถดึงสิ่งที่อยู่ในเส้นทางเดินเรือโลกมาผ่านประเทศไทยได้ โดยโครงการแลนด์บริดจ์จะทำให้เส้นทางการขนส่งสินค้าสั้นลงประมาณ 5 -​ 10 วัน และหากได้ทำโรดโชว์โครงการนี้ให้คนเห็น และมาลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทยก็มีโอกาสที่โครงการนี้จะเกิดขึ้นได้และประเทศไทยจะได้ประโยชน์”  ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าว</p>
<p>นายชยธรรม์ กล่าวว่า ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีพูดในหลายเวที ซึ่งมีหลายประเทศให้ความสนใจ รวมทั้งสหรัฐอเมริกาให้ความสนใจเรื่องนี้ จึงเป็นเหตุผลที่มาโรดโชว์ในสหรัฐอเมริกา สำหรับการโรดโชว์ครั้งนี้ เพื่อต้องการมารับฟังความเห็นของนักลงทุนว่า ถ้าต้องการมาลงทุนในประเทศไทย มีปัจจัยอะไรที่ต้องการ และให้เราเตรียมให้ โดยมุมหนึ่งในการพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์ คือเรื่องกฎหมาย จะต้องมีกฎหมายพิเศษที่เป็นลักษณะเดียวกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีซีซี ) จากนั้นจะนำความเห็นจากการโรดโชว์ไปประมวลว่าสิ่งใดสามารถทำได้ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน หรือมีอะไรที่จะต้องเพิ่มเติม</p>
<p>เมื่อถามว่า จะมีมาตรการภาษีเพื่อเป็นแรงจูงใจด้วยหรือไม่ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าว่า จะต้องคุยกันว่าเขามีความประสงค์หรือไม่ อย่างไรก็ตาม โครงการแลนด์บริดจ์ นอกจากจะนำเรือเดินสินค้า มายังประเทศไทยแล้ว ส่วนที่นายกฯ มองคือให้เขามาลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์แล้วส่งออก ซึ่งจะทำให้ต้นทุนต่างๆถูกลง อีกทั้งลดระยะเวลาการเดินทาง และสิ่งนี้จะทำให้โครงการแลนด์บริดจ์น่าสนใจมากขึ้น</p>
<p>ส่วนเป้าหมายของนักลงทุนจะเป็นต่างชาติ 100 เปอร์เซ็นต์หรือไม่ นายชยธรรม์ กล่าวว่า เรามองว่าเมื่อสร้างเสร็จต้องมีคนมาใช้ ดังนั้นคนที่จะมาลงทุนจะต้องเป็นคนที่อยู่ในธุรกิจนี้อยู่แล้ว</p>
<p>เมื่อถามว่า โครงการนี้จะเกิดได้เมื่อใด  ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า หลังโรดโชว์เสร็จสิ้นจะกลับไปประมวลว่าต้องทำกฎหมายพิเศษอย่างไร เมื่อทำเสร็จแล้วจะเชิญชวนนักลงทุนเข้ามาลงทุน ซึ่งภายในระยะเวลา 2 ปีจะมีความชัดเจน โดยในกรอบของกฎหมายจะมีการตั้งหน่วยงานและคณะกรรมการที่จะมารับผิดชอบในเรื่องนี้ ซึ่งโครงการนี้มีความเกี่ยวข้องหลายกระทรวง โดยจะมีการรายงานนายกฯ โดยตรง สำหรับเป้าหมายประเทศที่อยากให้มาลงทุนในโครงการดังกล่าวมีทั้งตะวันออกกลาง จีน ยุโรป อเมริกา</p>
<h2><span style="color:#3498db;">'เศรษฐา' หวังให้โครงการแลนด์บริดจ์ ช่วยให้คนรุ่นใหม่วางแผนอนาคต</span></h2>
<p>นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  กล่าวว่า จะใช้โอกาสในการเดินทางเข้าร่วมประชุมเอเปคในครั้งนี้เชิญชวนนักลงทุนมาลงทุนโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งเมื่อโครงการนี้เกิดขึ้นจะเกิดอุตสาหกรรมใหม่ และ จะขยายเป็นฐานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในพื้นที่ ไม่ใช่เฉพาะภาคการเกษตร แต่จะมีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องเกิดขึ้นด้วย ซึ่งจะยกระดับรายได้ประชาชน และเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น</p>
<p>สำหรับโอกาสที่จะเกิดขึ้นในการพบกับนักลงทุนในสหรัฐ นายกรัฐมนตรี กล่าวทุกครั้งที่เดินทางต่างประเทศ ได้แจ้งความคืบหน้า และก็จะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน รวมถึงยังเป็นโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ตัดสินใจวางอนาคต แม้โครงการยังไม่เกิดขึ้นทันที ต้องใช้เวลานาน แต่ก็จะเชื่อว่า คนรุ่นใหม่จะเล็งเห็นโอกาส จากโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ และ อาจจะตัดสินใจไม่ย้ายประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องสร้างแรงบันดาลใจ เพราะประเทศเราต้องดีขึ้น หากเรามีเขตอุตสาหกรรมที่ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีได้ และคนไทยมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ที่จะร่วมกันพัฒนา ก็จะเป็นจุดศูนย์กลางที่จะหล่อหลอมให้สังคมดีขึ้นได้ </p>
<p>สำหรับข้อเสนอที่จะจูงใจนักลงทุน ให้เลือกมาลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ของไทยนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีทั้งมาตรการทางภาษี พลังงานสะอาดที่รัฐบาลให้ความสำคัญ การบริหารจัดการน้ำในภาคอุตสาหกรรม การเป็นศูนย์กลางการบิน มีรถไฟความเร็วสูง ท่าเรือแหลมฉบัง สำหรับโลจิสติกส์และแลนด์บริดจ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะเป็นปัจจัยสำคัญให้นักลงทุนตัดสินใจ </p>
<p>ส่วนในมิติสังคม ประเทศไทยไม่แตกแยกเท่าบางประเทศ แม้ย่อมมีความเห็นที่ไม่ตรงกันบ้าง แต่อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบ นักลงทุนต่างชาติจะดูตรงนี้เป็นหลัก อีกทั้ง ไทยยังมีโรงเรียนและสถานพยาบาลมาตรฐานระดับโลก ซึ่งเป็นปัจจัยต่อการตัดสินใจของนักลงทุนเช่นกัน</p>
<p> </p>
<p><span style="color:#3498db;">ที่มาเรียบเรียงจาก </span><span style="color:#3498db;">สำนักข่าวไทย</span><span style="color:#3498db;"> | </span><span style="color:#3498db;">เว็บไซต์รัฐบาลไทย</span>
 </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข่https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106784
 
3917  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ความสามารถในการแข่งขันของคนไทยร่วงไปที่ 79 ของโลก คนฉลาดสมองไหลไป "สวิตเซอร์แล เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2566 15:52:17
ความสามารถในการแข่งขันของคนไทยร่วงไปที่ 79 ของโลก คนฉลาดสมองไหลไป "สวิตเซอร์แลนด์"
         


ความสามารถในการแข่งขันของคนไทยร่วงไปที่ 79 ของโลก คนฉลาดสมองไหลไป &quot;สวิตเซอร์แลนด์&quot;" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;รายงานดัชนีชี้วัดศักยภาพการแข่งขันด้านทรัพยากรมนุษย์โลก โดย INSEAD เปิดข้อมูลปี 2023 ชี้ประเทศไทยร่วงมาอยู่อันดับ 79 จากอันดับที่ 75 ในปี 2022

         

https://www.sanook.com/news/9102150/
         
3918  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'ศิริกัญญา' ระบุไม่เคยขอ 'เพื่อไทย' ให้ทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเมื่อตอนจะ เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2566 15:23:14
'ศิริกัญญา' ระบุไม่เคยขอ 'เพื่อไทย' ให้ทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเมื่อตอนจะร่วมรัฐบาลกัน
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-11-13 14:25</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'ศิริกัญญา' ทวีตระบุไม่เคยขอให้เพื่อไทยทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเมื่อตอนจะร่วมรัฐบาลกัน แต่เห็นเป็นนโยบายเรือธงใช้หาเสียงจึงเสนอว่าหากจะทำก็ได้แต่งบฯ ไม่พอต้องปรับลดลงมา และในตอนนั้นเพื่อไทยปฏิเสธไม่ยอมทำเอง</p>
<p>13 พ.ย. 2566 มติชนออนไลน์ รายงานว่าภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายค้านถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่าการวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ หากเป็นประโยชน์กับประเทศและประชาชนรัฐบาลยินดีรับฟังอยู่แล้ว เราไม่ได้ดื้อดึงอย่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กัน ซึ่งโครงการนี้มีการปรับเปลี่ยนเพราะหลายส่วนวิพากษ์วิจารณ์เข้ามา แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลรับฟังทุกฝ่าย หากฝ่ายค้านจะเสนอแนะวิธีการในโครงการนี้ก็สามารถทำได้ แต่หากจะวิจารณ์แค่ว่าเราผิด หรือแค่หาทางลงนั้น ตนไม่อยากให้คิดแค่เพียงนำความได้เปรียบทางการเมืองมาดิสเครดิตรัฐบาล</p>
<p>นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า ทั้งนี้รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย ตั้งใจทำตามสัญญา ซึ่งหัวใจของโครงการนี้ไม่ใช่เพื่อการแจกเงิน แต่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีปัญหามาอย่างยาวนาน โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ด้วย ซึ่งเราพยายามเดินหน้าโครงการด้วยความรอบคอบ เราได้มอบหมายคณะกรรมการกฤษฎีกาประสานงานกับแบงก์ชาติว่าจะใช้วิธีการใด จะต้องกู้หรือไม่ ทุกอย่างจะดำเนินการให้ถูกกฎหมายและทุกฝ่ายเห็นชอบ ส่วนที่จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่ารัฐบาลกำลังกลืนน้ำลาย เพราะจะกู้เงินมาทำโครงการ แล้วจะกลายเป็นจุดล้มละลายทางความน่าเชื่อถือของรัฐบาลเองนั้น ยืนยันว่าเป้าหมายของโครงการนี้คือการกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้ประชาชนเป็นกำลังซื้อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ หากรัฐบาลทำถูกต้อง ท่านก็ไม่ควรต้องติดใจ</p>
<p>ภูมิธรรมกล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล วิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลกำลังหาทางลงให้กับโครงการนี้ สมัยตอนที่พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ศิริกัญญา เองก็ขอให้เราทำโครงการนี้ เพียงแต่ขอให้ปรับลดเพดานเงินลง แสดงให้เห็นว่าศิริกัญญา เองก็เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว ดังนั้น ตนจึงไม่อยากให้นำความได้เปรียบทางการเมืองมาดิสเครดิตกัน ซึ่งไม่มีประโยชน์อะไร ประชาชนก็ไม่ได้ประโยชน์ ถามว่าพวกคุณเห็นด้วยหรือไม่ว่าประเทศไทยขณะนี้ต้องการการกระตุ้นเศรษฐกิจ</p>
<h2><span style="color:#3498db;">'ศิริกัญญา' ระบุไม่เคยขอให้ทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเมื่อตอนจะร่วมรัฐบาลกัน</span></h2>
<p> </p>
<blockquote class="twitter-tweet"><p dir="ltr" lang="th" xml:lang="th">ดิฉันไม่เคย “ขอ” ให้ทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่เมื่อจะร่วมรัฐบาลกัน ในการร่วมประชุมเพื่อวางแผนงบปี 67 อยากให้งบครอบคลุมโครงการของพรรคร่วมและเห็นว่านโยบายนี้เป็นนโยบายเรือธงที่พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียง</p>
<p>จึงเสนอว่าหากจะทำก็ได้ แต่งบประมาณไม่พอ ถ้าจะทำจริงต้องปรับลดงบลงมา… https://t.co/eDfhb6Yb5I</p>
<p>— Sirikanya Tansakun (@SirikanyaTansa1) November 12, 2023</p>
<script async="" src="https://platform.twitter.com/widgets.js" charset="utf-8"></script><p> </p>
<p>ต่อกรณีนี้ ศิริกัญญา ได้ทวีตข้อความระบุว่า "ดิฉันไม่เคย “ขอ” ให้ทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่เมื่อจะร่วมรัฐบาลกัน ในการร่วมประชุมเพื่อวางแผนงบปี 67 อยากให้งบครอบคลุมโครงการของพรรคร่วมและเห็นว่านโยบายนี้เป็นนโยบายเรือธงที่พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียง"</p>
<p>"จึงเสนอว่าหากจะทำก็ได้ แต่งบประมาณไม่พอ ถ้าจะทำจริงต้องปรับลดงบลงมา และก็เป็นพรรคเพื่อไทยเองที่ปฏิเสธไม่ยอมทำ"</p>
<p>"ถ้าอยากให้ดิฉันหยุดพูดเรื่องนี้ก็เปิดเผยรายงานการประชุมและมติที่ประชุม คกก.มา ว่าตัวแทนกฤษฎีกาในคกก.ชุดใหญ่พูดว่าอะไร ถึงเชื่อว่าทำได้ถูกกฎหมาย ไม่ใช่มาขุดอดีตหาความชอบธรรม"</p>
<h2><span style="color:#3498db;">ถามทำไมฝ่ายค้านต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบ</span></h2>
<p>นอกจากนี้ ผู้จัดการออนไลน์ รายงานถึงกรณีที่ศิริกัญญากล่าวถึงกรณีที่อดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ออกมาท้าบวชชี และการโต้ตอบของหลายคนในฝั่งรัฐบาลเกี่ยวกับนโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ว่าเป็นเรื่องตลกที่ทำไมฝ่ายค้านก็เป็นฝ่ายที่รับผิดชอบ ถ้าเกิดถามกลับว่าแล้วถ้าทำไม่สำเร็จ ทางรัฐบาลจะรับผิดชอบอย่างไร หรืออดิศรจะรับผิดชอบอย่างไร</p>
<p>“เรื่องมันง่ายมาก แต่การออกมาตอบโต้แบบนี้ทำให้เรารู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลแล้วแหละ ตีตกสิ่งที่เราพูดนี่มันง่ายมาก” ศิริกัญญา กล่าว</p>
<p>เมื่อถามว่ากรณีที่อดิศรจะให้ไปบวชชี จะให้อดิศรไปบวชกลับหรือไม่ ถ้าทำนโยบายแจกเงินดิจิทัลไม่ได้ ศิริกัญญา กล่าวว่า ไม่หรอก เพราะอดิศรน่าจะจบหลายเปรียญ</p>
<p>ส่วนที่อดิศรชอบแต่งกลอนถึงฝ่ายค้าน ศิริกัญญา กล่าวว่า ขอบคุณมาก ถ้าเป็นกลอน พร้อมกับยิ้มและกล่าวว่า ตนชอบอ่านกลอน และย้ำว่ามันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล ไม่เช่นนั้นมันไม่น่าจะหลุดมาเป็นอะไรไปแล้วก็ไม่รู้ ตนก็นั่งอ่านเรื่องนโยบายแจกเงินอย่างเพลิดเพลินในทวิตเตอร์ มากันครบทั้งพรรคเพื่อไทยแล้วหรือไม่</p>
<p>เมื่อถามว่าการที่ออกมาแบบนี้ ถือว่ามีเป้าหมายหรือไม่ ศิริกัญญา กล่าวว่าใจหนึ่งคงอยากเป็นองครักษ์ แต่ก็อยากให้เป็นองครักษ์ที่ถูกต้อง คือโต้ตอบในประเด็นที่มีการหยิบยกขึ้นมา ถ้าไปโต้อย่างอื่น เป็นเรื่องอื่น มันก็ไม่ช่วยทำให้เกิดความกระจ่างชัดเจนมากขึ้น</p>
<p>ศิริกัญญา ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะนีดพิจารณาตัดสินคดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกล ว่าลุ้นมากขอให้แคล้วคลาดปลอดภัย เราเจอมาเยอะ เกี่ยวกับการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ เราไม่อยากให้รัฐบาลนี้จะต้องมาเจออะไรแบบนี้เช่นเดียวกัน ถ้าจะให้มีการยกเลิกหรือล้มเลิกอะไรไปก็คงให้เป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตย อย่าเอากลไกข้างนอกแบบนี้มาใช้ ไม่ควรมีองค์กรอิสระองค์กรไหนก็ตาม ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องของนโยบายหาเสียง</p>
<p>พร้อมยอมรับว่าแอบหวั่นเรื่องการพิจารณาคดีเกี่ยวกับนโยบายหาเสียง ม.112 ว่าตนอาจจะโดนตัดสิทธิไปด้วย เนื่องจากเป็นผู้ที่ลงนามสนับสนุนนโยบายนี้ ซึ่ง สส.พรรครุ่นที่แล้วก็อาจจะไปด้วยกันทั้งพรรค</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106785
 
3919  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - โฆษกรัฐบาลแจงแนวคิดการทำงานร่วมกับตำรวจจีน เพื่อให้ได้ข้อมูลเบาะแสคนจีนสีเท เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2566 13:51:24
โฆษกรัฐบาลแจงแนวคิดการทำงานร่วมกับตำรวจจีน เพื่อให้ได้ข้อมูลเบาะแสคนจีนสีเทา
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-11-13 12:38</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>โฆษกรัฐบาลแจงแนวคิดการทำงานร่วมกับตำรวจจีน เพื่อให้ได้ข้อมูลเบาะแสคนจีนสีเทาจากตำรวจจีน ไม่ใช่ให้ตำรวจจีนมาลาดตระเวนในไทย ยันไม่เกี่ยวกับความเป็นเอกราช</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://media.thaigov.go.th/uploads/thumbnail/news/2023/11/IMG_74601_20231112203733000000.jpg" />
<span style="color:#f39c12;">ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี</span></p>
<p>12 พ.ย. 2566 เว็บไซต์รัฐบาลไทย รายงานว่าชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณี มาตรการรักษาความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวจีนเกิดความเชื่อมั่น ว่าจากการประชุมหารือเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 12 พฤศจิกายน 2566 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพียงหนึ่งชั่วโมงครึ่งก่อนนายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่สหรัฐฯ ในหารือ ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้หารือเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีน โดยเฉพาะปัญหาความปลอดภัยจากคนจีนกลุ่มสีเทาที่เข้ามาสร้างปัญหาในประเทศไทย โดยทาง สตช. รายงานว่า พฤติกรรมของอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในมุมของคนจีนที่มาท่องเที่ยวเมืองไทย พบว่าพวกกลุ่มคนจีนสีเทา มีความเกรงกลัวตำรวจจีนด้วยกันเอง และนักท่องเที่ยวจีนจะรู้สึกปลอดภัยเป็นพิเศษจากพวกเกเรทั้งหลายที่เป็นคนจีนด้วยกันแต่มารังแกคนจีนที่มาท่องเที่ยวไทย หากมีตำรวจจีนมาช่วยดูแล เขาจะรู้สึกเชื่อมั่นเป็นพิเศษ</p>
<div class="more-story">
<p><strong>ข่าวที่เกี่ยวข้อง</strong></p>
<ul>
<li>ผู้ว่า ททท. เผยเตรียมดึง 'ตำรวจจีน' ลาดตระเวนเมืองท่องเที่ยว ตามรอยอิตาลี</li>
</ul>
</div>
<p>ดังนั้น ตำรวจของไทยจึงคิดว่า กลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการกำราบกลุ่มจีนสีเทา คือขอให้ตำรวจจีนเป็นผู้ช่วยในการปฎิบัติงาน ซึ่งปกติการทำงานร่วมกันของตำรวจสากลมีการทำงานร่วมกันอยู่แล้ว เพียงแต่ครั้งนี้แสดงออกให้เห็นชัดเจนขึ้น เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจไทยได้รับข้อมูลและเบาะแสที่แม่นยำรวดเร็วขึ้น ซึ่งตำรวจจีนมีข้อมูลและมีเบาะแสพร้อมจะให้ความร่วมมือกับตำรวจไทยเต็ม 100% และพร้อมจะให้ข้อมูลชี้เบาะแสล่วงหน้า ป้องกันไม่ให้พวกคนจีนที่คิดไม่ดีมาก่อเหตุและทำให้เสียบรรยากาศการท่องเที่ยวในประเทศไทยของคนจีน รวมถึงนักท่องเที่ยวจีนมีความเชื่อมั่นถ้ามีตำรวจจีนมาร่วมทำงานกับตำรวจไทย</p>
<p>โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ข่าวที่จะให้ตำรวจจีนมาตระเวนดูแลความปลอดภัยไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ความจริงเพียงแค่มาร่วมมือทำงานและให้ข้อมูลเบาะแสเพื่อให้ตำรวจไทยทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าประเทศไทยเป็นเอกราชทำไมต้องใช้ตำรวจจีนมาลาดตระเวน เรื่องที่มีลักษณะสร้างสรรค์เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติเช่นนี้ ทำไมต้องบิดเบือนและลากให้ไปโยงกับเรื่องของศักดิ์ศรีของประเทศเช่นนั้น ขออย่าได้เล่นเกมวาทะกรรมทางการเมืองกันจนเกินกว่าเหตุเช่นนี้เลย เรามามุ่งสมาธิให้กับการทำงานรับใช้ประเทศชาติและประชาชนกันดีกว่า</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106782
 
3920  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - สรุปข่าว #เลิกบังคับแปรอักษร ดราม่าร้อนจาก "งานบอลจตุรมิตร" เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2566 13:22:13
สรุปข่าว #เลิกบังคับแปรอักษร ดราม่าร้อนจาก "งานบอลจตุรมิตร"
         


สรุปข่าว #เลิกบังคับแปรอักษร ดราม่าร้อนจาก &quot;งานบอลจตุรมิตร&quot;" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;สรุปดราม่าจากงานฟุตบอลจตุรมิตร หลังศิษย์เก่าฯ ติดป้ายประท้วงยกเลิกบังคับแปรอักษร ขอให้เปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ

         

https://www.sanook.com/news/9102030/
         
หน้า:  1 ... 194 195 [196] 197 198 ... 1122
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 1.22 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 17 ธันวาคม 2559 13:20:22