.ลึกลับแต่สัมผัสได้จริง ใน 'เมียนมาร์'
ลึกลับแต่สัมผัสได้จริง ใน 'เมียนมาร์' (จบ)โดย มาตยวงศ์ อมาตยกุล บรรยากาศที่บ้านของหมอดูอีที คือเราสี่คนนั่งล้อมโต๊ะสี่เหลี่ยมตัวนั้นกันแบบเผชิญหน้า บนโต๊ะมีกระดาษโน๊ตเปล่าวางไว้ปึกหนึ่งพร้อมปากกาหนึ่งด้าม
หมอดูอีทีเมื่อเข้ามาถึงห้องก็ลงนั่ง ไม่มีการพูดจาสอบถามข้อมูลเบื้องต้นอะไรกันทั้งสิ้น มะตีตี่น้องสาวที่ทำหน้าที่เป็นล่ามก็บอกให้เรานำกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะโดยไม่ต้องเปิดออกแต่อย่างใด
ตัวหมอดูก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง เริ่มขีดเขียนตัวอักษรและตัวเลขลงบนกระดาษโน๊ตที่เตรียมไว้ทันที แบบไม่ต้องมีลีลาหรือคิดมาก ไม่มีคำถามนำ ไม่มีการเตี๊ยมล่วงหน้า
และที่สำคัญคือ ไม่มีชื่ออยู่ในนัดหมายอย่างที่เกริ่นให้ทราบความเป็นมาตั้งแต่ต้น
พอเขียนตัวอักษรและตัวเลขเสร็จเขาก็แจ้งให้เราเปิดกระเป๋าสตางค์เพื่อตรวจสอบดูซิว่า มีธนบัตรใบใดในกระเป๋า ที่มีตัวอักษรและหมายเลขตรงกันกับที่เขาเขียนลงไปในกระดาษบ้างหรือเปล่า
คล้ายๆ กับเป็นการทดสอบความแม่นยำในชั้นต้นอะไรทำนองนั้น
ผมนึกเอาเองในใจขณะนั้นว่า หมอดูคนนี้มาแนวแปลก แต่ก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน และก็ไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้ข้อมูลอะไรแก่เขาได้เลยจึงเปิดกระเป๋าตรวจสอบดู
ในกระเป๋าของผมมีธนบัตรอยู่ ๓ สกุล ทั้งเงินบาทไทย เงินเหรียญสหรัฐ และเงินจาต ของพม่า
ท่าทางการค้นหาอาจจะต้องใช้เวลากันพอสมควรซึ่งเขาคงจะสังเกตเห็นได้ ก็เลยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาและตัดความรำคาญ จึงขยับปากกาเขียนแจ้งลงไปในกระดาษโน้ตเพิ่มเติมว่า “US Dollar”
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ หนึ่งในนั้นมีตัวอักษรและตัวเลขอีกแปดหลักที่ตรงกันกับที่เขาเขียนเอาไว้เลย
ฮ้า นี่ถ้าไม่ใช่โดนด้วยตัวเอง ก็ต้องหาว่าเป็นหน้าม้าที่จัดฉากเตรียมการรู้กันเอาไว้ก่อนหน้าเป็นแน่แท้
ยังไม่ทันจะหายมึนงงดี หมอดูอีทีก็เริ่มขีดเขียนต่อโดยเริ่มจากเรื่องราวในอดีตของเราก่อน ว่ากันเป็นฉากๆ ทุกช่วงชีวิตที่สำคัญที่เคยผ่านมา ตอนนี้ยิ่งมึนหนักเข้าไปใหญ่ว่าเขาล่วงรู้ได้อย่างไร
ทุกเรื่องที่เขียนลงบนกระดาษเป็นไปในลักษณะ shot note ภาษาอังกฤษ ใช้คำง่ายๆ ให้เข้าใจได้
ทั้งนี้ ถ้าประเด็นไหนอ่านแล้วยังไม่เข้าใจความหมาย มะตีตี่น้องสาวจะช่วยสื่อสารขยายความให้เข้าใจตรงกัน
ในแง่ของเนื้อหาที่เขียนทำนาย ไม่ต้องมีการตีความสองแง่สามง่ามแต่ประการใด ทุกเรื่องยิ่งเสียกว่าฟันธง เพราะระบุชัดเจนไม่ต้องแปลให้ยุ่งยาก
และที่สำคัญ ทุกเรื่องราวถูกต้องตรงตามเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาจริงในชีวิตผมและภรรยาทุกอย่าง
อะไรจะขนาดนั้น
เสร็จจากเรื่องอดีตก็ตามมาด้วยเรื่องของปัจจุบัน เช่น มีลูกชายชื่อนี้ ลูกสาวชื่อนั้น ตัวสะกดภาษาอังกฤษอาจจะผิดเพี้ยนไปบ้างแต่อ่านแล้วเข้าใจได้เลยว่าเป็นชื่อลูกของเรา ไม่ต้องมาอารัมภบทว่ามีลูกกี่คน ชายหรือหญิง แต่ไล่ชื่อกันมาเลยจะๆ เห็นแล้วขนลุก
แถมยังบอกอุปนิสัยใจคอ สถานะการเรียนการศึกษาพร้อมสรรพ จากนั้น ถึงจะตามมาด้วยเรื่องของในอนาคต
โดยสรุป การทำนายทายทักที่เป็นเรื่องในอดีตและปัจจุบัน ชัดเจนถูกต้องตรงหมดเพราะเราก็รู้ดีอยู่
ส่วนเรื่องในอนาคต คงจะต้องรอผลการพิสูจน์กันต่อไป
พอดูเสร็จล่ามน้องสาวเขาก็ถามว่า เรามีคำถามอะไรจะเพิ่มเติมอีกไหม
เชื่อหรือไม่ครับว่า เขาได้ตอบคำถามทั้งหมดที่เราคิดเอาไว้ในใจไปซะหมดสิ้นแล้ว เลยไม่รู้ว่าอยากจะถามอะไรอีก เหมือนกับเขาทราบมาก่อนล่วงหน้าว่าเราอยากจะรู้เรื่องอะไรบ้าง
เดินกลับลงมาชั้นช่างที่ห้องรับแขกแบบยังไม่หายพิศวงงงงันกับสิ่งที่ได้ประสบพบเห็น ผู้ใหญ่ท่านก็ยิ้มรับและร้องถามแกมหยอกมาว่า “เป็นอย่างไรบ้างล่ะ โดนเข้าไปเต็มๆ ไหม” พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลยครับ เพราะมันขัดกับความรู้สึกส่วนตัว และเกินความคาดหมายไปมาก ชนิดที่ไม่สามารถจะกลั่นออกมาเป็นคำพูดได้
จากวันนั้น เวลาผ่านไปสักประมาณเดือนกว่าๆ ผมมีความจำเป็นต้องเดินทางกลับประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมประชุมแผนงานประจำปี
เมื่อถึงสนามบินก็ได้พบกับเจ้าลูกชาย ซึ่งขณะนั้นเขากำลังเรียนอยู่ปีที่ ๒ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เขามารอรับที่สนามบิน พบหน้ากันเขาก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อเช้าเขาเพิ่งจะไปดูผลสอบปลายปี ซึ่งผลที่ออกมาเขาสอบผ่านแบบเฉียดฉิว
ผมนี้ขนลุกซู่ นึกย้อนเตือนกลับไปถึงคำทำนายตอนหนึ่งของหมอดูแปลกประหลาดในทันที ก็เขาเคยเขียนบอกเอาไว้ในวันนั้นว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องผลการเรียนของลูกชายนะ เพราะเขาจะสามารถสอบผ่านปลายปีไปได้อย่างฉิวเฉียด
นี่ยังไม่ได้ลงในรายละเอียดที่ว่า เขาเขียนวันเดือนปีเกิดของเราทุกคนในครอบครัวได้อย่างถูกต้อง
รู้แม้แต่ค่าความดันสูงต่ำ ซึ่งตรงกันเป๊ะกับผลการตรวจสุขภาพครั้งล่าสุดจากโรงพยาบาลชั้นนำในกรุงเทพฯ
โลกเรานี้ น่าจะยังมีอะไรๆ อีกมากมายที่ยังรอการพิสูจน์ ยากที่จะอธิบายกันด้วยเหตุและผล ไม่เชื่อก็อย่าได้ไปลบหลู่เข้าเชียว เดี๋ยวอาจจะหน้าแตกอย่างที่ผมไปประสบพบมา
เนื่องจากผมไปทำงานอยู่ในประเทศเมียนมาร์มานานเกือบ ๘ ปี ได้มีโอกาสสัมผัสกับผู้คนมากหลายที่ไปดูหมอดูอีทีคนนี้ เรื่องอดีตกับปัจจุบันพูดตรงกันหมดว่าแม่นยำมาก แต่เรื่องอนาคตบางคนก็บอกว่าตรงบ้างไม่ตรงบ้างซึ่งแตกต่างกันไป
ของคนอื่นผมไม่รู้ชัด แต่ส่วนตัวเจอมาเต็มๆ
รับทราบมาว่า จากรายได้การรับดูหมอทั้งหมด เขาจะกันส่วนหนึ่งเอาไปทำบุญให้กับคนยากคนจน ทั้งการสร้างโรงพยาบาลชุมชนในกรุงย่างกุ้ง เพื่อรักษาพยาบาลให้แก่คนจนด้อยโอกาส การสนับสนุนโรงเจเลี้ยงอาหารให้กับคนยากไร้ที่เมืองปาเต็งบ้านเกิดของเขา
ส่วนกรณีที่ถามถึงสาเหตุของการรับรู้ที่เหมือนตาทิพย์นั้น ทางครอบครัวเขาเล่าให้ฟังว่า สมัยอีทีเป็นเด็ก เขาก็เป็นเสมือนเด็กเล็กธรรมดาทั่วไปในพม่า ไม่มีอะไรผิดปรกติทั้งทางกายและจิตใจ
จนเมื่อเติบโตขึ้นมาก็เกิดป่วยหนักขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ มีอาการไข้ขึ้นสูงมากและทำท่าว่าจะไม่รอดเอาซะด้วย ซึ่งเป็นเรื่องปรกติธรรมดาอีกเหมือนกันในประเทศเมียนมาร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในต่างจังหวัดห่างไกลความเจริญ ที่ซึ่งขาดในเรื่องของการรักษาพยาบาลและสาธาณูปโภคพื้นฐาน
ประกอบกับทางบ้านก็ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยแต่ประการใด ที่จะสามารถเข้าถึงสถานพยาบาลที่ดีกว่าในเมืองใหญ่
นี่คงเป็นประเด็นปัจจัยสำคัญต่อการตัดสินใจทำบุญสร้างโรงพยาบาลชุมชนของเขา
หลังจากอาการป่วยหนักที่ดูเหมือนจะไปไม่รอดครั้งนั้น ด้านทางร่างกายกลับเหมือนจะหยุดการเจริญเติบโต มือเท้าเกร็งจนบิดงอใช้การไม่ได้เหมือนที่เคยปรกติ ประสาทหูดับไม่สามารถรับรู้ ประกอบกับหลอดเสียงก็พลอยขาดหายไปด้วย
นับว่ายังดีที่สามารถเอาชีวิตรอดมาได้ถึงแม้ว่าจะต้องพิการ
ครอบครัวของเขาก็ค่อนข้างจะอบอุ่น ฟูมฟักดูแลกันมาอย่างไม่เคยทอดทิ้ง
เด็กสาวคนนี้จึงยังใช้ชีวิตต่อมาได้ตามอัตภาพ
หลังจากอาการป่วยไข้ครั้งนั้น มีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้คนในครอบครัวต้องแปลกใจกับการรับรู้พิเศษ
อย่างเช่นใครทำของอะไรหายหาไม่เจอ อีทีก็จะบอกให้ไปดูที่นั่นที่นี่โดยใช้ภาษากายเป็นได้เจอะเจอตามนั้น
จนกลายมาเป็นหมอดูชื่อดังจนถึงทุกวันนี้
มีคนบางจำพวก ที่เขาพยายามจะโหนกระแสใช้ประโยชน์จากกรณีนี้ โดยมักจะนำมากล่าวอ้างว่า หมอดูอีทีทำนายทายทักอย่างโน้นอย่างนี้ พาดพิงไปถึงเรื่องทางการเมืองบ้าง บุคคลสำคัญอื่นบ้าง เพื่อให้ขยายเกิดผลดีกับฝ่ายตน หรือไปสร้างผลเสียให้กับผู้อื่น ในเชิงจิตวิทยาก็ดี ในเชิงสัญลักษณ์ก็ดี
จากประสบการณ์ตรงด้วยตัวเองของผมเท่าที่สัมผัสรับรู้มาโดยตลอดระยะเวลานานปี มีความสัมพันธ์ในระดับหนึ่งกับทั้งครอบครัวของเขา ขอรับรองได้เลยครับว่า
เขาจะไม่ไปก้าวก่ายทักทายทำนายไปถึงบุคคลที่สามที่ไม่ใช่ญาติสนิทมิตรสหาย เขาจะไม่ไปแตะต้องเรื่องทางการเมืองของประเทศใดๆ
หรือแม้แต่เรื่องปัญหาภายในส่วนบุคคลที่เป็นเรื่องอ่อนไหวอย่างกรณีการมีภรรยาน้อย เป็นต้น เขาจะหลีกเลี่ยงเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะตามมาได้
ซึ่งเขามองว่ากรณีต่างๆ เหล่านี้เป็นบาป ต้องหลีกเลี่ยงละเว้น
ไม่มีกรณีแก้บนทำพิธีสร้างภาพหลอกลวง เพื่อสร้างรายได้เสริมแต่ประการใดทั้งสิ้น
ถ้ามีใครกล่าวอ้างเรื่องอะไรทำนองอย่างนี้ ผมและหมอดูคนนี้นี่แหละจะหักธงว่า “นั่งเทียน” •ที่มา คอลัมน์ มุมมองเมียนมาร์ 'ลึกลับแต่สัมผัสได้จริง ในเมียนมาร์' โดย มาตยวงศ์ อมาตยกุล หนังสือมติชนสุดสัปดาห์ หน้า ๕๓ ฉบับประจำวันที่ ๑๕-๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๗------------------------
*
หมอดูอีที หรือ “ซุย ซุย วิน” เป็นหมอดูชื่อดังก้องโลก ที่บรรดาคนดังจากทุกแห่งในโลก เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมายังประเทศพม่า เพื่อมาขอให้ท่านทำนายดวงชะตา โดย หมอดูอีที เป็นที่กล่าวขวัญถึงการทำนายที่แม่นยำ และหยั่งรู้อนาคต จนคนที่เดินทางไปดูต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า แม่นอย่างที่ไม่เคยพบเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
หมอดูอีที เป็นหญิงชาวพม่า อายุ ๔๒ ปี ชื่อ อีที (
ET) เป็นคำย่อของ
อีติ (
E Thi) หรือ
มะขุ่ย ลักษณะร่างกายนั้น เป็นหญิงรูปร่างเล็ก เป็นใบ้ หลังค่อม นิ้วคด เท้าพลิก มือเกร็ง ว่ากันว่าหมอดูอีทีคนนี้ สามารถทำนายโชคชะตา ดูดวงบ้าน ดูดวงเมือง ได้แม่นราวกับตาเห็น ซึ่งบรรดานักการเมืองระดับบิ๊กเบิ้มจากทั่วโลก ต่างเดินทางมาให้หมอดูอีที ช่วยทำนายดวงให้ ไม่เว้นแม้แต่นักการเมืองไทย หรือนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของบ้านเรา โดยอัตราการดูหมอนั้น คิดค่าบริการครั้งละ 1,000
US คิดเป็นเงินไทยประมาณ ๓๐,๐๐๐ บาท ส่วนคิดการดูดวงกับหมอดูอีทีนั้น ต้องต่อคิวยาวหลายเดือน