'ปิยบุตร' เสนอ 6 ข้อถึง 'ก้าวไกล' ถือธงนำด้านความคิด แก้ ม.112 ต่อ ท้าชนศาล รธน.
<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2024-02-03 16:38</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภาพปก: ปิยบุตร แสงกนกกุล</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'ปิยบุตร' เสนอ 6 ข้อถึง 'ก้าวไกล' หลังศาล รธน.มีคำวินิจฉัยว่าหาเสียงแก้ 112 ถือว่าใช้สิทธิล้มการปกครอง มอง สส.พรรคฯ ต้องถือธงนำประชาชนด้านความคิด ไม่หวั่นถูกยุบพรรค หาช่องแก้ไขมาตรา 112 ต่อ ท้าชนอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ</p>
<p> </p>
<p>3 ก.พ. 2567
ปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย และอดีต สส.พรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียเมื่อวานนี้ (2 ก.พ.) ถึงข้อเสนอถึงพรรคก้าวไกลภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยคดีล้มล้างการปกครอง โดยมีทั้งหมด 6 ข้อหลัก</p>
<p style="text-align: center;"> </p>
<blockquote class="twitter-tweet"><p dir="ltr" lang="th" xml:lang="th">[ข้อเสนอถึงพรรคก้าวไกลภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยคดีล้มล้างการปกครอง]</p>
<p>ภายหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยคดีล้มล้างการปกครองเมื่อวันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา ค่ำวันเดียวกัน ผมได้วิจารณ์และแสดงความไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยดังกล่าว ตั้งแต่หัวยันท้าย ไปแล้วนััน</p>
<p>วันนี้…
pic.twitter.com/bCr2ptk3I5</p>
<p>— Piyabutr Saengkanokkul (@Piyabutr_FWP)
February 2, 2024</p>
<script async="" src="
https://platform.twitter.com/widgets.js" charset="utf-8"></script><p> </p>
<p>การเสนอความเห็นของปิยบุตร สืบเนื่องจากเมื่อ 31 ม.ค. 2567 ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า นโยบายหาเสียงแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล ถือเป็นการใช้สิทธิล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันทรงมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ปิยบุตร จึงมีข้อเสนอถึงพรรคก้าวไกล ดังนี้</p>
<div class="more-story">
<p>ข่าวที่เกี่ยวข้อง</p>
<ul>
<li>
ศาลรัฐธรรมนูญฟันเสนอแก้ 112 ของ 'พิธา-ก้าวไกล' เป็นการใช้สิทธิฯ 'ล้มล้างการปกครอง' สั่งเลิกการกระทำ</li>
</ul>
</div>
<h2><span style="color:#2980b9;">ข้อ 1 'ก้าวไกล' ต้องถือธงนำประชาชน ไม่ใช่ให้ประชาชนเดินนำและคอยปกป้อง</span></h2>
<p>ปิยบุตร ระบุว่า ในฐานะพรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่สืบทอดมาจากพรรคอนาคตใหม่ ต้องตระหนักเรื่องการเป็นพรรคการเมืองที่นำความคิดมวลชน ความเป็นพรรคอะวองการ์ดด้วย มิใช่ปล่อยให้ประชาชนนำโดยลำพัง แล้วรอเก็บดอกผลความนิยมจากการเลือกตั้ง เพื่อให้ตนเองเข้าไปมีอำนาจแต่เพียงอย่างเดียว
ปิยบุตร กล่าวว่า ในช่วงเวลาที่ “นิติสงคราม” รุมกระหน่ำซัดพรรคก้าวไกลในช่วงเวลานี้ เขาอยากให้พรรคตั้งสติ ตั้งหลักให้ดี อย่าลนลานตระหนกตกใจ จนเดินสะเปะสะปะ ไร้ทิศทาง ไร้แนวคิดรากฐาน แน่นอนว่ามันมีความกลัว มีความกังวลถึงภัยทางกฎหมายที่จะตามมาเป็นลูกระนาด ความกลัวเหล่านี้เกิดได้เป็นธรรมดา เราเป็นปุถุชนรู้สึกแบบนั้นได้ แต่เมื่อตั้งหลักได้แล้ว ขอให้กลับมายืนหยัดนำความคิดประชาชน</p>
<p>ปิยบุตร กล่าวต่อว่า อย่าปล่อยให้พรรคก้าวไกลกลายเป็นพรรคฯ ที่รอคอยความช่วยเหลือจากประชาชน ให้ปกป้องตนเอง ถึงเวลาก็เรียกใช้ประชาชนให้ปกป้อง แต่กลับไม่คิดอ่านขยับขยายการต่อสู้เลย อย่าปล่อยให้พรรคก้าวไกลที่ไม่ว่าจะตัดสินใจทำอะไร ก็จะมีกองเชียร์ผู้สนับสนุนคอยปกป้อง โดยไม่ติดชี้นำความคิดของประชาชนของพรรค แล้วก็กอบโกยเอาความนิยมจากประชาชนอย่างเดียว
นักวิชาการด้านกฎหมาย ระบุว่า อย่าปล่อยให้พรรคก้าวไกล เปลี่ยนจาก "ยานพาหนะของการเปลี่ยนแปลง" ไปเป็น "ยานพาหนะ ให้คนกลายเป็นอำมาตย์รายใหม่" กลายเป็นที่รวมตัวกันของคนที่อยากเป็น สส. เป็นรัฐมนตรี </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ข้อ 2 หาช่องทางที่ยังพอเป็นไปได้ในการผลักดันการแก้ไข 112 ต่อ </span></h2>
<p>ปิยบุตร กล่าวต่อว่า เนื่องจากสภาพปัจจุบัน พรรคการเมืองจะไม่ค่อยกระตือรือร้นกับการแก้ไขมาตรา 112 หากพรรคก้าวไกล ยังคงยืนยันว่ามาตรา 112 เป็นปัญหาสำหรับการเมืองไทย กระทบต่อเสรีภาพการแสดงความคิดเห็น กลายเป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งกัน จำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุง เพื่อสร้างความเป็นประชาธิปไตย ความยุติธรรม และปกป้องรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ พรรคก้าวไกลต้องทำให้ภารกิจนี้เดินต่อ</p>
<p>ปิยบุตร ระบุถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญด้วยว่า ไม่ได้ห้ามแก้ไขมาตรา 112 อย่างสัมบูรณ์เด็ดขาด ต่อให้ยอมรับคำวินิจฉัย และจำเป็นต้องทำตามคำวินิจฉัยนี้ มันยังมีช่องทางให้แก้ไขได้อยู่ นั่นคือการเสนอ ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในประเด็นดังต่อไปนี้ 1. ลดอัตราโทษ 2. ยกเลิกโทษจำคุกขั้นต่ำ 3. แบ่งแยกความผิดออกเป็น 3 ฐานความผิด ได้แก่ หมิ่นประมาท ฐานหนึ่ง ดูหมิ่น ฐานสอง อาฆาตมาดร้าย และ ฐานสาม แบ่งแยกตามตำแหน่งที่คุ้มครอง และ 4. กำหนดให้นายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ร้องทุกข์กล่าวโทษในความผิดมาตรา 112 ผู้เดียว </p>
<p>"เมื่อประตูการแก้ไข 112 ยังคงเปิดอยู่ ยังพอมีพื้นที่ให้ขยับขยายอยู่บ้าง พรรคก้าวไกลก็ไม่ควรละทิ้ง โดยอ้างแต่เรื่องความอยู่รอดปลอดภัยขึ้นบังหน้า" ปิยบุตร กล่าว</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ข้อ 3 กล้าหาญยืนยันโต้กับศาลรัฐธรรมนูญ </span></h2>
<p>ปิยบุตร เสนอต่อว่า หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้ว ยังไม่เห็นคนของพรรคก้าวไกลออกมาตอบโต้ศาลรัฐธรรมนูญเลย มีเพียงแถลงการณ์สั้นๆ ของหัวหน้าพรรคฯ</p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53500220299_09f301886d_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">การแถลงข่าวของพรรคก้าวไกล หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อ 31 มกราคม 2567</span></p>
<div class="more-story">
<p>ข่าวที่เกี่ยวข้อง</p>
<ul>
<li>
'ก้าวไกล' หวั่นคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ก่อปัญหาดุลยภาพระหว่างประชาธิปไตย-สถาบันกษัตริย์</li>
</ul>
</div>
<p>จุดยืนของพรรคตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่ คือ การต่อสู้กับขบวนการตุลาการภิวัฒน์ แต่ ณ วันนี้เราต่อสู้น้อยมาก แม้ว่าจะมีแถลงการณ์จากหัวหน้าพรรคก้าวไกลสั้นๆ แต่เห็นว่าน้อยเกินไป</p>
<p>ปิยบุตร มองว่า สส.ถืออำนาจรัฐที่จะต่อสู้ถ่วงดุลกับศาลรัฐธรรมนูญได้ การปล่อยให้ประชาชนรับภาระสู้กับศาลฯ นั่นคือการผลักภาระให้เขาเสี่ยงโดนคดี สส.ต่างหากที่ถืออำนาจแก้ไขกฎหมายอยู่ในมือ พรรคการเมืองสามารถเสนอนโยบายผ่านการเลือกตั้งเข้าไปมีอำนาจรัฐ หาก สส. และพรรคก้าวไกล ไม่คิดสู้กับศาลรัฐธรรมนูญบ้างเลย ก็คงไม่เหลือใครที่พอจะยันกับศาลรัฐธรรมนูญได้ ในท้ายที่สุด ศาลรัฐธรรมนูญก็จะขยับกินแดน สถาปนาตนกลายเป็น "รัฐธรรมนูญ"
การโต้กับศาลรัฐธรรมนูญ ทำได้ตั้งแต่ 1. วิจารณ์คำวินิจฉัยอย่างตรงไปตรงมา 2. ใช้กลไกของสภาผู้แทนราษฎร อภิปราย หรือตั้งคณะกรรมาธิการ ศึกษาแนวคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่เป็นปัญหาทั้งหมด 3. เสนอร่าง พ.ร.ป. แก้ไข พ.ร.ป.ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อยกเลิกเรื่องละเมิดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ตีกรอบอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ </p>
<p>4.เสนอร่าง รธน แก้ไขเพิ่มเติม ตีกรอบมาตรา 49 มิให้รวมถึงการเสนอร่างกฎหมาย การใช้อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร ห้ามมิให้ศาลรัฐธรรมนูญเข้าแทรกแซงสกัดขัดขวางกระบวนการนิติบัญญัติในทุกขั้นตอน เว้นแต่ การตรวจสอบร่าง พ.ร.บ. ร่าง พ.ร.ป.ภายหลังจากผ่านรัฐสภาและก่อนทูลเกล้าฯ เท่านั้น </p>
<p>5. เสนอร่าง รธน แก้ไขเพิ่มเติม เปลี่ยนที่มาและองค์ประกอบศาลรัฐธรรมนูญ 6. เสนอร่าง รธน แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดให้สภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจถอดถอนศาลรัฐธรรมนูญได้ และ 7. เสนอร่าง รธน แก้ไขเพิ่มเติม ยกเลิกศาลรัฐธรรมนูญ และตั้งองค์กรอื่นทำหน้าที่พิทักษ์รัฐธรรมนูญแทน</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ข้อ 4 พรรคก้าวไกลต้องผลักดัน พ.ร.บ.ที่มีความแหลมคมต่อไป ไม่หวั่นยุบพรรค</span></h2>
<p>ปิยบุตร กล่าวว่า กล้าหาญผลักดันเสนอร่าง พ.ร.บ. อื่นๆ ที่แหลมคมเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร และอย่ากลัวเรื่องการยุบพรรคฯ ตัดสิทธิทางการเมืองจนไม่กล้าทำอะไร เอาตัวรอด หรือต่อให้รอดตอนนี้ อนาคตกลับมาทำอะไรที่แหลมคม เขาก็จัดการเราอยู่ดี การหมอบยอม ทำได้เพียงยืดลมหายใจและไปรอตายเอาดาบหน้าเท่านั้น
นอกจาก ร่าง พ.ร.บ.จำนวนมากที่พรรคก้าวไกลเสนอไว้ พรรคก้าวไกลอาจไปลองขบคิด พิจารณากันดูว่าจะเสนอร่าง พ.ร.บ.อื่นๆ ที่ช่วยแก้ไขปรับปรุงความเป็นประชาธิปไตย ให้สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เพิ่มเข้าไปอีก หรือไม่ เช่น พ.ร.บ.ยกเลิก พ.ร.ก.โอนกำลังพลฯ ร่าง พ.ร.บ.แก้ไข พ.ร.บ.ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ข้อเสนอเรื่องการจัดการบริหารพรรคฯ</span></h2>
<p>ปิยบุตร เสนอต่อในเรื่องการบริหารจัดการภายในพรรคการเมือง โดยข้อ 5 นั้นพรรคก้าวไกลต้องสร้างขวัญกำลังใจภายใน ก่อนหน้านี้ เขาได้รับทราบข่าวจาก สส.ในพรรคฯ หลายคนว่า ไม่ได้มีการเรียกประชุม เพื่อพูดคุยตระเตรียมทำความคิดในกรณีเกิดสถานการณ์เลวร้ายจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญไว้เลย มีแต่เพียงการขบคิดคนไม่กี่คน ไม่มีการแจ้งคนอื่นๆ และไม่มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน</p>
<p>นักวิชาการด้านกฎหมาย มองว่า แกนนำพรรคควรเรียกทุกหน่วย ทุกศูนย์ ของพรรค ประชุม เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ หลอมรวมความคิด แสดงความเห็นแลกเปลี่ยน ปลุกเร้าการต่อสู้ ไม่ปล่อยไปตามยถากรรมให้ สส. และพนักงานอยู่เฉยๆ และรอการตัดสินใจของคนไม่กี่คน ไม่ใช่แนวทางที่จะหลอมรวมความคิดและพลังได้ </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">สร้างการมีส่วนร่วมให้มากที่สุด ไม่ตัดสินใจด้วยคนหยิบมือ</span></h2>
<p>สุดท้าย ปิยบุตร เสนอต่อว่า พรรคการเมืองสร้างประชาธิปไตย และมีส่วนร่วมในพรรคฯ มิให้พรรคแตกแยก </p>
<p>อดีต สส.พรรคอนาคตใหม่ ระบุว่า สมัยก่อน การลงมติไม่อนุมัติ พ.ร.ก.โอนกำลังพลฯ เป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งภายในพรรคฯ ตอนนั้น เขาใช้เวลาในการหลอมรวมความคิดให้เป็นเอกภาพ โดยการประชุมถึง 4 ครั้ง ครั้งละไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง จนสุดท้ายมี ส.ส. 70 จาก 80 คน ลงมติไม่อนุมัติ ตามมติพรรคฯ </p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/4786/40108050204_0c72e13ce6_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">ปิยบุตร แสงกนกกุล ในวันเปิดตัวพรรคอนาคตใหม่</span></p>
<p>ปิยบุตร กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความขัดแย้งทางความคิดตามมา หลายคนไม่ต้องการไปต่อกับพรรคการเมือง หลายคนเริ่มกังวลเรื่องความปลอดภัย ก็แยกออกไปตามวิถีทาง</p>
<p>ปิยบุตร ระบุต่อว่า คาดการณ์ว่าประเด็นการเสนอร่างแก้ไขมาตรา 112 (แก้แบบ Lite Version ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญท้วงมา) ประเด็นการต่อสู้ในประเด็นแหลมคมต่อไป และจะกลายเป็นชนวนของความขัดแย้งทางความคิดรอบใหม่ อาจจะมีฝ่ายที่อยากให้หยุด ถอยก่อนรอเป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งปี 2570 หรือบางคนอาจจะเสนอให้เดินหน้าต่อไป ยันเพดานข้อเรียกร้องทางการเมืองเอาไว้ </p>
<p>ปิยบุตร มองว่า ต่างคนก็ต่างความคิด ไม่มีแบบไหนถูกหมด หรือผิดหมด คืออาจได้ หรืออาจเสีย และทุกคนรวมถึงโหวตเตอร์ก็มองเห็นต่างกันไป แต่ไม่ได้หมายความว่าเราควรปล่อยให้ใครไม่กี่คนประเมินตัดสินใจกันไป และคนที่เหลือต้องมารับผิดชอบร่วมกัน </p>
<p>ดังนั้น การประเมินในเรื่องนี้ที่ส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมาก กระทบองค์กรเช่นนี้ ควรสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมให้มากที่สุด ไม่ใช่แค่การเคาะกันไม่กี่คน และเมื่อผิดพลาดก็ไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ </p>
<p>สถานการณ์เช่นนี้ควรคุยกันอย่างตรงไปตรงมา เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นกันเต็มที่ และแสวงหามติร่วมกัน มีแต่วิธีแบบนี้ที่จะไม่ทำให้พรรคแตก </p>
<p>ปิยบุตร เสนอให้มีการเปิดโอกาสให้คนในพรรคได้มีการรวมกลุ่ม สร้างแนวทางของกลุ่ม แข่งขันกันระหว่างคนกลุ่มต่างๆ ว่าแนวทางไหนที่สมาชิกส่วนใหญ่เห็นด้วย ก็ให้ขึ้นนำพรรคการเมือง พาพรรคการเมืองไปตามแนวทาง และเมื่อหมดรอบหรือไม่สำเร็จ ก็พ้นไป ให้กลุ่มอื่นๆ ที่ได้รับความวางใจจากสมาชิกขึ้นมาต่อ </p>
<p>หากทำเช่นนี้ได้ นอกจากจะไม่ทำให้พรรคแตกแยกแล้ว ยังทำให้พรรคก้าวไกลกลายเป็นสถาบันทางการเมือง สอดคล้องกับพรรคการเมืองที่ควรเป็น มีการแข่งขันกันภายในพรรคว่าแนวทางแบบใดที่ครองอำนาจได้ในช่วงเวลาหนึ่ง และมีโอกาสเปลี่ยนแนวทางการนำได้เสมอ </p>
<p>อดีต สส.พรรคอนาคตใหม่ ระบุว่า ธรรมชาติของการเกิดขึ้นของพรรคแบบพรรคก้าวไกล ความเห็นแตกต่าง ไม่ได้ทำให้แตกแยก แต่ความเห็นที่มาจากการรวมเผด็จอำนาจของคนไม่กี่คนที่สั่งลงไป โดยไม่ให้คนอื่นๆ ได้โต้แย้งต่างหาก ที่จะกลายเป็นน้ำเดือดในการอวันระเบิด</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">อย่ามองโหวตเตอร์เป็นของตาย</span></h2>
<p>ปิยบุตร ทิ้งท้ายว่า เขายืนยันว่า เขาไม่มีอำนาจไปสั่งให้พรรคก้าวไกล ปฏิบัติตามได้ แต่หวังว่าอยากให้เสียงสะท้อนเหล่านี้ถึง สส.ของพรรค และผู้บริหารพรรคฯ</p>
<p>ปิยบุตร ระบุว่า เขาไม่อยากให้พรรคก้าวไกลมองโหวตเตอร์ หรือผู้สนับสนุนพรรคการเมืองเป็นของตาย และไม่ว่าเราจะทำอย่างไร ประชาชนก็จะตัดสินใจเลือกอยู่ดี เพราะว่าประชาชนไม่เหลือทางเลือก ซึ่งนี่ขัดกับเจตจำนงค์ที่ตั้งพรรคอนาคตใหม่ขึ้นมาแต่ทีแรก
"ผมไม่อยากเห็นพรรคก้าวไกล ...และคนในพรรคเพลิดเพลินกับกระแสสูง จนจมไม่ลง และเลิกคิดเปลี่ยนแปลง คิดแต่ว่าจะได้เป็น สส. เป็น รมต.เมื่อไร
"หากวันใดพรรคก้าวไกลและคณะนำพรรคคิดกันแบบนี้ ผมคงรู้สึกผิดบาป ต้องแสวงหาสิ่งเคารพส่วนตนสารภาพบาปว่าไม่น่าตั้งพรรคขึ้นมาเลย
"ทุกวันนี้ผมยังเชื่อมั่นพรรคและคนในพรรค ไว้วันไหนผมหมดศรัทธากับพรรคและคนในพรรค ผมคงดีลีต (ลบ) ได้ และไม่สนใจมันอีกเลย" ปิยบุตร ทิ้งท้าย</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2024/02/107912